“มื้อเที่ยงจะทำอะไรเหรอครับ” เฉินเฟิงเดินเข้ามาในครัวเห็นครูเมตตาและสมาชิกในทีมของวิทย์กำลังเตรียมอาหารกัน“ว่าจะทำผัดผักบุ้งกับข้าวต้มจ้ะ” เพราะผักบุ้งคือผักที่โตง่ายที่สุดและสามารถตัดกินได้เรื่อย ๆ แทบจะเป็นมื้อหลักของบ้านครูเมตตาในยุคนี้“ถ้าอย่างนั้นผมช่วยนะครับ” เจ้ากระต่ายไม่ได้เสนอตัวช่วยเร่งโตพืชผักในสวนครัวเพื่อให้ได้ทำเมนูอาหารอย่างอื่นเพิ่ม แต่จะกินแบบเดียวกับที่พวกเขาทำแทน “ผมมีผลไม้อบแห้งที่เอามาด้วย ครูแบ่งให้เด็กกินคนละชิ้นนะครับ มีส่วนของพวกคุณวิทย์ด้วย” เฉินเฟิงยกให้พวกเขาทั้งกล่อง แต่ควรบริหารจัดการให้กินได้หลายวันหน่อย“ขอบคุณมากเลยนะ เป็นเพราะพวกคุณ เด็ก ๆ เลยมีอาหารอร่อยกิน” เมตตารับไว้ด้วยความยินดี เด็กอยู่ในวัยกำลังโต การที่ได้กินอาหารที่เหมาะสมจะทำให้การเจริญเติบโตของพวกเขาดียิ่งขึ้น ถ้าวันใดเฉินเฟิงหรือนิโคลัสขอความช่วยเหลือจากเธอละก็ เธอก็พร้อมจะให้ความร่วมมือเต็มที่“เห็นพวกเขากินกันอร่อยผมก็ดีใจแล้วครับ มาครับ เดี๋ยวผมช่วยสับกระเทียม” มัวแต่ขอบคุณกันไปมา เวลาอาหารคงถูกร่นลงไปอีก คุยไปทำไปดีกว่า“คุณครูพอจะมีพวกเมล็ดผักเหลือบ้างไหมครับ ที่ยังไม่ปลูกก็ได้” ผั
พอตกกลางคืนปัญหาใหม่ก็บังเกิดเขาจะนอนกับคุณหมอหมีอย่างสนิทใจได้ยังไงล่ะทีนี้“เดี๋ยวผมนอนข้างล่างก็ได้” นิโคลัสเห็นเชฟหนุ่มมองเตียงสลับกับมองเขา เดาว่าอีกฝ่ายคงลำบากใจที่จะต้องร่วมเตียงกับคนที่คิดเกินเลย แม้จะให้ความหวังแต่ก็ยังไม่ควรอยู่ชิดใกล้“ไม่” เจ้ากระต่ายรีบปฏิเสธ หัวคิ้วขมวดมุ่นชนกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงเบา “เฮ้อ ไม่ต้องหรอกครับ นอนด้วยกันนี่แหละ”“แต่คุณลำบากใจ”“มันก็ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้ลำบากใจเพราะว่าคุณนิค เอ่อ คุณ…”“เพราะผมชอบคุณ”“...!!” พูดออกมาได้ง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอพี่!“หมายความว่าอาเฟิงโอเคที่ผมชอบคุณ... ใช่หรือเปล่า” นัยน์ตาคมเบิกกว้างอย่างมีความหวัง ใบหูกลมบนศีรษะตั้งขึ้นเพราะความตื่นเต้น ต่างจากใบหูสีขาวที่ค่อย ๆ ลู่ลงเพราะประหม่าและเขินอาย“กะ... ก็ไม่ใช่ว่าไม่โอเค” พูดไปก็เสหน้าไปอีกทางไม่ไหวเขาสู้สายตาวิบวับของคุณหมอหมีไม่ไหว ถ้าเผลอจ้องมองไปนาน ๆ แล้วเขาต้องเผลอตอบตกลงไปทันทีจะทำยังไงไม่ได้สิ เขาต้องเล่นตัว เอ๊ย! ต้องศึกษากันไปก่อน จะปุบปับคบกันเลยไม่ได้!ถึงไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เจอใครในอนาคตอีกหรือเปล่า แต่เขาก็ควรสแกนคนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
วิทย์ตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาจากห้องนอนทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าท่อนบนอยู่ ๆ ก็มีลูกน้องวิ่งไปปลุกเขาบอกว่าคุณนิโคลัสเรียกรวม ชายหนวดโค้งเห็นทั้งคุณหมอและคุณเชฟแต่งตัวรัดกุมก็รู้สึกเก้อกระดาก ยังดีที่ก่อนออกมาเขาคว้าเสื้อกล้ามใกล้มือติดมาด้วย ดังนั้นตอนนี้ขอใส่ก่อนล่ะ“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม เธอรับอยู่เวรยามในค่ำคืนนี้ พอชายหนุ่มทั้งสองบอกให้ไปปลุกวิทย์และเพื่อนคนอื่นก็ไม่รอช้าแม้จะยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ตาม“ผมกับอาเฟิงได้ยินเสียงเหมือนมีสัตว์ 4 ขาขนาดใหญ่อยู่ด้านนอก มันกำลังตรงมาที่นี่”“!!!”ชายหนวดโค้งรีบหันไปมองนอกกำแพงที่มีพลังป้องกันของคุณแม่กางล้อมรอบอยู่ ตอนวิ่งมาเขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าคุณแม่ได้ใช้พลังไปแล้ว“มันเข้ามาใกล้แค่ไหนแล้วครับ” วิทย์หน้าซีดเผือดรีบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน“ใกล้มากแล้ว น่าจะห่างไปประมาณ 2 กิโล” เฉินเฟิงเองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าตัวที่โผล่มายามวิกาลดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด“แล้ว… แล้ว…” ชายหนุ่มอึกอัก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ“ผมจะออกไปดูกับคุณนิคครับ ถ้าคุณอยากไปด้วยก็ตามมา แต่ต้องเหลือคนบางส่วนไว้คอยปกป้องที่นี่บ้าง” เจ้ากร
ตึง ๆ ๆ ๆเสียงฝีเท้าหนักกระทบกับพื้นเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาทีที่ยังไม่เห็นว่าสิ่งที่ต้องเผชิญนั้นเป็นตัวอะไร ความหวาดกลัวยิ่งบีบรัดในช่องอกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะขาดอากาศหายใจตึก ตักเฉินเฟิงกำเมล็ดฟักเขียวไว้ในมือแน่น เมื่อไหร่ที่เจ้าสัตว์กลายพันธุ์โผล่หน้าของมันออกมา เขาจะฝังเมล็ดลงดินและเร่งโตมันทันที และถ้าหากเห็นว่าพวกเราเสียเปรียบก็จะควบคุมเถาของมันไปรัดพันศัตรูไว้เพื่อสร้างโอกาสให้คนที่มีพลังต่อสู้สูงอย่างนิโคลัสได้เปิดฉากโจมตีตึง ๆ ๆ321พรึ่บ!ทุกคนพร้อมใจกันสาดไฟไปที่สัตว์กลายพันธุ์ที่โผล่ออกมาจากหัวมุมถนนกี๊ซซ!เสียงแหลมสูงถูกเปล่งออกมาด้วยความตกใจ เจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดไม่ต่างจากช้างยกอุ้งมือด้านหน้าปิดบังดวงตาของมันที่ถูกแสงเล่นงานอย่างไม่ทันตั้งตัวแร็กคูน!ไม่ผิดแน่ รอยแต้มสีดำรอบดวงตาเหมือนหน้ากากโจร มีหางสีดำสลับขาวคาดเป็นพวง เคยได้ยินว่าแร็กคูนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องมีทะเบียนรับรองเหมือนกับสัตว์นำเข้าชนิดอื่น แถมยังเพาะพันธุ์ขายกันในประเทศอีกด้วย ราคาค่าตัวก็ไม่ต่างจากสุนัขพันธุ์แพง ๆ เลยแต่ความยาวตัวเต็มวัยของแร็กคูนจะอยู่ที่ประมาณ 2 ฟุตครึ่งตั้
ไม่ผิดเลยที่ใครหลายคนมักบอกว่าแร็กคูนเป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าแมวและใกล้เคียงกับสุนัข อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่ชอบฉวยโอกาส อย่าได้เผลอวางอาหารไว้ในระยะสายตาของมันเด็ดขาดแล้วจะจัดการกับมันอย่างไร?เฉินเฟิงเองก็ฉุกคิดถึงข้อนี้ได้เช่นกัน มันฉลาดเกินไป การโจมตีเองก็ไม่มีแบบแผนตายตัว อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม“ทุกคนหาที่หลบ!!” วิทย์ร้องลั่น เรียกสติให้ทั้งสองคนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อเจ้าแร็กคูนเกิดความรำคาญถึงขีดสุด มันทุบทำลายบ้านเรือนในบริเวณใกล้มือ จากนั้นก็นำเศษอิฐยกขึ้นปาใส่พวกเขาและนั่นยิ่งทำให้เข้าถึงตัวของมันยากขึ้นตามไปด้วยตูม ๆ ๆ ๆฝนอิฐถูกปาไปอย่างไม่มีแบบแผน แต่ก็สร้างความโกลาหลเล็ก ๆ ให้กับกลุ่มมนุษย์ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบเฉินเฟิงไม่เคยออกจากที่ซ่อนตัว ชายหนุ่มจึงใช้จังหวะนี้เร่งโตต้นฟักเขียวให้เจริญเติบโต จากนั้นก็ค่อย ๆ เลื้อยไปตามท้องถนนจนในที่สุดก็มาถึงขาหลังของมันเจ้าสัตว์กลายพันธุ์ตัวยักษ์มัวแต่ให้ความสนใจกับมนุษย์ที่วิ่งหนีตายหลบการโจมตีทำให้ละเลยเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของต้นไม้ใบหญ้าในความคิดของมันไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกมัดขาทั้งสองข้างเ
ชื่อเดิมของมันคือ จาคอป เจ้านายของเขาบอกว่าอยากให้เป็นหมาป่าหนุ่มที่องอาจ ก็ไม่รู้ว่าดูภาพยนตร์มากเกินไปหรือเปล่า แต่มันก็ชอบชื่อนั้นมาก เวลาที่มนุษย์จับมันแต่งตัวด้วยชุดน่ารัก ๆ แค่เรียกว่าเจคอปสุดหล่อมันก็พร้อมจะยอมยืนเป็นหุ่นให้แต่โดยดีแถมก่อนที่จะตัวขนาดนี้เจ้านายก็ใจดีพามันออกมาเที่ยวโดยที่ไม่ต้องมีสายจูงให้รู้สึกรำคาญอีก แต่พอวิ่งไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็พบว่าเจ้านายหายไปเสียแล้ว...มันพยายามเหลียวหลังมองหลายครั้ง วิ่งกลับไปยังเส้นทางเดิมก็ยังไม่เจอหรือว่ามันจะถูกทิ้ง?“ว่ายังไง ไม่สนใจไปด้วยกันเหรอ ฉันทำอาหารอร่อยนะ” เจ้ากระต่ายต่อรองถ้าไปอยู่ด้วย... แล้วสักวันหนึ่งมนุษย์คนนี้จะหายไปด้วยหรือเปล่างี้ดกลุ่มของวิทย์เห็นท่าทีของแร็กคูนอ่อนลงก็ยิ่งรู้สึกบูชากลุ่มของโจเซฟแทบท่วมหัวโคตรเจ๋ง! ขนาดสัตว์กลายพันธุ์ก็ยังคุยได้ด้วย!ผึง!“!!!” เสียงคล้ายเชือกที่ถูกขึงจนตึงแล้วถูกตัดขาดออกจากกันทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในอากาศ เจ้ากระต่ายและคุณหมีรีบมองหน้ากันโดยทันที แร็กคูนเองก็มองไปทางต้นเสียงที่มันเองก็ได้ยินเช่นกัน“คุณวิทย์ ทางนั้นคุณได้ล้อมลวดหนามเอาไว้ด้วยใช่ไหมครับ” แม้จะมีคำตอบอย
ก่อนหน้านี้เพราะตกใจกับขนาดตัวของมันทำให้ไม่ได้สังเกตรายละเอียดเพราะความมืด มาตอนนี้พอลองมองดูดี ๆ แล้วก็ไม่ได้น่ากลัวมากขนาดนั้น เหมือนแมวอ้วนโดนตัดไข่ตัวหนึ่ง“ช่างเถอะครับ ในเมื่อไม่ยอมก็เผาเลยดีกว่า” เฉินเฟิงปรายตามองอย่างเย็นชา ในเมื่อคุยด้วยสันติไม่ได้ก็เอาเนื้อของมันมาทำเป็นอาหารเลยดีกว่าตัวขนาดนี้น่าจะทำได้หลายเมนู แต่อาจต้องเอาเนื้อสดไปแช่ขิงขูดสักหน่อยจะได้กลบกลิ่นคาว ดูทรงแล้วเนื้อน่าจะกลิ่นแรงพอตัว ทำเนื้อตากแห้งไว้กินตอนออกไปสำรวจด้านนอกก็ไม่เลว จากนั้นก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้ให้ครูเมตตาด้วย เด็ก ๆ จะได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์บ้างงั้น... ฆ่าเลยดีกว่างี้ดดด~ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมคนอันตรธานหายไปแทบจะทันเมื่อเจอสายตาเย็นชาสีแดงของเจ้ากระต่าย หลังคอรู้สึกขนลุกขนพอง ทั้งที่มันมีขนาดตัวใหญ่และขนหนานุ่ม ภายใต้สายตาคู่นั้นเหมือนกับว่าเห็นมันตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนพร้อมจะแล่เนื้อเถือหนังออกอย่างง่ายดาย“เราจะมัวเสียเวลาอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว” เจ้ากระต่ายมองไปทางที่กลุ่มของวิทย์วิ่งฝ่าความมืดไป เขารู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายพอสมควร“เล่นไปกันหมดแบบนั้นแล้วคนที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจะทำยังไงล่ะ” น
ลวดหนามอาจสามารถปกป้องพวกเขาจากซอมบี้ได้แต่คงไม่ใช่กับคนข้อนี้วิทย์เองก็เข้าใจและได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้ว แม้ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าก็ตาม“ไปยกแบริเออร์ออกมาเลย ตะปูเรือใบด้วย” อย่างน้อยก็สกัดกั้นรถยนต์ไว้ได้ก็ยังดี ถ้าคนมาสู้กันตัว ๆ อาจพอมีหนทางชนะฝั่งคนตั้งรับคิดว่าตนเตรียมรับมือได้ ส่วนคนที่บุกมานั้นก็คิดว่าคราวนี้ตนเตรียมตัวมาดี พร้อมท้าตีท้าต่อยวิทย์ตั้งแบริเออร์กั้นทางเสร็จ จากนั้นก็หันไปช่วยกันโปรยตะปูเรือใบแล้วสั่งให้ถอยมาอยู่แนวหลังป้องกันในทันทีชั่วอึดใจต่อมาก็มีขบวนรถกระบะที่ถูกแต่งเครื่องจนควันดำวิ่งตรงมาทางพวกเขา 3 คันที่บรรทุกคนมามากกว่า 20 ชีวิต ประกอบด้วยชายฉกรรจ์ท่าทางนักเลงทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนหน้าสุดที่มีคนที่วิทย์คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะเคยมีปัญหากันมาก่อน“ไอ้ดำ มึงหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” วิทย์ตะโกนเสียงดัง รถยนต์คันหน้าสุดจำต้องชะลอห่างออกไปเพราะถนนถูกปิดกั้น“โว้ว ๆ รู้ตัวเร็วเหมือนกันนี่หว่า” ชายหนุ่มบนหลังกระบะตบเข้าที่หลังคารถเป็นสัญญาณให้พลขับจอดรถก่อน“มึงมาทำไม”“ก็มาดูว่าเย็นนี้ครูเมตตาทำอะไรเป็นอาหารเย็น พวกเราไม่มีจะกินแล้วเลยจะมาขอแบ่ง
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยทั้งสามจนกระทั่งผล็อยหลับไป ตอนเช้าหลังจากกินอาหารที่กักตุนในถ้ำเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหาทีโอพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ“ทำไมพี่หงส์ถึงมีเขาบนหัวล่ะครับ” เด็กชายดลถาม พวกเขาปรึกษากันก่อนออกจากฐานทัพลับแล้ว เนื่องจากดลอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้มานานกว่าพลอยใสและปอนด์ เด็กชายจึงต้องรับหน้าที่ในการถามคำถามที่แสนละเอียดอ่อนนี้ ซึ่งดลเองก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนโบ้ยงานมาให้ตนแต่อย่างใด เดินหน้าถามทันทีที่เห็นพี่ชายผู้ใช้พลังโลหะ“ไปอ่านเจอมาจากที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู“พวกเราเจอในหนังสือสารคดีครับ” ปอนด์หยิบหนังสือดังกล่าวออกมาโดยจงใจเปิดหน้าที่มีภาพประกอบของกวางเพศผู้และกวางเพศเมียที่อ่านเจอเมื่อคืนให้คนอายุมากกว่าดู“อ๋อ สารานุกรมสัตว์โลก” ทีโอพยักหน้าเข้าใจ เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ก็เผลอเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มักออกไปร้านเกมคาเฟ่หรือไม่ก็เล่นเกมการ์ดกับเพื่อน คิดไม่ออกเลยว่าอีกหลายสิบปีต่อจากนี้จะมีเด็กฉลาดอย่างสามคนนี้เกิดขึ้นมาอีกมากแค่ไหน…พอหมดซอมบี้ โลกต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่“หรือเพราะพี่หงส
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน