ลูกช้างประคองเครือกล้วยไว้ด้วยงวงเล็ก แต่ละก้าวที่เดินล้วนระมัดระวังไม่ให้อาหารตกพื้น นำไปวางไว้ตรงหน้าบิดาใช้ศีรษะดุนดันให้อีกฝ่ายกินก่อนอดีตผู้นำแห่งปางช้างพนาไพรแสร้งใช้งวงหยิบกล้วย ทั้งที่หยิบไม่ได้แต่แค่นั้นลูกน้อยก็ผงกศีรษะขึ้นลงอย่างชอบใจ แล้วใช้งวงเด็ดกล้วยมากินจนอิ่มหมีพีมัน“นี่… ทำได้อย่างไรกัน” พลายมงคลจำไม่เห็นได้ว่าที่นี่มีต้นกล้วยที่กำลังออกผล มีแต่ต้นอ่อนที่เพิ่งแทงยอดขึ้นมาเท่านั้น“เป็นพลังของผมเองครับ” เฉินเฟิงเดินเข้ามาสมทบ “พี่นิคไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวมืดแล้วน้ำจะเย็นเกินไป” เฉินเฟิงแกล้งเดินไปใกล้แล้วสะบัดน้ำที่ยังติดอยู่ปลายเส้นผมใส่ ความเย็นของน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น“ไปเช็ดผมให้แห้งเลย” คุณหมอหมีเตือน อากาศในป่าติดกับภูเขาแบบนี้ย่อมมีอุณหภูมิต่ำ ถ้าผมเปียกนานเกินไปอาจจะจับไข้ได้“มนุษย์บางคนสามารถรับพลังพิเศษบางอย่างเข้ามาในร่างกายได้ อย่างผมสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ ส่วนพี่นิคก็มีพลังไฟ” เจ้ากระต่ายอธิบายเจื้อยแจ้ว“นอกจากมีหูแล้วยังมีพลังพิเศษอีกด้วย มนุษย์วิวัฒนาการไปได้ไกลเหลือเกิน” พลายมงคลชื่นชม มนุษย์มักมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเสมอ ตั้งแต่เข
เช้าวันต่อมาเฉินเฟิงเดินมายังจุดสิ้นสุดของบาเรีย นั่นก็คือหน้าปางช้าง ฝ่ามือขาวลองสัมผัสอากาศด้านหน้า คลำอยู่สักพักก็พบกับชั้นเยลลี่บาง ๆ ตามคาดแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้… น่าอัศจรรย์จริง ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็เงียบสงัดเฉกเช่นเดิม แต่ยังคงเหลือร่องรอยของการต่อสู้เมื่อวานทิ้งไว้เป็นหลุมเป็นบ่อ ช่วยเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงตูม!แต่ทันทีที่ข้อมือขาวโผล่พ้นออกไปนอกเขตบาเรีย รากไม้เส้นเดิมก็พุ่งขึ้นมาจากดิน ถ้าเจ้ากระต่ายไม่ชักมือกลับเข้ามาในบาเรียได้รวดเร็วพอ คงจะถูกมันดึงออกไปทันที“เกือบไปแล้วนะ” นิโคลัสกอดเอวคนรักไว้แน่น แม้ว่าคนรักจะชักมือกลับเข้ามาทัน แต่คุณหมอหมีเองก็รีบกอดคนรักไว้แน่นทันทีที่รากไม่ปรากฎเหมือนกัน“มันรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังออกจากบาเรีย”“แถวนี้อาจจะมีต้นไม้ที่เป็นลูกสมุนของมันอีกก็ได้” คุณหมอหมีพูดถึงต้นไม้ปิศาจ 5 ต้นที่พวกเขาได้เผาไปก่อนหน้านี้ พวกนั้นเองก็ไม่มีตาแต่ก็สามารถโจมตีเหยื่อได้อย่างแม่นยำ“พี่นิค…” เฉินเฟิงมองคนรักด้วยสายตาอ้อนวอน “ผมว่าเราคงได้เปลี่ยนแผนแล้วล่ะ”“แผนไหน? ““แผนที่จะขับรถฝ่ารากไม้ออกไป” คุณเชฟว่าเสียงอ่อย“ทำไมล่ะ” ตอนแรกบอ
นิโคลัสชอบแผนใหม่ที่เพิ่งคิดได้ปัจจุบันทันด่วนมากกว่าแผนเดิมมาก นอกจากคนรักจะไม่ต้องเสี่ยงแล้ว ยังใช้ประโยชน์จากความมืดในเวลากลางคืน โหมให้แสงไฟเป็นจุดสังเกตมากยิ่งขึ้นแผนเดิมที่เฉินเฟิงเสนอไว้คือให้นิโคลัสจะใช้ไฟเผาเปิดทาง จากนั้นเจ้ากระต่ายจะขับรถบรรทุกคันเล็กนี้ไปขอความช่วยเหลือจากโจเซฟเพราะต้องการกำลังสำคัญอย่างหงส์และพิมพา หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษธาตุน้ำและดิน พอกำลังรบครบถ้วนก็จะทำการเผาภูเขาลูกนี้ให้เหี้ยนเพื่อง่ายต่อการกำจัดต้นไม้ปิศาจ ซึ่งสองสาวจะรับหน้าที่ควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปไกลจนวอดวาย ส่วนหน้าที่กำจัดก็ยกนิโคลัสกับเฉินเฟิงจัดการ และมีโจเซฟคอยบัญชาการอีกต่อหนึ่งสู้สองคนอาจหัวหาย สู้กันหลายคนรับรองว่ารอดตายแน่นอนว่าข้อเสนอนี้คุณหมอไม่เห็นด้วย ต่อให้ถนนสายนี้ไม่มีอันตราย เขาก็ไม่อยากส่งคนรักออกไปเสี่ยง จนเจ้ากระต่ายพูดออกมาว่า…‘ผมเองก็อยากเก่งขึ้นเหมือนกันนะ ผมอยากเป็นคนที่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ได้ ไม่ใช่เอาแต่หนีเหมือนที่ผ่านมา’ ทั้งยังพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าอีกต่างหาก ด้วยน้ำมันที่มีเหลืออย่างจำกัด ทำให้โอกาสฝ่าออกไปนั้นมีเพียงครั้งเดียวถ้ามีนิโคลัสคอยสนับสนุนอ
ปกติการลงเขาในเวลากลางวันจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเพราะต้องเดินลัดเลาะ อ้อมตรงนั้นหลบตรงนี้ไปตลอดทาง แต่ด้วยความเร่งรีบตุ่นจะเป็นคนวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นเส้นตรงเพื่อตรวจสอบเส้นทาง ส่วนดาริณีจะรับหน้าที่วิ่งเป็นแนวหน้า หากเจอสิ่งกีดขวางที่ไม่จำเป็นต้องวกอ้อมอย่างหินก้อนใหญ่หรือพุ่มไม้ก็จะใช้กำลังหักร้างถางพงด้วยตนเองเพื่อทำเวลาให้เร็วที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดจะมาถึงตีนเขาโดยใช้เวลาไปแค่ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เก็บเป็นสถิติใหม่ได้เลยแม้จะลงมาถึงได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน พิมพาแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอไปฝึกร่วมกับเด็ก ๆ คงหมดแรงตั้งแต่ครึ่งทาง หงส์รีบมาช่วยประคองไปที่รถบรรทุกคอนเทนเนอร์อาหารแห้งที่ยังจอดทิ้งไว้นอกหมู่บ้าน เนื่องจากเฉินเฟิงกับนิโคลัสขับรถของคุณยายไป พาหนะที่พวกเขาพอจะหยิบใช้ได้โดยไม่ต้องขอคนอื่นก็มีแต่รถคันนี้ภายในหมู่บ้านเองก็มีชาวบ้านเริ่มออกมามุงดูบ้างแล้ว แต่เพราะไม่รู้สถานการณ์จึงทำได้เพียงแค่ดู ไม่สามารถโทรแจ้งหน่วยงานไหนได้เลย อีกทั้งมองจากระยะสายตาก็รู้แล้วว่าไกลจากที่นี่พอสมควร เดินทางตอนกลางคืนมีแต่เสี่
“!!!!”“ข้างหน้าเป็นกำแพงไฟ!” ตุ่นคว้าคนรักเข้ามากอดแนบอก ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูรถเตรียมเปิดกระโดดทุกเมื่อหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน[มาเลย! ฝ่ากำแพงไฟมาเลย!!] เสียงในสมองเร่งเร้า“เป็นไงเป็นกันวะ!” โจเซฟเหยียบคันเร่งจนมิด คนที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อย่างดาริณีและพิมพาเองก็กอดกันแน่น แม้จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างตึง!!รถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชนกำแพงรากไม้ที่เริ่มเปราะบางจากการถูกเผาไหม้มาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้หน้ารถไม่ได้รับความเสียหายมากนัก พอพ้นจากแนวไฟก็ได้พบกับรีสอร์ตร้างที่มีช้างเชือกหนึ่งยืนต้อนรับอยู่“...” หงส์หรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างยากจะเชื่อ“...” ไม่ใช่แค่หงส์ที่ตกใจ ทั้งโจเซฟและตุ่นต่างก็มองภาพไฟกำลังลุกโหม ผิวเนื้อยังคงสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุแต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น บริเวณรีสอร์ตกลับไม่มีไฟไหม้เลยสักนิด!แม้แต่สะเก็ดไฟก็ไม่มี ควันไฟเองก็มีปริมาณน้อยกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด“มากันจริง ๆ ด้วย” พลายมงคลมองกลุ่มผู้มาเยือน เฉินเฟิงบอกว่าจะเรียกกำลังสนับสนุนที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและมาจริ
พลายวารีก็รู้ความ ไม่ดื้อไม่ซน นั่งเอาก้นแช่น้ำ ใช้งวงสาดน้ำมาที่เขาอย่างสนุกสนานพอเริ่มร้อนก็ราดน้ำให้ตัวเองสักทีเกือบหนึ่งชั่วโมงกำแพงไฟก็ถูกจุดติดครบทุกแห่ง จากที่มองด้วยสายตาคร่าว ๆ บาเรียของที่นี่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 กิโลเมตรเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่เจ้ากระต่ายไม่ได้อยู่ข้าง ๆ คนรักเป็นเพราะกำลังใช้พลังของตนเองเร่งให้ต้นลิ้นมังกร[1]เติบโต เขาเห็นมันถูกเถาวัลย์พันจนแทบดูไม่ออกอยู่ที่อาคารสำนักงานของปางช้างแห่งนี้ คาดว่าคงถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เฉินเฟิงจำได้ว่าหลายบ้านนิยมปลูกไม้ชนิดนี้มากเพราะมีสรรพคุณช่วยฟอกอากาศ บางคนจึงนำไปปลูกไว้ในห้องนอนเพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวในห้องและได้รับอากาศบริสุทธิ์เขาจึงคิดว่าหากนำมันมาเร่งโตและเพิ่มความสามารถในการฟอกอากาศของมันให้มากขึ้นอีก จะสามารถกำจัดควันไฟปริมาณมหาศาลนี้ได้หรือไม่... โชคดีที่ทำได้เฉินเฟิงจึงไม่รอช้าถอนต้นลิ้นมังกรที่พบเห็นทุกต้นออกมาเร่งให้มันโตจนสูงใหญ่ยิ่งกว่าพลายมงคล กลายเป็นเครื่องกรองอากาศขนาดยักษ์ ทำให้ภายในบาเรียยังคงมีอากาศหายใจแม้ว่าด้านนอกจะเต็มไปด้วยไฟและฝุ่นควันทางด้านต้นไม้ปิศาจก็ใช่ว่าจะยอมแพ้โดยง่าย ร
โจเซฟนิ่งคิด“แผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้คืออะไร” ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน“ระเบิดภูเขา เผาป่าให้เหี้ยน”“โอเค เข้าใจแล้ว” คนเป็นหัวหน้าพยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ฟังสถานการณ์คร่าว ๆ จากเฉินเฟิงมาบ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือต้นไม้ปิศาจ และร่างจริงของมันก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 7 กิโลเมตรในเมื่อเป็นต้นไม้ก็ต้องกำจัดด้วยไฟถึงจะไม่เหลือซาก และการระเบิดภูเขาเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะมั่นใจได้ว่ารากไม้ที่อยู่ในดินจะไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีกแผนนี้นับว่าไม่เลวเลย“คุณพิม หงส์ แล้วก็ตุ่นลงไปสร้างแนวดินที่ตีนภูเขา ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปไกล เป็นไปได้ก็สร้างรอบภูเขาลูกนี้ไปเลย”“ที่โรงเลี้ยงช้างมีรถบรรทุกคันเล็กจอดอยู่ครับ ผมลองสตาร์ตดูแล้วสามารถใช้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยรอให้พวกผมสามารถดึงความสนใจของมันได้ก่อน อย่าเพิ่งออกจากบาเรียนะครับ” กว่าจะสร้างแนวกันไฟได้คงต้องวิ่งวนรอบภูเขากันล่ะ“โอเค” สองสามีภรรยารับคำสั่งอย่างแข็งขัน พาพิมพาไปยังรถบรรทุกคันเล็กทันที “อาเฟิงยังมีต้นลิ้นมังกรอยู่ไหม พวกเราเองก็จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวจะโดนรมควันตายกันหมด” ต้นไม้ปิศาจอยู่นอกบาเรีย ตอนนี้ท
ปางช้างพนาไพรแห่งนี้เคยมีข่าวใหญ่โตถึงขั้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกสำนักอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นข่าวที่ทำเอาตำรวจและกรมป่าไม้ถึงกับกุมขมับ… นั่นก็คือข่าวนักท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังแอบลักลอบขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังปางช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพื่อนของพวกเขาหายไปตอนแรกก็คิดว่าคงไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะปกติเจ้าตัวก็ไปไหนไม่ค่อยบอกใคร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกจากรีสอร์ตเพื่อนคนดังกล่าวก็ไม่ปรากฏตัว จึงไปแจ้งที่ตึกสำนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนของตนได้ไปที่ไหนอีกหรือไม่ และภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยตัวคนเดียวหลังผ่านไป 2 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับลงมา จึงลงความเห็นว่าอาจจะหลงป่า หรือไม่ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถกลับลงมาด้วยตัวเองได้ทางปางช้างจึงเร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ให้เร่งติดตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ผ่านไปหลายวันก็ไม่พบวี่แวว กำลังคนที่มีเองก็จำกัด จึงขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มีความสามารถในการเดินป่ามาช่วยหาอีกแรงหมู่บ้านในละแวกนั้นล้วนเป็นคนที่คุ้นชินกับ
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยทั้งสามจนกระทั่งผล็อยหลับไป ตอนเช้าหลังจากกินอาหารที่กักตุนในถ้ำเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหาทีโอพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ“ทำไมพี่หงส์ถึงมีเขาบนหัวล่ะครับ” เด็กชายดลถาม พวกเขาปรึกษากันก่อนออกจากฐานทัพลับแล้ว เนื่องจากดลอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้มานานกว่าพลอยใสและปอนด์ เด็กชายจึงต้องรับหน้าที่ในการถามคำถามที่แสนละเอียดอ่อนนี้ ซึ่งดลเองก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนโบ้ยงานมาให้ตนแต่อย่างใด เดินหน้าถามทันทีที่เห็นพี่ชายผู้ใช้พลังโลหะ“ไปอ่านเจอมาจากที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู“พวกเราเจอในหนังสือสารคดีครับ” ปอนด์หยิบหนังสือดังกล่าวออกมาโดยจงใจเปิดหน้าที่มีภาพประกอบของกวางเพศผู้และกวางเพศเมียที่อ่านเจอเมื่อคืนให้คนอายุมากกว่าดู“อ๋อ สารานุกรมสัตว์โลก” ทีโอพยักหน้าเข้าใจ เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ก็เผลอเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มักออกไปร้านเกมคาเฟ่หรือไม่ก็เล่นเกมการ์ดกับเพื่อน คิดไม่ออกเลยว่าอีกหลายสิบปีต่อจากนี้จะมีเด็กฉลาดอย่างสามคนนี้เกิดขึ้นมาอีกมากแค่ไหน…พอหมดซอมบี้ โลกต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่“หรือเพราะพี่หงส
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน