Share

บทที่ 7

Author: ปลาทองหางเดียว
เสียงอันเย็นชาของชายหนุ่มดังเข้ามาในหู ช่างเสียดแทงแก้วหูเป็นพิเศษ

ชิงอี้หันกลับไป ก็สบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของเขา เย็นชาและเฉยเมย แทบจะไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ

เขายังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี คิดว่าเธอและลูกสาวเป็นฝ่ายผิด และเข้าข้างหร่วนหนิงถังกับหนานหนานอย่างไม่มีเงื่อนไข

โจวเฉาหลี่ไม่รอให้ชิงอี้ได้เอ่ยปากพูดอะไร สายตาก็มองตรงไปยังหร่วนหนิงถัง น้ำเสียงที่แข็งกระด้างอ่อนลงเล็กน้อย “เข้าไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”

เขาไม่แม้แต่จะมองจือจือสักแวบเดียว ก้าวเท้าตามพวกเขาเข้าไปในห้องผู้ป่วยโดยตรง แล้วปิดประตูห้องลง

ชิงอี้มองดูประตูห้องผู้ป่วยที่ถูกปิดลง กำหมัดแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ

เมื่อเผชิญกับท่าทีที่เย็นชาของโจวเฉาหลี่ แววตาของเธอก็ยิ่งเย็นชาลงไปอีกหลายส่วน

เธอทนอยู่กับท่าทีเมินเฉยแบบนี้มาหลายปีได้อย่างไรกัน?

คิดดูแล้วก็น่าขัน

ถ้าหากเธอไม่ดึงดันที่จะได้รับการตอบสนองจากโจวเฉาหลี่ พาลูกสาวจากไปให้เร็วกว่านี้สักหน่อย บางทีชาติที่แล้ว ลูกสาวก็คงจะไม่ต้องพบกับโศกนาฏกรรมเช่นนั้น

“คุณแม่คะ ตอนนี้หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว วันนี้เราออกจากโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”

ชิงอี้ก้มหน้าลง มองดูลูกสาวที่รู้ความและเชื่อฟัง ในใจยิ่งบีบรัดแน่น “ต่อไปนี้ไม่ว่าใครจะรังแกลูก ก็ห้ามอดทนนะ รู้ไหม?”

จือจือพยักหน้าอย่างว่าง่าย “หนูทราบแล้วค่ะ”

หลังจากที่ชิงอี้ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้จือจือเสร็จแล้ว ก็พาจือจือไปหาคุณแม่

คุณแม่อาศัยอยู่ที่วิลล่านอกเมือง ห่างจากตัวเมืองอยู่บ้าง แต่ที่นี่อากาศและทิวทัศน์ดีมาก

คุณแม่กับคุณพ่อของเธอทะเลาะกันเรื่องหย่ามาตลอด แต่ฝ่ายคุณพ่อไม่เคยยอม คุณแม่ก็เลยย้ายออกมาอยู่เองเสียเลย

ชิงอี้ชอบพาจือจือมาหาคุณแม่เพื่อพูดคุยปรับทุกข์

จือจือพอเห็นคุณยาย ก็ดีใจอย่างยิ่ง วิ่งเข้าไปอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของคุณยาย

หลี่หว่านฮุ่ยยิ้มพลางอุ้มจือจือขึ้นมา “โอ๊ย หลานสาวตัวน้อยของยาย โตขึ้นอีกแล้วเหรอ? วันนี้มาบ้านยายอยากกินอะไร เดี๋ยวยายทำให้กินเอง”

“กินซี่โครงหมูรมควันค่ะ!”

“ได้เลย เดี๋ยวยายทำให้กินนะ”

หลี่หว่านฮุ่ยปลอบจือจืออยู่ครู่หนึ่ง ก็ให้เธอขึ้นไปดูทีวีข้างบนเอง

เธอมองไปทางชิงอี้ “วันนี้วันพุธ ทำไมถึงมีเวลามาล่ะ?”

ชิงอี้นั่งลงบนเก้าอี้ “ช่วงนี้ธุรกิจเป็นยังไงบ้างคะ?”

หลี่หว่านฮุ่ยดำเนินธุรกิจของตัวเอง แต่ช่วงนี้ธุรกิจไม่ค่อยดีนัก ผลกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นฐานแล้วคือขาดทุนตลอด

ก็เพราะธุรกิจนี้นั่นแหละ ที่ทำให้ชิงจิ่งฝูยื้อเวลาไม่ยอมหย่ามาโดยตลอด พวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี การแบ่งสินสมรสมีความขัดแย้งกันมาก ผลประโยชน์ผูกมัดกันอย่างลึกซึ้ง การหย่าร้างจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

ชิงจิ่งฝูมีเมียน้อยอยู่ข้างนอกนานแล้ว เมียน้อยก็มีลูกให้เขาสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ดังนั้นชิงจิ่งฝูจึงไม่เคยชอบชิงอี้เลย

หลังจากที่ชิงอี้แต่งงานกับโจวเฉาหลี่ เขาก็ตั้งใจจะผูกมิตร อยากจะอาศัยเส้นสายของโจวเฉาหลี่ในการทำธุรกิจ

แต่โจวเฉาหลี่ไม่ชอบเธอ ย่อมไม่สนใจว่าครอบครัวของเธอจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นชิงจิ่งฝูจึงเคยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าหลี่หว่านฮุ่ยว่าให้กำเนิดของไร้ค่า

หลี่หว่านฮุ่ย “ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

ชิงอี้ก้มหน้าลงเล็กน้อย หลายปีมานี้ หากเธอมีเงินเหลือก็จะโอนให้คุณแม่เสมอ แต่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดธุรกิจของคุณแม่มากนัก

ชาติที่แล้ว เธอทุ่มเททั้งใจให้กับโจวเฉาหลี่ สองวันก่อนที่ลูกสาวจะเสียชีวิต ธุรกิจของคุณแม่เพิ่งจะประกาศล้มละลาย

“อีกสักพักหนูจะโอนเงินให้อีกก้อนหนึ่งนะคะ ถึงตอนนั้นแม่จะได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานภายในบริษัท รูปแบบการดำเนินงานก่อนหน้านี้มันเก่าเกินไปแล้ว ตามยุคสมัยไม่ทันแล้วค่ะ แล้วก็สามารถลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ด้านพลังงานใหม่ได้ด้วย ผู้นำในบริษัทที่ความคิดล้าสมัย ที่ควรจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปเลยค่ะ”

หลี่หว่านฮุ่ยขมวดคิ้วมองชิงอี้ “ลูกไปเอาเงินมาจากไหน? หรือว่าเป็นเฉาหลี่...”

“ไม่ใช่ค่ะ” ชิงอี้ขัดจังหวะอย่างตรงไปตรงมา “หนูกำลังจะหย่ากับเขาแล้วค่ะ”

แต่งงานกับโจวเฉาหลี่มาหลายปี เขาไม่เคยสนใจเรื่องใด ๆ ของตระกูลชิงเลย แม้แต่ตอนที่ตระกูลชิงใกล้จะล้มละลาย เขาก็ไม่เคยสนใจ

แต่พอหร่วนหนิงถังเรียนต่อต่างประเทศแล้วไม่มีเงิน เขากลับโอนเงินให้หร่วนหนิงถังหลายล้านโดยไม่ลังเล

ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะคุณลุงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เกรงว่าคุณแม่คงจะแบกรับหนี้สินนับร้อยล้านไปนานแล้ว

หลี่หว่านฮุ่ยมองเธอด้วยสายตาที่เจ็บปวดใจ

เธอถอนหายใจ “เป็นความผิดของแม่เอง ที่ไม่มีความสามารถ ถ้าหากบ้านเดิมของลูกมีคนคอยหนุนหลัง ลูกก็คงไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานที่บ้านตระกูลโจวขนาดนี้...”

หลี่หว่านฮุ่ยเบือนหน้าหนี น้ำตาคลอเบ้า “ทำให้ลูกต้องทนมาจนถึงตอนนี้ถึงได้เอ่ยปากขอหย่า”

“มันผ่านไปแล้วค่ะ”

ตอนนั้น เธอไม่ควรดึงดันที่จะแต่งงานกับโจวเฉาหลี่

ผู้หญิงที่ตกหลุมรัก มักจะคิดว่าการเป็นแม่บ้านแม่เรือน จะสามารถทำให้ผู้ชายมารักตัวเองได้

ชิงอี้ฝากลูกสาวไว้ที่บ้านของหลี่หว่านฮุ่ย

ใบลาออกได้รับการอนุมัติแล้ว เธอต้องไปทำเรื่องลาออกที่โจวกรุ๊ป

ที่โถงด้านหน้าของบริษัท เธอเผชิญหน้ากับโจวเฉาหลี่

ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำ ก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปข้างนอก ดูเหมือนจะมีเรื่องด่วน

สีหน้าของชิงอี้เรียบเฉย ยืนชิดข้างเพื่อหลีกทาง

โจวเฉาหลี่มักจะทำเป็นมองไม่เห็นชิงอี้เสมอ เคยชินกับการละเลยเธอ

ไม่ว่าเธอจะทักทายและพยายามสร้างตัวตนอย่างไร เขาก็ทำเป็นมองไม่เห็น

“เหล่าโจว ทางนี้!”

นอกประตูใหญ่ หร่วนหนิงถังยิ้มพลางโบกมือให้โจวเฉาหลี่

“ทำไมพี่ถึงต้องลงมารับฉันด้วยตัวเองด้วยล่ะ ฉันขึ้นไปเองก็ได้”

ชิงอี้พลันนึกถึงเมื่อก่อน ไม่ว่าลมจะพัดหรือฝนจะตก โจวเฉาหลี่ก็ไม่เคยเอาใจใส่เธอเช่นนี้มาก่อน คนไม่เหมือนกัน ท่าทีของเขาก็ไม่เหมือนกัน

เธอละสายตาอย่างเรียบเฉย ไม่อยากจะสนใจอีกแล้วว่าระหว่างพวกเขาจะทำอะไรกัน

เธอหมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่มขึ้นไปชั้นห้า แล้วตรงไปที่ฝ่ายบุคคลเพื่อยื่นใบลาออก

พี่จางจากฝ่ายบุคคลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เธอยื่นใบลาออกจริง ๆ เหรอเนี่ย? นึกว่าล้อเล่นซะอีก”

ทุกคนรู้ดีว่าชิงอี้เป็นเพียงผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ในแต่ละวันก็แค่ยกน้ำชาเสิร์ฟน้ำในห้องประชุม เพราะเธอยังต้องกลับบ้านไปดูแลลูก ทำโปรเจกต์ที่ซับซ้อนไม่ได้

ถึงแม้ว่าประธานโจวจะไม่เต็มใจที่จะสนใจเธอ แต่เธอก็มักจะตามประธานโจวไปทุกที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้จู่ ๆ ก็จะลาออกโดยไม่มีเหตุผล เกรงว่าพระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วมั้ง

ชิงอี้ไม่อยากจะตอบอะไรมากนัก เพียงตอบรับด้วยสีหน้าเย็นชา “อืม”

พี่จางเห็นท่าทีแบบนั้น ก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ

ก็แค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ ไม่รู้จะมาทำท่าหยิ่งอะไร แฟนสาวของประธานโจวเพิ่งจะมาบริษัทวันนี้ ทั้งกลุ่มแชตก็แทบแตก บอกว่าแฟนสาวของประธานโจวทั้งสวยสง่า แถมยังจบการศึกษาจากต่างประเทศ และยังเป็นปริญญาเอกสองใบทั้งด้านเทคโนโลยีการเงินและวิศวกรรมการบินและอวกาศอีกด้วย

กับประธานโจวแล้ว เป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง

คงเพราะรู้ว่าแฟนตัวจริงของประธานโจวนั้นเก่งกาจ ตัวเองเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ เลยรู้สึกต่ำต้อยจนตัดสินใจลาออกล่ะสิ

“เรื่องลาออกเรียบร้อยแล้วนะ” พี่จางมองชิงอี้ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เสี่ยวชิง ฉันขอเตือนสักคำ ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหนต่อไป อย่าไปคิดกับคนที่ไม่ควรคิดถึงเลย”

ชิงอี้ได้ฟังก็รู้สึกว่าตัวเองในอดีตนั้นช่างน่าสมเพชเพียงใด

ที่แท้แล้วในอดีตที่เธอรักเขามากขนาดนั้น ในสายตาของคนอื่น กลับเป็นเพียงการตอแยข้างเดียวและความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเธอ...

คนอื่นมองออกกันหมด แต่เธอกลับเพิ่งจะตื่นรู้ในตอนนี้ ชาติที่แล้ว บางทีอาจจะเป็นการลงโทษจากสวรรค์

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างเงียบงัน

จากนั้นก็กวาดสายตามองพี่จางอย่างเรียบเฉย “ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ แต่แผนอาชีพของฉันไม่รบกวนให้ต้องชี้แนะ”

ชิงอี้ออกมาจากฝ่ายบุคคล ลงมาที่ล็อบบี้ โจวเฉาหลี่กับหร่วนหนิงถังยังคงอยู่ที่นั่น

เมื่อก่อนเธออยากจะเจอโจวเฉาหลี่ทุกวัน แต่ตอนนี้พอเห็นหน้าเขาเข้ากลับรู้สึกอับโชคขึ้นมาทันที

เธอก้าวเท้าจะเดินจากไป

ไม่คิดว่าโจวเฉาหลี่จะเอ่ยปากเรียกเธอไว้อย่างไม่รีบร้อน “ชิงอี้ เอากาแฟหนึ่งแก้วไปให้หนิงถังที่ห้องทำงานด้วย”

หร่วนหนิงถังรีบเอ่ยปาก “ได้ยินเหล่าโจวพูดมานานแล้วว่ากาแฟที่พี่สะใภ้ชงอร่อยมาก เหล่าโจวยังบอกอีกว่าพี่สะใภ้เหมาะกับงานบ้านพวกนี้จริง ๆ ช่างเป็นแม่ศรีเรือนจริง ๆ ฉันทำงานละเอียดแบบผู้หญิงพวกนี้ไม่เป็นหรอก”

“อ้อใช่ กาแฟต้องเป็นแบบบดมือนะคะ กาแฟสำเร็จรูปฉันดื่มไม่ค่อยได้”

ชิงอี้หยุดฝีเท้า หันกลับไปมองหร่วนหนิงถัง “ในห้องทำงานของเขามีชาปี้หลัวชุนอยู่ มีรากเหง้าเดียวกันกับเธอ คงดื่มได้สบาย”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 64

    ชิงอี้คุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ดีเป็นหัวหน้าผู้ช่วยของโจวเฉาหลี่ ชื่อหลีหนานคนคนนี้เป็นเพียงคนเดียวในบริษัทที่รู้เรื่องความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาชิงอี้ขมวดคิ้ว มองไปยังทิศทางหนึ่งรถมายบัคคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักบริเวณประตูโรงเรียนอนุบาลไฮโซ ในบรรดารถหรูมากมาย รถของโจวเฉาหลี่ถือว่าไม่โดดเด่นมากนักความตั้งใจที่โจวเฉาหลี่มาเชิญตัวเธอไปนั้น เธอก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ อยู่นอกจากเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้หร่วนหนิงถังแล้ว เธอก็คิดไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เขาลงแรงถึงขนาดนี้ชิงอี้ไม่คิดสนใจทว่าหลีหนานยังคงยืนตระหง่านขวางเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอไปจือจือขมวดคิ้วมุ่น มองหลีหนาน ความระอาผุดอยู่ในดวงตาชิงอี้สีหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน “นี่คุณคิดจะทำเรื่องผิดกฎหมาย บังคับจับตัวพวกเราขึ้นรถสินะ?”หลีหนานสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง “ไม่กล้าครับ แค่จะเชิญคุณนายขึ้นรถเฉย ๆ ”“ประธานโจวบอกว่า ประธานรู้ว่าของที่คุณนายต้องการอยู่ที่ไหนครับ”......หนึ่งนาทีต่อมาชิงอี้เตรียมจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังหลีหนานตรงเข้าไปขวาง แล้วเป

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 63

    “เธอ... จบแค่ปริญญาตรีจริง ๆ เหรอ?” เฉิงจิ้งขมวดคิ้วแน่น “อย่าบอกนะว่าปลอมประวัติการศึกษามา”ชิงอี้ปล่อยเมาส์ในมือ เธอยืดตัวตรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจบปริญญาตรีจริง ๆ”บรรดาคนในห้องประชุมต่างมองหน้ากันและกันจะเป็นไปได้ยังไง?เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งถึงกับล้มนักศึกษาดีเด่นอย่างพวกเขาทุกคนได้ในพริบตาถึงกับคว่ำประธานลู่ของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ จะดีร้ายอย่างไรประธานลู่ก็เป็นถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์เฮ่อ เป็นนักเทคนิคคนสำคัญของสถาบันห้าหนึ่งหนึ่งหวังสี่ตกตะลึง “เสือซ่อนเล็บคนหนึ่งชัด ๆ ”เธอมองเฉิงจิ้ง “ตอนนี้เธอน่าจะยอมรับได้แล้วใช่ไหม? ควรจะขอโทษเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเราด้วยสักหน่อยนะ?” เฉิงจิ้งนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ด้วยมีความสามารถอยู่กับตัวจริง ๆ เธอกระวนกระวายเรื่องที่ลู่จินอันปฏิเสธหร่วนหนิงถัง แต่รับชิงอี้เข้ามาทำงานอยู่ตลอดทำให้ยิ่งไม่พอใจในตัวชิงอี้และตอนนี้ ความสามารถของชิงอี้ก็สูงกว่าหร่วนหนิงถังลิบลับเธอยอมรับว่าครั้งนี้เธอสะเพร่าไปสักหน่อยมันมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้านล้านเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับเธอ เรื่องที่เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งคว่ำพวกเธอทุกคนได

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 62

    เดิมทีเฉิงจิ้งนั้นไม่พอใจเธออยู่แล้วยิ่งตอนนี้มีมูลเหตุ ก็ยิ่งกัดไม่ปล่อย“ในเมื่อที่บ้านมีเรื่อง ก็จัดการให้เสร็จก่อนค่อยมา ไม่ต้องมาทำตัวขายหน้า เป็นตัวถ่วงอยู่ที่นี่”ตอนนี้เองที่หวังสี่ผู้เป็นสมาชิกทีมก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยปาก “พอแล้ว พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ไปประชุมที่ห้องประชุมได้แล้ว”ในเมื่อเธอมาถึงบริษัทและเข้าทีมแล้ว จะบีบคั้นยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเธอเข้ามาทำงานแล้วไม่ได้ เฉิงจิ้งแค่นเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา แล้วหมุนตัวเดินไปห้องประชุมหวังสี่ก้าวเข้าไปมองชิงอิง เห็นใจไม่น้อย เลยเอ่ยปลอบ “เฉิงจิ้งก็นิสัยแบบนี้แหละ เธอมีความสามารถยอดเยี่ยม เลยหยิ่งผยอง คิดว่าเธอใช้เส้นสาย ไว้เธอเผยความสามารถของตัวเองออกมาก็ใช้ได้แล้ว”“ขอแค่มีความสามารถ เฉิงจิ้งก็จะยอมรับเธอเอง”ชิงอี้ยิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หวังสี่เห็นเธอวางตัวดี ไม่วางท่าอย่างใช้เส้นเข้ามาเลยดังนั้นเลยพูดต่ออีกสักหน่อย “ถ้าเธอไม่โอเค ก็พยายามเงียบ ๆ ไว้ ไม่ต้องไปโผล่หน้าให้เฉิงจิ้งเห็นก็พอ เจ้าตัวน่ะขึ้นชื่อว่าชอบกลั่นแกล้งคนอื่น”......ชิงอี้เข้าไปห้องประชุม ตรงหน้าของทุก

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 61

    หลี่หว่านฮุ่ยทำอาหารอยู่ที่บ้านเสร็จเรียบร้อย ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้ง“จือจือยังไม่ตื่นเหรอคะ?”หลี่หว่านฮุ่ยส่ายหน้า “ยังเลย”“นี่มือลูกเป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ” ชิงอี้เม้มปาก “ไม่ทันระวังเลยบาดเจ็บเข้าน่ะ”หลี่หว่านฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเธอแกะผ้ากันเปื้อน “แม่ไม่อยู่กินข้าวนะ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้แม่ต้องไปจัดการ”ชิงอี้ชะงัก มองสีหน้าของคนเป็นแม่ “ให้หนูช่วยอะไรไหม?”“ดูแลตัวเองให้ดี”พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไป ฝีเท้าก้าวฉับ ๆ ดูเหมือนกำลังรีบร้อนไม่เบาชิงอี้มองเงาหลังที่เดินจากไปของแม่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเธอกลับไม่ได้คิดอะไรมาก หลงคิดแค่ว่าเป็นเพียงเรื่องทั่ว ๆ ไปเท่านั้นเดิมทีบริษัทก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว การที่จะต้องยุ่งอยู่กับกิจการนับว่าเป็นเรื่องปกติบางทีเธออาจจะไม่ควรเอาแต่รบกวนให้แม่มาคอยดูแลจือจือ สังคมในทุกวันนี้ไม่มีใครที่มีชีวิตเรียบง่ายเลยสักคนยิ่งกว่านั้นคือหลี่หว่านฮุ่ยก็ยังต้องถูกพ่อของเธอตามวอแว ถึงจะหย่าแล้วก็ยังมาวุ่นวาย ตัดไม่ขาด ยิ่งสนใจก็ยิ่งยุ่ง......เรือนหอโจวเ

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 60

    ชิงอี้มองดูข้อความที่อยู่บนมือถือ หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันเขารักและทะนุถนอมหร่วนหนิงถังมากจริง ๆ กลัวว่าเธอจะน้อยเนื้อต่ำใจแม้เพียงเล็กน้อยถ้าเขาไม่ส่งข้อความมา เธอคงลืมไปแล้วว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในรายชื่อของเธอชิงอี้ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น ลบและบล็อกอย่างรวดเร็วในทันทีถึงแม้เขาจะไม่ยอมเซ็นหย่า เธอก็ไม่จำเป็นต้องรอโทรศัพท์และข้อความจากเขา ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ให้รำคาญใจอีกแล้วถ้าไม่เห็น ก็ไม่รำคาญใจ......หลังจากส่งจือจือกลับแล้ว ชิงอี้ก็ไปพบกับทนายหนิงทนายหนิงเป็นทนายใหญ่ พื้นฐานแล้วไม่รับคดีแพ่งที่เป็นคดีหย่าร้างพวกนี้เนื่องจากลู่จินอันแนะนำ เขาจึงยินดีที่จะช่วยสถานที่นัดหมายของพวกเขาอยู่ที่คลับเฮาส์ตอนที่พวกชิงอี้ถึง ทนายหนิงมาถึงเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะคะ มาช้าไปหน่อย”เมื่อทนายหนิงเห็นชิงอี้ ก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปที่เธอ “สวัสดีครับ ผมหนิงฉง”เขาท่าทางสง่างาม เป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทหลังจากชิงอี้จับมือกับเขาแล้ว หนิงฉงก็เรียกให้เธอเข้าไปพูดคุยอย่างไม่อ้อมค้อมในทันทีหนิงฉงมีความสามารถเฉพาะทางสูงมาก เพียงสองสามประโยคก็สามา

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 59

    กระสุนลูกหนึ่งยิงมาที่ข้อมือของเธออย่างจัง ปวดแปลบเป็นระยะหน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ”จือจือน้ำตาพร่ามัว ร้อนรนจวนจะร้องไห้ออกมาเมื่อคุณครูเห็น ก็ตกใจจนหน้าซีด “นี่คุณบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ใหม่ของโจวอวิ๋นเยว่อีก เมื่อกี้ทำไมไม่พูดล่ะคะ? รีบไปจัดการที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ”เมื่อเห็นมือมีเลือดไหลออกมามากมายขนาดนั้น ก็ตกใจอย่างมากเธอบาดเจ็บ ไม่สามารถขับรถได้ ทำได้เพียงเรียกแท็กซี่เท่านั้นจือจือตกใจจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ในใจเป็นห่วงแม่ ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก“โทรหนึ่งหกหกเก้าเถอะ คุณแม่…คุณแม่เจ็บไหมคะ?”“ชิงอี้!”เสียงของลู่จินอันแว่วดังมาจากประตูใหญ่หลังจากที่ลู่จินอันได้รับข่าวว่าชิงอี้ขอลา ก็รู้สึกไม่วางใจ จึงตามมาที่นี่ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงจะมองเห็นฉากแบบนี้ตรงหน้า“มือของเธอเกิดอะไรขึ้น? ร้ายแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?” ลู่จินอันขมวดคิ้วแน่น “ฉันจะส่งเธอไปโรงพยาบาล อย่าให้ติดเชื้อ”เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองมาที่นี่ชิงอี้เป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ถ้าไม่เกิดเรื่อง เธอไม่มีทางออกจากตำแหน่งที่ทำงานง่าย ๆ แน่สามารถทำให้เธอร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status