ปางช้างพนาไพรแห่งนี้เคยมีข่าวใหญ่โตถึงขั้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกสำนักอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นข่าวที่ทำเอาตำรวจและกรมป่าไม้ถึงกับกุมขมับ… นั่นก็คือข่าวนักท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังแอบลักลอบขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังปางช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพื่อนของพวกเขาหายไปตอนแรกก็คิดว่าคงไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะปกติเจ้าตัวก็ไปไหนไม่ค่อยบอกใคร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกจากรีสอร์ตเพื่อนคนดังกล่าวก็ไม่ปรากฏตัว จึงไปแจ้งที่ตึกสำนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนของตนได้ไปที่ไหนอีกหรือไม่ และภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยตัวคนเดียวหลังผ่านไป 2 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับลงมา จึงลงความเห็นว่าอาจจะหลงป่า หรือไม่ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถกลับลงมาด้วยตัวเองได้ทางปางช้างจึงเร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ให้เร่งติดตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ผ่านไปหลายวันก็ไม่พบวี่แวว กำลังคนที่มีเองก็จำกัด จึงขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มีความสามารถในการเดินป่ามาช่วยหาอีกแรงหมู่บ้านในละแวกนั้นล้วนเป็นคนที่คุ้นชินกับ
ตูม!ไม่รอให้ทั้งสองคนปรึกษากัน ต้นจามจุรียักษ์ก็ฟาดกิ่งลงมาบริเวณที่พวกเขายืนอยู่พอดีเฉินเฟิงกระโดดหลบออกไปอยู่วงนอก เขาหยิบต้นลิ้นมังกรขึ้นมาปลูกทันที แม้ดินแถวนี้จะไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่ก็ต้องปลูกให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังเป็นการช่วยคุณหมีสู้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แค่อาจจะยังไม่เห็นผลในตอนนี้และคิดว่าในไม่ช้าต้นไม้ปิศาจเองก็ต้องรู้ว่าเขาได้วางกับดักบางอย่างลงไปแล้ว... หึหึฟากนิโคลัสก็ไม่ปล่อยให้มันเพ่งเล็งคนรัก ยินดีรับบทตัวแท็งก์สร้างลูกบอลไฟในมือจำนวนหนึ่ง ครึ่งหนึ่งปาใส่ลำต้น และอีกครึ่งปาใส่กิ่งก้านสาขา น่าเสียดายที่เป็นใบไม้สดทำให้ติดไฟยากไปสักหน่อยซึ่งบริเวณลำต้นนั้นก็เข้าถึงยากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มจงใจโจมตีใส่กลางต้นก็มักจะมีรากโผล่ขึ้นมาจากดิน คอยปัดป้องการโจมตีนั้นเสมอ ทำให้ต้องเบี่ยงไปโจมตีกิ่งก้านด้านบนแทนทั้งเจ้ากระต่ายและคุณหมีต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ แต่ต้นไม้ยักษ์ใหญ่เองก็ตระหนักดีว่านี่คือศัตรูที่ยากจะต่อกร มันเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกันกิ่งก้านกวัดแกว่งฉวัดเฉวียน แพทย์ทหารหนุ่มต้องกระโดดโยกหลบเป็นพัลวัน หรือแม้แต่เ
ต้นจามจุรีส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด หากเป็นกิ่งเล็กกิ่งน้อยมันคงแค่รู้สึกโกรธ แต่กิ่งที่ถูกทำลายไปนั้นอยู่กับมันมาเนิ่นนาน การสูญเสียไปก็ไม่ต่างจากเสียอวัยวะสำคัญ มันเร่งดูดสารอาหารในดินหวังจะซ่อมแซมและงอกกิ่งก้านนั้นขึ้นมาใหม่!!!กิ่งไม่งอก!เพราะอะไรกัน!!นิโคลัสไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ เจ้าต้นไม้ปิศาจถึงนิ่งไป เขาจึงใช้โอกาสนี้สาดลูกไฟใส่ไม่ยั้ง ไม่ใช่แค่ด้านหน้า แต่วิ่งวนล้อมเป็นวงกลมให้มันติดไฟทุกทิศทาง!พอสังเกตดี ๆ ใบที่เคยเขียวชอุ่มเองก็เริ่มแห้งกรอบ ติดไฟง่ายกว่าเดิมอีกต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่จะอะไรก็ช่างนี่เป็นโอกาสที่ดี!เฉินเฟิงมองภาพต้นจามจุรีลุกเป็นไฟ ในสมองราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องไม่ยินยอม คล้ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเป็นผู้ใช้พลังพฤกษาย่อมพอรู้ว่ามันกำลังคับข้องใจในเรื่องใดตั้งแต่เริ่มเปิดฉากต่อสู้ เจ้ากระต่ายก็ปลูกต้นลิ้นมังกรยักษ์ไว้มากมาย มองผิวเผินอาจจะทำไปเพื่อฟอกอากาศให้พวกเขาสองคนยังสามารถต่อสู้ได้ท่ามกลางฝุ่นควัน นั่นคือจุดประสงค์หลัก…ส่วนจุดประสงค์แอบแฝงแย่งสารอาหารในดินกับต้นจามจุรียังไงล่ะ!! …กิ่งของมันไม่งอก!พลังงานขอ
ต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปู ถือเป็นต้นไม้ยืนต้นที่อยู่ในวงศ์เดียวกับพืชตระกูลถั่ว ใบของมันจึงมีธาตุไนโตรเจนที่สูงกว่าใบไม้ชนิดอื่น สามารถช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่มีประโยชน์ในดินได้ ชาวบ้านบางคนในหมู่บ้านก็ใช้ใบจามจุรีนำไปผสมคลุกเคล้ากับดินหรือแกลบเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมหลักในการเพาะปลูกต้นกล้า ก่อนจะนำพวกมันไปลงแปลงต่อไปลืมไปได้ยังไงกัน!เขาลืมเรื่องสำคัญอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน!ตูม!“รับทราบ!” นิโคลัสวิ่งฝ่าเข้าไปในคลื่นรากไม้ ใช้พลังทำลายรากที่อยู่ใกล้ตัวให้มากที่สุด หากสร้างความเสียหายให้มันได้มากเท่าไร การซ่อมแซมตัวมันเองก็ต้องใช้สารอาหารมากเท่านั้น มาดูกันว่าใบที่มันสลัดหลุดจนหมดจะเพียงพอให้มันใช้ได้ตลอดรอดฝั่ง หรือจะเป็นตัวเขาที่หมดแรงก่อนต้นจามจุรียามไร้ใบนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่มันยังคงมีใบปกคลุมเสียอีก เมื่อใดที่มันสะบัดกิ่งสีน้ำตาลเข้มสวนทางลม ยิ่งเสริมให้ดูเหมือนหลุดออกมาจากกราฟิกซีจีขั้นสูงในภาพยนตร์แฟนตาซีคราวนี้เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้รอซัพพอร์ตอยู่รอบนอกอีก เขากระชับมีดในมือ คอยหาโอกาสตัดกิ่งใกล้ตัวโดยหวังว่าจะสามารถลดจำนวนกิ่งที่เป็นอันตรายให้กับคนรักที่อยู่ใกล้ต้นจามจุรีมากที่สุด
ต้นจามจุรีต้นนี้อยู่มาหลายร้อยหลายพันปี มันหยั่งรากลึกจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งกับภูเขาทั้งลูก จึงเป็นการยากที่จะหักโค่นในทันทีหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กัดฟันเร่งพลังในร่างออกมา แขนเหยียดตึงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อภายในเรียวแขนบอบบาง ไม่ได้ขึ้นนูนแบบนักกล้ามมืออาชีพ แค่ดูลีนคล้ายคนออกกำลังกายเป็นนิจ ใบหน้าสวยแดงก่ำตั้งแต่ลำคอไปถึงใบหูฟากโจเซฟก็คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ป้องกันไม่ให้หญิงสาวถูกลอบทำร้าย แม้ส่วนมากเฉินเฟิงกับนิโคลัสจะคอยสกัดไว้ก่อน แต่เขาก็ไม่ประมาทเปรี๊ยะ…เพียงเสี้ยววินาทีเนื้อไม้ก็ส่งเสียงแตกหักเพียงบางเบา วินาทีนั้นเลือดในกายของหญิงสาวก็ยิ่งสูบฉีด รีดเค้นพลังทุกหยาดหยดที่ซุกซ่อนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายออกมาให้มากกว่านี้…มากกว่านี้อีก!!“อ๊าาาา!!!!” ฝ่ามือดาริณีจมเข้าไปในเนื้อไม้ เส้นเลือดหลังฝ่ามือขึ้นนูนแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวใช้ออกแรงไปมากเพียงใดสุดแรงแล้ว... นี่คือสุดแรงที่เธอมีทั้งหมดแล้ว!เปรี๊ยะ!คราวนี้เสียงไม้ลั่นได้ยินชัดทุกคน แม้ไม่มีพลังพิเศษโจเซฟก็ยังได้ยินเต็มสองหู“อ๊าาาาาาาา!!!”“กี๊ซซซซ!!” เสียงดาริณีประสานกับเสียงต้นไม้ปิศาจ มันไม่ยินยอมหักโค่นทั้งอ
“ท่านแม่ขอรับ พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันหรือ” เด็กหนุ่มในวัย 14 หนาวเอ่ยถามมารดา วันนี้อยู่ ๆ แม่ของเขาก็ลุกขึ้นมาทำอาหารมื้อใหญ่ที่มีทั้งเนื้อและไก่ที่เขาชอบ ทั้งที่เวลานี้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล อาหารการกินล้วนต้องประหยัด ไข่ฟองหนึ่งแทบจะต้องนำมาต้มแล้วแบ่งเป็น 4 ส่วนแล้วกินกับข้าวคลุกเกลือเพื่อให้เพียงพอต่อทุกคน“ไปสักการะท่านเจ้าป่าเจ้าเขา” หญิงวัยกลางคนใบหน้าซูบตอบมองใบหน้าลูกชายที่ถึงวัยต้องแต่งงานมีครอบครัว แต่เพราะครอบครัวมีที่ดินน้อย ทำให้จนป่านนี้ก็ยังหาใครมาแต่งเป็นเมียของมันไม่ได้สักที ฝ่ามือหยาบกร้านกระชับข้อแขนของเด็กหนุ่มไว้แน่น “แม่จะพาเจ้าไปขอพร”“ท่านแม่” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มขาดห้วง ขาที่กำลังก้าวตามแรงจูงของผู้ให้กำเนิดหยุดชะงัก ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าก้มต่ำ “ท่านเจ้าป่าเจ้าเขาต้องการข้าหรือ” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม น้ำเสียงสั่นระริก รู้ดีว่าหากเดินขึ้นเขาต่อไป...ตนจะไม่มีวันได้กลับลงมาอีกเลย“อืม ท่านหมอผีเอ่ยถามแล้ว ท่านบอกว่าต้องเป็นเจ้า” อันที่จริงที่ประชุมหมู่บ้านแจ้งเพียงว่าที่ฝนไม่ตกครั้งนี้เป็นเพราะท่านไม่พึงใจต่อเลือดสัตว์ ท่านต้องการเครื่องเ
นอกจากท่านหมอผีแล้วมีใครบ้างเคยรับรู้ว่าเครื่องเซ่นสังเวยที่ผ่านมาได้ไปทำหน้าที่รับใช้ท่านเจ้าป่าเจ้าเขาจริงหรือไม่ รับใช้แล้วเป็นอย่างไร บางปีต้องเซ่นถึง 2 ครั้งกว่าฝนจะตกลงมาสาเหตุนั้นเป็นเพราะอะไรในใจมีคำถามแต่ไม่มีใครคิดพูดออกมา เด็กหนุ่มวัย 14 หนาวคนนี้ก็เช่นกันคิดเพียงว่าเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมาช้านานเด็กหนุ่มหยิบน่องไก่ย่างขึ้นมากัดคำโต จากนั้นก็หยิบอาหารทุกจานมากิน ถึงจะได้กินมาจากที่บ้านแล้ว แต่เนื้อมากมายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็พอทำให้ความเจ็บปวดไร้ที่มานี้หายไปได้บ้าง“กินอิ่มแล้วก็ดื่มนี่เข้าไป” หมอผียื่นถ้วยสำริดบรรจุน้ำสีเขียวข้น เรื่องนี้เด็กหนุ่มก็พอได้ยินมาบ้างว่าก่อนจะรับใช้ท่านเจ้าป่าเจ้าเขา ต้องดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ปรุงโดยหมอผีเสียก่อน“อึก” เด็กหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน รสชาติของมันทั้งขมและฝาด ทำเอาอาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้าเกือบตีกลับออกมา“ถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท่านเจ้าป่าเจ้าเขา อีกไม่นานมึงจะได้พบกันท่านแล้ว” เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ถอดเครื่องแต่งกายออกจนหมด สองมือประสานไว้แนบอกหมอผีเองก็ไม่ได้ว่าง หลังจากเห็นทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรี
“อยากเห็นจังเลย” หญิงสาวเคยออกทำภารกิจมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเจอการกลายพันธุ์ในต้นไม้ที่มีทิศทางเลวร้ายเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าจะเหมือนกับภาพยนตร์แฟนตาซีที่เคยได้ดูไหมดาริณีจึงเริ่มเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนที่เธอกับโจเซฟตามขึ้นไป เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ต้นจามจุรีกำลังสลัดใบ ภาพความสวยงามนั้นตรึงร่างเธอจนเกือบลืมหายใจแต่ต่อมาก็ต้องเกร็งตัวมองการต่อสู้ของสองหนุ่มจนไม่สามารถละสายตาได้ เธอรู้ว่าทั้งสองคนคงรู้ตัวแล้วว่าเธอกับโจเซฟอยู่ห่างออกไป หากต้องการกำลังสนับสนุนก็พร้อมเข้าไปเสมอเคยคิดว่าซอมบี้นั้นน่ากลัว ยิ่งมีจำนวนเยอะก็ยิ่งยากจะรับมือ แต่เมื่อได้พบเจอกับต้นไม้กลายพันธุ์ทำเอาต้องมาเรียงลำดับความน่ากลัวกันใหม่เฉินเฟิงกับนิโคลัสตามลงมาเป็นกลุ่มสุดท้าย พ่วงมาด้วยพลายวารีและพลายมงคล“ขอบคุณมากเลยนะครับ” เจ้ากระต่ายโค้งตัวขอบคุณ ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดว่าการเผาป่าจะสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากคนในกลุ่มได้ คิดว่าคงต้องหาทางจัดการกันเองแล้ว“เรื่องเล็กน้อยน่า” หงส์บอกปัด ถ้าเป็นเธอตกอยู่ในอันตราย ทุกคนก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเหมือนกัน “เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”“ใช่ หงส์พูด
“...” ชายที่เสนอตัวนิ่งเงียบไป เห็นรอยยิ้มของหัวหน้าก็มั่นใจแล้วว่าเจ้าตัวคงมีไพ่สักใบซ่อนเอาไว้ไพ่ที่พวกมันไม่เคยล่วงรู้ว่ามี…“พวกมึงจับไอ้พวกชาวบ้านสมควรตายพวกนี้ไปขังที่เตาเผาขยะ กูจะชำระความพรุ่งนี้เช้า” สถานที่ซึ่งเคยเป็นเตาไฟฟ้าใช้เผาขยะจากห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะ มาเวลานี้ไม่มีไฟฟ้าที่มีกำลังสูงพอ จึงถูกกันนำมาดัดแปลงเป็นห้องตัดสินโทษของคนที่คิดกระด้างกระเดื่อง“ถ้าใครหาผู้บุกรุกเจอ กูจะให้รางวัลอย่างงาม” กันนำของรางวัลออกมาหลอกล่อลูกน้อง มันเริ่มไม่อยากอยู่ในที่โล่งกว้างแล้ว เวลานี้ถึงจะมีกำแพงมนุษย์ให้ใช้ได้หลายคน แต่การอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งก็อันตรายเกินไป เกิดอีกฝ่ายมีปืนหรืออาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง มันคงไม่พ้นชะตาขาดในคืนนี้“ใครก็ได้ไปดูเครื่องสำรองไฟด้วย” หันไปสั่งลูกน้องคนอื่นพร้อมกับเดินแยกจากไปพวกชาวบ้านที่ยังถูกคุมตัวอยู่ในบริเวณนั้นต่างลอบสบตากันอย่างตื่นตระหนก ที่คลังสต๊อกสินค้ายังมีเวรยามที่พวกเขาไม่รู้อีกเหรอ!แย่แล้ว!ทำยังไงดี! พวกเขาจะไปเตือนคนกลุ่มนั้นยังไงดี!ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหงส์มองผลงานของตัวเองอย่างมีความสุข เครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ในห้างสรรพสิน
“ดื้อนักเหรอ!” หนึ่งในลูกน้องของกันกระชากเส้นผมสีขาวให้อีกฝ่ายเงยหน้าสบตากับหัวหน้าอีกครั้ง หลังถูกอัดจนหมอบไปกับพื้นชายชราผู้กล้าหาญข่มความเจ็บปวด หลับตาแน่น หัวคิ้วขมวดชนกัน ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั่วร่าง แต่แม้จะเจ็บหนักก็ไม่หลุดเสียงร้องออกไปยอมกักเก็บไว้ในลำคอ ให้ตายก็ไม่ร้องออกมาให้พวกเดรัจฉานได้ยินกลุ่มคนรอบด้านที่ถูกจ้างมาด้วยสินบนบิสกิตเช่นกันต่างก็ก้มหน้าหลบสายตา ไม่ให้เผลอไปสบเข้ากับนัยน์ตาที่สามารถทำให้พวกเขาสารภาพทุกอย่างในใจออกมา แต่ยิ่งก้มหน้าไม่สบตาก็เห็นภาพชายชราถูกเตะถูกต่อยชัดเจนยิ่งขึ้นกรอด…ก่อนหน้านี้ชายชราเฝ้าอ้อนวอนขอร้องพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างบนสากลโลก ขอให้วันเฮงซวยที่เผชิญอยู่นี้สิ้นสุดลงเสียที ที่ต้องเฝ้าสวดอ้อนวอนเพราะลำพังกำลังที่มีนั้นน้อยนิดเกินกว่าจะต่อกรกับใครไหว เมื่อต้องจนกับปัญหาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ความอ่อนแอก็เข้ามากัดกินจิตใจยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยหน้าต่อสู้กับความอยุติธรรมแต่ครั้งนี้ไม่ใช่มีคนใจดีหยิบยื่นแสงสว่างมาให้แล้ว พวกเขามีแต่ต้องเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น ต้องเข้มแข็งขึ้นให้มากพอที่จะขจัดความหวาดกลัว ความอ่อนแอในจิตใจ เพ
“อาจจะเป็นพวกคนที่ไอ้จระเข้นั่นรายงานหรือเปล่า” ชายคนหนึ่งนึกถึงหัวข้อสนทนาช่วงรายงานสถานการณ์ประจำวันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา“เป็นไปได้” มันเองก็คิดว่าคงเป็นเจ้าพวกนั้นแน่ ๆ “เสือกนักนะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว ไปที่คลังเก็บของเดี๋ยวนี้ พวกมันต้องไปช่วยอีตัวพวกนั้นแน่” วันสิ้นโลกไม่เคยขาดแคลนพวกคนดีมีหรือจะทนเห็นคนทุกข์ยากได้พอดีเลย… เขากำลังเบื่อพวกผู้หญิงในสต๊อกอยู่พอดี มีของใหม่มาเติมให้กระชุ่มกระชวยเสียที“นายท่าน ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมถึงมีน้ำท่วมไปถึงบ้านของผมได้” แต่ก่อนที่กันจะได้เดินทางตรงไปยังคลังเก็บอาหารและคู่นอน พวกชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงคงได้รับผลกระทบจากที่อยู่ ๆ ก็มีน้ำไหลนองเต็มไปหมดก็ตรงเข้ามาถาม“ใช่ค่ะ บ้านอิฉันเป็นแค่กล่องลังกระดาษ พอโดนน้ำก็เปื่อยยุ่ยหมดเลย ลูกชายอิฉันจ่ายค่ากินอยู่ทุกเดือน ทางคุณจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง” หญิงวัยกลางคนประสานมือต่อว่าเจ้าของค่ายเสียงเบา หล่อนกับลูกชายเคยมีบ้านอาศัยอยู่แถวนี้ วันดีคืนดีโลกก็เข้าสู่ยุคโลกาวินาศ จากที่เคยมีบ้านให้ซุกหัวนอนก็ถูกขับไล่ออกมาเพราะพวกมันจะยึดที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่
ตุ่นวิ่งตามกลิ่นที่คนรักทิ้งไว้ไปจนถึงจุดที่โจเซฟรออยู่แล้ว สูดจมูกจนไปใกล้จุดที่หัวหน้าซ่อนตัวอยู่ จากนั้นก็เคาะพื้นเป็นจังหวะที่รู้เพียงพวกเขาเท่านั้นเพื่อยืนยันตัวตน“พามาแล้วครับ”“ปลอดภัยกันดีนะ” ชายหนุ่มมองมาที่ดาริณีเป็นคนแรก พิมพากับตุ่นแลกเปลี่ยนสายตาอย่างรู้กัน คันปากอยากแซวแต่สถานการณ์ไม่สมควรให้พูดเล่นสักเท่าไรนัก แซวในใจไปก่อนแล้วกัน“ค่ะ” ดาริณีพยักหน้าพลางหมุนตัวให้ชายหนุ่มดู รู้ว่าการมาของตนในครั้งนี้คงทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างเป็นกังวลมากโจเซฟเห็นดาริณีไม่มีบาดแผลก็โล่งใจ ค่อยเลื่อนสายตาไปมองที่ตุ่นและพิมพาเป็นลำดับต่อมาเมินสายตาล้อเลียนของทั้งคู่ จากนั้นก็เริ่มแจกแจงหน้าที่ที่แต่ละคนจะต้องทำนอกจากแท็งก์น้ำที่ถูกเจาะรูให้น้ำไหลออกมาหมด ก็มีแปลงผักที่ถูกพลิกหน้าดิน กลับหัวกลับหางจนไม่เหลือผักใบเขียวให้เห็นอีก มีแต่ร่องดินสีน้ำตาลเท่านั้น…อย่างหลังน่าจะยังไม่มีใครสังเกตเห็น คงต้องรอให้พระอาทิตย์ตอกบัตรทำงานนั่นแหละ“ป่านนี้พวกมันคงหัวเสียกันน่าดู” พิมพายิ้มเยาะ สะใจกับความฉิบหายของคนเลวยิ่งนัก“หัวหน้าต้องได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของมัน ขำเป็นบ้า” ตุ่นผู้ได้ยินเสียงชัดเจนที่
หงส์กัดริมฝีปาก ภาพที่เห็นสร้างความสะเทือนใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก เธอต้องพยายามข่มใจไม่เปิดตะแกรงเหล็กลงไปยกหญิงสาวคนนั้นขึ้นมากอดปลอบ พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรแล้วนะ พวกเรามาช่วยคุณแล้วขอร้องล่ะ… อย่าเพิ่งแตกสลายเลย‘ไอ้พวกเวร!’ หญิงสาวค่อย ๆ คลานถอยหลัง พยายามหลับตาไม่มองสบกับนัยน์ตาอ้อนวอนคู่่นั้น เธอต้องนิ่งเข้าไว้ ถ้าทำอะไรพลการลงไป แผนที่วางมามีหวังล่มไม่เป็นท่าแน่นอนจากนั้นก็ไม่สามารถช่วยใครได้เลย…ไม่คิดว่าค่ายราวกับนรกบนดินแห่งนี้จะอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทั้งที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรก็มีหมู่บ้านแสนสงบสุขที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่ามีกินมีใช้ไม่ขัดสน เทียบกันแล้วเธอและเขาเหล่านี้กับต้องทนกับการทรมาทรกรรมจากสิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกัน ไม่ให้ความช่วยเหลือก็แล้วไปเถอะ…ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยค่ายแห่งนี้โหดร้ายอย่างกับไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์เหมือนกัน ถึงบ้านเมืองจะไม่มีขื่อมีแป เป็นคนเดียวก็ว่าแย่ แต่นี่ทั้งค่ายต่างรับรู้การกระทำเลวทรามต่ำช้าและช่วยสนับสนุนโดยไม่สนว่าผู้คนในห้องเหล่านั้นจะรู้สึกเช่นไรที่ความเป็นมนุษย์ของตนถูกลิดรอนไปโดยน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองแม้จะมีความโกรธ
“สงสัยเจอกุ๊กกู๋ว่ะ” ชายคนหนึ่งหัวเราะขึ้นเมื่อเสียงเพื่อนร่วมเวรเงียบไป “หรือไม่ใช่วะ” พร้อมกับลางสังหรณ์บางอย่างที่พาให้ขนคอลุกชันฉึบแต่ยังไม่ทันที่จะเปิดปากบอกเล่าความสงสัย ตัวมันก็คล้ายกับถูกกระแสลมวูบหนึ่งพัดผ่านแถวลำคอ พอจะอ้าปากพูดกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทั้งความเจ็บที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน แรงดึงรั้งบริเวณคอเสื้อทำให้มันมั่นใจว่าตอนนี้คงถูกผู้บุกรุกเล่นงานแล้วต้องเตือนเพื่อน!ต้องเตือน…ฝ่ามือหนายกขึ้นหมายจะไขว่คว้าใครสักคนท่ามกลางความมืด แต่ก็สายไปเสียแล้ว…ร่างไร้วิญญาณถูกวางลงบนพื้นอย่างเบามือ อย่างที่เจ้าของร่างไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนไม่สามารถลุกขึ้นมาพูดคุยกับเพื่อนได้อีกเป็นครั้งที่สอง“พวกมึงแม่งทำไมเงียบไปวะ” มนุษย์หมูเริ่มเอะใจ ฝ่ามือหยาบกร้านกระชับกระบองเหล็กในมือพลางกวาดมันไปมาท่ามกลางความมืด เกิดเสียงขวับ ๆ จากการหวดลม“ช่วย...! อ่อก!” มนุษย์หมูเตรียมจะตะโกนเรียกเพื่อนที่อยู่เวรไม่ไกลกันให้มาตรวจสอบความผิดปกตินี้ แต่ทันทีที่อ้าปากก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อตนเองกลืนน้ำเข้าไปอึกใหญ่ทั้งทางปากและจมูก “อุก... อ่อก”โจเซฟฉวยโอกาสที่มนุษย์หมูกำลังตกใจกับลูกบอ
“ดีที่เป็นแค่คนชั่วธรรมดาด้วย” โจเซฟมองออกว่าคนพวกนี้แต่เดิมถ้าไม่ใช่พวกอันธพาลหน้าปากซอย ก็น่าจะเป็นคนทั่วไปที่เบนเข็มมาทำชั่ว ถ้ามีใครสักคนในนี้เป็นทหารหรือตำรวจ การฆ่าคนเหล่านี้อาจไม่ง่ายดายนัก“ข้างหน้าน่าจะเป็นคลังเก็บเสบียง” หญิงสาวสัมผัสได้ว่าบริเวณนั้นมีเวรยามมากกว่าจุดที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว และมีกลิ่นเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศลอยมาปะทะจมูกเป็นระยะ“กี่คน”“คร่าว ๆ น่าจะประมาณ 7 คน” มีคนอู้หลับ 2 หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่รอเข้ากะในเวรยามช่วงต่อไป“ห่างจากห้องเก็บสินค้าที่ได้ยินเสียงร้องไห้มากไหม”“ไม่ไกลกันเลยค่ะ” จะบอกว่าอยู่ข้างกันเลยก็ได้“ใช้คนเยอะเฝ้าสองอย่างเลยสินะ” โจเซฟกุมคางครุ่นคิด “มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบ้างหรือยัง”“เท่าที่ฟังจากเสียงฝีเท้ากับเสียงพูดคุยประปราย เหมือนจะยังไม่รู้ว่าเราบุกเข้ามา” หงส์กระซิบเสียงเบา“งั้นก็ดี” ชายหนุ่มมองหลอดไฟพลังงานแสงอาทิตย์ตามจุดสำคัญต่าง ๆนับว่าหัวหน้าค่ายแห่งนี้ใช้จ่ายกระแสไฟฟ้าที่หาได้ยากอย่างฟุ่มเฟือยมาก นอกจากจะไม่เก็บสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็นแล้ว ในตอนกลางคืนก็ยังคงเปิดไฟไว้โดยไม่คิดเลยว่ามันจะเรียกอันตรายมาหาพรึบ!“เฮ้ย
ผู้บุกรุกยามวิกาลแบ่งกำลังพลออกเป็น 2 ส่วน ตุ่นกับสองสาวสมาชิกใหม่รับหน้าที่ก่อกวนพร้อมกับสร้างความเสียหายให้มากที่สุด เอาให้พวกมันต้องใช้เวลาวุ่นวายอยู่กับการฟื้นฟูแทนที่จะมาคิดเรื่องใต้สะดือโจเซฟกับหงส์จะเป็นคนออกไปตามหาว่าพวกมันนำหญิงสาวไปขังรวมกันไว้ที่ไหน หากมีช่องทางช่วยเหลือได้ในทันทีก็จะยื่นมือเข้าช่วยที่ต้องแยกสองสามีภรรยาออกจากกันเพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีประสาทการฟังที่ยอดเยี่ยม หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้น โจเซฟสามารถใช้เสียงเพื่อให้คนที่อยู่ใกล้และไกลถอยออกได้ทันท่วงทีความปลอดภัยของพวกเขาต้องมาก่อนชายหนุ่มรู้ว่าการบุกเข้ามาที่นี่ค่อนข้างเสี่ยง นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว ดาริณีและพิมพาล้วนเป็นมือใหม่ ไม่เคยประสบพบเจอกับเรื่องราวโหดร้ายทารุณประเภทนี้เลยสักครั้ง ตอนแรกเขาอยากให้ทั้งคู่รออยู่ที่จุดนัดพบมากกว่า แต่พวกเธอปฏิเสธและบอกกลับมาว่า‘ถ้าไม่ไปก็จะไม่ได้ประสบการณ์ค่ะ’ พิมพายืนยันหนักแน่น‘ถ้าเกิดเรื่องกับพวกเรา ไม่ต้องกังวลนะคะ เป็นฉันที่อยากทำเอง’ ดาริณีสบตาชายหนุ่ม ในแววตาไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลยสักเสี้ยวเดียว‘แต่ถ้าพวกคุณเป็นอะไรไป ยังมีเด็ก ๆ ที่เส
“ไม่มีสายเสริมกำลังกายบ้างเลยเหรอ?” โจเซฟ“ไม่แน่ใจครับ อาจจะมีหรืออาจจะไม่มี” พลังพิเศษสายกำลังกายถ้าไม่แสดงออกมาย่อมไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ดูอย่างเด็กชายดลสิ ถ้าไม่วิ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นวิ่งเร็วแค่ไหน“ที่รักพอจะจำหน้าคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ ในค่ายได้ไหม" หงส์ถาม“ไม่แน่ใจนะ เวลามันน้อยเกินไป”“น่าเสียดาย” ถ้าฆ่าพวกมันให้หมดได้ก็น่าจะแก้ปัญหาที่ตรงเหตุที่สุดแล้วแท้ ๆ“พวกตัวหัวหน้ามักจะมีท่าทีแตกต่างจากคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นฆ่าได้ฆ่า” โจเซฟยิ้มเหี้ยม เดนมนุษย์อย่างนี้จะเก็บไว้ทำไมให้รกโลก“รับบัญชาค่ะ” หงส์คลี่ยิ้มกว้าง…ได้เวลานองเลือดแล้วสิห้างสรรพสินค้าที่เป็นประเด็นแห่งนี้ถูกแบ่งสันปันส่วนตามระดับความสำคัญของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คนที่เป็นแค่กรรมกรหรือเบ๊จิปาถะไม่มีพลังพิเศษจะอาศัยอยู่รอบนอก ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หากไม่มีกิจธุระที่จำเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ธรรมดาอยู่ชั้นใต้ดิน ชั้นที่หนึ่งจะเป็นห้องอาหารและส่วนสันทนาการต่าง ๆ แล้วแต่ใครจะทำอะไร ชั้นสองเป็นชั้นสินค้าแบรนด์เนมจึงให้กลุ่มผู้มีพลังพิเศษหรือมนุษย์กลายพันธุ์อยู่อาศัย ชั้นที่สามเป็นชั้นสำหรับเ