Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-05-13 01:36:42

บทที่ 6 คำว่า หน้าที่

หยางมี่นั่งนิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ดวงตาของนางมองออกไปยังสวนด้านนอกที่เต็มไปด้วยดอกเหมยบานสะพรั่ง สายลมหนาวพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาแผ่วเบา ราวกับจะปลอบโยนหัวใจที่แตกร้าวของนาง แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่ค้างคาอยู่ในอกกลับไม่อาจถูกลบเลือน

ตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาบอกว่าจะรับอนุ หยางมี่ไม่อาจมองเขาด้วยสายตาเดิมได้อีกต่อไป

เสียงฝีเท้าของสาวใช้ที่เดินเข้ามาใกล้ ดึงนางกลับมาสู่ความจริง

“ฮูหยินเล็ก…เอ่อ ฮูหยินเล็กเจ้าคะ” สาวใช้เรียกขานนางด้วยความลังเล ดูเหมือนนางจะกลั้นใจอยู่นานกว่าจะกล้าพูดต่อ “ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งว่างานต้อนรับคุณหนูตระกูลซูจะมีขึ้นในอีกสามวันเจ้าค่ะ”

คำพูดนั้นเหมือนตอกย้ำบาดแผลในใจหยางมี่ นางไม่ได้ตอบในทันที แต่พยักหน้ารับช้า ๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเถิด”

สาวใช้รีบล่าถอยออกไป ทิ้งให้นางอยู่ลำพังในความเงียบอีกครั้ง

ตระกูลซู…

หญิงสาวจากตระกูลใหญ่ที่เพียบพร้อมไปทุกด้าน คนที่ท่านแม่สามีของนางกล่าวชมไม่ขาดปาก ว่าเป็นสตรีที่เหมาะสมกับจางกุนเหยา ยิ่งนึกถึงชื่อเสียงและคุณสมบัติอันไร้ที่ตินั้น หยางมี่ยิ่งรู้สึกว่าตนเองช่างตัวหดเล็กลงและไร้ค่าลงทุกที

“ท่านแม่…” นาง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 15

    บทที่ 15 พี่น้องต่างสายเลือดหนึ่งเดือนผ่านไป นับตั้งแต่หยางมี่เดินออกจากจวนตระกูลจาง ชีวิตใหม่ของนางเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบในเรือนเล็ก ๆ ท้ายเมือง แต่ความเงียบงันนั้นไม่อาจดับไฟแห่งความตั้งใจในใจของนางได้ นางมักคิดถึงสิ่งที่เว่ยเว่ยพูดว่าควรเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เริ่มต้นเช่นไรดีถึงจะหาเงินมาคืนเว่ยเว่ยได้“ข้าชอบรสมือเจ้า หากทำขาย ข้าว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า” มือบางตักผัดผักหมูสามชั้นเข้าปาก เป็นอีกวันที่เจียงซีเว่ยนั่งรถม้ามาอีกฝากของเมืองหลวงเพื่อมาฝากท้องกับแม่ครัวคนโปรดหยางมี่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อละเลียดฟังคำพูดของเจียงซีเว่ย นางขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”เจียงซีเว่ยวางตะเกียบลง ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ “ข้าหมายถึงเจ้าทำอาหารอร่อย หากเปิดร้านขายต้องขายดีแน่”หยางมี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ “อ้อ เช่นนั้นหรือ”“ใช่”“แต่ข้าไม่มีทุนเปิดร้าน”“หากเจ้าคิดจะเปิดร้านจริง ๆ ข้าจะออกทุนให้”หยางมี่เงียบไปครู่หนึ่ง ที่ให้มาคราวก่อนก็มากมายจนไม่รู้จะหาจากไหนมาใช้คืน “เจ้าทำไมต้องช่วยข้าขนาดนี้”เจียงซีเว่ยยกยิ้มเล็ก ๆ “เจ้าเป็นสหายเพียงคนเดียวของข้า และอีกอ

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 14

    บทที่ 14 พลิกแผ่นดินหาภรรยาเสียงฝีเท้ากระชั้นชิดดังสะท้อนอยู่ในโถงใหญ่ของจวนสกุลจาง บรรยากาศตึงเครียดและอึมครึมราวกับพายุที่ตั้งเค้าก่อนจะโหมกระหน่ำ ทุกผู้คนต่างไม่กล้าหายใจแรง เมื่อร่างสูงในอาภรณ์มงคลเต็มยศก้าวเข้ามา ดวงตาของเขาแดงก่ำ รัศมีรอบกายแผ่ไอสังหารจนเหล่าข้ารับใช้ตัวสั่นเทา“ฮูหยินเล็กอยู่ที่ไหน” คนทั้งคนจะหายไปได้อย่างไรน้ำเสียงทรงอำนาจของจางกุนเหยาดังก้องไปทั่วทั้งจวนบ่าวไพร่ต่างก้มหน้าหลบสายตาดุกร้าว ไม่มีใครกล้าตอบคำถามที่แม้แต่ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่คิดว่าจะถูกถามเช่นนี้หยางมี่หายตัวไปแล้ว…นางหายไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่มีใครรู้ว่านางออกจากจวนไปตอนไหน หรือเดินทางไปที่ใด สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงกล่องไม้เล็ก ๆ ที่ใส่เครื่องประดับทั้งหมดของนางวางทิ้งไว้บนโต๊ะ สินเดิมที่มีไม่มากตอนแต่งเข้ามานางก็ไม่หยิบติดตัวไป“ท่านแม่ ข้าถามอีกครั้งนางอยู่ที่ไหน!” จางกุนเหยากัดฟันแน่น น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ทว่าเบื้องลึกนั้นมีเพียงความร้อนรนกระวนกระวายที่ยากจะปิดบังจางหลัน ผู้เป็นมารดาที่เฝ้ามองเหตุการณ์มาโดยตลอด ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างเชื่องช้า ดวงตาของนางฉายแววเย้

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 13

    บทที่ 13 หวังดีหยางมี่นั่งอยู่ในโรงน้ำชาเล็ก ๆ ริมถนนสายหนึ่งนอกตัวเมือง นางคลายผ้าคลุมศีรษะออกเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าที่ดูอ่อนล้าแต่ยังคงความงดงาม สายตาของนางทอดมองออกไปยังถนนเบื้องหน้า ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะก้าวต่อไปอย่างไรในชีวิตใหม่“มี่เอ๋อร์” หยางมี่สะดุ้งจนสุดตัว แต่เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันไปมองและต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ใบหน้าของนางยิ้มแย้มและดวงตาคมกริบ ไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่มีลักษณะรูปลักษณ์เช่นนี้ที่นางรู้จัก “เว่ยเว่ย…” หยางมี่เอ่ยชื่อออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ท่านแม่ทัพปล่อยภรรยาที่หวงแหนออกมาข้างนอกคนเดียว เป็นไปได้หรือเจียงซีเว่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามนาง “ข้าต่างหากที่ควรถามว่าเจ้าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ในสภาพที่ดูเหมือนคนหนีอะไรบางอย่าง เจ้าหนีอะไรอยู่หรือมี่เอ๋อร์”หยางมี่นิ่งไปสักพัก ก่อนจะหลุบตามองถ้วยชาตรงหน้า “ข้าตัดสินใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ข้าไม่ต้องการอยู่ในที่ที่ไม่มีที่สำหรับข้าอีกต่อไป”เจียงซีเว่ยถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าคิดจะเริ่มต้นใหม่ด้วยการหนีอย่างนั้

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 12

    บทที่ 12 นางหายไป ในเช้าวันหนึ่งที่สายหมอกปกคลุมไปทั่วจวน ผู้คนในจวนสกุลจางต่างพากันยุ่งอยู่กับงานของตน อีกไม่กี่ชั่วยามขบวนเจ้าสาวก็จะมาถึงแล้ว จนกระทั่งสาวใช้คนสนิทของหยางมี่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในเรือนใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก“ฮูหยิน…ฮูหยินเล็กหายไปเจ้าค่ะ!”คำพูดนั้นทำให้จางกุนเหยาที่กำลังตรวจความเรียบร้อยของงานอยู่ในห้องโถงหยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “เจ้าว่าอะไรนะ”สาวใช้ทรุดตัวลงกับพื้น น้ำเสียงของนางสั่นเครือ “ข้าหาไปทั่วเรือนแล้วเจ้าค่ะ แต่ไม่พบฮูหยินเล็กเลย แม้แต่ห้องของนางก็ว่างเปล่า ข้า…ข้ากลัวว่านางจะไปแล้ว…”คำว่า ‘ไปแล้ว’ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจ จางกุนเหยาวางทุกสิ่งลงทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้นและออกจากเรือนใหญ่ เขาเดินตรงไปยังเรือนนอนของหยางมี่ ประตูห้องเปิดอยู่เพียงครึ่ง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด ราวกับกลัวว่าจะเห็นความว่างเปล่าที่เขาคาดคิดเมื่อเข้าไปในห้อง ภายในนั้นไม่มีร่องรอยของนางเลย ข้าวของสำคัญของหยางมี่หายไปบางส่วน บนโต๊ะเขียนหนังสือที่นางเคยใช้ ยังมีเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 11

    บทที่ 11 ไม่หย่า รุ่งอรุณที่ควรอบอุ่นกลับเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ หยางมี่นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะในห้องโถง สีหน้าของนางสงบนิ่ง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความอึดอัดราวกับถูกกดทับ ทุกสิ่งรอบกายเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ไม่เป็นจังหวะของตัวเองจางกุนเหยาเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก ทั้งเย็นชาและแน่วแน่เหมือนคนที่ตัดสินใจบางสิ่งไว้แล้ว เขาหยุดอยู่ตรงหน้านาง วางเอกสารหย่าที่เขียนด้วยลายมือของหยางมี่ลงบนโต๊ะ ก่อนจะจ้องมองนางด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง“มี่เอ๋อร์” เขาเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าจะไม่ลงนามหนังสือหย่านี้” หลังจากเมื่อวาน เขาคิดว่านางเพียงประชดประชัน ไม่คิดว่าจะถึงขั้นเตรียมหนังสือหย่าเอาไว้เช่นนี้คำพูดนั้นทำให้หยางมี่เงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไม ท่านพี่…ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าเหนื่อย เหตุใดท่านถึงไม่ปล่อยมือจากข้าเสียที”จางกุนเหยาเม้มริมฝีปากแน่น เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เพราะข้าจะไม่ยอมให้เจ้าจากข้าไป ข้ารู้ว่าทำผิดพลาดกับเจ้าไปมากมาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะยอมปล่อยให้เจ้าหายไปจากชีวิตข้า”หยางมี่ขมวดคิ้ว สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็ก

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 10 หนังสือหย่า

    บทที่ 10 หนังสือหย่า เสียงฝนที่ตกกระหน่ำทั้งคืนเริ่มเบาบางลงในยามรุ่งสาง ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้นด้วยแสงแรกของวันใหม่ ทว่าในใจของหยางมี่ยังคงมืดมน นางลุกขึ้นจากเตียงหลังจากที่ไม่ได้ข่มตานอนแม้แต่น้อยวันนี้เป็นวันที่ทุกคนในจวนตระกูลจางเตรียมงานแต่งเข้าจวนของ ‘ว่าที่อนุ’ หญิงสาวที่บิดาของจางกุนเหยาเลือกไว้ให้ เขาไม่ได้บอกนางถึงรายละเอียด แต่ข่าวลือในจวนก็แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วนางก้าวออกจากเรือนด้วยสีหน้าสงบนิ่ง หยางมี่ในยามนี้ไม่ใช่หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในรักอีกต่อไป นางเดินไปยังศาลาหลังเล็กในสวนที่นางชอบมานั่งเพื่อสงบจิตใจ บัดนี้ มันกลับกลายเป็นที่ที่นางรู้สึกว่าปลอดภัยที่สุดแต่ทันทีที่ก้าวเข้าสู่เขตศาลา นางก็ต้องชะงักเมื่อพบจางกุนเหยานั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาหันมามองนางทันทีที่เห็น เงาสีเข้มจากดวงตาของเขาสะท้อนความรู้สึกเหนื่อยล้า“มี่เอ๋อร์” เขาเอ่ยชื่อของนางด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่หยางมี่กลับรู้สึกว่ามันเป็นเพียงเสียงที่กำลังจะล่อลวงให้นางตกลงไปในวังวนรักเขาอีก“ท่านมาที่นี่ทำไม” นางถาม เสียงของนางราบเรียบ ไม่มีความอบอุ่นหรือความคาดหวังใด ๆเขาลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้ามาใกล

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 9 เราไม่รักกันตอนไหน

    บทที่ 9 เราไม่รักกันตอนไหน สายลมหนาวพัดผ่านสวนกุหลาบที่หยางมี่เคยโปรดปราน กลีบกุหลาบสีแดงสดที่เคยสะท้อนความหวานชื่นของวันวาน บัดนี้กลับดูเหมือนจะซีดจางลงในสายตาของนาง นางยืนอยู่ท่ามกลางสวนนี้ แต่หัวใจกลับรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในความว่างเปล่าสวนกุหลาบที่เคยอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมและความสุข บัดนี้มีเพียงสายลมหนาวพัดผ่าน และเสียงหัวใจของนางที่กำลังแตกสลายอยู่เงียบ ๆดวงตาคู่สวยมองออกไปยังสวนด้านนอกที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความทรงจำอันงดงาม ท้องฟ้ายามบ่ายหม่นหมองเหมือนหัวใจของนาง นางถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเหตุใดทุกอย่างจึงกลายเป็นเช่นนี้เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบื้องหลัง จางกุนเหยาเดินเข้ามาช้า ๆ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงมองแผ่นหลังของนางที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า แววตาของเขาสะท้อนความเจ็บปวดไม่ต่างจากนางในตอนนี้ หยางมี่หันมาช้า ๆ สายตาของนางสงบนิ่ง แต่ไร้แววแห่งความอบอุ่นใด ๆ ส่งมาอย่างเช่นเคย“ท่านพี่ เราไม่รักกันตอนไหน” นางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของนางเรียบง่าย แต่คำถามนั้นกลับเฉือนลึกไปถึงหัวใจของเขา เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “มี่เอ๋อร์…ข้าไม่ได้อยากให้เ

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 8 ความอัดอั้น

    บทที่ 8 ความอัดอั้น จางกุนเหยาพรูลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้แกะสลักภายในเรือนหนังสือ ยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ งานที่ค่ายทหารรัดตัวจนแทบไม่มีเวลาให้หายใจ เขาต้องรับผิดชอบงานของแม่ทัพอี้หยางเฉิงที่ลาพักอยู่กับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ กลับมาบ้านก็ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากมารดาเรื่องทายาททายาทสืบสกุลความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขารู้ว่าหยางมี่ไม่ผิด แต่น้ำเสียงของมารดาที่กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างเคร่งเครียด ทำให้เขากดดันมากขึ้นทุกวันตอนที่นางยังอยู่จวนสกุลหยาง มารดาของเขาทั้งสงสารและเอ็นดูนาง นางเป็นเด็กหญิงที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางแรงกดดัน ถูกพี่น้องกดขี่เพราะเป็นเพียงบุตรสาวจากอนุ เขาจำได้ว่ามารดาของเขาเคยเช็ดน้ำตาให้นาง เอ่ยปลอบโยนและให้สัญญาว่าจะปกป้องนางจากพวกพี่สาวของนางแต่เมื่อถึงเวลาที่เขาบอกว่าจะขอนางแต่งงานเป็นฮูหยินเอก มารดากลับคัดค้านหัวชนฝา เพราะนางไม่มีศักดิ์ฐานะที่เหมาะสมหากไม่ใช่เพราะเขารับปากว่าจะมีหลานให้ท่านอุ้มหลาย ๆ คน บางทีงานแต่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ล่ะ“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจอีกครั้งภรรยาของเขาไม่ได้แสดงท่าทีต่อต

  • วสันต์ค่อยๆเลือนหายไป   บทที่ 7

    บทที่ 7 ใจของข้าด้านชาเสียแล้วหยางมี่เลือกที่จะเดินกลับไปที่เรือนนอนของตน ที่แห่งนี้เป็นเพียงที่เดียวในจวนที่นางพอจะซ่อนตัวได้ แม้จะไม่สามารถปิดกั้นความเจ็บปวดในใจ แต่ก็ช่วยให้นางหลบพ้นจากสายตาของผู้คนได้ชั่วคราว นางเพียงเดินเงียบ ๆ ในความมืด ดวงตาทอดมองตรงออกไปด้านหน้าอย่างว่างเปล่า แสงจันทร์ส่องกระทบพื้นราวกับต้องการปลอบโยนให้นางหายเศร้าแต่คงเป็นไปไม่ได้มือบอบบางยกขึ้นจับสร้อยหยกเส้นเล็กที่ห้อยอยู่ตรงลำคอ มันเป็นสิ่งเดียวที่จางกุนเหยามอบให้ในวันแต่งงาน พร้อมคำสัญญาว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งนาง ความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับมาราวกับสายลมเย็นที่พัดผ่าน นางเคยเชื่ออย่างหมดหัวใจว่าเขาคือทุกสิ่งที่นางมี แต่วันนี้ทุกอย่างกลับพังทลายลงตรงหน้านางหยุดเดินเมื่อถึงหน้าประตูเรือน เสียงใบไม้ตกกระทบหลังคาก้องอยู่ในโสตประสาท กลุ่มเมฆหมอกบนท้องฟ้าตั้งเค้า ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาในค่ำคืนอันเงียบสงัด หยางมี่เดินช้า ๆ จนถึงหน้าประตูเรือนนอน ลมหายใจของนางหนักอึ้งในอก แม้ร่างกายจะดูสงบนิ่ง แต่จิตใจของนางกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไร้คำตอบข้าไม่มีค่าพอให้ท่านมีข้าเพียงผู้เดียวอีกหรือความรักที่ข้าทุ่มเทมาทั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status