“ข้อแรก อย่าเหวี่ยงขวานออกไปจนสุดแรง ไม่อย่างนั้นถ้าถูกตลบหลังจะทำให้เปลี่ยนการเคลื่อนไหวไม่ทัน ควรใส่แรงลงไปแค่ 40%” อธิบายเสร็จก็ไปลากซอมบี้มาเป็นหนูทดลองอีกหนึ่งตัว แพทย์หนุ่มใช้เชือกที่เฉินเฟิงเตรียมมาพันรอบคอซอมบี้ไว้ไม่ให้กระโจนไปหาลูกศิษย์ทีเผลอ ส่วนสายตาก็สอดส่องรอบข้างอยู่ตลอดเวลา “แล้วก็อย่าโถมไปข้างหน้าเวลาฟันลงมา อาจทำให้เสียหลักได้”
“...” เฉินเฟิงเม้มปากแน่น มือทั้งสองข้างจับด้ามขวานแน่
“เหวี่ยงจากบนลงล่าง ถ้ามันยังไม่ตายก็ค่อยกลับสันขวานแล้วเหวี่ยงขึ้นอีกที”
เจ้ากระต่ายจินตนาการภาพในสมองครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ครูฝึกปล่อยซอมบี้มาใกล้เขาได้
นิโคลัสผ่อนแรงกำเชือกเล็กน้อย ซอมบี้พลันถลันตัวไปหาเฉินเฟิงแทบจะทันที
ซอมบี้ที่ถูกหยิบยกมาเป็นเหยื่อพยายามตะเกียกตะกายมาทางชายหนุ่มหูกระต่าย
มันได้กลิ่น... ได้กลิ่นอาหาร!
เฉินเฟิงกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ในหัวพลันนึกถึงซอมบี้ตัวแรกที่เขาฆ่าไปเมื่อวาน คนคนนั้นก็เหมือนกับคนตรงหน้า สวมใส่ชุดพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมด้านหลัง เคยมีชีวิตและสังคมเป็นของตนเอง แต่มาวันนี้กลับกลายเป็นผีดิบไร้จิตวิญญาณ ได้แต่กัดกินสิ่งมีชีวิตด้วยกันประทังความต้องการอันไม่สิ้นสุด
กลิ่นเนื้อเน่าจากซอมบี้พาให้คนย่นจมูก
‘เหม็นสุด ๆ ไปเลย’
เจ้ากระต่ายกระชับด้ามขวานในมือ เรียกขวัญและกำลังใจ
“หาจุดศูนย์ถ่วงร่างกาย อย่าลืมว่าห้ามโถมตัวมาด้านหน้า” นิโคลัสย้ำ
คนเป็นลูกศิษย์พยักหน้าเชื่อฟัง กางขาออกเล็กน้อย ให้ระยะห่างเหลื่อมกันพอประมาณ จากนั้นก็เงื้อขวานขึ้นฟันลงไปบริเวณเหนือไหปลาร้า ทันทีที่เกิดบาดแผลเลือดสีดำก็ล้นทะลักออกมา
และเป็นอย่างที่ครูฝึกว่า ถ้าเขาไม่ใส่เต็มแรง คอก็จะไม่ขาดออกจากกันทันที เฉินเฟิงชักเท้ากลับไปด้านหลังหนึ่งก้าวเพื่อหลบไม่ให้ตนเองต้องเปื้อนเลือดของซอมบี้ จากนั้นก็พลิกข้อมือตวัดขวานขึ้นฟันย้ำเข้าที่จุดเดิม
ตุบ
ศีรษะซอมบี้กระเด็นไปไกล ส่วนตัวของมันก็ล้มพับนอนแน่นิ่งกับพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลเจิ่งนอง
“แฮ่ก ๆ” แม้ว่าจะเป็นการฆ่าครั้งที่สอง... ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด
“หายใจเข้าลึก ๆ” นิโคลัสเดินเข้ามาพยุงไม่ให้ลูกศิษย์เป็นลมล้มลงไป เขาพอเดาอาการของคนตัวเล็กกว่าได้ ครั้งแรกที่เขาฆ่าคนในคราบซอมบี้ก็เป็นเช่นนี้
ถึงจะเป็นทหารแลกเปลี่ยน แต่เขาก็ยังไม่เคยฆ่าคนมาก่อน ดังนั้นจึงเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี
แพทย์หนุ่มพาคนที่กำลังสะเทือนใจไปพักในร่มไม้ สายตาก็คอยระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา
“นั่งพักปรับลมหายใจตรงนี้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปสำรวจทีหลัง” ขืนไปทั้งอย่างนี้คงได้กลายเป็นอาหารซอมบี้แทน
“ครับ” เฉินเฟิงเองก็ไม่ดื้อไม่ซน พยักหน้าทำตามคำแนะนำไม่อิดออด
นั่งพักประมาณ 10 นาที อาการคลื่นเหียนชวนอาเจียนก็ดีขึ้น เจ้ากระต่ายกระตุกชายเสื้อคนตัวโตกว่าเป็นนัยว่าพร้อมออกเดินทางต่อแล้ว ขืนพวกเขานั่งพักนานกว่านี้คงได้มีซอมบี้โผล่เข้ามาอย่างไม่รู้ตัว
ระยะห่างจากทางเข้าไปถึงโกดังเก็บสินค้านั้นเกือบสามกิโล ทำให้นิโคลัสพอมีเวลาสอนการต่อสู้พื้นฐานไปได้พอสมควร ทั้งยังเสนอแนะว่าถ้าหากมีซอมบี้เกินสามตัวให้คิดหนีไว้ก่อนถ้าไม่มั่นใจว่ารับมือได้จริง ๆ
เทียบกันแล้ว หากเป็นโรงงานอื่นคงมีซอมบี้เดินเพ่นพ่านมากกว่านี้ แต่ในวันเกิดเรื่องโรงงานนี้กำลังอยู่ในช่วงทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคเนื่องจากมียอดผู้ติดเชื้อโรคระบาดเป็นจำนวนมาก ทำให้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ต้องมาอยู่อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อีกทั้งในคืนวันที่มนุษย์กลายพันธุ์ ซอมบี้ที่นี่ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ จึงมีหลายตัวที่ถูกไฟคลอกกลายเป็นถ่าน
หลังเห็นว่าอีกฝ่ายอาการดีขึ้นแล้ว นิโคลัสก็ไม่ได้จับซอมบี้มาให้ทดลองฆ่าอีก เป็นตัวเขาที่เคลียร์เส้นทางไปจนถึงหน้าโกดังเก็บสินค้า
แพทย์หนุ่มทำสัญญาณว่าให้พวกเขาหยุดก่อนถึงหนึ่งกิโล จากตรงนี้มองเห็นซากซอมบี้นอนเกลื่อนพื้น... หมายความว่ายังไง
พวกมันตายแล้ว?
“แปลกเกินไป” นิโคลัสเองก็สงสัยในจุดนี้
“หรือจะมีคนอื่นมาที่โกดังนี้ก่อนเรา” อาจเป็นพนักงานของโรงงานที่รอดชีวิต
“ไม่น่าใช่” แพทย์หนุ่มมีลางสังหรณ์ว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่าผู้รอดชีวิตธรรมดา
“ถอยไปดูโรงงานอื่นดีกว่าไหมครับ” เฉินเฟิงเสนอ
“...” ชายหนุ่มชั่งใจ ที่นี่นับว่ามีซอมบี้น้อยมากทำให้พวกเขาไม่ต้องเปลืองแรงกำจัด มีแค่บริเวณโกดังเก็บสินค้าเท่านั้นที่ดูแปลก
ถ้าในเวลานี้เขามากับทีมเดิมคงไม่เป็นกังวลเท่าไรนัก แต่ตอนนี้เขามากับเฉินเฟิงที่ประสบการณ์การต่อสู้ยังน้อยนิดเกินไป
เขาสู้ไหว
แล้วอีกคนล่ะ?
เพราะฉะนั้นถอยก่อนดีกว่า
“เหมือนท่านมีเรื่องอยากจะพูดนะครับ” คนถูกปิดปากส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ ดวงตาจดจ้องนักวิทยาศาสตร์ที่เคยมีสีหน้าอึกอักทุกครั้งเมื่อต้องประชุมกับเหล่าผู้นำ ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายให้พวกเขาเห็นมาตลอดหลายปีจะเป็นเพียงหน้ากากที่เจ้าตัวสวมใส่ชายวัยกลางคนที่เคยมีผู้คนนับหน้าถือตา เพราะเป็นถึงผู้นำประเทศมหาอำนาจ มาวันนี้ต้องถูกมัดติดเก้าอี้ไม่สามารถกระดุกกระดิกตัวได้แม้แต่นิ้ว เหลือบมองไปทางไหนก็เจอแต่พรรคพวกที่หมดสติคอพับคออ่อน ไม่มีใครเลยสักคนที่ตนจะร้องขอความช่วยเหลือได้“อื้อ ๆ ๆ” อดีตผู้นำผงกศีรษะขึ้นลงรัวเร็ว หากนัยน์ตาส่งเสียงได้คงร้องขอให้คนตรงหน้าไว้ชีวิตตน จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น“แต่เสียใจด้วย ผมฟังคุณพูดมาหลายปีแล้ว” ตั้งแต่ก่อนเขาจะริเริ่มทำองค์กรนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำอ่า… น่าจะตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์ตัวเล็ก ๆ ที่ตระเวนยื่นผลการวิจัยขอร้องให้พวกประเทศมหาอำนาจหยุดใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินจำเป็น เขาฟังคำพูดปฏิเสธที่กล่าวหาว่างานวิจัยฉบับนี้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันมานานจนแทบท้อแท้… เขาฟังมาพอแล้วจริง ๆ“หลับสักหน่อยนะครับ ตื่นมาอีกครั้งคุณก็ไม่ใช่คุณคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เ
…ในระหว่างที่โจเซฟเริ่มกระตุ้นพลัง ทางฝั่งค่ายพันธมิตรก็กำลังยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาต้องคัดพวกที่เป็นหนอนบ่อนไส้ไปทำงานก่อสร้างเส้นทางรถไฟให้มากที่สุด ไปทำงานแบกหามก็ยังช่วยประหยัดแรงได้เยอะ“สวัสดีทหารใหม่ทุกคน” ท่านนายพลอธิออกมาต้อนรับทหารประจำการชุดใหม่ที่เพิ่งปิดรับสมัครไปเมื่อวาน ชายวัยกลางคนจดจำไว้หมดแล้วว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้จากทหารใหม่จำนวน 319 คนมีคนที่องค์กร SW ส่งมาแฝงตัวมากถึง 25 คน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ในวันนี้เขาจึงได้ออกหน้ากล่าวต้อนรับพร้อมทั้งบอกถึงความสำคัญเรื่องการสร้างเส้นทางรถไฟ จึงขอแบ่งทหารใหม่บางส่วนไปช่วยก่อสร้างทางรถไฟด้วย แน่นอนว่ามีแต้มค่าแรงสองเท่ามอบให้กับทั้งตัวเองและครอบครัวแต่ทุกคนที่มาสมัครไม่มีใครอยากไปเป็นแรงงาน พวกเขาตั้งใจสมัครเข้ามาเป็นทหารเพื่อฝึกฝนร่างกายรอวันปกป้องความสงบสุขของค่าย ใครจะไปอยากทำงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะการฝึกฝนพวกนั้น เมื่อมีเสียงคัดค้านมากเข้าท่านนายพลจึงขอใช้วิธีการจับสลาก“การไปช่วยสร้างเส้นทางรถไฟข้ามประเทศก็ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าจดจำ ถ้าอย่างนั้นใครก็ตามที่จับสลากได้ไปทำงานนี้ เมื่อกลับมาผมจะเลื่อนตำแหน่งให้ 3 ขั้นเลย”“ไ
กว่าจะเคลียร์พื้นที่เสร็จก็ใช้เวลาไปมากกว่าสามชั่วโมง ขยับตรงนั้น ปรับหน้าดินตรงนี้ การมีคนที่สามารถใช้พลังพิเศษได้ถึง 16 คนทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก“จริงสิ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่ามีผลิตภัณฑ์ส่งออกใหม่ ได้อะไรมาเหรอครับ” ก่อนจะเดินเข้าป่ามา เขาเห็นเหมือนมีโรงเรือนแห่งใหม่เพิ่มขึ้นมา ด้านในคล้ายจะเป็นบ่อปูนซีเมนต์ทรงกลม“คุณเฉินเฟิงรู้จัก ‘ผำ[1]’ ไหมคะ” หญิงสาวเริ่มอธิบายในขณะเดินกลับมาที่หมู่บ้าน“ผำ?” โจเซฟกับนิโคลัสทวนคำแล้วมองหน้ากัน“เอ๋ ที่นี่มีผำด้วยเหรอคะ” ไหนว่าไม่มีแหล่งน้ำเป็นดาริณีที่คุณเคยกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยถาม“พวกเราส่งคนไปสำรวจค่ะ ห่างจากที่นี่ไปเกือบ 40 กิโลเมตรมีอ่างเก็บน้ำอยู่ ตอนที่เห็นว่าบนผิวน้ำมีพืชสีเขียวปกคลุมหนาแน่นก็คิดว่าเป็นตะไคร่น้ำหรือไม่ก็พวกจอกแหนแต่มีคุณลุงที่มีความรู้เรื่องพืชบอกว่าสีเขียวบนแผ่นน้ำเป็นพืชที่นำมาประกอบอาหารได้ ก็เลยนำกลับมาเพาะพันธุ์ที่หมู่บ้านค่ะ” แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเจริญเติบโตได้ดีมาก ๆ แค่ไม่กี่วันก็เพิ่มน้ำหนักครึ่งกิโลกรัมที่ใส่ลงไปในหนึ่งบ่อเป็น 2-3 กิโลกรัมได้พอลองนำมาประกอบอาหารก็พบว่ามีเนื้
“ที่ด้านหลังมีพื้นที่ป่าไม้มากพอให้ทำที่อยู่อาศัยและสถานที่ฝึกลับ ๆ เพียบเลยค่ะ” ไม่ต้องกังวลว่าจะมีพื้นที่ไม่พอ“ส่วนเรื่องอาหาร ทางเราเองก็มีผลิตภัณฑ์ประจำหมู่บ้านชิ้นใหม่ที่ให้ทั้งโปรตีนและคลอโรฟิลล์ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้ร่างกายหนัก ๆ พอดี” พอมีผู้ใช้พลังพิเศษหลากหลายขึ้น การพัฒนาปรับปรุงหมู่บ้านครั้งใหญ่ก็ทำให้พวกเขาค้นพบพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วและมีประโยชน์ต่อร่างกาย“เรื่องนั้นทางค่ายจะจัดส่งอาหารมาสมทบไม่ขาด ไม่ต้องกังวลหรอก” โจเซฟไม่คิดจะให้กองกำลังพิเศษมาปล้นเสบียงอาหารของหมู่บ้านด้วงสาคูแน่นอกจากนี้การฝึกกองกำลังต้องใช้คนมาก การร่วมมือกันในครั้งนี้ต้องทำให้หมู่บ้านด้วงสาคูพัฒนาไปอีกขั้นได้แน่นอน“แล้วเรื่องเด็กที่เพิ่งคลอดล่ะครับ” ในระหว่างที่มีการต่อสู้กับซอมบี้ระดับสอง หญิงสาวที่อพยพไปอยู่หมู่บ้านครูเมตตาคนหนึ่งเกิดคลอดก่อนกำหนดเพราะความเครียด“ทั้งแม่และเด็กยังอยู่กับครูเมตตาค่ะ คนอื่นที่ตั้งครรภ์ก็ยังอยู่ที่นั่นเหมือนกัน พวกเราค่อนข้างกลัวว่าการเดินทางกลับหมู่บ้านจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวไม่เต็มที่ ส่วนเด็กทารกก็ให้พวกเขาตัดสินใจกันเองว่าจะเลี้ยงหรือฝากให้ครูเม
คู่รักหมีกระต่ายฝากฝังวิธีการดูแลผู้ป่วยไม่ได้สติกับตุ่นอย่างไม่มีตกหล่น นอกจากนี้ยังสอนวิธีการประกอบอาหารเหลวง่าย ๆ ให้อีกด้วย“เดินทางปลอดภัยนะ เดี๋ยวทางนี้ดูแลให้เอง” ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือการฝึกสอนผู้มีพลังพิเศษในหมู่บ้านที่เพิ่งได้รับการกระตุ้นพลัง เขาไม่นิ่งดูดายอาศัยอยู่ที่นี่เฉย ๆ แน่นอน“ขอบคุณมากเลยนะครับพี่ตุ่น” เฉินเฟิงกล่าวขอบคุณพลางเก็บอาหารเหลวที่ทำตุนไว้ให้ในช่วงสัปดาห์แรกใส่ตู้เย็น เช็กทุกอย่างจนแน่ใจแล้วว่าไม่ขาดตกบกพร่องถึงค่อยออกจากหมู่บ้านไปตามเส้นทางรถรางเวลานี้มีชาวบ้านที่ปลุกพลังสายฟ้าได้ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพลังงานไฟฟ้าอีกต่อไป ส่วนการแลกเปลี่ยนกับหมู่บ้านครูเมตตาก็ปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแทนและเพราะแบบนั้นทำให้พวกเขาสามารถใช้ตู้เย็นหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้อย่างประหยัด ด้วยตัวผู้มีพลังเพิ่งจะอยู่ในระดับแรก หากฝืนใช้พลังเกินตัวอาจหมดสติได้ส่วนกรที่คาดหวังกับพลังพิเศษมากกว่าใคร ในที่สุดเจ้าตัวก็สามารถปลุกพลังไฟเหมือนกับนิโคลัสได้ พอจุดไฟติดก็กระโดดโลดเต้นอยู่พักใหญ่ เห็นบอกว่าเป็นพลังของพวกตัวเอกในนิยายหรือการ์ตูนที่ชอบดูต
คนที่ถูกติ๊กผ่านด้วยปากกาสีน้ำเงินคือคนธรรมดา แต่ถ้าถูกติ๊กช่องผ่านด้วยปากกาสีแดงหมายความว่าเป็นคนที่องค์กรนั้นทำการโคลนนิ่งมาแทนที่คนเก่าที่ต้องแบ่งแยกสีก็เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตเกินไป ถ้าหนอนบ่อนไส้ตกรอบกันหมด พวกองค์กรนั้นต้องบุกโจมตีพวกเขาอีก ดังนั้นจึงต้องคละ ๆ กันไป แต่คนที่ถูกติ๊กด้วยปากกาสีน้ำเงินจะถูกพิจารณาคัดเลือกไปเป็นหนึ่งในกองกำลังพิเศษเมื่อครบกำหนดการฝึกฝนร่างกายส่วนพวกหนอนก็ปล่อยให้ทำงานจิปาถะในค่าย หรือไม่ก็พาไปทำภารกิจแล้วถือโอกาสเก็บกวาดเสียตรงนั้น กลับมาก็ค่อยแจ้งว่าตายในหน้าที่แผนการนี้ถูกคิดอย่างรอบคอบโดยท่านนายพลอธิและโจเซฟ ต้องทำให้พวกมันตายใจให้มากที่สุด งานเบื้องหลังจะได้ราบรื่นนอกจากงานคัดเลือกทหารประจำการแล้ว สำนักงานภารกิจยังออกภารกิจใหม่ให้กับผู้ที่มีพลังพิเศษสายโลหะและพลังกายโดยเฉพาะ นั่นก็คือการก่อสร้างเส้นทางรถไฟมิตรภาพเชื่อม 5 ประเทศเข้าด้วยกันหลังจากประกาศภารกิจนี้ไปได้ไม่นานก็มีคนหลั่งไหลเข้ามาสมัครเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนต่างชาติที่ติดอยู่ภายในประเทศไม่สามารถหาทางกลับบ้านตนเองได้ ถือโอกาสติดสอยห้อยตามกลับประเทศบ้านเกิด ต่อให้ไปเป็นกรรมกรขน