โจเซฟไม่ได้มุ่งตรงมาที่สำนักงานทันทีที่ถูกเลขาหน้าห้องของนายพลอธิตามตัว แต่เลือกที่จะนั่งกินข้าวต่อ พอกินเสร็จก็ตรงไปกองกิจการเช่าที่พัก ไม่ลืมติดต่อขอชุดมีดของนิโคลัสและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นของพวกเขาเอง ต่อจากนี้คงได้ย้ายถิ่นฐานกันอย่างถาวรแล้ว“เอ๋ คุณโจเซฟจะไม่อยู่แล้วเหรอครับ” เลขาที่ยังคงติดตามชายหนุ่มเป็นเงารีบร้องถาม เขานึกว่าจะทำเรื่องขอเช่าที่พักเหมือนเดิมเสียอีก อีกฝ่ายกลับเลือกเช่าห้องพักรายวันแทน“พอดีคิดว่าข้างนอกน่าจะเหมาะกับตัวเองมากกว่า” โจเซฟไม่ได้ปิดบังแต่ก็ไม่บอกว่าตนนั้นเจอหมู่บ้านน่าอยู่“อย่างนี้ก็แย่สิครับ พวกเราขาดคุณโจเซฟไม่ได้หรอกนะครับ” เลขาวัยกลางคนร้อนใจขึ้นมา“คนเก่ง ๆ เยอะไปครับ”ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูดอะไรขึ้นมาอีกก็ถึงหน้าสำนักงานทหารพอดี โจเซฟจึงให้เลขาหน้าห้องท่านนายพลเคาะขออนุญาตคนด้านในเป็นสัญญาณว่าพวกเขาได้เดินทางมาถึงแล้ว“สวัสดีตอนเย็นครับท่านนายพล” โจเซฟทำความเคารพหลังได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในได้ ตรงโซฟารับแขกมีร่างของไอซ์กำลังนั่งกินขนมอยู่“เชิญนั่งก่อนคุณโจเซฟ” นายพลอธิผายมือให้แขก “ต้องขอโทษด้วยที่เรียกคุณมาหาทั้งที่คุณเพิ่งกลับมาจากข้างนอ
นิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกลายเป็นตัวเลือกชั้นดีในการหยิบขึ้นมาเป็นแผนสำรอง แต่ก็ล้มไม่เป็นท่าเพราะสัตว์วิวัฒนาการที่คาดไม่ถึง“สิ่งที่เราต้องการก็คืออาวุธที่สามารถต่อกรกับเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นได้” อาวุธที่ค่ายพันธมิตรถือครองอยู่นั้นเริ่มร่อยหลอลงทุกวัน มีบ้างที่ปล่อยออกมาจำหน่ายให้คนในค่ายได้ใช้แต้มแลกเพื่อออกไปทำภารกิจ หรือให้ทหารนำกำลังออกไปเคลียร์พื้นที่สำหรับขยับขยายค่ายให้ใหญ่ขึ้น รองรับจำนวนประชากรไม่ให้แออัดกันจนเกิดโรคระบาดใหม่อีกระลอกถ้าพูดถึงจังหวัดที่มีอาวุธครบครันก็ต้องเป็นที่ที่อยู่ติดชายแดน“ผมเช็กมาแล้ว ก่อนโรคระบาดจะพัฒนาเป็นซอมบี้ ได้มีงบประมาณจัดซื้ออาวุธชุดใหญ่ให้กับจังหวัด C เพื่อใช้ปราบปรามโจรสลัดที่เข้ามารุกล้ำน่านน้ำของเรา ดังนั้นต่อให้มันถูกใช้จัดการกับซอมบี้ไปบางส่วนก็ไม่มีทางหมดง่าย ๆ““ถึงยังไงผมก็ไม่ขอพาทีมไปเสี่ยงโดยที่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมอีก” เขาพลาดแค่ที่นิคมอุตสาหกรรมก็เกินพอแล้ว ครั้งนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหนูท่อยักษ์ฝังใจกับกลุ่มของเอ มีหรือมันจะไม่ตามพวกเขาไปที่ภูเขาด้านหลัง“แต่ว่า…” กลุ่มที่ออกไปสำรวจยังไม่กลับมา และเขาก็ร้อนใจกลัวว่าถ
“นั่นสินะ” สิงหาพยักหน้าเห็นด้วย ไม่ได้ติดใจสงสัยว่าทำไมจึงตามตัวคนที่กินเจ้าสิ่งนี้เข้าไปไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอนำมันไปตรวจสอบก่อน มีแค่นี้น่าจะไม่พอ ยังไงรบกวนท่านนายพลช่วยออกภารกิจล่าซอมบี้ได้ไหมครับ ขอเป็นทีมที่ไว้ใจได้จะดีที่สุด อย่าเพิ่งให้คนนอกรู้ถึงการมีอยู่ของเจ้าสิ่งนี้” เดี๋ยวจะเอาไปตีความผิด ๆ“ได้ ผมจะจัดการให้” นายพลอธิพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าเขาออกภารกิจให้คนไปผ่าสมองซอมบี้เพื่อนำเจ้าลูกแก้วใส ๆ นี่ออกมา จะต้องมีคนนำไปคิดวิเคราะห์และเชื่อมโยงเองแน่นอน แล้วถ้าเกิดมีคนคิดพิเรนทร์กินเข้าไปแล้วไม่โชคดีอย่างคนที่โจเซฟเจอล่ะ?อย่าเสี่ยงเพิ่มปริมาณซอมบี้จะดีกว่าแค่ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ไม่รู้จะกำจัดให้หมดได้อย่างไรสิงหาเริ่มสอบถามสอบถามข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ ถ้าเจ้าสิ่งที่อยู่ในสมองของซอมบี้สามารถสร้างผู้มีพลังพิเศษได้จริง นั่นย่อมหมายความว่ากำลังรบของมนุษย์จะได้เปรียบมากขึ้น“คุณหัวหน้าทหารรับจ้าง แล้วคนที่กินไปอายุเท่าไรครับ คุณพอจะทราบข้อมูลไหม” สิงหาถามต่อในมือมีสมุดบันทึกจดรายละเอียดไม่หยุด“9 ขวบครับ” ในหัวข้อนี้โจเซฟเลือกตอบตามตรงนิโคลัสเองก็คาดเดาว่าอา
โจเซฟเคยไปดูลาดเลาที่ศูนย์วิทยาศาสตร์กลางมาครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นแม้จะเห็นวรนุชแค่บางส่วนขึ้นจากน้ำมานอนผึ่งแดดอยู่บนสนามหญ้าก็ทำเอาขนลุกขนพองไปหลายวันไม่อยากจะคิดว่าถ้ามันเข้ามาโจมตีพร้อมกันหมดจะเป็นยังไงต่อไป อีกทั้งซอมบี้บริเวณนั้นก็ถูกพวกมันกัดทึ้งลากลงไปกินในน้ำ ถ้าไม่กลายเป็นซอมบี้วรนุชก็ต้องมีบางส่วนที่กลายพันธุ์ไปแล้วแน่ ๆหงส์เองก็เป็นคนหนึ่งที่คัดค้านการรับภารกิจของศูนย์วิทยาศาสตร์กลาง ก่อนวันสิ้นโลกว่าน่ากลัวแล้ว มาตอนนี้พวกมันรู้จักการอยู่รวมฝูงยิ่งน่าหวาดหวั่นขึ้นไปอีกใครอยากรับก็รับไปเถอะเธอขอบายดีกว่าใช้เวลาจนถึงเย็นการสอบถามข้อมูลคริสตัลซอมบี้ก็สิ้นสุดลง โจเซฟและหงส์ถูกปล่อยให้ไปกินข้าวที่โรงอาหาร ซึ่งตอนแรกสองหัวหน้าใหญ่ก็จะตามมาด้วยแต่โดนเลขาคู่ใจของพวกเขาเข้ามาแจ้งงานด่วนเสียก่อนทั้งโจเซฟและหงส์นับว่าเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด การที่มีข่าวลือว่าพวกเขาเสียชีวิตจากภารกิจก็ทำให้บรรยากาศในค่ายเซื่องซึมไปหลายวัน มาวันนี้ได้เห็นว่ายังสุขภาพดีครบสามสิบสองทุกอย่างทำให้เย็นวันนี้บางคนถึงกับยอมควักเนื้อใช้แต้มคะแนนอันน้อยนิดแลกอาหารในโรงอาหารกินเพื่อที่จะได้มีโ
ทั้งที่กักตัวครบ 24 ชั่วโมงแล้ว...แต่ยังสามารถเป็นซอมบี้ได้ แถมก่อนที่จะกลายเป็นซอมบี้ยังมีสติสัมปชัญญะสามารถพูดโต้ตอบกับคนอื่นราวกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป...งานหยาบแล้วไหมล่ะ!กรรรซ์!!กรี๊ดดด!อ๊ากกก!!เสียงกรีดร้องดังและเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้าปิศาจในคราบมนุษย์เกิดขึ้นอีกหลายจุดภายในค่าย ประชาชนวิ่งหนีกันจ้าละหวั่นจนแม้แต่ทหารที่ประจำการอยู่ก็เข้าควบคุมลำบาก ยากจะแยกว่าคนไหนเป็นคนไหนตาย“ประชาชนในค่ายทุกท่านให้กลับไปที่บ้านพักของตนและล็อกประตูให้ดี ได้โปรดกักตัวเองให้อยู่แต่ในบ้าน” เสียงประกาศตามสายจากหน่วยบริการประชาชน หลายคนได้สติขึ้นมาต่างก็คว้าลูกคว้าหลานมุ่งตรงกลับไปยังที่พักของตนเองทันทีนายพลอธิได้รับสายด่วนจากหน่วยบริการประชาชนเรื่องการขอใช้เครื่องขยายเสียง พอได้ทราบเหตุการณ์ในค่ายเขาก็รีบอนุญาตแบบไม่หยุดคิดสักวินาทีเดียว พร้อมกับเร่งส่งคนไปกำชับกับทหารที่มีเวรเฝ้ากำแพงให้เตรียมรับมือกับซอมบี้ที่จะทยอยมาจากด้านนอกโจเซฟไม่ได้ออกไปช่วยทหารบนกำแพงหรือไล่ฆ่าซอมบี้อย่างที่พลเมืองดีถึงกระทำ เขากับหงส์รู้ตัวว่าตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อซอมบี้จึงรีบกลับ
“เรียกทหารที่ไม่ได้กักตัวให้ออกไปจัดการพวกมัน อาวุธในคลังเบิกออกมาใช้ได้ทันที” นายพลอธิเร่งออกคำสั่ง “ห้ามใช้ระเบิดถ้าไม่จำเป็น ไม่สิ เดี๋ยวฉันจะออกไปควบคุมเอง” นายทหารใหญ่ผุดลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่งประจำตำแหน่ง “สิงหารีบพาแพทย์กับนักวิจัยไปที่หลบภัย” ทีมแพยท์กับทีมวิจัยถือเป็นหัวใจหลักของการคลี่คลายปัญหาวันสิ้นโลก ทุกคนในค่ายมีหน้าที่ต้องปกป้องดูแลสุดกำลัง“ส่วนผมจะไปดูแลชาวเมือง” ดนัยเห็นอธิเตรียมออกคำสั่งกับตนก็ช่วยย้ำในสิ่งที่ต้องทำด้วยตนเอง“ดี! พวกเราแยกย้ายกันไปทำงาน แล้วก็ห้ามตายเด็ดขาด”“รับทราบ!”โจเซฟรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนกลับไปยังวัยเบญจเพสอีกครั้ง…แค่มารายงานภารกิจที่ล้มเหลวกับส่งมอบคริสตัลซอมบี้ทำไมมันถึงได้มีแต่เรื่องซวย ๆ วนมาหาไม่รู้จบเขาถูกหงส์มาเคาะประตูเรียกตั้งแต่ช่วงสาย บอกว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ จึงรีบออกจากห้องคิดจะมาแจ้งให้กับนายพลอธิได้ทราบแต่ก็ไม่ทัน…ซอมบี้มาประชิดกำแพงค่ายแล้ว“รีบไปที่ทางระบายน้ำเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” อยู่ ๆ หงส์ก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอีกครั้ง เธอมองซ้ายมองขวาหลายครั้ง พอเห็นกลุ่มทหารกลุ่มใหญ่กำลังจะเดินผ่านหน้าไปก็รีบแจ้งเรื่องสำคัญนี้ทัน
ค่ายผู้รอดชีวิตในจังหวัดทางเหนือ“พ่อคะ น้ำท่วมขังถูกระบายออกหมดแล้ว” เด็กสาวเปิดหน้าต่างบ้านออกมาดู“ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ พ่อกับพวกทหารอุตส่าห์ออกไปตากฝนขุดทางระบายน้ำกันทั้งวันทั้งคืน” ชายวัยกลางคนยืดอกเด็กสาวรู้สึกว่าพวกตนโชคดีมาก แต่เดิมบ้านก็อยู่ใกล้กับค่ายทหารอยู่แล้ว พอถึงคราวมีภัยก็ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนไกล สามารถอยู่บ้านรอความช่วยเหลือได้เลย แถมพอจัดตั้งค่ายก็ไม่ต้องย้ายออกเพราะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อยู่แล้ว“ขาพ่อมีแผลนี่คะไปโดนอะไรมา” เมื่อวันก่อนเธอนวดฝ่าเท้าให้ยังไม่เห็นมี“อ๋อ ตอนไปช่วยเขาขุด คุณลุงข้าง ๆ พ่อเขาสายตาไม่ค่อยดี เผลอถากจอบมาโดนพอนิดหน่อย ดีที่แค่ถลอกไม่งั้นพ่อน่าจะเจ็บหนักกว่านี้”“ดีแล้วค่ะที่ไม่เจ็บหนัก แต่หน้าพ่อซีดมากเลยหนูว่าพ่อต้องไม่สบายแล้วแน่ ๆ รีบกลับไปนอนพักเลยนะคะ ให้หนูใช้คะแนนแลกยามั้ยคะ?”“อืม… ก็ดี รู้สึกมึนหัวอยู่เหมือนกัน” คนเป็นพ่อพยักหน้า คิดว่าจะลุกไปนอนที่เตียงตามคำแนะนำของลูกสาว แต่พอลุกจากเก้าอี้ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนกลับทรุดฮวบนอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น ลูกสาวที่รับไม่ทันรีบยกศีรษะพ่อหนุนตักเพื่อสำรวจอาการ กลัวว่าจะหัวฟาดจนบาด
“อย่าใช้พลังเกินขีดจำกัด พยายามมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา” นิโคลัสให้คำแนะนำ คุณหมอรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมากที่ไม่เคยให้เจ้ากระต่ายลองต่อสู้กับซอมบี้จำนวนมาก “ห้ามพาตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” กำชับเสียงหนัก‘ต้องให้อยู่ใกล้มือไว้ก่อน หลังจากนี้คงต้องติวเข้มหนักกว่าเดิม’ ชายหนุ่มจดลิสต์สิ่งที่ต้องทำในใจนิโคลัสเคยมีประสบการณ์รับมือกับซอมบี้จำนวนมากประมาณ 2 ครั้ง แต่เพราะมีคนในทีมอยู่ด้วยการต่อสู้ที่ผ่านมาจึงไม่ได้ยากลำบากเท่าไรผิดกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากจะเหลือเพียงเขาและเฉินเฟิงที่ต้องรับมือกับซอมบี้จำนวนมาก ยังต้องระวังพวกแอ่งน้ำตามจุดต่าง ๆ อีกต่างหากส่วนเด็ก ๆ ในบ้านและครูเมตตา ทุกคนลงความเห็นว่าควรให้หลบไปอยู่ในอาคารเก็บเสบียงหรือก็คืออาคารที่เคยใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงกิจกรรมโชว์น่ารักของเด็กตัวน้อย เพื่อตอบแทนหน่วยงานหรือผู้ใจบุญที่จัดโครงการมาอยู่เป็นเพื่อนเด็ก ๆ ในวาระสำคัญต่าง ๆช่วงฝนตกที่ไม่ได้ไปสร้างถนนสำหรับเชื่อมไปยังหมู่บ้านของเจ้ากระต่าย นิโคลัสเสนอให้วิทย์และทีมปรับปรุงให้กลายเป็นห้องเก็บเสบียงเพราะมีเพดานที่สูงและพื้นที่กว้างขวาง ส่วนหน้าต่างประตูที่เกินจำเป็นก็ทำก
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยทั้งสามจนกระทั่งผล็อยหลับไป ตอนเช้าหลังจากกินอาหารที่กักตุนในถ้ำเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหาทีโอพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ“ทำไมพี่หงส์ถึงมีเขาบนหัวล่ะครับ” เด็กชายดลถาม พวกเขาปรึกษากันก่อนออกจากฐานทัพลับแล้ว เนื่องจากดลอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้มานานกว่าพลอยใสและปอนด์ เด็กชายจึงต้องรับหน้าที่ในการถามคำถามที่แสนละเอียดอ่อนนี้ ซึ่งดลเองก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนโบ้ยงานมาให้ตนแต่อย่างใด เดินหน้าถามทันทีที่เห็นพี่ชายผู้ใช้พลังโลหะ“ไปอ่านเจอมาจากที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู“พวกเราเจอในหนังสือสารคดีครับ” ปอนด์หยิบหนังสือดังกล่าวออกมาโดยจงใจเปิดหน้าที่มีภาพประกอบของกวางเพศผู้และกวางเพศเมียที่อ่านเจอเมื่อคืนให้คนอายุมากกว่าดู“อ๋อ สารานุกรมสัตว์โลก” ทีโอพยักหน้าเข้าใจ เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ก็เผลอเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มักออกไปร้านเกมคาเฟ่หรือไม่ก็เล่นเกมการ์ดกับเพื่อน คิดไม่ออกเลยว่าอีกหลายสิบปีต่อจากนี้จะมีเด็กฉลาดอย่างสามคนนี้เกิดขึ้นมาอีกมากแค่ไหน…พอหมดซอมบี้ โลกต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่“หรือเพราะพี่หงส
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน