Share

บทที่ 8

Author: ปลาทองหางเดียว
หร่วนหนิงถังยังไม่ทันจะตั้งตัว

ชิงอี้ก็หันหลังกลับเข้าลิฟต์จากไปทันที

เธออยากจะพูดอะไรก็ไม่มีโอกาสได้พูด ได้แต่มองไปทางโจวเฉาหลี่ “เหล่าโจว ภรรยาของพี่นี่ดุดันจริง ๆ พี่รับมือไหวเหรอ? มิน่าล่ะหนานหนานถึงได้กลัวเธอ”

“ดูเหมือนเธอจะโกรธนิดหน่อยนะ พี่ไม่ไปง้อหน่อยเหรอ?”

โจวเฉาหลี่ละสายตาอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงสงบนิ่ง “เดี๋ยวเธอสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ดีขึ้นเองนั่นแหละ”

หร่วนหนิงถังยกมุมปากขึ้น ยิ้มจาง ๆ “พี่นี่ไม่กลัวภรรยาหนีไปจริง ๆ เลยนะ”

ตกกลางคืน

โจวเฉาหลี่กลับมาถึงบ้าน ในบ้านมืดสนิท ไม่ได้เปิดไฟ

หนานหนานไม่อยู่บ้าน ป้าจางไม่ต้องคอยรับใช้ ก็เลยว่างและเข้านอนแต่หัวค่ำตามปกติ

เขาเปิดไฟ ภายในห้องที่กว้างใหญ่ดูว่างเปล่าและเย็นเยียบเป็นพิเศษ

โจวเฉาหลี่เดินขึ้นไปชั้นบนตลอดทาง เข้าไปในห้องนอนใหญ่ ก็ว่างเปล่าเช่นกัน

นาน ๆ ครั้งเขาถึงจะกลับมาบ้านหลังนี้

ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจว่าชิงอี้จะกลับมาหรือไม่ ตอนที่หันหลังกลับไปอาบน้ำในห้องน้ำ ก็เดินผ่านโต๊ะเครื่องแป้งของชิงอี้ไปโดยไม่มองแม้แต่แวบเดียว

ถ้าหากมองสักแวบหนึ่ง

ก็จะเห็นเอกสารฉบับหนึ่งวางอยู่อย่างเงียบ ๆ บนนั้น

สุดสัปดาห์

งานนิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการป้องกันประเทศคึกคักอย่างยิ่ง มีผู้คนจำนวนมากมาดูงาน แม้แต่คนที่ไม่ได้ซื้อตั๋ว ก็ยังยืนดูอยู่รอบนอก

ยังมีนักข่าวจำนวนมากที่แบกกล้องถ่ายรูปและกล้องวิดีโอขนาดต่าง ๆ มาสัมภาษณ์และทำข่าว

ชิงอี้พาจือจือมารออยู่หน้าทางเข้านิทรรศการแต่เช้าเพื่อรอพบกับลู่จินอัน

จือจือยืนอยู่อย่างเรียบร้อยข้าง ๆ ชิงอี้ ดวงตากลมโตมองดูสภาพแวดล้อมที่คึกคักรอบ ๆ ด้านนอกเต็มไปด้วยโปสเตอร์และคำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องบินที่เห็นได้ทุกที่

เมื่อก่อนแม่ไม่เคยพาเธอมาสถานที่แบบนี้เลย แม้แต่สวนสนุกก็ไม่ค่อยได้ไป

ชิงอี้สังเกตเห็นอารมณ์ของลูกสาว จึงก้มตัวลงบีบแก้มเล็ก ๆ ของจือจือเบา ๆ “ชอบที่แบบนี้ไหม? ถ้ารู้สึกเบื่อ เดี๋ยวแม่โทรเรียกคุณยายมารับไปอยู่ด้วย”

“ชอบค่ะ หนูชอบมาก” เสียงเล็ก ๆ ของจือจืออ่อนหวาน “เมื่อก่อนแม่ไม่เคยพาพวกเราออกมาเล่นข้างนอกเลย”

พอได้ฟังคำพูดของลูกสาว หัวใจของชิงอี้ก็บีบรัดแน่น

ชาติที่แล้ว เธอยุ่งอยู่กับการเป็นผู้ช่วยของโจวเฉาหลี่ ยุ่งอยู่กับการเป็นแม่บ้านให้บ้านตระกูลโจว และยังยุ่งอยู่กับการอบรมสั่งสอนหนานหนานให้ดี

แต่กลับละเลยรายละเอียดต่าง ๆ ไปมากมาย

โจวเฉาหลี่ยังคงพาหนานหนานออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราว แต่จือจือกลับต้องอยู่บ้านเสมอ กินอาหารเย็นชืด เล่นของเล่นที่หนานหนานไม่อยากเล่นแล้ว

เพราะโจวเฉาหลี่ซื้อของขวัญ ซื้อของเล่นให้หนานหนาน แต่ไม่เคยซื้อมาฝากจือจือเลยสักชิ้น เธอก็เคยลองซื้อของเล่นให้จือจือ แต่จือจือกลับบอกว่าเธอไม่ชอบของเล่น

ตอนนี้พอมาคิดดู จะมีเด็กที่ไหนไม่ชอบตุ๊กตาล่ะ?

“แม่ขอโทษนะลูกรัก” น้ำเสียงของชิงอี้เจือไปด้วยความรู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง

ต่อจากนี้ไป ทุกช่วงเวลาแห่งการเติบโตของลูกสาว เธอจะไม่พลาดอีกแล้ว

“ฮ่า! จือจือ พวกเธอมายืนทำอะไรอยู่หน้าประตู?”

ไกลออกไป หนานหนานในชุดสูทตัวเล็กก้าวเท้าเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส “เธอก็อยากเข้าไปดูเครื่องบินรบของจริงเหมือนกันเหรอ?”

“ด้วยฐานะของแม่น่ะ คงจะพาเธอเข้าไปไม่ได้หรอก ถ้าเธออยากเข้าไป ก็มาอ้อนวอนฉันสิ แล้วก็ให้แม่กลับมาซักผ้าทำกับข้าวให้พวกเรา ฉันอาจจะช่วยขอร้องพ่อกับน้าหนิงถังให้เธออย่างไม่เต็มใจนักก็ได้”

“ไม่จำเป็น แม่จะพาฉันเข้าไปเอง!” จือจือทำแก้มป่อง “แม่ไม่ใช่คนรับใช้ของพี่สักหน่อย!”

หนานหนาน “?”

แม่จะพาเธอเข้าไปได้ยังไงกัน

เธอก็ทำได้แค่ทำกับข้าวกวาดบ้าน ไม่เคยได้สัมผัสกับของหรูหราพวกนี้หรอก

โจวเฉาหลี่กับหร่วนหนิงถังเดินตามหลังหนานหนานมาในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าโทนสีกาแฟ มองแวบแรกก็นึกว่าเป็นชุดคู่รัก

ชิงอี้ก็เคยอยากจะใส่ชุดคู่รักกับเขา ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวของเด็กสาวในตอนแรก

แต่ชายหนุ่มกลับไม่ให้ความร่วมมือเลย ไม่เคยใส่ และแม้แต่ชายตามองเสื้อผ้าที่เธอซื้อให้

หร่วนหนิงถังเห็นชิงอี้ ก็ก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้า ทำทีเป็นสนิทสนม “พี่สะใภ้กับจือจือก็มาด้วยเหรอคะ ทำไมไม่บอกกันสักคำ จะได้นั่งรถมาพร้อมกับฉันกับเหล่าโจว”

ในตอนนี้ โจวเฉาหลี่ก็เดินออกไปรับโทรศัพท์ข้าง ๆ ไม่ได้มองชิงอี้เลยแม้แต่น้อย

แต่สายตาของจือจือ กลับคอยแอบมองพ่ออยู่เป็นระยะ ๆ

เมื่อเผชิญกับท่าทีที่ยั่วยุของหร่วนหนิงถัง มุมปากของชิงอี้ก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ต้องลำบากหรอก”

“จริงเหรอคะ?” หร่วนหนิงถังเลิกคิ้ว “ฉันกับเหล่าโจวเป็นพี่น้องที่สนิทกันที่สุด โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พี่ไม่ต้องเกรงใจพวกเราหรอกค่ะ”

ฟังจากน้ำเสียงที่เหมือนกับประกาศความเป็นเจ้าของนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงจะคิดว่าตัวเองเป็นคุณนายโจวไปนานแล้ว

ชาติที่แล้ว เธอคิดว่าตัวเองโง่เขลา ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าผู้หญิงแสร้งทำเป็นใสซื่อคนนี้คอยจ้องจะงาบอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา

ไม่รอให้ชิงอี้ได้พูดอะไร โจวเฉาหลี่ก็คุยโทรศัพท์เสร็จกลับมาแล้ว เขามองข้ามชิงอี้ไปโดยตรง แล้วมองไปทางหร่วนหนิงถัง “ไปเถอะ เข้าไปข้างในกัน”

เขาไม่มีความคิดที่จะพาชิงอี้กับจือจือเข้าไปด้วยเลยแม้แต่น้อย

หร่วนหนิงถังยิ้มพลางมองไปทางชิงอี้ “งั้นพวกเราเข้าไปก่อนนะคะพี่สะใภ้ ถึงตอนนั้นถ้าพี่เข้ามาไม่ได้จริง ๆ ก็โทรหาฉันนะคะ เดี๋ยวฉันออกมาต้อนรับ”

ชิงอี้มองดูแผ่นหลังของพวกเขาสามคนที่จากไป แล้วยิ้มเยาะ

ชาตินี้ เธอก็อยากจะดูเหมือนกันว่า พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกจะอยู่กันไปได้สักกี่น้ำ

“ขอโทษทีนะ ที่ให้พวกเธอรอนาน ที่สถาบันมีเรื่องติดพันนิดหน่อย” ลู่จินอันรีบวิ่งมาอย่างเร่งรีบ

ชิงอี้ยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ”

“นี่จ้ะ” ลู่จินอันก้มหน้ามองเด็กน้อย ยิ้มอย่างร่าเริง “ลุงซื้อขนมกับของเล่นมาให้”

ดวงตาของจือจือเป็นประกายขึ้นมาทันที “ขอบคุณค่ะคุณลุง”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับของขวัญ!

ในมือของลู่จินอันถือบัตรผ่านสำหรับเจ้าหน้าที่ภายใน พาชิงอี้สองแม่ลูกเข้าไปด้วยกัน

วันนี้แดดแรงมาก

แสงแดดจ้าจนแสบตาไปบ้าง ชิงอี้จึงหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม

ลู่จินอันเดินไปพลางพูดไปพลาง “นิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จัดขึ้นทุก ๆ สามปี และมีขนาดใหญ่มาก เธอก็รู้อยู่แล้ว”

“อีกสักพักฉันอาจจะยุ่งหน่อย พวกเธอเดินเล่นไปรอบ ๆ ก่อนได้นะ เดี๋ยวตอนเที่ยงเราไปกินข้าวกับอาจารย์กันดีไหม?”

ชิงอี้พยักหน้า “ได้ค่ะ รุ่นพี่ไปทำงานเถอะ”

บรรยากาศในงานนั้นคึกคักจริง ๆ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คน

จือจือมองไม่กะพริบตา

“คุณแม่คะ เครื่องบินลำนี้เท่จังเลยค่ะ” จือจือดึงมือของชิงอี้ “แม่ช่วยถ่ายรูปหนูกับเครื่องบินลำนี้ให้หน่อยได้ไหมคะ?”

“ได้สิ” ชิงอี้ยิ้มพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ลูกไปยืนตรงนั้นหน่อยสิ”

จือจือกำลังจะก้าวไปข้างหน้าอยู่พอดี ทันใดนั้นกลับมีกลุ่มคนหลั่งไหลเข้ามาเบียดแทรก จนผลักเอาชิงอี้กับจือจือออกไปด้านข้าง

ชิงอี้ขมวดคิ้ว รีบประคองจือจือไว้

“คุณหร่วนคะ ได้ยินมาว่าคุณกำลังเตรียมตัวศึกษาต่อในประเทศ ประธานโจวบอกว่าคุณเตรียมจะเข้าทำงานที่สถาบันห้าหนึ่งหนึ่ง พอจะพูดถึงมุมมองที่มีต่อวงการนี้ได้ไหมคะ?”

นักข่าวถือกล้องวิดีโอ และยังมีกลุ่มคนจำนวนมากคอยบันทึกอยู่ข้างหลัง

หร่วนหนิงถังถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลาง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เปล่งประกายเจิดจรัส “ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะคะ เครื่องบินลำที่อยู่ข้างหลังฉันนี้ ตอนแรกก็เป็นฉันที่ออกแบบเองค่ะ แต่เพราะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เลยต้องออกจากทีมโปรเจกต์ไป ตอนนี้ฉันได้เห็นเครื่องบินลำนี้เปิดตัวอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ในใจก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ”

“นี่หมายความว่า ประเทศของเราไม่เคยขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถเลย”

“นั่นไม่ใช่ภรรยาของนายเหรอ?” ไม่ไกลนัก ชายที่อยู่ข้าง ๆ โจวเฉาหลี่ใช้ไหล่กระแทกเขาเบา ๆ “เธอมาทำอะไร? วัน ๆ ก็อยู่แต่บ้านทำกับข้าว เธอจะดูรู้เรื่องเหรอ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 64

    ชิงอี้คุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ดีเป็นหัวหน้าผู้ช่วยของโจวเฉาหลี่ ชื่อหลีหนานคนคนนี้เป็นเพียงคนเดียวในบริษัทที่รู้เรื่องความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาชิงอี้ขมวดคิ้ว มองไปยังทิศทางหนึ่งรถมายบัคคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักบริเวณประตูโรงเรียนอนุบาลไฮโซ ในบรรดารถหรูมากมาย รถของโจวเฉาหลี่ถือว่าไม่โดดเด่นมากนักความตั้งใจที่โจวเฉาหลี่มาเชิญตัวเธอไปนั้น เธอก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ อยู่นอกจากเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้หร่วนหนิงถังแล้ว เธอก็คิดไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เขาลงแรงถึงขนาดนี้ชิงอี้ไม่คิดสนใจทว่าหลีหนานยังคงยืนตระหง่านขวางเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอไปจือจือขมวดคิ้วมุ่น มองหลีหนาน ความระอาผุดอยู่ในดวงตาชิงอี้สีหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน “นี่คุณคิดจะทำเรื่องผิดกฎหมาย บังคับจับตัวพวกเราขึ้นรถสินะ?”หลีหนานสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง “ไม่กล้าครับ แค่จะเชิญคุณนายขึ้นรถเฉย ๆ ”“ประธานโจวบอกว่า ประธานรู้ว่าของที่คุณนายต้องการอยู่ที่ไหนครับ”......หนึ่งนาทีต่อมาชิงอี้เตรียมจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังหลีหนานตรงเข้าไปขวาง แล้วเป

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 63

    “เธอ... จบแค่ปริญญาตรีจริง ๆ เหรอ?” เฉิงจิ้งขมวดคิ้วแน่น “อย่าบอกนะว่าปลอมประวัติการศึกษามา”ชิงอี้ปล่อยเมาส์ในมือ เธอยืดตัวตรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจบปริญญาตรีจริง ๆ”บรรดาคนในห้องประชุมต่างมองหน้ากันและกันจะเป็นไปได้ยังไง?เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งถึงกับล้มนักศึกษาดีเด่นอย่างพวกเขาทุกคนได้ในพริบตาถึงกับคว่ำประธานลู่ของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ จะดีร้ายอย่างไรประธานลู่ก็เป็นถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์เฮ่อ เป็นนักเทคนิคคนสำคัญของสถาบันห้าหนึ่งหนึ่งหวังสี่ตกตะลึง “เสือซ่อนเล็บคนหนึ่งชัด ๆ ”เธอมองเฉิงจิ้ง “ตอนนี้เธอน่าจะยอมรับได้แล้วใช่ไหม? ควรจะขอโทษเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเราด้วยสักหน่อยนะ?” เฉิงจิ้งนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ด้วยมีความสามารถอยู่กับตัวจริง ๆ เธอกระวนกระวายเรื่องที่ลู่จินอันปฏิเสธหร่วนหนิงถัง แต่รับชิงอี้เข้ามาทำงานอยู่ตลอดทำให้ยิ่งไม่พอใจในตัวชิงอี้และตอนนี้ ความสามารถของชิงอี้ก็สูงกว่าหร่วนหนิงถังลิบลับเธอยอมรับว่าครั้งนี้เธอสะเพร่าไปสักหน่อยมันมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้านล้านเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับเธอ เรื่องที่เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งคว่ำพวกเธอทุกคนได

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 62

    เดิมทีเฉิงจิ้งนั้นไม่พอใจเธออยู่แล้วยิ่งตอนนี้มีมูลเหตุ ก็ยิ่งกัดไม่ปล่อย“ในเมื่อที่บ้านมีเรื่อง ก็จัดการให้เสร็จก่อนค่อยมา ไม่ต้องมาทำตัวขายหน้า เป็นตัวถ่วงอยู่ที่นี่”ตอนนี้เองที่หวังสี่ผู้เป็นสมาชิกทีมก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยปาก “พอแล้ว พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ไปประชุมที่ห้องประชุมได้แล้ว”ในเมื่อเธอมาถึงบริษัทและเข้าทีมแล้ว จะบีบคั้นยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเธอเข้ามาทำงานแล้วไม่ได้ เฉิงจิ้งแค่นเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา แล้วหมุนตัวเดินไปห้องประชุมหวังสี่ก้าวเข้าไปมองชิงอิง เห็นใจไม่น้อย เลยเอ่ยปลอบ “เฉิงจิ้งก็นิสัยแบบนี้แหละ เธอมีความสามารถยอดเยี่ยม เลยหยิ่งผยอง คิดว่าเธอใช้เส้นสาย ไว้เธอเผยความสามารถของตัวเองออกมาก็ใช้ได้แล้ว”“ขอแค่มีความสามารถ เฉิงจิ้งก็จะยอมรับเธอเอง”ชิงอี้ยิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หวังสี่เห็นเธอวางตัวดี ไม่วางท่าอย่างใช้เส้นเข้ามาเลยดังนั้นเลยพูดต่ออีกสักหน่อย “ถ้าเธอไม่โอเค ก็พยายามเงียบ ๆ ไว้ ไม่ต้องไปโผล่หน้าให้เฉิงจิ้งเห็นก็พอ เจ้าตัวน่ะขึ้นชื่อว่าชอบกลั่นแกล้งคนอื่น”......ชิงอี้เข้าไปห้องประชุม ตรงหน้าของทุก

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 61

    หลี่หว่านฮุ่ยทำอาหารอยู่ที่บ้านเสร็จเรียบร้อย ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้ง“จือจือยังไม่ตื่นเหรอคะ?”หลี่หว่านฮุ่ยส่ายหน้า “ยังเลย”“นี่มือลูกเป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ” ชิงอี้เม้มปาก “ไม่ทันระวังเลยบาดเจ็บเข้าน่ะ”หลี่หว่านฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเธอแกะผ้ากันเปื้อน “แม่ไม่อยู่กินข้าวนะ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้แม่ต้องไปจัดการ”ชิงอี้ชะงัก มองสีหน้าของคนเป็นแม่ “ให้หนูช่วยอะไรไหม?”“ดูแลตัวเองให้ดี”พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไป ฝีเท้าก้าวฉับ ๆ ดูเหมือนกำลังรีบร้อนไม่เบาชิงอี้มองเงาหลังที่เดินจากไปของแม่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเธอกลับไม่ได้คิดอะไรมาก หลงคิดแค่ว่าเป็นเพียงเรื่องทั่ว ๆ ไปเท่านั้นเดิมทีบริษัทก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว การที่จะต้องยุ่งอยู่กับกิจการนับว่าเป็นเรื่องปกติบางทีเธออาจจะไม่ควรเอาแต่รบกวนให้แม่มาคอยดูแลจือจือ สังคมในทุกวันนี้ไม่มีใครที่มีชีวิตเรียบง่ายเลยสักคนยิ่งกว่านั้นคือหลี่หว่านฮุ่ยก็ยังต้องถูกพ่อของเธอตามวอแว ถึงจะหย่าแล้วก็ยังมาวุ่นวาย ตัดไม่ขาด ยิ่งสนใจก็ยิ่งยุ่ง......เรือนหอโจวเ

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 60

    ชิงอี้มองดูข้อความที่อยู่บนมือถือ หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันเขารักและทะนุถนอมหร่วนหนิงถังมากจริง ๆ กลัวว่าเธอจะน้อยเนื้อต่ำใจแม้เพียงเล็กน้อยถ้าเขาไม่ส่งข้อความมา เธอคงลืมไปแล้วว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในรายชื่อของเธอชิงอี้ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น ลบและบล็อกอย่างรวดเร็วในทันทีถึงแม้เขาจะไม่ยอมเซ็นหย่า เธอก็ไม่จำเป็นต้องรอโทรศัพท์และข้อความจากเขา ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ให้รำคาญใจอีกแล้วถ้าไม่เห็น ก็ไม่รำคาญใจ......หลังจากส่งจือจือกลับแล้ว ชิงอี้ก็ไปพบกับทนายหนิงทนายหนิงเป็นทนายใหญ่ พื้นฐานแล้วไม่รับคดีแพ่งที่เป็นคดีหย่าร้างพวกนี้เนื่องจากลู่จินอันแนะนำ เขาจึงยินดีที่จะช่วยสถานที่นัดหมายของพวกเขาอยู่ที่คลับเฮาส์ตอนที่พวกชิงอี้ถึง ทนายหนิงมาถึงเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะคะ มาช้าไปหน่อย”เมื่อทนายหนิงเห็นชิงอี้ ก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปที่เธอ “สวัสดีครับ ผมหนิงฉง”เขาท่าทางสง่างาม เป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทหลังจากชิงอี้จับมือกับเขาแล้ว หนิงฉงก็เรียกให้เธอเข้าไปพูดคุยอย่างไม่อ้อมค้อมในทันทีหนิงฉงมีความสามารถเฉพาะทางสูงมาก เพียงสองสามประโยคก็สามา

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 59

    กระสุนลูกหนึ่งยิงมาที่ข้อมือของเธออย่างจัง ปวดแปลบเป็นระยะหน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ”จือจือน้ำตาพร่ามัว ร้อนรนจวนจะร้องไห้ออกมาเมื่อคุณครูเห็น ก็ตกใจจนหน้าซีด “นี่คุณบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ใหม่ของโจวอวิ๋นเยว่อีก เมื่อกี้ทำไมไม่พูดล่ะคะ? รีบไปจัดการที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ”เมื่อเห็นมือมีเลือดไหลออกมามากมายขนาดนั้น ก็ตกใจอย่างมากเธอบาดเจ็บ ไม่สามารถขับรถได้ ทำได้เพียงเรียกแท็กซี่เท่านั้นจือจือตกใจจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ในใจเป็นห่วงแม่ ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก“โทรหนึ่งหกหกเก้าเถอะ คุณแม่…คุณแม่เจ็บไหมคะ?”“ชิงอี้!”เสียงของลู่จินอันแว่วดังมาจากประตูใหญ่หลังจากที่ลู่จินอันได้รับข่าวว่าชิงอี้ขอลา ก็รู้สึกไม่วางใจ จึงตามมาที่นี่ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงจะมองเห็นฉากแบบนี้ตรงหน้า“มือของเธอเกิดอะไรขึ้น? ร้ายแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?” ลู่จินอันขมวดคิ้วแน่น “ฉันจะส่งเธอไปโรงพยาบาล อย่าให้ติดเชื้อ”เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองมาที่นี่ชิงอี้เป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ถ้าไม่เกิดเรื่อง เธอไม่มีทางออกจากตำแหน่งที่ทำงานง่าย ๆ แน่สามารถทำให้เธอร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status