เจ้ากระต่ายต้องออกจากที่ซ่อนอย่างกะทันหันเพื่อหลบหลีกซอมบี้ที่มีความเร็วมากกว่าซอมบี้ที่เคยเห็นในหมู่บ้าน
ลักษณะซอมบี้ตรงหน้าคงเป็นพนักงานคนหนึ่งในโรงงาน ที่คอของอีกฝ่ายมีแผลเหวอะหวะ คาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต เนื้อบริเวณนั้นส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียน ไม่รอให้ตั้งตัวได้ศพตรงหน้าก็ปรี่เข้ามา มันพยายามยืดแขนออกมาจนสุดหมายจะคว้าอาหารให้ได้ในครั้งเดียว
กร๊าซซ!!
มือนุ่มที่ผ่านการวิวัฒนาการกระชับจับด้ามขวานแน่น เบี่ยงตัวหลบแขนยาวคู่นั้นออกไปด้านข้าง จากนั้นเหวี่ยงขวานไปที่คอด้านข้างของมันสุดแรง
ตุบ
ทันทีที่ศีรษะของซอมบี้ตกลงพื้น ตัวของมันก็คล้ายกับตุ๊กตาที่ขาดเชือก ล้มแน่นิ่งไปกับพื้นพร้อมกับเลือดสีดำที่สาดกระจาย
“แฮ่ก ๆ”
ดวงตากลมสั่นระริกจ้องมองสิ่งที่เคยเรียกว่าคนตรงหน้า สัมผัสของขวานกระทบเนื้อยังตราตรึงราวกับเทปวิดีโอที่ถูกกรอซ้ำไปมา เลือดในกายเย็นเฉียบ ใบหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงสรรพสิ่งรอบกาย
“แฮ่ก ๆ”
ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้ามีเลือดสีดำข้นคลั่กไหลนองพื้นจากปากแผลที่เขาเป็นผู้กระทำ
หลายวันก่อนหน้านี้เขายังคงเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่รู้จักศิลปะป้องกันตัว ไม่รู้จักการทำร้ายสิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่การหนีหัวซุกหัวซุน… แต่วันนี้ เวลานี้
เขาได้จบชีวิตของคนคนหนึ่ง ถึงจะมีสภาพเป็นอย่างไรแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่นอนอยู่นั้นเคยมีลมหายใจ เคยมีสังคม เคยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารเดียวกัน
เคยมีเลือดเนื้อเป็นสีแดง มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
เคยมีชีวิตจนถึงเมื่อครู่
“อ่อก! ... อ้วก! แค่ก ๆ อึก” เฉินเฟิงปาดน้ำลายออกจากริมฝีปาก เขาทิ้งตัวลงนั่งไม่ไกลจากศพซอมบี้ที่ฆ่าเป็นครั้งแรก แม้จะมีกลิ่นเลือดเหม็นเน่าพัดมา แต่ขาไม่มีเรี่ยวแรงจะก้าวเดินออกจากตรงนี้เลย ราวกับบางสิ่งบางอย่างที่ยึดถือมาตลอดนั้นกำลังแตกสลายไปทีละน้อย
ชายหนุ่มต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าอาการวิงเวียนจะหายไป เขาจะหมดสติตอนนี้ไม่ได้ เฉินเฟิงใช้พละกำลังที่มีเหลือน้อยนิดกัดลิ้นตนเองเพื่อไม่ให้เป็นลมล้มพับไป ต้องกำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอยู่นานจึงจะเรียกสติกลับมาได้
พอจิตใจเริ่มสงบ ใบหูถึงสามารถรับรู้เสียงรอบตัวได้อีกครั้ง ใบหน้าที่หลั่งเหงื่อเย็นก็พลอยได้รับความอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
ต้องลุกออกไปจากที่นี่
หลังประสาทสัมผัสในร่างกลับมาเป็นปกติ เขาก็ทนกลิ่นของเนื้อเน่าไม่ไหวจริง ๆ หูได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากทางโรงงานน้ำตาล ก็ต้องพบกับกลุ่มคนที่คาดว่าเป็นทหารกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
เฉินเฟิงกัดปากแน่น ถ้าหากเขาหันหลังวิ่งหนี คนกลุ่มนั้นจะทำร้ายเขาหรือไม่?
หรือจะปล่อยเขาไปไม่สนใจ ไม่มีใครสามารถให้คำตอบนี้ได้ จิตใจที่เพิ่งกลับมาสงบก็ถูกคลื่นลูกใหม่ถาโถมจนแทบยืนไม่อยู่
ทำยังไงดี
ทำยังไงดี!!
“ตรงนั้นมีคนอยู่หรือเปล่าครับ” โจเซฟตะโกนเรียก นิโคลัสกับตุ่นบอกว่าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวมาจากป่าอ้อยด้านหลังพร้อมกับเสียงอาเจียน พวกเขาคิดว่านั่นคงจะเป็นผู้รอดชีวิต
เฉินเฟิงค่อย ๆ ยันตัวขึ้นนั่งในท่าที่สามารถหันหลังหนีได้อย่างทันท่วงที
“พวกเราเป็นทหารจากในเมือง ถ้าเป็นผู้รอดชีวิตก็ตอบด้วยนะครับ” โจเซฟถามอย่างขอไปที ถ้าหากคนตรงหน้าอยากได้ความช่วยเหลือหรืออาหาร พวกเขาก็ยินดีช่วยในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
เจ้าตัวคงคิดว่าซ่อนอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่พ้นจมูกของนักล่าอย่างนิโคลัส
‘ก็เล่นอยู่ต้นลมเสียขนาดนั้น’ นิโคลัสคิด น่าแปลก ทั้งที่ปกติแล้วผู้รอดชีวิตจะมีกลิ่นตัวรุนแรงเนื่องจากประสบการณ์หนีตายและสถานการณ์บังคับที่ทำให้ไม่สามารถทำตัวตามสบายได้ การอาบน้ำจึงลืมไปได้เลย แต่คนในป่าอ้อยนั้นกลับให้กลิ่นเย็นสบายของต้นไม้ใบหญ้าราวกับขุนเขาลูกใหญ่
อ่า… กลิ่นเหมือนภูเขาด้านหลังนี่เอง
“พวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แค่มาทำภารกิจเท่านั้น” นิโคลัสเอ่ยขึ้น และนั่นก็เรียกสายตาแปลกใจของคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี
หมอนี่เริ่มพูดกับคนอื่นก่อน!
เฉินเฟิงกัดปากคิดคำนวณผลได้ผลเสียจากการปรากฏตัว หากกลุ่มคนตรงหน้าที่อ้างตัวว่าเป็นทหารก็เป็นเหมือนพวกโจรที่ปล้นบ้านของเขาล่ะ“ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้เราก็ไม่ต้องไปวุ่นวายด้วยหรอก” หงส์เห็นว่าคนในทีมไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้คนที่ซ่อนอยู่ในป่าอ้อยออกมาได้ พวกเขาเสียเวลามามากพอแล้ว ขืนชักช้าจะมืดค่ำเสียก่อน ในโรงงานก็ยังไม่ได้เข้าไปดู ซอมบี้ตอนกลางคืนน่ากลัวกว่าตอนกลางวันมากนัก ไหนจะการตะโกนข้ามไปข้ามมานี่อีก เธอได้ยินเสียงซอมบี้เริ่มเดินเข้ามาใกล้โรงงานแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วถ้าไม่รีบหาที่หลบก็ต้องเสียเวลาจัดการอีกนาน“พวกเราจะอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ถ้ามีอะไรก็ไปหาได้” โจเซฟตะโกนบอก เขาเองก็เห็นด้วยกับหญิงสาวว่าควรไปทำภารกิจของตนก่อนจะดีกว่าคล้อยหลังกลุ่มทหาร เจ้ากระต่ายขาวถึงได้พ่นลมหายใจพร้อมคลายความระมัดระวังลงได้เขาคงไม่สามารถสำรวจโรงงานน้ำตาลได้แล้วในวันนี้ ถอยไปดูที่อื่นก่อนดีกว่า แยกกันน่าจะปลอดภัยที่สุดสำหรับคนขี้ระแวงอย่างเขาคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันหลังกลับไปยังทิศทางเดิมที่ผ่านมาฟิ้วสายลมที่พัดเข้าหน้าจนเส้นผมสีขาวปลิวไสวทำให้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าตนถ
ปึง!เสียงประตูเหล็กบานหนักปิดลงทันทีเมื่อกลุ่มทหารและหนึ่งชาวบ้านเข้ามายังด้านใน ดูเหมือนว่าส่วนที่พวกเขาอยู่จะเป็นโกดังเก็บสินค้าเฉินเฟิงกระชับฮู้ดด้วยความประหม่า เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอึดอัดกับการใกล้ชิดคนแปลกหน้า ทั้งยังเป็นสถานการณ์ไม่ปกติตึง ๆกรร…แกรก ๆเสียงทุบประตูและเสียงคำรามในลำคอมีมากกว่าหนึ่ง ก่อนหน้านี้บางส่วนก็เดินตามรถของโจเซฟมาตั้งแต่หน้าโรงงานอยู่แล้ว ยิ่งพอได้ยินเสียงพูดคุย พวกมันก็เริ่มเดินเร็วขึ้น พอเฉินเฟิงเข้ามาสมทบก็มีประมาณมากชนิดที่ว่าควรหาที่หลบภัยก่อน“เดี๋ยวจะออกไปเคลียร์ข้างนอกให้” ตุ่นวางกระเป๋าสัมภาระไว้ที่พื้น เตรียมหาช่องหน้าต่างปีนออกไปจัดการ ประตูโกดังเป็นบานเลื่อนเหล็ก มันใหญ่ไป เปิดทีคงได้วิ่งกรูกันเข้ามาแน่“ไม่ต้องหรอก พวกมันเป็นแค่ซอมบี้ธรรมดา” โจเซฟส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แค่พวกเขาเดินเข้าไปในตัวโกดังให้ห่างประตูหน่อย เดี๋ยวพวกมันก็เลิกทุบไปเอง แต่ถ้าออกไปฆ่ามัน เสียงและกลิ่นจะเป็นตัวเรียกซอมบี้ในละแวกนี้มาเพิ่มแทนนอกจากนี้การมีซอมบี้อยู่ด้านนอกยังใช้เป็นเครื่องส่งสัญญาณชั้นดีหากมีมนุษย์คนอื่นเข้ามาใกล้“พวกเราจะไปเดินสำรวจด้านใน คุณจะไปด้วยกั
“อึก” ฟังมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็เผลอกลืนน้ำลายเพราะตื่นเต้นนี่มันอย่างกับนิยายแฟนตาซีตามเว็บไซต์ชื่อดังเลยนี่นา“แล้วทำไมถึงไม่มีการแจ้งเตือนจากภาครัฐเลยล่ะครับ” ออกข่าวโทรทัศน์ก็ยังดี ไม่ใช่เตือนแค่ประกาศจากทางวิทยุกระจายเสียง เรื่องนี้มันใหญ่โตและร้ายแรงมาก ๆ เลยนะ“อันนี้จากข่าววงในนะครับ เดิมทีเชื้อไวรัสชนิดนี้มันจะกระจายอยู่ในกลุ่มคนที่ติดเชื้ออยู่ก่อนแล้ว และที่ไหนมีคนติดเชื้อก็ต้องมีสถานกักกันหรือสถานพยาบาลรองรับ ในตอนแรกเราไม่รู้ว่าเชื้อมันกลายพันธุ์ จึงได้นำศพผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีและนำไปฝังรวมกันเหมือนที่หลายประเทศทำ แต่วันดีคืนดีศพพวกนั้นกลับลุกขึ้นมาจากหลุมและไล่กัดเจ้าหน้าที่ กลายเป็นการส่งต่อไวรัสอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยบนเตียงเองก็กลายเป็นซอมบี้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้อย่างทันท่วงที จึงได้แต่ผลักภาระให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการในส่วนของตนเองไปก่อน” ทีโอค้อมตัวลงเล็กน้อยป้องปากกระซิบนัยก็คือถ้าจังหวัดจัดการไม่ดีก็จะเป็นอย่างที่เขาเผชิญอยู่สินะต้องโทษว่าเขาอยู่ชนบทจึงรู้ข่าวช้าหรือ?“ได้ข่าวว่าพวกคนใหญ่คนโตระดับนายกรัฐมนตรีหรือทหารยศสู
“เรื่องค่ายสำหรับประชาชนก็ต้องแล้วแต่คนครับ พวกเราเองก็มีบ้านในค่ายเหล่านั้นไว้ใช้พักผ่อนเวลาที่กลับจากภารกิจ เพราะมีการลาดตระเวนแน่นหนา สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนเรื่องราวภายในค่ายส่วนใหญ่ ปัญหาก็จะอยู่ในหน่วยงาน ไม่ค่อยมีอะไรที่ประชาชนรับรู้หรอก เหมือนคลื่นใต้น้ำมากกว่า” ทีโออธิบายเมื่อเห็นว่าคนที่พวกเขาช่วยเอาไว้กำลังมีสีหน้าคิดไม่ตก “แต่การอยู่ในค่ายขอแค่ทำงานก็สามารถรับแต้มคะแนนเพื่อแลกอาหารกินได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ” เหมาะสำหรับผู้คนที่ยังต้องการใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นและไม่ต้องการออกไปฆ่าซอมบี้หรือรับภารกิจแบบพวกเขา“ขอบคุณมากเลยนะครับ” เฉินเฟิงค้อมศีรษะให้กลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้า“ไม่เป็นไรครับ เป็นข้อมูลที่พวกคุณควรรู้เอาไว้อยู่แล้ว” โจเซฟยกมือทั้งสองข้างกอดอก“เอ่อ งั้นเชิญพวกคุณสำรวจกันต่อเลยครับ” ถึงจะพูดไปคุยไป แต่สายตาก็ไม่ได้กวาดมองกระสอบน้ำตาลเลย มัวแต่มองหน้าคุยกัน“คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอครับ” นิโคลัสเห็นคนตัวเล็กกว่ากำลังสนใจกระสอบน้ำตาลก็เอ่ยชวนคุย“เปล่าครับ ผมข้ามมาจากอีกฝั่งของภูเขา” เฉินเฟิงยกมือชี้ทิศทางประกอบคำพูด ทั้งที่ในโกดังไม่มีหน้าต่างให้เห็นว่าภ
เฉินเฟิงคงไม่รู้ว่าในตัวจังหวัดเองก็ใช่ว่าจะสงบ คนจากเมืองใหญ่ที่เสี่ยงขับรถหนีออกมานั้นมีมาก แต่พวกเขาเลือกที่จะพักอยู่รอบ ๆ เพื่อรอดูสถานการณ์มากกว่าขับออกไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า จึงมีชาวบ้านตามชนบทน้อยมากที่รู้ว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โตอย่างวันสิ้นโลกขึ้นและพวกคนในเมืองเองก็เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ต่างจังหวัดมีซอมบี้เพิ่มขึ้นเพราะพาคนติดเชื้อในระยะแรกมาด้วย... โดยไม่รู้ตัว“ครับ แต่เพราะนักการเมืองและทหารที่เหลืออยู่ให้ความร่วมมือกัน จึงสามารถใช้ค่ายทหารเป็นที่พักพิงชั่วคราวและออกช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในที่พักอาศัยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขอแค่คุณส่ง SMS ขอความช่วยเหลือมาที่เบอร์ฉุกเฉิน ถ้าประเมินว่าไม่อันตรายมาก จะรีบส่งทหารเข้าไปรับตัวมาไว้ในค่ายทันที” อย่างของเขา เพราะอยู่บนดาดฟ้าห้างสรรพสินค้ากับกลุ่มคนจำนวนมากจึงมีเฮลิคอปเตอร์มาลำเลียงไป และไม่นานหลังจากนั้นไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกโชคร้ายตกเป็นของพ่อแม่เขาที่หนีมาไม่ทันและไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยี กว่าที่เขาจะสามารถทำเรื่องขอกำลังเสริมไปช่วย พวกท่านก็กลายเป็นพวกมันไปแล้วทีโอสะบัดไล่เรื่องราวเศร้าหมองออกจากควา
“พวกเราพกอาหารมาแค่พอกิน คุณมีของตัวเองมาหรือเปล่า” โจเซฟไม่ได้อยากแสดงความแล้งน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ แต่พวกเขาเองก็ต้องกันอาหารไว้ให้เพื่อนร่วมทีมก่อน กับคนนอกอย่างไรก็ไม่ควรไว้ใจมากเกินไปนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมมี” ชายหนุ่มหยิบหัวแครอทกับปลากระป๋องออกมาจากกระเป๋านิโคลัสมองอาหารที่คนตรงหน้าหยิบออกมาด้วยหัวใจปวดหนึบ จินตนาการไปว่าเจ้าตัวคงหยิบฉวยทุกอย่างในขณะหนีหัวซุกหัวซุน พอได้แหล่งกบดานก็เริ่มออกสำรวจหาอาหารมากักตุน“...” กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหูกลมของหมีก็ยื่นขนมปังแข็งให้“...” เฉินเฟิงมองก้อนขนมปังตรงหน้าตาปริบ ๆ สมองกำลังประมวลอย่างเร็วรี่ว่าเหตุใดแพทย์ทหารคนนี้จึงแบ่งอาหารมาให้ตนใจดี?หรือแอบวางยา?“!!!” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความคิดสวนไปคนละทาง ผู้เห็นเหตุการณ์เองก็อ้าปากตาค้างกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมทีม‘หงส์ว่ามันทะแม่ง ๆ แล้วนะหัวหน้า’ หญิงสาวหันไปมองหัวหน้าอย่างช้า ๆ พลางหันไปพยักหน้าให้คนรักที่หันหน้ามามองเธออย่างอึ้งตะลึงไม่ต่างกัน‘ผมว่าหมอนี่ต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่’ ทีโอเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของนิโคลัส เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมตอนฝึก อีกฝ่ายมักมีท่าทีเย็
เจ้ากระต่ายขาวลอบพรูลมหายใจออกเมื่อกินขนมปังเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไร น่าเสียดายที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาทำให้ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าแดงเป็นปื้นของคนให้ขนมปังเฉินเฟิงไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่ใช่ พวกเขายังนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งเขายังตัวคนเดียว จึงต้องระมัดระวังตัวเพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่าส่วนเรื่องที่เผลองับขนมปังเข้าปากไปนั่นก็เพราะสงสารหูกลม ๆ บนศีรษะที่ลู่ไปด้านหลังเล็กน้อย ราวกับผิดหวังที่เขาไม่รับความปรารถนาดีว่ากันตามระบบนิเวศแล้ว ต้องเป็นเขาที่กลัวไม่ใช่เหรอ“ก็กลัวนิดหน่อยมั้งครับ” เฉินเฟิงตอบไปตามความจริง เห็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ดูลุ้นกับคำตอบของเขาเช่นกัน“...” นิโคลัสเม้มปากอย่างทำอะไรไม่ถูก“เอ่อ อันที่จริงก็ไม่ได้กลัวมากเท่าไร” ชายหนุ่มเห็นคนตัวโตมีสีหน้าราวกับได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจก็รีบแก้คำตอบของตนเองให้เป็นกลางมากที่สุดแต่บรรยากาศก็ไม่ได้ดีเพิ่มขึ้นเลย“คือ เราเพิ่งรู้จักกัน อ่า... นี่ไงครับผมกินขนมปังคุณแล้ว” เฉินเฟิงหยิบขนมปังเจ้าปัญหาชิ้นเดิมขึ้นมาเคี้ยวอีกคำ กัดเข้าไปคำใหญ่จนแก้มตุ่ย“กินเนื้อด้วยสิ” นิโคลัสยื่นเ
“แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะคะ” หงส์แย้ง “ส่วนหนึ่งที่คุณหนีไม่ทันน่าจะเป็นเพราะซอมบี้ที่นี่เกิดการวิวัฒนาการ”“แต่มันเพิ่งเริ่มเดือนกว่าไม่ใช่เหรอครับ” วิวัฒนาการเร็วไปแล้ว“อันนี้เป็นสิ่งที่ฉันสังเกตจากที่เคยไปทำภารกิจมานะคะ” หญิงสาวทำหน้านึก “ยิ่งสถานที่ไหนมีคนเปลี่ยนเป็นซอมบี้มาก คุณคิดว่าพวกมันที่ไล่กัดกินเนื้อและมนุษย์จนหมดจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีอาหาร” หงส์หรี่ตาพูดเสียงเรียบ ประกอบกับความมืดโรยตัวเข้ามาทำให้แสงสะท้อนจากตะเกียงบดบังซีกหน้าหญิงสาวไปหนึ่งด้าน ดูลึกลับราวกับกำลังนั่งเล่าเรื่องสยองขวัญในงานกิจกรรมของโรงเรียน“...” เฉินเฟิงเงียบรอฟังประโยคต่อมา“พวกมันจะกินกันเองค่ะ ยิ่งกินมากเท่าไร พวกมันก็จะยิ่งวิวัฒนาการมากขึ้นเท่านั้น”“...” เกิดความเงียบทันทีแล้วโรงงานแห่งนี้…เจ้ากระต่ายถึงกับขนลุกซู่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนี้ออกสำรวจคนเดียวและไม่ได้เจอกับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไร“แต่เปอร์เซ็นต์ที่ว่าก็ไม่ได้เยอะเท่าไรค่ะ ส่วนมากพวกมันจะไม่ค่อยกินกันเอง คล้ายกับว่าเป็นการคัดสรรอย่างหนึ่ง” มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจึงจะดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้ตนอิ่มท้อง“ถ้าอย่างนั้นที่ผ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน
ลงมาถึงตีนเขาเฉินเฟิงก็แยกกับกลุ่มของโจเซฟ ชายหนุ่มยืนมองแก๊งจักรยานพากันปั่นเรียงแถวออกไปยังถนนเส้นใหญ่ที่เชื่อมติดกับทางเข้าหมู่บ้าน ยังดีที่บริเวณนี้ไม่มีซอมบี้เพ่นพ่านเพราะถูกกำจัดไปเยอะ อีกทั้งยังอยู่ห่างจากตัวเมืองที่มีประชากรมากก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยกลับมาอย่างสวัสดิภาพไม่สิต้องกลับมาปลอดภัยอย่างแน่นอน!“เอาไปกี่กล่องดี” นิโคลัสยกกล่องยาสมุนไพรออกมาจากหลังรถ“เอาไปสัก 3 กล่องก่อนก็แล้วกันครับ” ถือไปเยอะเดี๋ยวจะเด่นสะดุดตาเกินไป“โอเค” คุณหมอหมีพยักหน้าเข้าใจ ถือติดมือไปน้อยก็ดูไม่สมกับค่าครู แต่ถ้าเอาไปไปเยอะก็อาจทำให้บางคนเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาได้สมุนไพรแห้งเหล่านี้พวกเขาขนกลับมารวมแล้วมีมากกว่า 10 กล่อง นำขึ้นไปเก็บไว้บนภูเขาแล้ว 10 กล่อง ที่อยู่ตรงนี้จึงเป็นส่วนที่กันเอาไว้แบ่งปันให้คนในหมู่บ้านด้านล่างตั้งแต่ต้น แต่จะทยอยให้ทีละไม่มากไม่ให้ผิดสังเกต“ไม่รู้กลับหมู่บ้านครั้งนี้จะได้เจอกับป้ากิ่งแก้วอีกหรือเปล่านะครับ” เฉินเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ พวกเขาเจอกันทีไรมีแต่เรื่องชวนปวดหัวทุกทีถ้าให้เขาพูดแบบเห็นแก่ตัวหน่อยเขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้าหมู่บ้านนี้ขาดกิ่งแก้ว
“จักรยานมีทั้งหมด 5 คัน คนที่จะออกไปสำรวจก็คือ พี่ดา พี่พิม ตุ่น หงส์ และหัวหน้า ถูกต้องไหมคะ” หงส์ทวน พอดาริณียกมือขอไปด้วย โจเซฟก็ไม่รีรอรีบออกตัวว่าจะไปด้วยเช่นกันทันทีแหม… ไม่ค่อยออกนอกหน้าเลยนะหัวหน้า“อะไร… ก็แค่เห็นว่ายังมีจักรยานอยู่อีกหลายคัน” คนร้อนตัวรีบพูด“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” หงส์หันไปหัวเราะคิกคัก ล้อเลียนคู่คนคุยที่หน้าแดงซ่านไปหมดแล้ว“แม่หน้าแดงมากเลย” ขนาดเด็กชายดลยังอดแซวแม่ตัวเองไม่ได้ตกลงเรื่องจำนวนคนกันเสร็จสรรพ ก็ออกไปจัดเตรียมแพ็กกระเป๋าบ้านใครบ้านมัน เฉินเฟิงเองก็เตรียมเก็บของเช่นกัน เพราะเขากับคนรักมีแพลนจะลงไปนอนที่บ้านของตนในหมู่บ้าน และถือโอกาสสอบถามหมอยาสมุนไพรว่าจะสามารถสอนความรู้ให้ตนได้หรือไม่หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้นิโคลัสได้เรียนด้วย“เดี๋ยวนะครับ จะไปกันหมดวันนี้เลยเหรอ” ทีโอคิดว่าจะออกเดินทางในอีกวันหรือสองวันข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าพอตัดสินใจเสร็จปุ๊บก็เก็บของปั๊บ“จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ขืนมัวแต่โอ้เอ้คงมีคนอื่นตัดหน้าไปก่อน” หงส์“ตามใจ” ทีโอถอนหายใจ ดูท่าเย็นนี้คงต้องให้เด็ก ๆ กินปลากระป๋องแล้วล่ะ “ระวังตัวกันด้วยนะครับ”“คราวนี้ไม่ประมาทอีกแน่”
“ก็ดีนะ” นิโคลัสพยักหน้าเห็นด้วย“แต่น้ำมันรถที่มีจะไม่พอให้เราตะลอนหาของได้ตามใจชอบน่ะสิ” โจเซฟส่ายหน้าเห็นต่าง พวกเขาไม่มีถังน้ำมันสำรองกักตุนไว้ในปริมาณมาก ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นกังวลหากต้องนำรถออกไปตระเวนหาของอย่างไม่รู้ทิศทาง“ขี่จักรยานไปไง” หงส์เสนอ“ไหวหรือ?” โจเซฟไม่ได้มีเจตนาดูถูก แต่ขี่จักรยานไปในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงเอาการ ไหนจะอากาศประเทศ T ที่ไม่ค่อยปกตินัก บางวันก็ร้อนจนอยากจะนั่งแช่น้ำทั้งวัน บางวันก็ฝนตกหวิดจะเกิดโรคระบาดจากน้ำอีกรอบ“ถ้ารู้เส้นทางเข้าเมืองก็ไม่น่าจะยากไม่ใช่เหรอคะ” อีกอย่างจักรยานที่เอามาก็เป็นจักรยานเสือภูเขา มีไว้สำหรับเร่งความเร็วอยู่แล้วถ้าเจอซอมบี้ก็แค่ใช้พลังสู้กับมัน“ถ้าไม่ออกไปหาของตอนนี้ อีกหน่อยก็ไม่เหลืออะไรให้หาแล้วล่ะค่ะ” พอมนุษย์ที่เคยเอาแต่หวาดกลัวเริ่มปรับตัวได้ พวกเขาจะสามารถเรียกความกล้าและออกไปผจญอันตรายเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอเชื่อว่าอย่างนั้นไม่มีใครเอาแต่สั่นกลัวอยู่แต่ในบ้านได้หรอก“ถ้าอย่างนั้นพิมขอไปด้วยได้ไหมคะ” หญิงสาวยกมือ“แม่!” พลอยใสตกใจตาโต “ถ้าแม่ไปพลอยก็จะไปด้วย” เด็กสาวรีบยกมือตาม ก่อนจะ
“อร่อย! อร่อยมาก!!” เขาไม่เคยกินอาหารรสชาติแบบนี้มาก่อนเลย“อร่อยก็ดีแล้วครับ ปะ พวกเรายกไปที่โต๊ะเลยดีกว่า” เห็นคนรักไม่บาดเจ็บในปากก็โล่งอก ยิ้มกว้างให้กับเมนูอาหารในวันนี้ ดีที่ตอนนั้นหลังจากได้ชิมต้มหมูชะมวงของเชฟในครัวเขาก็ไปค้นหาสูตรอาหารชนิดนี้ในอินเทอร์เน็ตต่อ ทำพลาดอยู่ 4-5 จานก็ได้รสชาติคล้ายคลึงที่สุดเท่าที่จะทำได้อืม… เขาก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย //ยืดหลังอาหารทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ภาพบรรยากาศแสนสุขก็กลับมาอีกครั้ง เด็ก ๆ ตักแกงกินกับข้าวคำโต ผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ นั่งปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร มีตรงไหนต้องปรับปรุง พอของคาวหมดก็ต่อด้วยเมนูผลไม้ล้างปาก เป็นส้มโอที่ถูกบิเนื้อออกเป็นเส้น ๆ แล้วนำไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลและน้ำปลา ได้รสชาติหวานเค็มตัดกับความเปรี้ยวอมหวานของส้มโอเมื่อไม่เหลืออาหารให้จัดการอีก ตุ่น หงส์ และทีโอก็อาสานำภาชนะทุกชิ้นไปล้างโดยมีเด็กซน 3 คนออกตัวว่าอยากไปช่วยล้างด้วย ไม่รู้ว่าไปช่วยหรือไปป่วนกันแน่ฟากมังคุดก็นั่งเลียปากเลียมือ นอนตีพุงอย่างสุขใจ มันเพิ่งเคยกินอาหารที่ชายหนุ่มทำแบบเต็มที่ เครื่องแน่น ๆ เน้น ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกอร่อยมาก… อร่อยจนไ
อีกสาเหตุหนึ่งที่เฉินเฟิงเลือกเมนูนี้ขึ้นมาก็เพราะตอนอยู่ในค่ายเขาได้ไปแลกบางสิ่งบางอย่างมาจากตลาดนัดในค่ายพันธมิตร ราคาของมันเรียกได้ว่าแพงหูฉี่ กระปุกหนึ่งราคา 8 แต้ม กว่าจะต่อรองมาได้ก็เปลืองน้ำลายไปเยอะ แต่พอแม่ค้าเห็นว่าโจเซฟยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มก็ลดราคาให้อย่างเร็วเหลือเพียง 6 แต้ม สมกับเป็นเทพเดินดินของคนในค่ายพันธมิตรจริง ๆซึ่งเจ้าสิ่งนั้นก็คือ… กะปิและน้ำมันพืชนั่นเอง!ผู้คนส่วนมากในค่ายไม่นิยมทำอาหารกินเองเพราะใช้แต้มคะแนนไปแลกอาหารที่โรงอาหารได้หลากหลายกว่าเฉินเฟิงแทบจะใช้แต้มคะแนนที่มีทั้งหมดแลกมันมาให้ได้มากที่สุด มีน้ำปลากับซีอิ๊วหวานอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย พอเห็นว่าตรงไหนมีวางขายก็อยากจะซื้อมาให้หมดเชฟใหญ่ประจำบ้านตระเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหาร มองข้าวของบนโต๊ะที่มีครบอย่างที่อาหารจานหนึ่งควรจะเป็นด้วยสีหน้าอิ่มเอิบอา… มีเครื่องปรุงพร้อมนี่มันสวรรค์ชัด ๆอิ่มเอมกับบรรยากาศเครื่องปรุงและวัตถุดิบรอบตัวเรียบร้อยแล้วก็เริ่มจากทำเครื่องแกงก่อนเป็นอันดับแรก โดยคนที่รับหน้าที่นี้คือเฉินเฟิง ส่วนสองสาวจะนั่งฉีกใบชะมวงและหั่นเนื้อตะโขงแดดเดียว ก่อนจะนำไปล้างน้ำเพื่อล้างความเค็ม