เฉินเฟิงนั่งปรับระดับลมหายใจอยู่ที่เดิมจนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านนอกจึงรีบลนลานหอบถุงใส่อาหารกลับเข้าไปในบ้าน จัดการปิดประตูหน้าต่าง ขนเฟอร์นิเจอร์ใกล้มือที่คิดว่ามีน้ำหนักมาปิดทางเข้าออกทั้งหมด
เสียงกรีดร้องผสมเสียงขอความช่วยเหลือดังระงมอยู่ค่อนคืน ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นปิดหูตนแล้วขดตัวอยู่ใต้โต๊ะติดกำแพง
ร่างโปร่งสั่นระริกทุกครั้งยามที่มีคนเขย่าประตูเหล็กหน้าบ้าน นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาจากความหวาดกลัวและละอายใจ
ทำไมเขาไม่เตือนคนอื่น
ยิ่งเสียงกรีดร้องดังมากเท่าไร ภายในจิตใจเฉินเฟิงยิ่งปวดร้าวมากเท่านั้น
ขี้ขลาด!
แกมันขี้ขลาด
เห็นแก่ตัว
“พี่เฟิงช่วยผมด้วย” เสียงเล็กคุ้นหูหน้าบ้านเรียกสติให้ชายหนุ่มผลุนผลันคลานออกมาจากใต้โต๊ะ รีบกวาดสิ่งของที่ขวางประตูอยู่ให้เปิดออกทันเห็นเด็กชายกับแม่ของอีกฝ่ายกำลังเกาะรั้วเหล็กหน้าบ้านพลางหันซ้ายหันขวา
“น้องดล” เฉินเฟิงเรียกเด็กชายเสียงเบา สภาพของเด็กข้างบ้านแทบไม่มีส่วนไหนเรียกว่าชิ้นดี ผมเผ้าพองฟู เสื้อผ้ามอมแมมผสมคราบดินและคราบเลือดจนหาสีเสื้อเดิมไม่เจอ
“อาเฟิง ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” ดาริณีมีหนึ่งกำรั้วเหล็ก อีกมือก็ดึงลูกชายมากอดแนบอกยามได้ยินเสียงกรีดร้องลอยมาตามลม
ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนจะยอมเปิดประตูให้สองแม่ลูกเข้ามาในอาณาเขตบ้าน
“ขอบคุณนะคะ” ดาริณีรีบคว้าโอกาสรอดชีวิตนี้ไว้ เธอผลักลูกชายให้เข้าไปก่อน แล้วค่อยรีบแทรกตัวตามไป จากนั้นก็หันมาช่วยชายหนุ่มปิดประตูพร้อมขนของมาขวางประตูไว้ดังเดิม
“แฮ่ก ๆ” เฉินเฟิงหอบหายใจหนัก แม้จะไม่ได้ใช้กำลังมากแต่ความตื่นกลัวก็สร้างภาระให้กับร่างกายพอดู
“ขอบคุณนะครับพี่เฟิง” เด็กชายดลแทบจะคุกเข่ากราบด้วยความซาบซึ้ง ก่อนหน้านี้เขากับแม่หนีไปที่บ้านพ่อที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของแม่มากนัก แต่ถูกคนที่บ้านนั้นใช้หนังสติ๊กไล่ยิงเพราะกลัวจะเรียกพวกสัตว์ประหลาดให้เข้ามาใกล้ ครั้นจะกลับบ้านตัวเอง ที่นั่นก็มีคุณยายที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วกำลังกัดคุณตาอยู่
“ไม่ ๆ เอ่อ รีบเข้าไปในบ้านเถอะ” เฉินเฟิงรับคำขอบคุณชนิดแทบกราบเท้าไม่ไหวรีบยื้อยุดสองแม่ลูกให้เข้าบ้านก่อนจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้รอดชีวิตคนอื่นหรือสัตว์ประหลาดพวกนั้น
พอช่วยกันนำสิ่งของไปขวางประตูไว้อีกหนึ่งชั้นเสร็จสิ้น คนทั้งหมดก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีก
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ดาริณีทรุดนั่งลงกับพื้น หลังผ่านสถานการณ์อันตรายมาเธอเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ก็ตอนนี้
“เหมือนหนังซอมบี้ที่ผมดูเลย” เด็กชายดลโพล่งขึ้น
“อืม เหมือนจริง ๆ” ชายหนุ่มพยักหน้า ตนก็คิดเหมือนกัน
“แล้วจะทำยังไงกันต่อดีคะ” หญิงสาวเอ่ยเป็นกังวล เธอเป็นเพียงผู้ที่ชายหนุ่มช่วยชีวิต ไม่กล้าออกสิทธิ์ออกเสียงมากนัก
“อาจต้องรอให้ทหารมาช่วยแล้วล่ะครับ” เฉินเฟิงคาดว่ารัฐบาลต้องทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว และกำลังควบคุมในระดับหนึ่งอยู่ อาจมีการสร้างฐานสำหรับผู้รอดชีวิตเหมือนนิยายสายซอมบี้ที่เคยอ่าน เขาแค่ต้องรอเวลา
ไหนจะก่อนหน้านี้เพิ่งจะมีประกาศเตือนแปลก ๆ ออกมาด้วย ถึงแม้จะไม่บอกรายละเอียดอะไรเลยก็ตาม
แต่ชายหนุ่มค่อนข้างเชื่อว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย
“ระหว่างนี้ก็อยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลยครับ ส่วนอาหารที่บ้านผมพอมีอยู่บ้าง เราอาจต้องหาวิธีถนอมมันให้อยู่ได้นานที่สุด” นึกแล้วก็เสียดายเนื้อกว่าสิบกิโลในตะกร้าใบนั้น ถ้าไม่ถูกซอมบี้แปลกหน้าตนนั้นเล่นงาน ที่บ้านเขาจะต้องมีอาหารมากพอที่จะทำให้สามชีวิตอิ่มหนำไปเป็นเดือน
ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อนึกถึง
แค่มีชีวิตรอดมาได้ก็ควรดีใจแล้ว!
“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยนะคะ” หญิงสาวรีบออกตัว เธอยังมีลูกชายต้องดูแล ให้ทำอะไรเธอก็ยอม
“เดี๋ยวเราแยกไปตรวจสอบประตูหน้าต่างว่าปิดมิดชิดไหม จากนั้นค่อยมานอนรวมกันที่ห้องโถงดีกว่าครับ” เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือทัน แล้วเขาก็ไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียวเท่าไร มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเพิ่มขึ้นมาก็อุ่นใจเหมือนกัน
สองแม่ลูกพยักหน้าเห็นด้วย
เฉินเฟิงลากผ้าห่มและหมอนจากห้องพ่อแม่มาให้หญิงสาวและเด็กชายดลใช้ในค่ำคืนนี้ ดีที่ห้องเก็บของมีเตียงสนามอยู่หนึ่งหลัง ส่วนตัวเขาใช้แค่ผ้าห่มจากห้องนอนตัวเองก็พอ เมื่อทั้งสองคนยืนกรานว่าจะนอนที่พื้น ส่วนตัวเขาได้รับอภิสิทธิ์เจ้าของบ้านจากแขกได้นอนโซฟาตัวยาว
แม้จะบอกว่าให้พักผ่อน แต่ก็ไม่มีใครสามารถข่มตานอนลงไปได้ ด้วยหวาดระแวงว่าหน้าต่างประตูจะพังมาเมื่อไหร่ก็สุดรู้ รั้วหน้าบ้านจะสามารถต้านทานซอมบี้ได้นานแค่ไหน
ความกลัวครอบงำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา กระทั่งเสียงลมพัดหวีดหวิวก็คล้ายถูกจิตปรุงแต่งให้เป็นเสียงโหยหวนของผู้เสียชีวิต
“อาเฟิง หลับหรือยัง” หญิงสาวกลั้นใจกระซิบถามท่ามกลางความมืด
“ยังครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่ว วันนี้เขาใช้พลังงานไปมากมายแต่ร่างกายกลับตึงเครียดขึ้นทุกขณะ
“ผมก็ยังไม่นอน” เด็กชายดลร่วมกระซิบตอบเสียงเบา
ปัง!ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของทหารในค่าย บนใบหน้ามีเหงื่อเกาะเต็มหน้าผาก พร้อมกับสีหน้าวิตกกังวลไปถึงขั้นหวาดกลัว“มีรายงานการเคลื่อนไหวจากหมู่บ้านชาวประมงครับ!”…เฉินเฟิงใช้นัยน์ตาสีแดงมองความรกร้างว่างเปล่าของพื้นที่ชายฝั่งจังหวัด C ด้วยความประหลาดใจ คราวก่อนพวกเขามาในฤดูหนาว ทัศนียภาพถูกหิมะขาวโพลนปกคลุม ทำให้ไม่รู้เลยว่าความเสียหายจากเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ต่ออาคารบ้านเรือนและถนนหนทางนั้นเลวร้ายเป็นอย่างมาก“หัวโยกเป็นตุ๊กตาหน้ารถเลย” หลุมบ่อเยอะเกินไปแล้ว!สุดท้ายจากที่ตั้งใจว่าจะให้ทหารอีกหลายนายมาลาดตระเวนเป็นเพื่อนก็ต้องพับเก็บไป สำหรับคู่รักหมีกระต่าย หากเป็นสถานการณ์เสี่ยงอันตราย ถ้าไม่ใช่สมาชิกในทีมที่รู้ใจกันดีแล้วละก็ การพาคนนอกมาด้วยจะมีแต่ทำให้การทำงานลำบากยิ่งขึ้นดังนั้นบนรถกระบะปรับแต่งสมรรถนะสูงในครั้งนี้จึงมีเพียงเฉินเฟิง นิโคลัส และเอ ลูกชายท่านนายพลอธิเพียงสามคน“เอ่อ เป็นเพราะบริเวณนี้ไม่ค่อยมีประชาชนมาตั้งรกรากก็เลยไม่มีการซ่อมแซมเลยน่ะครับ” เออธิบายสีหน้าจืดเจื่อน“ไม่ใช่ความผิดของคุณนี่ครับ อีกอย่างผมก็บ่นไปเรื่อย” เฉินเฟิงปัดมือไปมาในอากาศ เรื
“พวกนายนี่นะ” เอส่ายหน้าให้กับลูกน้อง เรื่องพวกนี้เป็นพื้นฐานที่มีสอนในโรงเรียนทหารอยู่แล้ว ดีเท่าไรที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด ไม่อย่างนั้นแล้วโจเซฟได้เปิดอบรมชุดใหญ่แน่โจเซฟในฐานะรุ่นพี่ทหารผู้ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน การที่เห็นรุ่นน้องหย่อนยานกับการวิเคราะห์สถานการณ์ง่ายๆ แบบนี้มีบทลงโทษอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ด้วยเหตุฉุกเฉินในปัจจุบันทำให้ทหารหนุ่มสาวเหล่านี้รอดพ้นคอร์สพิเศษของโจเซฟไปได้หวุดหวิดโดยไม่รู้ตัว...การโจมตีระลอกที่สองยังคงเป็นปลาบินเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมขึ้นมามีเพียงจำนวนที่มากกว่ารอบก่อนสามเท่า“หมอนั่นกลัวเราอดตายเหรอ” หงส์ส่งกล้องส่องทางไกลให้ตุ่น ปลาบินจำนวนมากน่ากลัวก็จริง ยิ่งพวกมันอัปเกรดสติปัญญามาก็ไม่ต่างจากตัวปัญหาดีๆ นี่เอง“หรือกำลังจะด่าว่าเราโง่” ปลามากขนาดนี้ กินเข้าไปไอคิวน่าจะทะลุห้าร้อย“ก็เป็นไปได้นะพี่” ทีโอพยักหน้าสนับสนุน ตั้งแต่สู้กับสัตว์กลายพันธุ์มา มีพวกปลาทะเลนี่แหละสู้ยากที่สุด หากตัดหมาป่าขั้วโลกเหนือที่ได้ฟังจากนิโคลัสออกไป สิ่งที่เจอตามชายฝั่งคือมีแต่ตัวจี๊ดๆ ทั้งนั้นอ้อ หนูยักษ์ที่โรงงานอุตสาหกรรมก็เป็นหนึ่งในนั้น ดีแค่ไหนที่พวกเขาแข็งแ
“มาถึงตอนนี้แล้วปิดไปก็ไม่เป็นประโยชน์” ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มลงมือแล้ว กับลูกน้องที่ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบังอีก ต่อให้คนตรงหน้าเป็นสายสืบของเกรย์สันก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ เพราะคนที่มีอำนาจออกคำสั่งในเวลานี้คือโจเซฟต่างหาก ไม่ใช่ตน“พวกนายรู้ใช่ไหมว่าวันสิ้นโลกที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มีที่มาที่ไปยังไง”“ครับ” นายทหารหลายนายพยักหน้า นัยน์ตาฉายประกายเคียดแค้นชิงชังอย่างเห็นได้ชัด“สงครามครั้งสุดท้ายระหว่างมนุษย์กับองค์กร SW กำลังจะเปิดฉากแล้ว” และเตรียมโต้กลับเมื่อหัวหน้าโจเซฟส่งสัญญาณ“!!!!”…การโจมตีชายฝั่งทะเลไม่ได้มีเพียงประเทศ T ที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องรับมือกับสัตว์กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและสติปัญญา แต่เพราะเตรียมการมาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้น้อยมาก ทั้งยังสามารถนำสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมาเก็บตุนเป็นเสบียงในยามฉุกเฉินได้เพล้ง!“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เกรย์สันมองรายงานการโจมตีของสัตว์ร้ายชุดใหม่ที่เขาใช้เวลาหลายเดือนในการปรับปรุงอย่างดี แต่กลับถูกมนุษย์ชั้นต่ำฆ่าตายอย่างกับว่าเป็นเพียงปลาธรรมดา หาใช่ส
มือหนึ่งก็จับอาวุธไว้แน่น ส่วนอีกมือก็หาที่ยึดจับไว้อย่างสุดชีวิต ไม่อย่างนั้นรู้ตัวอีกทีอาจถูกสะบัดตกจากหลังรถไปนอนนับดาวอยู่บนถนนก็เป็นได้คึ่กๆๆตุ่นหมุนพวงมาลัยกลับมาที่เดิม แต่ด้วยถนนหนทางขรุขระไร้การบูรณะมาเป็นเวลานาน ทำให้ทั้งคนทั้งรถสะเทือนกระเด้งกระดอนนั่งไม่ติดเบาะสักคน“ที่รัก ถ้ามีลูกกันนี่ลูกหลุดไปแล้วนะ” หงส์ว่าติดตลก หลุมบ่อระดับนี้ยิ่งกว่าดวงจันทร์ด้านมืดเสียอีก“ผมว่าลูกพี่น่าจะเกาะมดลูกไม่ปล่อยเพราะไม่อยากออกมาเจอโลกแบบนี้มากกว่า” ทีโอปรายสายตามองบ้านเรือนร้างผู้คน เป็นเขาก็ไม่อยากออกมา อยู่ในท้องต่อไปน่าจะสบายกว่า“ฮ่าๆ ก็จริง” หญิงสาวหนึ่งเดียวพยักหน้าเห็นด้วยตูม!!ปลาบินอีกตัวร่อนลงด้านข้างหมายจะกระแทกรถให้เสียหลักลงข้างทาง ทว่าตุ่นก็ดึงเบรกมือแล้วปล่อยในเสี้ยววินาทีพร้อมกับหมุนดริฟต์หลบไปได้อย่างสวยงาม“มากันไม่พักเลยน้าาา~” ทีโอทอดถอนใจ เป็นทีมเก็บข้อมูลนี่มันเหนื่อยจริงๆ“พวกมันตามมาหมดทุกตัวเลย แสดงว่าหลุมหลบภัยที่เหลืออาจมีกลุ่มใหม่ไปเสริม” นึกว่าจะแบ่งกำลังกันตามมาแค่บางส่วนแล้วให้ส่วนที่เหลือตามล่ามนุษย์ในหลุมหลบภัยต่อไปเสียอีกสมาชิกทีมทหารรับจ้างวิเคราะห
ตูม!!สองวันต่อมาไม่ขาดไม่เกิน สัญญาณที่โจเซฟว่าไว้ก็เกิดขึ้นในตอนเช้ามืด ทหารลาดตระเวนกะดึกยังไม่ทันผลัดเปลี่ยนเวรยามก็ต้องรีบกระชับอาวุธประจำกาย วิ่งกลับไปยังจุดประจำการของตนเองและสอดส่องหาต้นตอของเสียงดังสนั่นนั่น“เกิดอะไรขึ้น” เอเดินออกมาจากตึกอย่างรีบร้อน ด้านหลังมีกลุ่มของโจเซฟตามมาติดๆ ใบหน้าสมาชิกในทีมมีร่องรอยตื่นเต้นราวกับรอเวลานี้อยู่ตลอด“มีฝูงปลาบินโจมตีตึกร้างนอกเมืองครับ” ทหารที่ถือกล้องส่องทางไกลรายงาน“บริเวณนั้นมีอะไรหรือเปล่า” โจเซฟเดินเข้ามาสอบถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเอ“พื้นที่ตรงนั้นเป็นหลุมหลบภัยฉุกเฉิน แต่โชคดีที่ครั้งนี้เราอพยพคนไปไกลกว่าเดิม หลุมนั้นจึงไม่ได้ถูกใช้งาน” ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากมีคนอาศัยอยู่จะเป็นอย่างไร“พวกมันรู้ว่าคนอาศัยอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?” หงส์อุทานเสียงสูง นี่มันเกินกว่าที่คิดไว้มากเลยนะ!“อาจใช่และไม่ใช่ พวกมันมีจำนวนเท่าไร” เอหันไปมองลูกน้องเพื่อขอคำตอบ“บนพื้นดินมีราว ๆ 10 ตัวครับ และมีที่บินวนอยู่บนฟ้าอีกเกือบ 20 ตัว” ทหารรายงานไปขนหลังคอก็ลุกเกรียวขึ้นมา แม้จะเทียบกับจำนวนร้อยตัวที่อยู่นอกชายฝั่งไม่ได้ แต่จำนวนเท่านี้ก็จัดกา
“ทำไมถึงเป็นคุณโจเซฟได้ล่ะ” คนในห้องพึมพำเสียงเบา ถึงฝูงปลาบินนอกชายฝั่งจะน่ากลัว แต่ถึงกับส่งทีมมหาเทพมาก็ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่าในขณะที่ทหารหลายนายต่างงุนงง มีเพียงเอที่เบิกตากว้างเพราะทราบดีว่าเมื่อใดโจเซฟและทีมมาเยือน นั่นหมายความว่าถึงเวลาโต้กลับแล้ว“รีบไปเปิดประตูเร็ว” มนุษย์หมาป่ากลายพันธุ์หันไปสั่งการลูกน้อง นัยน์ตาสีเทาไหวระริกในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!“ผมจะไปเปิดประตูต้อนรับเดี๋ยวนี้ครับ” นายทหารชั้นผู้น้อยเอ่ยขออนุญาตคนเป็นหัวหน้า พอได้รับการพยักหน้าตอบกลับมาก็วิ่งผลุนผลันออกจากห้องไป“พวกเราเองก็ออกไปรอต้อนรับกันเถอะ” เอหันไปพูดกับลูกน้องมือซ้ายและขวา ส่วนทหารในห้องคนอื่นยังมีภาระหน้าที่ของตนเองอยู่ ต่อให้อยากออกไปพบท่านเทพมากแค่ไหนก็ได้แต่อดทนอดกลั้นจนกว่าเวรยามของตนเองจะหมดลงแต่เมื่อเอลงมาถึง กลับไม่ได้เห็นรถบรรทุกทางทหารของค่ายเพียงคันเดียว ยังพบรถดัดแปลงของกลุ่มโจรที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย พาให้ทหารหลายนายที่อยู่รอบๆ กระชับอาวุธในมือของตนเองแน่น“คุณโจเซฟ… นี่มันอะไรกันครับ” หมาป่าหนุ่มขมวดคิ้ว คนที่ลงมาจากรถบรรทุกนั้นเป็นโจเซฟไม่ผิดแน่ ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรท