“ทำไมถึงตามผมมาละครับ” เฉินเฟิงถูกหมียักษ์พาหลบหลีกซอมบี้มาจนถึงหน้าทางเข้าโรงงานน้ำตาลที่พวกเขาอาศัยหลับนอนเมื่อคืน
“จะไปโรงงานปลากระป๋องตรงนั้นใช่ไหม” นิโคลัสไม่ตอบคำถาม ใบหน้าหล่อเหลามองซ้ายมองขวา บริเวณนี้มีซอมบี้แรกเริ่มเดินโขยกเขยกไปมา
“ครับ” เจ้ากระต่ายพยักหน้า
“ไปที่นั่นก่อน... แล้วจะเล่าให้ฟัง” แพทย์หนุ่มต่อรอง
“...” คนตัวเล็กกว่าเม้มปากชั่งใจ สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าให้
มุมปากหยักกดลึกเห็นเป็นเส้นโค้ง
‘แค่ยอมให้ไปด้วยต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทีมของเจ้าตัวล่ะ’ เฉินเฟิงได้แต่กกกอดความสงสัยเอาไว้ก่อนชั่วคราว รอให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยกว่านี้ค่อยถามก็คงไม่สาย
สองหนุ่มพากันเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนมาถึงหน้าโรงงานน้ำตาล มีบ้างที่เกิดการปะทะ แต่พวกมันล้วนเป็นซอมบี้ระยะแรกที่เดินไม่เร็วนักและการตอบสนองเชื่องช้าเหมือนกับซอมบี้ที่เห็นในหมู่บ้านที่จากมา
ซอมบี้วิวัฒนาการสามตัวที่เจอเมื่อวานนับว่าเป็นแจ็กพอตของเขาจริง ๆ
‘ซวยแท้น้อ…’
เดินไม่ถึงสิบนาทีนิโคลัสก็สามารถพาชายหนุ่มสวมฮู้ดมาจนถึงหน้าโรงงานปลากระป๋อง สภาพภายนอกนั้นเละเทะกว่าโรงงานน้ำตาลอยู่มาก
ในส่วนของตัวโรงงานผลิตเหมือนจะถูกไฟไหม้มาก่อนหน้า แต่ระบบป้องกันอัคคีภัยของที่นี่น่าจะมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงลุกลามไปไหม้โรงงานแห่งอื่นในละแวกใกล้เคียงแล้ว
เฉินเฟิงมองหลังคาและกำแพงบางส่วนที่มีสีดำเป็นถ่าน เผยให้เห็นว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดเพลิงไหม้ขึ้น
“ไปสำรวจส่วนโกดังกันดีกว่าครับ” พวกเครื่องจักรคงถูกไฟเผาหรือไม่ก็พังไปแล้วจากระบบดับเพลิง
“อืม” นิโคลัสเห็นด้วย
แพทย์หนุ่มแวะดูผังโรงงานบริเวณทางเข้าครู่หนึ่ง หลังจดจำเส้นทางได้แล้วค่อยเดินนำเจ้ากระต่ายไปยังโกดังเก็บสินค้า
“คุณนิโคลัสช่วยสอนผม... ฆ่าซอมบี้หน่อยได้ไหมครับ” เฉินเฟิงพูดเสียงเบา การเดินทางจากโรงงานน้ำตาลมาถึงที่นี่ มีบ้างที่เกิดการปะทะอย่างยากจะหลีกเลี่ยง แต่ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่คนนี้กลับสามารถใช้มีดในมือสะบัดเพียงครั้งเดียว คอที่เคยตั้งอยู่บนบ่าก็อันตรธานหายไป
พละกำลังและความเร็วสุดยอดมาก
“นิค”
“ครับ?”
“เรียกผมว่านิค” แพทย์หนุ่มย้ำ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมาที่ชายหนุ่มอย่างคาดหวัง
“อ่า คุณนิครบกวนสอนผมได้ไหมครับ” คนอยากเป็นลูกศิษย์เปลี่ยนคำเรียกให้ตามที่ต้องการ
นิโคลัสพยักหน้า พึงพอใจกับการเรียกอย่างสนิทสนมของพวกเขาทั้งสองคน ส่วนทางนี้ก็อยากเปลี่ยนจากเรียกคุณว่าที่รักบ้าง
อ่า… เหมือนจะข้ามไปเร็วเกิน
“ตอนนี้คงสอนพื้นฐานกันไม่ทัน ผมจะบอกเกี่ยวกับทริกไว้ให้คุณป้องกันตัวคร่าว ๆ ก่อนก็แล้วกันนะ” นิโคลัสอธิบายพลางมองหาเหยื่อมาทดลองให้ดู ฝ่ายลูกศิษย์ก็พยักหน้าหงึกหงัก ในสมองจินตนาการว่าตนกำลังถือสมุดจดไว้แล้ว
“ไม่รู้ว่าพวกคุณรู้เรื่องนี้กันหรือเปล่า ว่าการกัดของซอมบี้นั้นนอกจากจะทำให้ตายแล้ว ยังทำหน้าที่ในการส่งเชื้อให้กับคนที่มันกัดด้วย”
“ครับ เหมือนกับในหนังเลยใช่ไหม”
“ใกล้เคียงครับ”
“แล้วการข่วนล่ะครับ” เฉินเฟิงนึกถึงกรณีของดาริณีขึ้นมา
“ตรงนี้แหละครับที่ไม่เหมือนในหนัง เชื้อไวรัสในร่างกายของซอมบี้มักจะอยู่ในเลือดหรือน้ำลายของมัน ส่วนเล็บนั้นคาดว่าคงมาจากการสัมผัสในหมู่ซอมบี้ด้วยกัน แต่เชื้อในบริเวณนั้นจะไม่ถึงกับทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ในทันที แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดีก็มีสิทธิ์ตายเช่นกัน” นัยก็คืออย่าโดนมันทำร้ายจะเป็นการดีที่สุด
เพราะงั้นหญิงสาวที่บ้านของเขาจึงไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ แต่เชื้อไวรัสดันไปปลุกให้พลังพิเศษตื่นขึ้นมาแทน
นิโคลัสวิ่งเข้าไปใกล้ซอมบี้ที่เริ่มจับสังเกตได้ว่ามีพวกเขาอยู่บริเวณนี้
“ดวงตาของมันจะมองไม่เห็น” แน่ล่ะ ขึ้นฝ้าขนาดนั้น
“มันจะรับสัมผัสได้แค่กลิ่นและเสียง” ชายหนุ่มวกอ้อมไปด้านหลัง ซอมบี้ตัวนั้นก็ไม่ได้หันกลับไปมองทันที พอได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นจึงค่อยหันไปหลังกลับไปทางที่เหยื่อของมันอยู่ แต่ก็เชื่องช้านัก
นิโคลัสใช้จังหวะนั้นตัดคอซอมบี้ในทันที ป้องกันไม่ให้เขาพลาดพลั้งมัวแต่เอ่ยปากสอนจนโดนแว้งกัดอย่างไม่ทันตั้งตัว เหยื่อสำหรับสอนยังมีอีกเยอะ
“โดยทั่วไปแล้วคนเราจะหั่นคอคนด้วยกันนั้นไม่ง่าย แต่เพราะผมมีพละกำลังมาจากการฝึกฝนบวกกับการกลายพันธุ์ ถ้าคุณฝึกให้มาก ในอนาคตก็สามารถทำได้เช่นกัน” นี่คือข้อได้เปรียบของคนที่กลายพันธุ์นั่นเอง
พ่อหมีหนุ่มมองเลยไปยังขวานในมือของเจ้ากระต่าย
หรือไม่ก็อาจได้เลื่อนตำแหน่ง ได้รับหมายเลขนัมเบอร์เหมือน W03 จากนั้นก็จะได้ติดตามนายท่านไปทุกหนทุกแห่ง…บึ้ม!!“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงระเบิดดังกึกก้อง ปลุกหัวหน้าเทวทูตที่กำลังเพ้อฝันถึงความเจริญก้าวหน้าในการงานให้หลุดจากภวังค์“พะ พวกมันทำลายโดรนเลเซอร์ครับ” ลูกน้องเร่งรายงาน แม้จะถูกทำลายไปเพียงตัวเดียว แต่แค่นั้นก็นับเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว“ได้ยังไง! นายท่านทุ่มเทกับอาวุธชิ้นนี้มาก มันจะไปพังได้ยังไง!”“อยู่ๆ มันก็ขยับเข้าไปในทิศทางของเลเซอร์จากโดรนเครื่องอื่นครับ แล้วก็…” ตูม! ระเบิดเป็นจุณ...“อะไรกัน มีของเล่นน่าสนุกอยู่ด้วยนี่นา” ในขณะที่ทุกคนกำลังงงงวยกับอาวุธของศัตรูที่ถูกทำลาย กลับมีชายคนหนึ่งสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าเดินเข้ามาในวงต่อสู้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเลยแม้แต่น้อย“หัวหน้า” แต่สมาชิกกองกำลังย่อมจดจำครูฝึกของตนเองได้ขึ้นใจ เพราะการฝึกฝนอันหนักหน่วงของหัวหน้า ต่อให้ไม่อยากจำแค่ไหนก็ยังสลักลึกในสมองอยู่ดี“สถานการณ์ไม่สู้ดีเลยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเย้าเหล่าลูกเจี๊ยบในสังกัด“ครับ โดรนนั่นค่อนข้างเร็ว พลังพิเศษที่พวกเรามีไล่ตามไม่ทันเลย” ส่วนมากในกองกำลั
ฟากคิวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ชายหนุ่มพยายามสลัดพวกเทวทูตเก๊และหาทางไปให้ถึงตัวหัวหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่เหมือนพวกมันจะไม่ยอม ทั้งยังเข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆจะขอให้คนอื่นช่วยก็ไม่ได้เพราะมีสภาพไม่ต่างกัน จากที่เคยสู้หนึ่งต่อหนึ่งหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยก็ต้องรับศึกหลายด้าน พวกมันกรูกันเข้ามาไม่ให้พักหายใจหายคอเลย“จงสำนึกเสียใจเสียเถอะที่ทำให้ต้องหยิบอาวุธชิ้นนี้มาใช้” หัวหน้ากลุ่มเทวทูตมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีนิลมีประกายเยียบเย็นเวลานี้ปืนเลเซอร์ประจำตัวถูกปลดล็อกให้เข้าสู่โหมดต่อสู้เต็มกำลังแล้ว และมีเพียงมันเท่านั้นที่นายท่านยอมให้ใช้อาวุธชิ้นดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว“คำพูดโคตรเบียว” เกมเบะปาก “อย่างกับคัดลอกบทพูดตัวโกงในการ์ตูนช่อง X มาเลย”“เดี๋ยวเถอะ” กรอยากจะดีดปากเจ้าตัวแสบให้หายปากไว เห็นสีหน้าพวกมนุษย์นกไหม หน้าตาใกล้จะเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่แล้ว“…”“ผมคิดว่าพวกลูกน้องหมอนั่นก็ต้องคิดเหมือนกันแหละ ว่าคำพูดแบบนี้มีแต่เด็กที่อินกับการ์ตูนเท่านั้นแหละที่จะพูดออกมา” เกิดความเงียบเป็นวงกว้างโดยที่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว นอกจากฝั่งศัตรูที่มีสีหน้าเหมือนกลืนยาขม ก็มีเพื่อนร่วมทีมภายใน
…“เอ่อ พวกเขาเป็นใครกันเหรอครับ” ลูกน้องของเอเห็นว่าความสนใจของเทวทูตถูกหันเหไปยังกลุ่มคนปริศนาจนหมด พวกตนจึงหาที่ซ่อนตัวพร้อมกับชมการต่อสู้นี้ชนิดติดขอบเวที“นอกจากทหารทั่วไปกับทหารรับจ้างแล้ว ค่ายเรายังมีกองกำลังอีกหนึ่งกลุ่มที่ไม่ขึ้นตรงกับใครและได้รับการฝึกฝนจากคุณโจเซฟเป็นพิเศษ” เป็นแบบนี้ให้ปิดเป็นความลับต่อไปก็คงไม่ได้แล้ว“คนพวกนั้นจะถูกเรียกว่า ‘กองกำลังพิเศษ’ ถูกเตรียมการไว้เพื่อต่อกรกับองค์กร SW โดยเฉพาะ” เออธิบายสั้นๆ ใจความกระชับ พาให้สายตาลูกน้องในทีมหันไปมองยังกลุ่มคนที่มีไม่ถึงยี่สิบ แต่สามารถต่อกรกับเทวทูตและอาวุธทำลายล้างได้โดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสเลยอย่างมากก็มีแค่แผลถลอกพอเรียกให้เลือดซึมออกมาเล็กน้อย สำหรับทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก ไม่นับว่าเป็นแผลได้ด้วยซ้ำ“โคตรเท่!” ทั้งวาดลวดลายอยู่บนอากาศหรือต่อสู้อยู่บนหลังคาสูง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีอาการเหนื่อยหอบให้เห็นเลยสักนิดเดียว คนพวกนี้ทำได้ยังไงกันแถมยังกำจัดเทวทูตปลอมๆ พวกนั้นไปได้เกือบครึ่งแล้วด้วย!…“ชิ ฉันจะเปลี่ยนอาวุธ พวกแกมาจัดการหมอนี่ที” หัวหน้าเทวทูตที่สู้ติดพันอยู่กับคิวกระพือปีกบินขึ้นสูงพลาง
“!!!”ลูกน้องของเอที่กำลังหัวเราะสะใจกันอย่างครึกครื้นหันซ้ายมองขวาหาต้นตอของเสียง เป็นเอที่รู้ตัวก่อนใคร เงยหน้ามองท้องฟ้าที่บัดนี้ไม่ได้มีเพียงก้อนเมฆอีกต่อไป แต่ยังมีมนุษย์นกจำนวนมากกว่า 100 คนพร้อมด้วยอาวุธหน้าตาแปลกประหลาดในมือ“มาจนได้นะ พวกร่างโคลน” การโคลนนิ่งคนมาตัดต่อพันธุกรรมเข้ากับนกและเรียกมนุษย์กลุ่มนี้ว่าเทวทูตเป็นข้อมูลที่โจเซฟล้วงมาได้นานแล้ว หมาป่าหนุ่มจึงไม่ประหลาดใจนักยามเห็นคนกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในกองกำลังสำคัญของเกรย์สัน“พวกเราคือกลุ่มที่นายท่านขนานนามให้ว่าเทวทูต จงดีใจเสียเถอะที่ได้ตายเร็วแบบไม่ทรมาน” หนึ่งในเทวทูตที่คาดว่าเป็นหัวหน้ายกอาวุธคล้ายปืนแต่มีรูปทรงและดีไซน์แปลกประหลาดประทับบนบ่า“เบียวฉิบหาย” ลูกน้องของเอแขวะ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอาวุธหน้าตาประหลาดนั้นมีอานุภาพร้ายแรงเพียงใด“หลบเร็ว!” เอเห็นท่าไม่ดีรีบสั่งการให้ลูกน้องหนีออกจากดาดฟ้าที่ใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ ก่อนที่ในอีกกี่วินาทีต่อมาจะมีลำแสงพุ่งเข้าจู่โจมทำลายจุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่เมื่อลมพัดเศษฝุ่นให้ปลิวไปตามสายลมก็เผยให้เห็นพื้นคอนกรีตที่ถูกอาวุธของศัตรูละลาย แม้แต่โครงเหล็กด้านในก็ยังไม่สามารถต้านท
“พวกมันเป็นยังไงบ้าง” เกรย์สันยกแก้วบรรจุไวน์องุ่นขาวเลิศรสขึ้น มือหนาแกว่งแก้วเบาๆ ก่อนจะจิบไปเพียงเล็กน้อย พอให้รสหวานหอมอบอวลอยู่ภายในโพรงปาก“มีประเทศ M, P, H, E และประเทศ Q ที่ต้านทานไม่ไหวครับ พวกที่เหลือรอดอยู่ก็หนีกระจัดกระจายไปซ่อนตัวตามเมืองร้างหรือหนีเข้าป่าแล้วครับ ส่วน 5 ประเทศพันธมิตรแถบภูมิภาคเอเชียยังคงต้านทานไว้ได้” มนุษย์นกอินทรีที่หายจากอาการบาดเจ็บแล้วกล่าวรายงาน“หึ เหนียวจริงนะ” เจอไปขนาดนั้นแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ได้อีก “แล้วพวกคนที่แข็งแกร่งของแต่ละประเทศล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ส่วนมากจะถูกเรียกตัวกลับไปประจำที่ค่ายหลักครับ ทางหน่วยสังเกตการณ์ยืนยันว่าเป็นตัวจริง” อย่างประเทศ T ก็มีหน่วยสอดแนมเห็นว่ากลุ่มของโจเซฟกำลังต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ในวันแรก ก่อนจะกลับเข้าไปพักในกำแพงแล้วให้ทีมอื่่นมารับหน้าที่ต่อ“ดี ในเมื่อไปรวมกันอยู่ในเมืองก็เข้าทางแผนของเรา” นักวิทยาศาสตร์หนุ่มกระดกไวน์ครั้งเดียวหมดแก้ว “ปล่อยทัพเสริมลงไป” พร้อมกับสั่งการด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย ราวกับได้เห็นพวกมดปลวกหมดอาลัยตายอยากจากการโจมตีในครั้งนี้“ให้ปล่อยที่ไหนบ้างครับ” จริงอยู่ว่ากองกำลังที่สร้
ดังนั้นก่อนพามาร่วมภารกิจด้วย คุณหมอหนุ่มทั้งเคี่ยวและเข็นสามเด็กแสบมาหนักมาก ทั้งยังมีบททดสอบสุดท้ายให้ได้ทำ หากไม่ผ่านต้องกลับไปอยู่กับเพื่อนที่ทำงานซัพพอร์ตอยู่ในหลุมหลบภัยแต่โดยดี“กลับมาแล้วคร้าบบ~” เด็กชายดลที่รู้ตัวเองดีว่าพลังใกล้จะหมดรีบกลับมายังฐานบัญชาการลับนอกค่าย ใบหน้าเล็กมีเหงื่อผุดซึมเป็นหย่อมๆ พร้อมกับอาการหอบเพราะออกซิเจนในอากาศมีน้อย“เตรียมกลับไปที่ฐานเลย แผนต่อไปจะเริ่มแล้ว” นิโคลัสสั่งเสียงขรึม ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “วันนี้ทำได้ดีมาก” เอ่ยชมเด็กแสบที่ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่“พวกพี่ก็สู้ๆ นะครับ” เด็กชายดลแม้จะเหนื่อยหอบก็ยังชูกำปั้นส่งรอยยิ้มทะเล้นไปให้“อย่าแพ้เขานะคะ” พลอยใสให้กำลังใจอีกคน“ระวังพวกลิงไว้ด้วยนะครับ มันเจ้าเล่ห์กว่าเสือโคร่งอีก” และคำเตือนจากปอนด์เป็นคนสุดท้าย“ได้ พวกเราจะระวัง” เมื่อเป็นคำเตือนจากผู้มีพลังพิเศษมองเห็นนิมิตได้ ชายหนุ่มย่อมไม่มองข้าม ถ่ายทอดคำเตือนนี้ผ่านช่องทางสื่อสารให้กับทีมต่อไปทันที“กองกำลังพิเศษทีมที่หนึ่งออกปฏิบัติการได้ ฆ่าได้ฆ่าเลย” พร้อมกับเริ่มดำเนินแผนขั้นต่อไปกับกองทัพสัตว์กลายพันธุ์ที่ยังมีสติเหลืออยู่[ รับท