“เชื่อเขาเลย” หงส์กลอกตามองเพดานโรงงานน้ำตาล เป็นไปได้เธอก็อยากจะกลอกให้มันทะลุออกมา จะได้ยืนยันว่านี่เป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน
ว่าตอนนี้เพื่อนร่วมทีมเธอหนีตามผู้ชายไปแล้วจริง ๆ
“เดี๋ยวหมอนั่นก็กลับมา” โจเซฟเช็กประตูโรงงานอีกครั้งว่าปิดสนิทดีแล้ว ทั้งยังให้ตุ่นหาตู้มาปิดทับไว้ก่อนป้องกันไม่ให้มีคนนอกเข้ามาก้าวก่ายการสำรวจ ส่วนซอมบี้ด้านหน้าโรงงานก็ถูกจัดการไปเพียงเล็กน้อย ฉวยจังหวะที่เหลือไม่มากรีบเข้ามาด้านใน
เก็บแรงได้ก็เก็บ ถ้าต้องฆ่าต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะมีตัวอื่นโผล่มาไม่จบสิ้น
“ดูทรงแล้วน่าจะอยู่ยาวเลยมั้งคะนั่น” หลงเขาหัวปักหัวปำ
เธอเป็นเจ้าหญิงดิสxx หรือนิโคลัส
“พวกเราก็แค่หาหมอใหม่” ตุ่นไม่ได้ซีเรียสกับการจากไปของแพทย์หนุ่มนัก วันสิ้นโลกทำให้รู้ว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นยิ่งกว่าสั้น ถ้าไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องและที่พักอาศัย เขาก็อยากจะอยู่กับภรรยาในบ้านหลังเดิมโดยที่ไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเหมือนกัน
“หมอนั่นบอกว่าจะกลับมา” โจเซฟเอ่ย
‘ผมไม่วางใจปล่อยให้เขาไปคนเดียว ขอผมอยู่กับเขาก่อน’ นี่คือประโยคสุดท้ายที่นิโคลัสพูดกับหัวหน้าอย่างโจเซฟก่อนจะพาเฉินเฟิงออกวิ่งไปอีกทาง
“ไม่แน่ว่ากลับมาอีกทีเราอาจได้สมาชิกเพิ่มก็ได้นะ” ทีโอพูดขึ้นทีเล่นทีจริง
“หืม… ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้สูง” เธอเองก็รู้สึกดีกับเด็กหนุ่มตาสีทับทิมคนนั้นด้วยสิ หรือไม่เธอก็ถูกตกด้วยใบหูสีขาวน่าบีบคู่นั้น
อยากลองจับดูสักครั้งจัง... ต้องนุ่มนิ่มแน่เลย
กรรรซ์
เสียงคำรามในลำคอดังขึ้นพร้อมกับซอมบี้พนักงานโรงงานค่อย ๆ ทยอยออกมาทีละตัว แค่ด้านหน้าจำนวนก็เกือบสิบตนเข้าไปแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเข้าไปลึกขึ้นถึงไลน์การผลิตบริเวณนั้นจะมากมายมหาศาลเพียงใด
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมีแต่ต้องถอยไปสำรวจที่อื่น และทดเรื่องปริมาณซอมบี้ไว้ในรายงาน ให้ทางฝั่งฐานส่งกำลังหลักมาจัดการในภายหลัง
“เอาล่ะ ทำงาน ๆ “ โจเซฟหยิบมีดสั้นและมีดยาวประจำตัวออกมา หลังการทดลองในเบื้องต้น ซอมบี้เหล่านี้ไวต่อเสียงและกลิ่นเลือด ถ้าหากใช้ปืนจะเป็นการเรียกเจ้าพวกนี้มาเพิ่มมากกว่า
ทีโอเก็บแผนที่โรงงานไว้ในเป้ จดจำข้อมูลเส้นทางได้ครบหมดแล้ว
“มาเลย” ตุ่นก้าวไปข้างหน้ารับหน้าที่เปิดเกมก่อนเป็นคนแรก ตามมาด้วยโจเซฟและหงส์ ส่วนหนุ่มน้อยทีโอคอยระวังไม่ให้ถูกตลบหลัง
โจเซฟพาคนในทีมเดินไปถึงส่วนที่เป็นสำนักงาน แสดงว่าไลน์การผลิตต้องอยู่ด้านหลัง…
แฮร่!!!
“หัวหน้า! “ หงส์ร้องเรียก
ชายหนุ่มรีบกระโดดหลบการพุ่งเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัวของเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์นี้ได้ทัน ต้องขอบคุณการฝึกฝนของเขาที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อการจู่โจมแบบไม่คาดฝันได้เสมอ
ท่อนแขนแกร่งตวัดมีดสั้นในมือขวาปักเข้าศีรษะของซอมบี้เพื่อสร้างระยะห่าง จากนั้นใช้มีดยาวในมือซ้ายบั่นคอให้หลุดออกจากร่าง
ตุบ
ร่างกายท่อนล่างของมันอ่อนยวบลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
“แจ็กพอตใช่ไหม” เพราะไม่ได้มีส่วนใดของร่างกายวิวัฒนาการเช่นเดียวกับลูกน้อง ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของชายหนุ่มจึงไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา อาจจะมีมากหน่อยเพราะได้รับการฝึกฝนเท่านั้น
“ค่ะ ได้ยินเสียงน้อยมาก” หงส์ตอบ ซอมบี้ตัวเมื่อครู่นั้นเธอได้ยินเสียงเบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะในโรงงานมีเสียงสะท้อนพอสมควรก็เป็นการยากที่จะแยกแยะได้
“ต้องให้ทางฐานมาจัดการกับซอมบี้ในละแวกนี้ก่อนถ้าอยากได้อาหาร” จะปล่อยให้มันกินกันเองแล้ววิวัฒนาการไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด... ไม่อย่างนั้นมนุษยชาติจบสิ้นแน่
[จ้ะ ไม่มีอาการแทรกซ้อนแปลก ๆ อะไร แล้วลูกล่ะ กลายพันธุ์อย่างเดียวเหรอ?] มาดามเอเลนหมุนตัวให้ลูกชายดู“ผมมีพลังไฟครับ ส่วนคนรักก็มีพลังพฤกษา” นิโคลัสเลือกบอกพลังเบื้องต้นของทั้งคู่ ไม่ลงลึกถึงระดับพลังที่ถือครองอยู่ เผื่อมีใครแอบฟังจะได้ไม่ยุ่งยากในอนาคต[แด๊ดชักอยากจะให้ทางรถไฟเสร็จเร็ว ๆ แล้วสิ] จะได้เห็นหน้าลูกชายกับคนรักของลูกด้วยตาตัวเอง[ว่าแต่ลูกสะใภ้ของมัมไม่ค่อยพูดเลย เกร็งเหรอคะ] มาดามเอเลนแกล้งเย้าเจ้ากระต่าย ใบหูสีขาวลีบติดศีรษะนั่นน่าเอ็นดูไม่เบา“มัมก็อย่าแซวแฟนผมสิครับ” นิโคลัสอ่อนอกอ่อนใจ เจ้ากระต่ายอุตส่าห์หายตื่นเต้นแล้ว เจอมัมเขาทักเข้าไปหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย“เอ่อ ผม... ผมแค่ตื่นเต้นครับ เลยไม่รู้จะคุยอะไร” เฉินเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก[ตายจริง เหมือนมัมตนเจอมัมของแด๊ดเลย ตอนนั้นมัมเองก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน] เอเลนยิ้มตาหยี“เอ๋ มาดามก็เป็นเหรอครับ”[มาดง มาดามอะไรกันล่ะ เรียกมัมอย่างที่นิคเรียกก็ได้] มารดานิโคลัสถูกใจนัยน์ตาสีแดงเปล่งประกายของคนรักลูกชายเข้าแล้ว“เอ่อ…” จะดีเหรอ[เรียกสิจ๊ะ] มาดามเฮอร์นันเดซคะยั้นคะยอ“คุ... คุณมัม” เฉินเฟิงอายหน้าแดงหู
“คือ… จะคุยกันวันนี้เลยเหรอครับ” เฉินเฟิงอ้อมแอ้มถาม ฝ่ามือทั้งสองข้างจับกันอย่างประหม่า“อาเฟิงไม่สะดวกเหรอ” นิโคลัสชะงักการก้าวเท้า หันมามองคนรักที่ยืนหน้าแดงก่ำ ดีที่พวกเขาอยู่เพียงลำพังแค่สองคน ไม่อย่างนั้นท่าทางน่ารักนี้คงตกอยู่ในสายตาคนอื่นด้วย“ไม่ อ่า ไม่ใช่ว่าไม่สะดวกหรอกครับ แค่เหมือนยังไม่ได้เตรียมใจล่ะมั้ง” เจ้ากระต่ายเกาแก้มแก้เขิน“แค่ไปคุยกับแด๊ดของพี่เองครับ อาเฟิงไม่ต้องซีเรียสหรอก แด๊ดพูดง่ายแล้วก็ใจดีมาก” คุณหมอหมีคว้ามือคนรักมาจับให้กำลังใจ“ฮื่อ ผมจะอธิบายยังไงดี” เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงรู้สึกกระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูกให้เขาทำจานหลักรับรองแขกระดับ VVVIP ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…“ไม่ต้องกังวลนะ ยังไงพี่ก็อยู่ข้างเราเสมอ” นิโคลัสกระชับมือตนเองให้แน่นขึ้นแทนคำมั่นว่าจะไม่ปล่อยออกจากกันเด็ดขาด“ผมจะพยายามใจเย็นให้มากกว่านี้นะครับ” เขาประหม่าเกินไปจริง ๆ“ปะ ไปกันเถอะ”“ครับ”หลังได้รู้ว่าจอมพลเรือโคลตันคือพ่อของคนรัก พวกเขาจึงทำเรื่องขอพูดคุยด้วยทันที แต่กลายเป็นว่าหลังติดต่อไปได้ไม่นาน จอมพลเรือก็ติดภารกิจออกไปนอกค่ายเป็นเวลาสามวัน การพูดคุยจึงต้องเลื่อนไปก่อนจนกว่าอ
“ไม่คิดว่าคุณสิงหาเขาจะให้แต้มคะแนนพวกเราด้วย” เลวี่มีสีหน้าเหลอหลา ใช้คำว่าเราแทนคำว่าเขาเพื่อไม่ให้ใครก็ตามที่แอบฟังอยู่นำไปปะติดปะต่อแล้วเชื่อมโยงว่าได้เซรุ่มมาจากเขาเฮ้อ… ต้องระวังคำพูดนี่มันลำบากชะมัด“ก็สมกับเป็นคุณสิงหาล่ะนะ” โจเซฟหวนนึกถึงที่อีกฝ่ายเคยประกาศรับผิดชอบเรื่องโรคระบาดที่มากับฝน ทั้งยังใช้แต้มคะแนนของตนเองเยียวยาชาวบ้านจนตัวเองแห้งกรอบไม่เหลือสักคะแนน“ยังดีที่พวกผู้บริหารระดับบนเห็นด้วย” นิโคลัสส่ายศีรษะให้กับความคิดบ้าบิ่นของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนนี้จริง ๆในช่วงเวลาวุ่นวายนี้สิงหาก็ชิงประกาศว่าเซรุ่มชุดทดลองประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถนำออกไปใช้นอกฐานได้เลย หากโดนซอมบี้กัดไม่เกิน 2 ชั่วโมง เซรุ่มตัวนี้จะสามารถช่วยยื้อชีวิตกลับมาได้ที่ 98% ส่วนอีก 2% เผื่อไว้ในกรณีที่มีร่างกายของบางคนเกิดแพ้และต่อต้านเซรุ่มมีผู้คนเฝ้ารอวันจำหน่ายเซรุ่มอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทางหน่วยวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าจะแจกล็อตแรกที่มีเพียงไม่กี่หลอดนี้ให้กับทหารประจำการที่เตรียมไปทำภารกิจใหญ่ก่อนเป็นลำดับแรกประชาชนบางคนย่อมไม่พอใจ ไม่ว่าใครก็อยากมีเซรุ่มที่ช่วยทำให้ไม่กลายเป็นซอมบี้ไว้ในครอบ
“มนุษย์กลายพันธุ์หรือไม่ก็คงเป็นผู้มีพลังพิเศษ” นายพลอธิยกมือนวดขมับเอ่ยเสียงเครียด สองสิ่งนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ในการรับมือกับศัตรูที่สุด หากเป็นปืนหรือระเบิดก็ล้วนดูออกว่านำอะไรมา เพราะสามารถสแกนด้วยเครื่องตรวจจับโลหะได้ แต่พลังพิเศษนั้นแตกต่างออกไป มันไม่ได้มีลักษณะภายนอกให้เห็นเด่นชัดอย่างโจเซฟหากไม่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาก็ต้องมีคนคิดว่ามีพลังพิเศษหรือเป็นมนุษย์กลายพันธุ์แน่นอน“คงมีคนที่มีพลังพิเศษแปลก ๆ ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนหลบหลีกการตรวจสอบหน้าประตูเข้ามาในค่ายได้ จากนั้นก็รอเวลามาตลอด”“หรือไม่… ก็มาจากบนฟ้า” ที่ผ่านมาพวกเขาเจอแต่มนุษย์กลายพันธุ์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม…“เป็นไปได้ไหมครับที่คนจะบินอยู่บนฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องบินหรือเครื่องร่อน” สิงหากอดชาล็อตแน่นขึ้นราวกับเจ้าตัวน้อยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเชื่อใจได้พั่บ พั่บ พั่บเสียงกระพือปีกค่อย ๆ เบาลงก่อนที่ร่างของชายคนหนึ่งจะร่อนลงมายืนอยู่บนดาดฟ้าของอดีตตึกหรูใจกลางเมือง ที่บัดนี้เหลือแต่ซากปรักหักพังเพราะเกิดไฟไหม้ในช่วงชุลมุนปีกค้างคาวแผ่ขยายออกกว้างสร้างสมดุลให้เจ้าของร่างสามารถยืนบนพ
เมื่อถูกพูดถึงกันปากต่อปากมากเข้า คนในค่ายต่างก็ตั้งตารอฟังประกาศจากหัวหน้าหน่วยพลเรือนที่จะขึ้นมาพูดในโรงอาหารช่วงเย็นอย่างใจจดใจจ่อ หนักหน่อยก็เข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงถึงในสำนักงานของดนัยและลูกทีมเหตุการณ์นั้นพลอยทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพยายามใจเย็นและเกลี้ยกล่อมให้รอฟังตอนเย็นพร้อมกัน เรื่องนี้จะไม่ถูกเก็บเป็นความลับแน่นอนทั้งเรื่องจุดกำเนิดของซอมบี้ความสำเร็จในการคิดค้นเซรุ่มต้นเชื้อไวรัสเป็นเรื่องจริงหรือเท็จขอให้ประชาชนทุกคนวางใจและกลับไปทำงานตามปกติ ผู้อาศัยอยู่ในค่ายถึงได้ยอมถอยไปรอฟังอย่างสงบอีกครั้ง“พวกเขาไปได้ยินข่าวมาจากไหน” ดนัยเกาหัวแกรก ๆ เมื่อลูกน้องมารายงานว่าผู้คนในค่ายเริ่มพูดกันแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้เป็นฝีมือของพวกผู้นำโลกกับเศรษฐี แม้แต่เรื่องที่สิงหาสามารถสกัดเซรุ่มต้านเชื้อไวรัสซอมบี้ก็ถูกพูดถึงกันครึกโครม“คงเป็นเพราะมนุษย์กลายพันธุ์นั่นแหละ” นายพลอธิไม่ได้ซีเรียสเรื่องข้อมูลที่หลุดออกไป อย่างไรวันนี้ดนัยก็จะอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอยู่แล้ว แค่รู้เร็วกว่าหนึ่งถึงสองชั่วโมงเท่านั้น“น่าจับมาอยู่ในหน่วยข่าวกรองให้หมด” ดนัยถอนหายใจหนัก เอาเถอะ ก็แค่รู้
เฉินเฟิงโยนผลต้อยติ่งไปตามจุดที่ผู้บุกรุกอยู่ ทำให้ทั้งนิโคลัสและชาล็อตต่างต้องหาที่หลบกันเป็นพัลวันเมื่ออานุภาพทำลายล้างของผลต้อยติ่งนั้นเป็นแบบสุ่ม ไม่สามารถจำกัดให้อยู่ในวงแคบได้ ส่วนผู้บุกรุกที่ไม่ได้รู้เรื่องถึงจะได้ยินสัญญาณให้หลบก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรหลบอะไรเมล็ดต้อยติ่งพุ่งเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายของผู้บุกรุกที่โชคร้ายหลบไม่พ้น แม้แต่อุปกรณ์ในห้องก็แตกกระจายไปบางส่วนหลังระเบิดต้อยติ่งสงบลง นิโคลัสก็พาตัวเองออกมาจากหลังตู้หนังสือ บนพื้นห้องมีกลุ่มคนปริศนานอนร้องโอดโอยอยู่เจ้ากระต่ายเห็นดังนั้นก็ออกไปเปิดประตูห้องให้ทหารที่รออยู่แล้วเข้าไปจับกุมคนเหล่านี้ไปสอบสวนกว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็ใช้เวลาไปมากกว่า 20 นาที สิงหาไม่กล้าออกจากที่ซ่อนเลย แม้จะมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้วก็ตาม จนกระทั่งชาล็อตในร่างกระต่ายตัวเล็กใช้จมูกดุนดัน ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วถึงค่อยออกมา“ขอโทษนะครับ ผมทำห้องของคุณพังไปพอสมควรเลย” เฉินเฟิงรีบเอ่ยขอโทษ เขาไม่คิดว่าประสิทธิภาพของมันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ผู้บุกรุกบางคนโดนแรงระเบิดของเมล็ดต้อยติ่งในระยะใกล้มาก ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลอ