ไม่แน่ใจว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจะสามารถใช้บรรยายความซวยของมนุษยชาติในเวลานี้ได้หรือเปล่าล้วนไม่มีใครรู้ เมื่อรู้ตัวอีกทีหลายพื้นที่บนโลกก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์วันสิ้นโลกที่เคยโด่งดังเรื่องหนึ่ง
มันเริ่มจากโรคติดต่อร้ายแรงที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการจนเชื้อในร่างกายตายหมดเท่านั้น ซึ่งผ่านมาเกือบสองปีก็ยังไม่มีประเทศไหนคิดค้นวัคซีนที่จะทำให้หายขาดหรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้เลย
นานวันเข้าก็เริ่มมีผู้คนล้มตายมากขึ้น จากประชากรเกือบ 5 พันล้านคนทั่วโลก ถูกประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1 ใน 5
หลายครัวเรือนเริ่มกักตุนอาหาร ร้านขายของชำปิดให้บริการ ราคาอาหารแห้งแพงยิ่งกว่าทอง นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญไม่มีใครหลีกเลี่ยง
แต่แค่นั้นมันยังน้อยเกินไป
วันที่ xx เดือน xx ค.ศ. xxxx
องค์การ xx ระบุว่ามีอุกกาบาตขนาดใหญ่กำลังจะพุ่งชนมายังโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสร้างความเสียหายไม่ต่างจากหลายล้านปีก่อนที่เป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
ยังดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปมาก มนุษย์รู้ตัวเร็วทำให้พอมีเวลาหาหนทางกำจัดภัยร้ายนี้ได้ก่อนมาถึงโลก แต่ใครจะรู้ว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดทำได้เพียงสร้างรอยขีดข่วนให้มันเท่านั้น เวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ บีบคั้นให้ทุกคนลงความเห็นให้เบี่ยงมันออกไปจากวงโคจรเดิม อาจมีเศษซากอุกกาบาตหล่นลงมาบนพื้นโลกบ้าง แต่ก็ยังดีกว่ามันพุ่งชนมาทั้งก้อน
ปฏิบัติการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศทั่วโลก เป็นข่าวโด่งดังยิ่งกว่าโรคระบาดเสียอีก แม้แต่ประเทศที่ไม่ชอบหน้ากันยังหันมาจับมือผลิตอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงเพียงพอที่จะทำให้เกิดแรงระเบิดมหาศาล และผลักหินก้อนยักษ์ให้ห่างจากจุดหมายของมันให้มากที่สุด
ค่ำคืนนั้นผู้คนที่เคยหลบลี้หนีหน้ากันเพราะโรคระบาดต่างมายืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน เฝ้ารอฝนดาวตกหรือสะเก็ดอุกกาบาตจากการปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งยิ่งใหญ่ โดยคราวนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่การทำลาย
หากสำเร็จทุกคนบนโลกจะรอดชีวิตไปอีกหลายล้านปี แต่ถ้าไม่… คงเป็นการรีเซตโลกใบนี้ใหม่ไม่ต่างจากยุคดึกดำบรรพ์
จรวดบรรทุกขีปนาวุธจะถึงอุกกาบาตยักษ์ในอีก
...3
...2
...1
ตูม!
ท้องฟ้ามืดมิดพลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าราวกับเที่ยงวัน ก่อนฝนดาวตกจำนวนมากจะพากันวิ่งตัดผ่านขอบฟ้าเป็นริ้ว ๆ โทรทัศน์ถ่ายทอดสดรายงานว่าวิถีของอุกกาบาตถูกเหวี่ยงให้พ้นจากวงโคจรของดาวโลกแล้ว ปฏิบัติการเบี่ยงทิศอุกกาบาตสำเร็จไปได้ด้วยดี หลายพื้นที่ต่างพากันเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้แม้จะเป็นการฉลองแค่เพียงในบ้านก็ตาม
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหม
แน่นอนว่าไม่ใช่
พ้นจากเคราะห์กรรมนอกโลกก็หันกลับมาผจญกับโรคระบาดต่อ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันต่อวันแทบจะเป็นหลักพันต่อหนึ่งหมื่นคน
“เฮ้อ เมื่อไหร่จะพ้นช่วงนี้ไปสักทีนะ” เฉินเฟิงวางมือจากพืชสวนไร่นาที่กำลังทำอยู่แล้วไปนั่งพักที่แคร่หน้าบ้าน
วันนี้ปลุกผักได้เยอะทีเดียว นึกเอ่ยชมตัวเองในใจ
ช่วงแรกแค่จับจอบขุดได้แค่ไม่กี่หลุมมือก็พองไปหมด
เฉินเฟิงเป็นลูกครึ่ง แค่ชื่อก็บอกภูมิลำเนาถิ่นเกิดของบรรพบุรุษได้ดี ก่อนหน้านี้ไม่นานนักบิดามารดาของเขาเดินทางไปประเทศ C เพื่อไปร่วมฟังพินัยกรรมของคุณปู่ แต่ใครเล่าจะรู้ว่านั่นจะทำให้ทั้งสองคนติดเชื้อโรคระบาดจากการเดินทาง ทำการรักษาอยู่ไม่กี่วันก็สิ้นใจ ทางญาติพี่น้องตระกูลเฉินจึงติดต่อให้เขามาดูศพและจัดการเรื่องพินัยกรรมที่ยังคงค้างคาไม่ได้ข้อยุติ
ก่อนเดินทางไปประเทศ C เฉินเฟิงใจสลายแค่ไหนไม่มีใครรู้ กระทั่งญาติผู้ใหญ่ที่คิดว่าเป็นพี่น้องของพ่อก็ไม่ได้สนใจไยดีกับการจากไปของสายเลือดร่วมอุทร เอาแต่พูดว่าในเมื่อพ่อของเขาก็ไม่อยู่แล้ว มรดกในส่วนนี้ก็ควรเป็นของคนพี่น้องคนอื่นเพราะตัวเขานั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนในตระกูล และข้ออ้างอีกมากมายที่คนเหล่านั้นนำมากรอกใส่สมองตลอดเวลาที่อยู่ประเทศนั้น
ชายหนุ่มไม่ได้เสียดายมรดกหลายร้อยล้านของปู่ เขาแค่เสียใจที่คนในตระกูลนั้นไม่มีใครสักคนที่แสดงความเสียใจกับการจากไปของครอบครัวเขาเลย
หลังจากติดต่อเรื่องพิธีศพกับทางโรงพยาบาลเขาก็ไม่มีอารมณ์อยู่ในประเทศ C อีก จองตั๋วบินตรงกับประเทศบ้านเกิดแทบจะทันที และแน่นอนว่าช่วงโรคระบาดแบบนี้เฉินเฟิงต้องโดนกักตัวและตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมกำชับว่าให้กักตัวอยู่บ้านจนพ้นระยะฟักตัวของเชื้อก่อนถึงจะออกจากบ้านได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขามาจับจอบขุดดินถางหญ้า หว่านเมล็ดผักลงแปลงในเวลานี้ ห้าวันก่อนเขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องของพ่อกับแม่ สัมผัสความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ในห้องนั้นไม่ขยับไปไหน วาระสุดท้ายของพวกท่าน เขาไม่มีแม้แต่โอกาสได้บอกลา แค่จะรับตัวกลับมาทำพิธีศพยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเนื่องจากเป็นนโยบายป้องกันโรค พ่อกับแม่คงต้องถูกฝังรวมกับผู้เสียชีวิตรายอื่นอีกเป็นล้านคนในหลุมเดียวกัน ฟังดูแย่ แต่ถ้าปรับมุมมองใหม่ก็สามารถคิดไปได้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ไปกันแค่สองคน แต่มีเพื่อนร่วมเดินทางไปโลกหลังความตายเยอะแยะจนจำชื่อไม่หมด
และเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้จึงต้องลุกมาหาอะไรทำ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังอยู่ในสถานะตกงานร้านที่ทำอยู่ต้องปิดกิจการจากพิษเศรษฐกิจ เฉินเฟิงรู้สึกเคว้งคว้างจึงอยากลองลงทุนกับพวกงานเกษตรกรรมภายในบ้าน เผื่อเป็นลู่ทางทำมาหากินในอนาคต
ขายไม่ได้ก็กินเอง อย่างน้อยก็คงไม่อดตาย
ชายหนุ่มจัดการนำเงินประกันของพ่อกับแม่มาต่อเติมบ้านและล้อมรั้วกำแพงเอาไว้ ถึงจะอยู่ชานเมืองแต่ช่วงวิกฤตแบบนี้โจรขโมยคงชุกชุมไม่น้อย ทั้งยังกักตุนอาหารเพราะไม่รู้จะมีประกาศเคอร์ฟิวเมื่อไหร่
แต่ใครจะคิดว่ามันจะวิกฤตได้มากกว่านี้อีกกัน
[ ประกาศฉุกเฉิน ขณะนี้ขอให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน ห้ามออกมาด้านนอกที่พักอาศัยเด็ดขาด ย้ำ! ห้ามออกมาด้านนอกที่พักอาศัยเด็ดขาด! ]
อยู่ ๆ ทหารก็ออกมาประกาศให้ประชาชนอยู่บ้านโดยไม่แจ้งเหตุผลประกอบ สร้างความตื่นตระหนกในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ปกติชนบทก็ไม่ค่อยมีข่าวสารส่งมาถึงรวดเร็วเท่าในเมืองอยู่แล้ว แทนที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้านทุกคนพากันออกไปตุนอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อให้โดนพ่อค้าแม่ค้าโกงราคาก็ไม่เกี่ยง ขอให้ปากท้องไม่ว่างก็เพียงพอ
เฉินเฟิงเองก็ตั้งใจจะออกไปซื้อพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเก็บไว้ แต่คิดได้ว่าตอนโรคระบาดเริ่มใหม่ ๆ ผู้คนล้วนเลือกที่จะไปจับจ่ายซื้อของตามห้างสรรสินค้า หรือร้านค้าปลีกรายใหญ่ ทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มไม่อยากไปเสี่ยงจึงได้เปลี่ยนใจไปซื้อตามร้านขายของชำในหมู่บ้านแทน แต่ก็ได้มาไม่มากเพราะบางร้านก็เริ่มเก็บของไว้ใช้เอง
“ขอโทษนะอาเฟิง ยายขายให้ได้เท่านี้จริง ๆ” คุณยายร้านขายของชำห่ออาหารแห้งส่งให้
“ไม่เป็นไรครับ ได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว” บางร้านไม่ยอมขายให้เขาด้วยซ้ำ
“อาเฟิงได้ข่าวอะไรบ้างไหม ทำไมถึงมีประกาศจากทหารได้”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ อาจจะมีคนติดโรคระบาดเพิ่มขึ้นก็ได้”
“นี่หลานชายยายที่อยู่ในตัวจังหวัดก็ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ลูกชายยายจะไปหาก็เป็นห่วง กลัวยายอยู่บ้านคนเดียว” คุณยายถอนหายใจเสียงดัง เป็นห่วงหลานชายและลูกสะใภ้ของตนมาก
จะว่าไปช่วงหลังมานี้โทรศัพท์เริ่มใช้การไม่ได้ แต่เพราะเป็นหมู่บ้านชนบทที่ไม่ได้มีสัญญาณดีอยู่แล้ว ทุกคนก็เลยคิดว่ามันไม่มีอะไร ขนาดเด็กที่ต้องเรียนออนไลน์ยังต้องวิ่งไปหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตตามภูเขาเลย
โทรทัศน์เองก็มีแต่ประกาศอะไรก็ไม่รู้ซ้ำไปซ้ำมา มองดูแล้วเหมือนเป็นเทปวิดีโอที่ตั้งเวลาให้เปิดมากกว่า เขาจึงเลือกปิดมันไปเสีย
เปลืองไฟ...
เฉินเฟิงคุยกับคุณยายอีกเล็กน้อยก็ขอตัวกลับบ้าน เย็นนี้เขาตั้งใจจะไปตลาดสดซื้อเนื้อกลับมาบ้านมากหน่อย
หรือเขาควรซื้อตู้แช่มาเพิ่ม?
อย่าดีกว่า... ถึงอาหารจะจำเป็นแต่มีเงินก้อนเก็บไว้บ้างจะดีกว่า อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน เกิดเขากว้านซื้อทุกอย่างจนเงินหมดบัญชี แล้วหลังโรคระบาดจะลงทุนทำร้านหรืออะไรสักอย่างคงต้องไปกู้หนี้ยืมสินให้เป็นหนี้อีก
เย็นวันนั้นเฉินเฟิงไปตลาดนัดตามที่ตั้งใจไว้ แม้ทหารจะออกมาประกาศให้อยู่แต่ในบ้าน แต่ก็มีพ่อค้า แม่ค้าบางส่วนฝ่าฝืนประกาศออกมาตั้งแผงขายของ หวังระบายของสดที่มีออกไปบ้าง ได้กำไรนิดหน่อยก็ยังดี
ความตั้งใจที่จะซื้อของแค่เล็กน้อยเป็นอันต้องปัดตกไป เขาดันใจอ่อนช่วยลุง ๆ ป้า ๆ ซื้อหมูซื้อไก่มาสิบกิโลกว่า
“หนักโว้ย” แล้วก็มาเป็นภาระตอนขนกลับบ้าน ตะกร้าหลังรถจักรยานไม่พอใส่จนต้องแขวนไว้ที่แฮนด์จักรยานทั้งสองข้างเพื่อถ่วงน้ำหนัก
กรรร…
ในขณะที่กำลังบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสา กลับมีเสียงคำรามต่ำในลำคอของสัตว์ป่าดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดของถนนลูกรัง เฉินเฟิงไม่ได้จอดจักรยาน ขายาวกลับเร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเขาแค่หูแว่วไปหรือมีสัตว์ร้ายอยู่แถวนี้จริง
ฟุ่บ
เอี๊ยดดด!
“เหวอ!”
เพราะมัวแต่ระแวงข้างทางจึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาสิ่งมีชีวิตด้านหลังที่พุ่งมาคว้าตะกร้าที่บรรจุเนื้อสิบกิโลกว่าไว้
แรงมหาศาลฉุดกระชากส่งให้เชือกที่มัดตะกร้ายึดกับจักรยานขาดออกจากกัน
ดีที่ตั้งสติได้เร็ว ยันเท้าลงกับพื้นทันพอตั้งตัวได้ไม่ให้ล้มไปทั้งคนทั้งจักรยาน ชายหนุ่มหัวเสียหนักรีบหันกลับไปมองด้านหลัง
“นั่นมัน... อะไร” ลำคอเรียวเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับภาพที่เห็น
แม้เวลาจะค่อนไปทางเกือบมืดแต่ก็พอมีแสงโพล้เพล้ให้ได้เห็นราง ๆ ว่าสิ่งที่กำลังหยิบเนื้อในถุงเข้าปากสด ๆ ราวกับเป็นอาหารอันโอชะอยู่นั่นคือมนุษย์
“เชี่ยไรวะเนี่ย”
กรรร…
ดวงตาที่ควรจะมีจุดดำกลับขึ้นฝ้าสีขาว มันหันมามองเขาแล้วส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ รูปลักษณ์นั้นเหมือนกับซอมบี้ที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไม่มีผิด
“ไวรัสกลายพันธุ์เหรอวะ แม่งเอ๊ย!“ แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่รอให้ตัวเองเป็นเหยื่อรายต่อไป รีบใส่เกียร์หมาปั่นจักรยานสุดชีวิต
แม่งเอ๊ย ๆ ๆ ไอ้ตัวนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดใช่ไหม
หรือจะเป็นรายการแอบถ่ายสักรายการ?
จะอะไรก็ช่างหนีก่อนแล้วกัน!
ชายหนุ่มไม่สนใจรอบข้างอีกแล้ว คราวนี้เขาปั่นหน้าตั้งมุ่งกลับบ้าน ไม่สนว่าจะมีใครทักถามอะไรทั้งนั้นด้วยกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่เพื่อนบ้านที่เขารู้จักอีกต่อไป
“แฮ่ก ๆ”
ร่างโปร่งพาตัวเองและจักรยานล้มโครมทันทีที่ผ่านเข้ามาในรั้วบ้าน เฉินเฟิงรีบลุกไปปิดประตูรั้ว ตั้งแต่ต่อเติมรั้วบ้าน เขาก็ไม่เคยปิดประตูเลยสักครั้งแม้แต่เวลานอน มาวันนี้รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีมัน
เพียะ!
ฝ่ามือหยาบกระทบใบหน้าสร้างความปวดร้าวปนแสบร้อนไปครึ่งหน้า ภายในปากได้กลิ่นสนิมรวมถึงรสขมปร่าที่ปลายลิ้น
เจ็บ…
ไม่ใช่ความฝัน
ฉิบหายแล้วแม่งเอ๊ย!
นี่มันอะไรกันวะ!!
“คุยแต่เรื่องซีรีส์ไม่ก็พวกหนังฆาตกรรมสยองขวัญที่เข้าฉายก่อนวันสิ้นโลก แถมเป็นพวกสายโซเชียลเหมือนกันก็เลยค่อนข้างมีเรื่องคุยเยอะ” ผิดกับเขาที่ชอบดูพวกสตรีมเมอร์หรือไม่ก็เล่นเกมออนไลน์มากกว่า จึงไม่ค่อยเข้าใจคำสแลงที่มีความหมายยาก ๆ ที่ทั้งสองคนใช้พูดคุยตลอดการเดินทาง“ก็ทำตัวสมกับเป็นวัยรุ่นดี” โจเซฟไม่ได้ออกความเห็นหากทั้งสองคนจะสนิทกัน เหมือนไอซ์จะปรับปรุงทัศนคติและความคิดของตัวเองได้บ้างแล้ว ส่วนเลวี่ถึงจะมีทีโอที่เคยเป็นรูมเมตอยู่ในกลุ่มด้วย แต่เพราะความรู้สึกที่มีให้กันนั้นเป็นไปในลักษณะของการชอบพอ ย่อมต้องมีเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับอีกฝ่ายได้ หากมีคนให้ปรับทุกข์เรื่องส่วนตัวหรือแม้แต่เรื่องของทีโอก็คงจะดีไม่น้อย“ก็ไม่ได้ว่าอะไร…” ปากบอกไม่ว่าอะไร แต่น้ำเสียงกลับเบาลง ทั้งยังก้มหน้า ใช้เท้าเขี่ยหิมะเล่นราวกับเด็กน้อย ที่ถูกเพื่อนหยิบของเล่นที่ตนถูกใจไปแล้วทำอะไรไม่ได้“อะไรกัน เหงาเหรอเจ้าหนูทีโอ” โจเซฟแกล้งแหย่“ไม่ได้เหงาสักหน่อย หมอนั่นมีเพื่อนเพิ่มก็ดีแล้ว จะได้บ่นผมน้อยลง” คนปากแข็งยังคงง้างเท่าไรก็ง้างลำบากอยู่วันยังค่ำ แม้จะเริ่มสำรวจท่าทีของเลวี่มากขึ้น แต่ความไม่กล้าที่บ
พวกเขาเลือกที่จะจอดรถห่างจากหมู่บ้านครูเมตตาไปประมาณ 3 กิโลเมตร ให้พ้นระยะการได้ยินของมนุษย์กลายพันธุ์ พอเช็กว่าไม่มีคนหรือสัตว์ประหลาดอยู่ในละแวกนี้ถึงค่อยยอมให้ไอซ์ใช้พลังนำปลานกกระจอกออกมาจากมิติ จากนั้นดาริณีก็นำเชือกท้ายรถมาผูกปลาทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วเดินลากมันไปยังทางเข้าหมู่บ้านด้วยตัวคนเดียว คนที่เหลือก็ช่วยกันกรุยทางไม่ให้หญิงสาวเดินลำบากวิทย์ตกใจแทบตายเมื่อเปิดประตูมาแล้วเจอสมาชิกในทีมของโจเซฟลากสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ติดมือกลับมาด้วย หลังจากพิจารณากันอยู่ครู่หนึ่งวิทย์ก็ขอให้ลากปลาพวกนี้ไปวางไว้ที่สนามหญ้าหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยความใหญ่โตใกล้เคียงกับรถบรรทุกขนาดเล็กของปลาบินทั้งสองตัว ย่อมดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ในบ้านได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็พยายามมาด้อม ๆ มอง ๆ เผื่อจะได้รับส่วนแบ่งมาสักคำสองคำเช่นกันเนื่องจากคนในค่ายของวิทย์นั้นมีเพิ่มมาพอสมควร อีกทั้งเด็กน้อยทั้งหลายก็ยังอยู่ในวัยกำลังโต ปลา 1 ตัวโดยไม่ตัดแบ่งสักส่วนจึงตกเป็นของหมู่บ้านครูเมตตาไปโดยปริยายจากนั้นก็ขอให้ไอซ์อยู่ที่บ้านครูเมตตาก่อนสักวันสองวัน พวกเขายังมีธุระที่ต้องไปต่อ ซึ่งไอซ์ก็ไม่ได
ช่วงที่มีโรคระบาดนอกจากเชื้อไวรัสแล้ว สิ่งแปลกปลอมที่เรารับเข้ามาในร่างกายก็มีแค่วัคซีนที่รัฐบาลแจกจ่ายเท่านั้น“ถ้าใช่จริงเขาก็คงอยากจะยกระดับมนุษย์ให้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งล่ะมั้ง” โจเซฟไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่มีคนบางกลุ่มคิดว่าพวกเขาเป็นหนูทดลองในกรงสีน้ำเงินใบนี้ “หรือตีความอีกอย่าง… คงมีคนหวังให้โลกวุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่มาตั้งแต่แรก”“มีแต่เรื่องน่าปวดหัวทั้งนั้นเลย” เฉินเฟิงยกมือปิดตาแหงนคอพิงกับพนักโซฟา รู้สึกอ่อนล้าไปทั้งกายและใจ วันสิ้นโลกที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว“เหมือนการรีเซตโลกใหม่” ทำลายระบบของมนุษย์ให้สิ้นซาก ให้สัตว์กลับมามีอำนาจปกครองถิ่นของตนอย่างที่เคยเป็นเมื่อครั้งอดีตกาล แบ่งพื้นที่อยู่อาศัยกันให้พอดีกับความต้องการ ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะคุ้มได้ก่อนทีจะมองหาทรัพยากรชิ้นใหม่“...” สิงหาเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาย่อมเข้าใจดีว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นสำคัญมากแค่ไหน ปัญหาก่อนหน้านี้อาจไม่ได้ส่งผลกระทบในยุคสมัยของพวกเขามากนัก แต่คนที่จะรับกรรมก็คือเด็กรุ่นหลังที่ถูกผู้ใหญ่ถลุงทรัพยากรไปอย่างละโมบโลภมากการที่โลกร้
“ตอนที่ผมยังเด็กและเป็นแค่นักหัดวิจัยโนเนมเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน มีโครงการหนึ่งที่โด่งดังมากในวงการนักวิทยาศาสตร์ เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนโดยเฉพาะ... พวกคุณรู้จักคำว่าโลกร้อนใช่ไหมครับ” สิงหาหันมาถามแขกก่อน เขาเคยได้ยินว่าชาวบ้านบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกร้อนคืออะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าการกระทำของตนเองนั้นทำร้ายโลกที่เราอาศัยอยู่ไปมากน้อยแค่ไหน“เคยได้ยินสิ” มีการรณรงค์อยู่ทั่วทุกที่ ขอแค่เป็นคนที่อยู่ในโลกโซเชียลต้องมีผ่านตาสักครั้งแน่นอน“เพราะกิจกรรมในแต่ละวันของมนุษย์นั้นส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อโลกเพิ่มมากขึ้นในระดับที่เรียกได้ว่ามหาศาล พวกคุณคงเคยได้ยินเรื่องธารน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลาย ทำให้แบคทีเรียที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายล้านปีก่อนกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งใช่ไหมครับ นั่นนับเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความตระหนกให้กับพวกเรานักวิจัยเป็นอย่างมากโครงการที่กล่าวมาจึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับอนาคต ผมไม่รู้รายละเอียดเชิงลึกมากนัก รู้แค่ว่าหลังจากที่มีการคัดนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งไปเข้าร่วมการประชุมที่ต่างประเทศ เมื่อพวกเขากลับมาก็ไม่ได้ออกมาเผยแพร่การประชุมก
หัวหน้าหน่วยหรือคนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับค่ายพันธมิตรจะมีสวัสดิการที่ทางค่ายมอบให้แตกต่างกันไป อย่างสิงหาที่เป็นถึงระดับหัวหน้าก็ได้รับเสบียงอาหาร แต้มคะแนนรายเดือน การเข้าถึงข้อมูลสำคัญ การรักษาพยาบาล และบ้านประจำตำแหน่งสิงหาไม่ค่อยได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้บ่อยนัก ภายในบ้านจึงมีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น เพราะเจ้าของบ้านมักจะหมกตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้างานวิจัยมากกว่า เมื่อต้องต้อนรับแขกคนสำคัญ นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะจึงต้องผันตัวมาเป็นพ่อบ้านเต็มรูปแบบ“ชาล็อต ขอผ้าขนหนูแห้งหน่อย” ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการถูพื้นด้วยน้ำอุ่น แต่เขาดันถอยหลังไปชนถังน้ำจนมันหกราดไปทั้งบ้านออด~“อ๊ะ มากันแล้ว” สิงหาสะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นแล้วก้าวไปที่ประตูโดยลืมไปว่าพื้นในบ้านยังคงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ และทันทีที่สลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้านเหยียบของเหลวลงไป…พรืด! ตุบมีแต่เสียงก็เดาได้ว่าเด็กหนุ่มได้ลื่นก้นกระแทกพื้นไปแล้วเรียบร้อย“ขอโทษครับ ให้แขกเห็นภาพไม่น่าดูซะแล้ว” สิงหาในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวเดินออกมาเปิดประตูรั้ว ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบสะโพกตัวเองป้อย ๆ ผายมือให้แขกทั้งสามเดินเข้ามาในตัวบ้าน
“เดี๋ยวผมลองไปถามท่านนายพลเอง” โจเซฟว่าจบก็เตรียมจะเดินไปที่หน่วยทหาร ไอซ์จึงรีบวิ่งตามไปติด ๆ“แน่ใจนะว่าดูแลไหว” นิโคลัสหันไปมองทีโอที่เสนอแผนการนี้ขึ้นมา“ก็ดูเหมือนจะสำนึกได้บ้างแล้ว คงไม่มาก่อเรื่องหรอกมั้ง” ทีโอยักไหล่“คิดยังไงถึงจะพาเขาไปด้วย” ปกติเห็นเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน มาวันนี้กลับเสนอให้ไปเยี่ยมบ้านกันเสียอย่างนั้น“ปลาบินสองตัวเลยนะพี่นิค แบ่งให้สามหมู่บ้านได้สบายเลย” แถมยังอยู่ในสภาพสดใหม่อีกต่างหาก“แต่นั่นเป็นผู้มีพลังมิติที่มีเพียงคนเดียวในค่ายนะ” เจ้ากระต่ายไม่คิดว่าท่านนายพลจะยอมให้หลานชายออกไปด้านนอกอีก“ก็ไม่แน่นะครับ ตอนนี้ขอแค่เป็นหัวหน้าเราไปพูด ผมคิดว่าท่านนายพลต้องฟัง ระหว่างที่พวกเราไปบ้านบนภูเขาก็ให้ไอซ์พักอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไปก่อน” ไม่ได้มีความคิดจะเปิดเผยเรื่องเส้นทางลับแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือที่ตั้งของหมู่บ้านในสมาพันธ์ผู้รอดชีวิต“เนื้อปลาหลังรถเราก็มีพอแค่กินกันในบ้านบนภูเขา แต่ถ้ามีเยอะ ๆ คงพอแบ่งให้กับอีกสามหมู่บ้านได้แน่ หน้าหนาวแบบนี้อาหารยิ่งมีเยอะเท่าไรก็ยิ่งดี” เขาอยากให้เด็ก ๆ ที่บ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้กินเนื้ออย่างเต็มปากเต็มคำเหม