1 เดือนผ่านไป“คุณหมอเป็นยังไงบ้างครับ” วิทย์นำอาหารจากบ้านครูมาส่ง ทุกคนในบ้านจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันนำมาให้เสมอ และไม่ลืมถามไถ่อาการของคุณหมอที่สลบไปจนครบ 1 เดือนแล้ว“ยังไม่รู้สึกตัวเลยครับ วันนี้ก็พยายามป้อนน้ำผักให้ก็คายออกมามากกว่าลงกระเพาะ” เจ้ากระต่ายถอนหายใจเสียงดังอย่างไม่ปิดบังสลบไป 3 วัน เฉินเฟิงไม่ได้ร้อนใจนัก ดีใจเสียอีกที่อย่างน้อยคนคนนี้ก็ไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ แต่พอผ่านมา 5 วันก็เริ่มกลัวว่าจะไม่มีสารอาหารในร่างกายจนตายไปทั้งแบบนี้แทนวิทย์กลับกลุ่มเพื่อนเลยอาสาออกไปหาคลินิกหรืออนามัยใกล้ ๆ ดูว่าพอจะหาน้ำเกลือหรืออาหารเสริมมาได้บ้างหรือเปล่าไป 2 วันกลับมาพร้อมกับน้ำเกลือ 10 ถุง ตอนแรกก็คิดว่าคงจะเพียงพอ แต่ใครจะไปคิดว่าคุณหมอจะหลับไปถึง 1 เดือนเพราะไม่มีใครรู้การแพทย์ วิธีการดูแลคนป่วยจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก ถ้าคุณหมอฟื้นขึ้นมาคงต้องขอให้เปิดคอร์สติวสอนการแพทย์เบื้องต้นให้สักหน่อยแล้ว อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องมานั่งลองผิดลองถูกคลำหาเส้นเลือดแบบนี้ ดีที่ครูเมตตาพอจะทำได้อยู่บ้างเพราะเคยเรียนปฐมพยาบาลมาในสมัยยังสาวและเคยขอความรู้เพิ่มเติมจากหมอในโรงพยาบาลเด็กมาก่อนไม่อ
“คุณถึงระดับ 2 แล้วเหรอ” เฉินเฟิงค่อนข้างตกใจในเรื่องนี้ ลักษณะภายนอกของนิโคลัสไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลย ติดจะผอมไปหน่อยเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอมาตลอด 1 เดือนแต่ไม่ว่าจะเป็นสีผม สีผิว หรือแม้แต่สีดวงตาก็ไม่เปลี่ยนแปลง เคยอ่านนิยายแฟนตาซีส่วนมากเวลาเลื่อนระดับพลังมักต้องมีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกเสมอนี่นา…หรือทฤษฎีนี้จะเอามาอ้างอิงไม่ได้กับโลกปัจจุบัน?“อืม รู้สึกได้เลยว่าร่างกายเบาลงมาก แถมยังสัมผัสได้ว่าพลังมีมากกว่าเมื่อก่อนเท่าตัว”“เท่าตัว!” คนฟังตาโตอ้าปากค้าง “อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเงื่อนไขการเลื่อนเป็นระดับ 2 คือการรับเชื้อซ้ำ?” เฉินเฟิงตั้งข้อสงสัยดีจัง… เขาก็อยากอัปเกรดตัวเองบ้างแต่ถ้าต้องรับเชื้อเข้ามาเพื่อที่จะปลดล็อกสกิลขั้นใหม่ก็เสี่ยงเกินไป“มีความเป็นไปได้สูงเลยล่ะ” คุณหมอหมีเองก็เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานนี้ เพราะเดิมทีการที่มนุษย์มีพลังพิเศษขึ้นมาก็คือการไปสัมผัสกับเชื้อจากซอมบี้สักทางหนึ่ง ส่วนคนที่ตื่นมาก็มีพลังพิเศษเลยนั้นยังคงเป็นปริศนา“พวกเรากลับเข้าไปในบ้านก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันต่อเถอะครับ” ให้คนป่วยยืนตากแดดอยู่หน้าบ้านเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะแย่เอา
“อร่อยมาก” คุณหมอซดจนเกลี้ยงชาม ซุปที่มีแต่ผักแบบนี้เหมาะกับคนที่เพิ่งฟื้นอย่างเขามากจริง ๆ และยังต้องกินแบบนี้ไปอีกเกือบสัปดาห์กว่ากระเพาะจะกลับมากินอาหารแบบปกติได้“ว่าแต่ผมหลับไปนานแค่ไหน” เขารู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก“คุณหลับไป 1 เดือน” เฉินเฟิงยกจานชามที่กินเรียบร้อยแล้วไปวางไว้ที่อ่างล้างจานในครัว“!!!” เขาคิดว่าตนเองคงจะนอนไป 1-2 สัปดาห์ ใครจะไปคิดว่านานขนาดนั้น...ถึงว่าทำไมรู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรงนัก“พวกเราสามารถเอาชนะซอมบี้ที่บุกมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียเพื่อนในทีมของวิทย์ไป 3 คน และมีผู้ได้รับพลังพิเศษเพิ่มอีก 3 คนเช่นกัน” อัปเดตสถานการณ์มาถึงตรงนี้ ใบหูสีขาวที่เคยตั้งตรงเพราะตื่นเต้นดีใจที่คุณหมอหมีตื่นจากนิทราก็พลันลู่ลงเมื่อนึกถึงคนที่จากไปเขายังคงจำได้ว่าเด็ก ๆ ในบ้านครูเมตตาหลังได้รับข่าวว่าพี่เลี้ยงสาวของตนกลายเป็นซอมบี้ก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด บางคนก็เริ่มมีแววตาเคียดแค้นชิงชัง ถึงกับมีเด็กโตหน่อยออกปากว่าในอนาคตตนจะต้องแก้แค้นให้พี่สาวให้ได้ จะทำให้ซอมบี้หายไปจากโลกนี้ให้หมดเฉินเฟิงได้ฟังก็รู้สึกสะเทือนใจ พวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่ควรเร่งหาวิธีจบเหตุการณ์บ้า ๆ นี้ไปให้หมดโด
ในช่วงสายวันนี้นิโคลัสกับเฉินเฟิงมาขอให้วิทย์เปิดประตูกำแพงเพื่อออกไปข้างนอก คุณหมออยากจะลองพลังที่อัปเกรดใหม่แล้วนี้กับพวกซอมบี้ดู เขาจึงขอติดตามมาด้วย เผื่อว่าจะได้เห็นทักษะการใช้พลังแล้วนำไปบอกต่อกับเพื่อนร่วมทีมที่มีพลังไฟเช่นเดียวกันไปลองฝึกดูแน่นอนว่าเขาได้บอกเจตนาของตนเองให้คุณหมอได้ฟัง อีกฝ่ายก็พยักหน้าบอกว่าถ้าต้องการคำแนะนำก็ให้มาถามเขาได้คนดีอะไรขนาดนี้~ในสายตาของวิทย์ คนทั้งคู่ไม่ต่างจากเทพที่สวรรค์ส่งมากอบกู้โลก…แต่แม้ปากจะบอกว่าขอดูอย่างเดียว วิทย์ก็คิดว่าตนคงไม่สามารถนำความรู้อะไรไปบอกให้เพื่อนได้หากเขาไม่ถาม เพราะในตอนนี้แค่มองตามการเคลื่อนไหวของคุณหมอให้ทันก็เต็มกลืนแล้ว!“สุดยอด” ชายหนวดโค้งเหม่อมองท่วงท่าการสังหารของคนนอนติดเตียงเมื่อ 1 เดือนก่อน ทั้งการวาดเตะทีเดียวคอของซอมบี้ก็หลุดออกจากบ่า หรือแม้กระทั่งการใช้พลังไฟที่มีขนาดเท่าลูกปิงปอง แต่พลังทำลายล้างกลับทำให้ซอมบี้ถูกเผากลายเป็นเถ้าภายในเวลาไม่กี่นาที“ยังรู้สึกขัด ๆ อยู่นิดหน่อย” นิโคลัสเดินกลับมาที่รถ ขยับยกไหล่ขึ้นลงไม่หยุดคล้ายกับร่างกายไม่เป็นดั่งใจนึก“...” ขนาดนี้พี่ยังบอกว่าร่างกายไม่เต็มร้อยอีกหร
หากเห็นว่าการให้ความช่วยเหลือไม่ได้สร้างผลเสียให้กับเขาหรือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็จะลงมือช่วยอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ช่วยอย่างขอไปทีถึงจะพูดน้อยแต่ก็เป็นคนดีมากนะเจ้ากระต่ายมองคนรักหมาด ๆ ของตนด้วยดวงตาเป็นประกายหากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอย่างเช่นทีโอหรือหงส์ได้รับรู้ความคิดนี้ของเฉินเฟิง คงตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า‘ใครก็ได้ดึงความรักออกจากตาคุณเชฟที! อย่าปล่อยให้เขาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว!! อิหมีนี่มันร้าย!! พาเจ้ากระต่ายหนีไปปปป…’แต่คิดหรือว่านิโคลัสจะยอมให้เพื่อนร่วมทีมได้มีโอกาสปลุกเรียกสติเจ้ากระต่ายที่เขาพยายามใช้ทั้งสมองและเสน่ห์ล่อลวงมาให้หนีไปได้ง่าย ๆไม่มีทางเสียหรอก... หึหลังมื้อเย็นทีมผู้ใช้พลังพิเศษทีมใหม่จึงได้มาเยือนถึงหน้าบ้านของท่านเทพ พวกเขาอยากตอบแทนสำหรับคำแนะนำเรื่องการฝึกใช้พลัง ได้ยินว่าคุณเชฟกำลังกลุ้มใจเรื่องที่ไม่มีเนยในการทำอาหารก็รีบไปรื้อค้นห้างสรรพสินค้าจนได้เครื่องตีเนยแบบใช้มือมาเฉินเฟิงรับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวขอบคุณหลายประโยค แต่เมื่อส่งแขกออกจากบ้านจนหมด รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเจ้ากระต่ายก็จางหายไปเอ่อ ก็รู้สึกขอบคุณจากใจ แต่ว่า… พวกเราไม่มีวัวนะจะไป
“ใกล้แล้ว” เจ้ากระต่ายเกร็งตัวขึ้นมาทันที จะว่าพวกเขาตื่นตูมก็ได้ ทั้งที่ยังไม่รู้เจตนาของรถคันนั้นแน่ชัดว่าแค่ขับเลยผ่านไปหรือจงใจมาที่นี่ก็ตามจากเหตุการณ์หลาย ๆ ครั้งที่เจอมาสอนให้รู้ว่า… ระวังไว้ก่อนดีกว่าอีกทั้งตั้งแต่ช่วงซอมบี้บุกหนักเพราะมีฝนเป็นเหตุ วันดีคืนดีเขาก็จะได้ยินเสียงรถวิ่งผ่านไปบ้าง แต่ไม่เคยมีใครให้ความสนใจเมืองเล็ก ๆ ตรงนี้เลย อาจเพราะจุดมุ่งหมายของใครหลายคนคือเมืองหลวงของประเทศที่ทุกคนคาดว่าจะต้องมีค่ายของรัฐบาลให้การช่วยเหลือไม่นานรถของนิโคลัสก็ขับไปถึงกำแพงที่เป็นช่องสำหรับเข้าออก มีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้ว่าประตูอยู่ตรงไหน“กลับมาเร็วจังเลยจ้ะ งานก่อสร้างเสร็จแล้วเหรอ?” เมตตาเห็นพ่อหนุ่มสองคนเดินตรงมาที่เธอจึงเอ่ยทักไป“รีบพาเด็ก ๆ ไปหลบที่ห้องเก็บเสบียงก่อนครับ ผมได้ยินเสียงรถกำลังใกล้เข้ามา ไม่รู้ว่าจะแวะเข้ามาที่เมืองนี้หรือเปล่า” นิโคลัสไม่พูดพร่ำทำเพลง ขับรถไปจอดยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ให้ทุกคนไปซ่อนตัวก่อน“ได้จ้ะ” ครูเมตตาพยักหน้ารับ ก่อนจะเรียกให้กลุ่มพี่เลี้ยงเด็กอาสาวันนี้พาเด็ก ๆ ไปยังห้องเก็บเสบียง และเธอเองก็เตรียมใช้พลังกางป้องกันไว้อีก 1 ชั
ในที่สุดคนที่หายหน้าหายตาไป 2 เดือนก็กลับมาเสียที ตอนแรกยังคิดว่าน่าจะไปไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ไหงไปติดแหง็กนานเกินเดือนได้ล่ะโจเซฟลงมาจากรถกระบะคันเดิมที่ตนขับออกมาจากหมู่บ้าน นัยน์ตาคมมองสำรวจกลุ่มคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเป็นเดือน พร้อมกับบรรยากาศในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ดูสงบร่มรื่นขึ้น‘ปลอดภัยมากกว่าเดิมด้วย’“มีผู้ใช้พลังพิเศษใหม่เหรอ กำแพงเหล็กเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยห” หัวหน้าทหารหนุ่มหันไปถามวิทย์ที่กุลีกุจอรอรับอยู่หน้าประตูนิโคลัสกลอกตา นั่นควรเป็นประโยคแรกหลังจากไม่ได้เจอกันมานานหรือ?“ครับ ๆ เป็นคนในทีมของผมเองครับ เขาเป็นผู้ใช้พลังโลหะ” วิทย์รีบดันเพื่อนของตนขึ้นมา เวลานี้พวกเขาเหมือนกำลังตั้งแถวรอรับคนสำคัญอย่างไรอย่างนั้น แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันแปลกที่ตรงไหน“โอ้ ดีนี่นา” โจเซฟหรี่ตามองประเมิน สภาพร่างกายภายนอกยังมีไขมันส่วนเกินอยู่ในหลายจุด ถ้าฝึกซ้อมมากกว่านี้คงสามารถดึงพลังมาใช้ได้อย่างเต็มที่เหมือนทีโอ “นอกจากฝึกใช้พลังให้ชำนาญแล้ว อย่าลืมฝึกร่างกายด้วยล่ะ”“ครับ!” ผู้ใช้พลังโลหะรับคำแข็งขัน“พี่หงส์เป็นยังไงบ้างครับ” เฉินเฟิงทักหญิงสาวที่เปิดประตูตามลงมา“
“ฮึก แคล้วคลาดนะลูก” เมตตากลั้นน้ำตาแห่งความดีใจไว้ไม่ไหว อยากจะทำตัวเข้มแข็งแต่หัวใจใช่หินผา ความสูญเสียที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งพาให้หญิงชรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ ใครเล่าจะอยากให้คนหัวหงอกเผาคนหัวดำเด็กทุกคนที่นี่ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน เธอเห็นมาแต่อ้อนแต่ออก คนในกลุ่มของวิทย์บางคนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนไร้บ้านก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก่อนเกิดโรคระบาดบางคราก็มาขอช่วยงานในสถานสงเคราะห์แห่งนี้เพื่อแลกข้าวประทังความหิว เธอก็แจกจ่ายให้ตามอัตภาพ มีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้น้อยถ้าเป็นไปได้เธออยากจะกางพลังไว้ตลอดเวลา ปกป้องพวกเขาไว้ใต้ปีก ไม่ให้ต้องออกไปเผชิญอันตรายภายนอกแต่มนุษย์ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด แล้วพลังพิเศษที่ต้องใช้พลังงานในร่างเป็นตัวขับเคลื่อน หญิงชราอย่างเธอจะไปมีเยอะเหมือนคนหนุ่มสาวได้ยังไง ใช้ได้เกิน 1 ชั่วโมงก็เต็มกลืนแล้ววิทย์เช็ดหางตามองภาพแม่ลูกรักใคร่ด้วยความตื้นตันเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักและผูกพันกับคุณแม่เมตตามาก... มากเสียจนไม่เคยนึกถึงมารดาผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้ง เพราะเขาได้รับความรักเพียงพอแล้ว...“ที่นี่ก็เจอเหมือนกันเหรอ” โจเซฟยกมือกุมศีรษะเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ข
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยทั้งสามจนกระทั่งผล็อยหลับไป ตอนเช้าหลังจากกินอาหารที่กักตุนในถ้ำเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหาทีโอพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ“ทำไมพี่หงส์ถึงมีเขาบนหัวล่ะครับ” เด็กชายดลถาม พวกเขาปรึกษากันก่อนออกจากฐานทัพลับแล้ว เนื่องจากดลอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้มานานกว่าพลอยใสและปอนด์ เด็กชายจึงต้องรับหน้าที่ในการถามคำถามที่แสนละเอียดอ่อนนี้ ซึ่งดลเองก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนโบ้ยงานมาให้ตนแต่อย่างใด เดินหน้าถามทันทีที่เห็นพี่ชายผู้ใช้พลังโลหะ“ไปอ่านเจอมาจากที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู“พวกเราเจอในหนังสือสารคดีครับ” ปอนด์หยิบหนังสือดังกล่าวออกมาโดยจงใจเปิดหน้าที่มีภาพประกอบของกวางเพศผู้และกวางเพศเมียที่อ่านเจอเมื่อคืนให้คนอายุมากกว่าดู“อ๋อ สารานุกรมสัตว์โลก” ทีโอพยักหน้าเข้าใจ เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ก็เผลอเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มักออกไปร้านเกมคาเฟ่หรือไม่ก็เล่นเกมการ์ดกับเพื่อน คิดไม่ออกเลยว่าอีกหลายสิบปีต่อจากนี้จะมีเด็กฉลาดอย่างสามคนนี้เกิดขึ้นมาอีกมากแค่ไหน…พอหมดซอมบี้ โลกต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่“หรือเพราะพี่หงส
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน