LOGINเสียงดนตรีคลอเบาๆ ในผับหรูใจกลางเมือง แสงสลัวสร้างบรรยากาศเหมาะสำหรับการนั่งดื่มเพื่อผ่อนคลายหลังจากทำงานมาอย่างหนัก ญาณิดาไม่เคยชอบบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่นัก แต่ในคืนนี้ ความเครียดจากเรื่องงานทำให้เธอออกมานั่งดื่มเพื่อระบายความเครียดและหลีกหนีจากความเป็นจริงที่ไม่รู้จะจัดการยังไงต่อ
หญิงสาวนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ สั่งค็อกเทลแก้วที่สามมาดื่มแต่ความเครียดก็ยังมีอยู่เต็มหัวใจ ภาพใบหน้าเย้ยหยันกับคำพูดที่ทวงบุญคุณของศิวกรทำให้เธอไม่อาจลืมเรื่องนั้นได้เลย
“ไม่น่าเลย...เฮ้อ....” ญาณิดาพึมพำกับตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนคนโง่ที่ไว้ใจคนผิดมาตลอด เธอมองศิวกรเป็นรุ่นพี่ที่น่านับถือมาตลอดแม้จะเคยได้ยินเรื่องที่เขามักแอบอ้างเอางานของรุ่นน้องคนอื่นมาบ้างแต่มันก็แค่จุดเล็กๆ ไม่ใช่ผลงานทั้งหมดที่เธอเป็นคนทำ
“อะไรที่ไม่น่าเหรอครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆ ทำให้ญาณิดาหันไปมองเห็นชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อ ดวงตาคมกริบแต่ดูเป็นมิตรกำลังนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ
ธันวาชายหนุ่มวัย 30 ปีกำลังนั่งมองเธอด้วยรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก เขาสังเกตตั้งแต่เธอเดินเข้ามาและนั่งดื่มโดยไม่สนใจคนอื่นมันเลยทำให้เขาสนใจเธอมาก
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและท่าทางมั่นใจในตัวเองถ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่มานั่งดื่มคนเดียว มันต่างจากผู้หญิงหลายคนที่เข้ามาเพื่อจะหาเพื่อนคุยหรือหาใครสักคนอยู่ด้วยในคืนที่เหงา
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ญาณิดารีบปฏิเสธเพราะเขาคือคนแปลกหน้าที่เธอไม่ควรจะคุยด้วย
“แต่ดูเหมือนคุณจะกำลังมีเรื่องกลุ้มใจนะเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นอกหักหรือเรื่องงานล่ะ” เขาพอจะมองออกว่าผู้หญิงที่ออกมานั่งดื่มคนเดียวแบบนี้ถ้าไม่ทะเลาะกับแฟนก็คงมีปัญหาอะไรสักอย่าง
“คุณคิดว่าไงล่ะ” ญาณิดาหันมาถาม
“ผมเดาว่าเรื่องงาน”
“เดาเก่งนี่คะ บอกได้ไหมว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นเพราะเรื่องงาน” หญิงสาวถามกลับเพราะแปลกใจที่เขาเดาถูก
“มันแตกต่าง”
“ยังไงคะ” เธออยากรู้ว่าเขามองออกมายังไงและคิดว่าบางครั้งการคุยกับคนแปลกหน้ามันก็ให้มุมมองอะไรใหม่ๆ
“ก็ถ้าคุณมาดื่มเพราะอกหักหรือทะเลาะกับแฟนผมคงได้เห็นคุณร้องไห้แต่นี่ดูเหมือนคุณกำลังโกรธใครหรืออะไรสักอย่างถึงได้ออกมานั่งดื่มคนเดียวแบบนี้”
“ก็ตามนั้นค่ะ” เธอยังไหล่ก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ
“คงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรใช่ไหมล่ะ”
“สำหรับคนอื่นฉันไม่รู้แต่สำหรับฉันมันใหญ่มากค่ะ ตั้งแต่ทำงานมาก็เพิ่งจะเคยเจอแบบนี้” ญาณิดาไม่รู้ว่าที่บริษัทอื่นมีเรื่องแบบนี้ไหม
“ดูคุณไม่ค่อยสบายใจเลยนะ อยากเล่าให้ฟังไหม”
“แต่เราไม่รู้จักกันนะคะ”
“ผมชื่อธันวา คุณล่ะครับ”
“ดรีมค่ะ”
“ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้วนะครับ อยากเล่าไหมล่ะ”
ญาณิดาไม่รู้ว่าควรจะเล่าเรื่องนี้ให้คนแปลกหน้าฟังดีไหมแต่เมื่อคิดว่าเล่าไปก็คงไม่มีอะไรเสียหายหญิงสาวเลยรวบรวมความกล้า เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ตั้งแต่งานออกแบบบ้านคุณธวัชที่เธอทุ่มเททำมาทั้งหมด การที่ศิวกรเข้ามายึดผลงานเป็นของตัวเอง การที่ศิวกรอ้างบุญคุณที่เคยแนะนำเธอเข้ามาทำงาน
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ”
“คุณก็บอกผู้จัดการสิครับ บอกเขาว่างานทั้งหมดคุณเป็นคนคิดเอง”
“ฉันก็คิดแบบนั้นแต่ตอนนี้ผู้จัดการไม่อยู่อีกอย่างลูกค้าก็เลยเข้าใจแล้วว่าเป็นผลงานของเขา” หญิงสาวถอนหายใจเพราะเรื่องถ้าจะไปบอกลูกค้าว่าคนที่ออกแบบคือเธอก็กลัวจะไม่มีความเป็นมืออาชีพ
ธันวานั่งฟังอย่างเงียบๆ ตลอดเวลา สีหน้าของเขาเรียบเฉย แต่แววตาคมกริบนั้นฉายแววครุ่นคิด
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ การที่ผลงานของเราถูกคนอื่นเอาไปแอบอ้างว่าเป็นของตนเองไป มันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม”
“แล้วคุณธันวาคิดว่าฉันควรทำยังไงดีคะ” เธอถามด้วยความหวัง
“ผมคิดว่าคุณต้องคุยเรื่องนี้กับผู้จัดการและให้เขาเป็นคนไปคุยกับลูกค้าอีกทีเพื่อความถูกต้อง”
“ถ้าคุณธันวาเป็นลูกค้าคุณจะคิดว่าเราไม่มีความเป็นมืออาชีพไหมคะ”
“ผมก็ตอบแทนลูกค้าของคุณไม่ได้เหมือนกัน เรื่องนี้ผู้จัดการของคุณต้องเป็นคนจัดการเพราะถ้าลูกค้ามารู้ทีหลังเขาจะคิดว่าพวกคุณโกหกนะ”
“นั่นสินะฉันก็ลืมคิดเรื่องนี้เลย ขอบคุณนะคะคุณธันวาวันมะรืนนี้ผู้จัดการจะกลับมาฉันจะรีบไปคุยเรื่องนี้กับเขาค่ะ” ญาณิดาพอจะเห็นทางสว่างแล้วว่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณสมเกียรติยังไง
“เวลาไปคุยกับเขาก็ต้องพาคุณศิวกรไปคุยด้วยกันในห้องนั้นด้วยนะ คุณต้องเผชิญหน้ากับเขาและยืนยันความจริงให้เจ้านายของคุณรู้”
“ฉันกลัวว่าเจ้านายจะเชื่อพี่กรมากกว่า”
“ถ้าคุณมีคำอธิบายที่ดีผมว่าเจ้านายคุณก็น่าจะมีเหตุผลมากพอนะ คุณต้องเตรียมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับงานนี้ไปให้ละเอียดที่สุด ตั้งแต่แนวคิดของการออกแบบ สเก็ตช์งานที่เริ่มต้นตั้งแต่แรกผมว่าคุณน่าจะเก็บไว้นะ”
“ใช่ค่ะ ฉันเก็บผลงานไว้ทุกขั้นตอนเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมเอาใจช่วยนะ”
“แต่มันยังติดปัญหาอีกเรื่องค่ะ”
“ปัญหาอะไรเหรอ”
“ก็เรื่องที่กรเขามีบุญคุณและเป็นคนพาฉันเข้ามาทำงานที่นี่”
“นั่นมันก็ใช่นะ แต่ถ้าคุณทำงานไม่ดีคุณคิดว่าบริษัทจะจ้างคุณเหรอ”
“ถ้าพี่กรโกรธฉันมากกว่าเดิมแล้วมันจะกระทบกับการทำงานในอนาคตล่ะคะ”
“ถ้าอย่างนั้น ยิ่งต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่างครับ ถ้าคุณยอมให้คนอื่นเอาผลงานไปง่ายๆ ครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปก็จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และนั่นจะยิ่งส่งผลเสียต่ออาชีพการงานของคุณในระยะยาว คุณคิดว่าคุณจะทำงานอย่างมีความสุขได้ยังไง ถ้าคุณรู้ว่าผลงานที่คุณทุ่มเททำถูกคนอื่นช่วงชิงไปตลอดเวลา”
คำพูดของธันวาทำให้ญาณิดาคิดตามและเงียบไปครู่หนึ่ง
“ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คิดล่ะคะ”
“ไม่มีใครรับประกันผลลัพธ์ได้ 100% หรอกครับ แต่การที่คุณเลือกที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อความถูกต้อง มันก็เป็นชัยชนะในตัวมันเองแล้ว”
ญาณิดาเงยหน้ามองธันวาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูจริงจังและรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
“ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำที่ดี”
“ผมไม่ชอบเห็นใครโดนเอาเปรียบแบบนี้เลย มันไม่ยุติธรรมกับคนที่ตั้งใจทำงาน”
“ฉันเองก็ไม่ชอบค่ะ ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีกสองวันฉันจะเตรียมข้อมูลให้ได้มากที่สุด”
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาอะไรอีก คุณสามารถติดต่อผมได้เสมอ” เขาหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าส่งให้ญาณิดา
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณธันวา” หญิงสาวรับนามบัตรก่อนจะเก็บนามบัตรใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวังโดยที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดบนนามบัตร
ญาณิดายิ้มกว้าง เธอรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้แต่แรก การได้ระบายความทุกข์ใจและได้รับคำแนะนำจากคนที่ไม่รู้จักมันก็ทำให้เธอได้คิดอะไรหลายอย่าง
“ผมขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าจะได้เห็นผลงานที่แท้จริงของคุณในโปรเจกต์ใหญ่ๆ ในอนาคตนะครับ” ธันวาพูดแล้วยิ้มก่อนจะยืนขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากผับ
“ค่ะ” ญาณิดาตอบรับด้วยรอยยิ้มเธอมองแผ่นหลังกว้างของธันวาที่เดินหายไปท่ามกลางผู้คนในผับ
เข้าสัปดาห์ที่สองของการมาทำงานที่ปราณบุรีตอนนี้งานของญาณิดาคืบหน้าไปมากอีกเพียงไม่กี่วันเธอก็จะได้กลับไปอยู่กรุงเทพแล้ว หญิงสาวเลยอยากจะใช้เวลาที่นี่อย่างเต็มที่หลังจากเลิกงานแล้วญาณิดาก็ทานอาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ทจากนั้นก็กลับมาที่บ้านพัก เธอหยิบชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่สีม่วงพาสเทลตัวจิ๋วขึ้นมาสวมก่อนจะลงไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำบ้านพักของเธอเป็นบ้านพักหลังริมสุดมีความมิดชิดเป็นส่วนตัวมาก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หญิงสาวก็ลงว่ายน้ำอยู่ตลอดเธอรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ตัวเองแช่อยู่ในสระน้ำแม้จะแหวกว่ายอยู่คนเดียวแต่ก็รู้สึกมีความสุขมากๆ เธอนอนหงายทรงตัวอยู่เหนือผืนน้ำตามองขึ้นไปบนฟ้ามองดวงจันทร์ที่คืนนี้มันกลมโตสวยงามมากกว่าคืนไหน แล้วก็คิดถึงคนที่อยู่ไกลออกไปอีกไม่นานเธอกับเขาก็คงจะได้มาอยู่ด้วยกันหญิงสาวกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงเหมือนใครกำลังลงมาในสระ เธอรีบพลิกตัวแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่เธอคิดถึงอยู่นั้นยืนห่างออกไปเพียงนิด“ธันวา” เธอเรียกเขาด้วยความดีใจก่อนจะว่ายเข้าไปใกล้และกอดด้วยความคิดถึง“คิดถึงจัง”“ดรีมก็คิดถึงคุณค่ะ น่าจะบอกก่อนว่าจะมาเหนื่
กลับจากเวียดนามครั้งนี้ญาณิดาคิดว่าสายตาที่คนในบริษัทมองเธอเปลี่ยนไป บางคนมองหน้าเธอแล้วก็กระซิบกระซาบกันทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เธอรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่เธอกับธันวากำลังคบกันอยู่หญิงสาวเดินเข้ามาในแผนกด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“พี่สุคะเรื่องของดรีมนี่เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ก็มีพวกวิศวกรที่เขาไปทำงานเวียดนามเจอดรีมกับคุณธันวาเรื่องมันก็เลยรู้กระจายเป็นวงกว้าง แต่ดรีมไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พวกเขามองดรีมก็เพราะอิจฉา แล้วเป็นยังไงบ้างไปเวียดนามครั้งนี้ทุกอย่างโอเคมั้ย”“ค่ะพี่สุ เดือนหน้าคุณธันวาก็จะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วก็บินไปดูเป็นระยะไม่ได้อยู่ที่นั่นถาวรแล้ว”“พี่ดีใจด้วยนะ ในที่สุดก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันสักที”“ดรีมก็ดีใจค่ะ และรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ พี่สุคะดรีมมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกพี่สุ”“มีความลับอะไรจะบอกพี่เหรอ” สุกัญญายิ้มก่อนจะขยับเก้าอี้มาใกล้ๆ เพื่อตั้งใจฟัง“ตอนนี้ดรีมกับคุณธันวาเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะคะ”“เป็นข่าวดีเลยทีเดียว พี่ดีใจด้วยนะคุณธันวาเป็นคนดีมากและดรีมก็เหมาะสมกับเขามาก ทั้งสวยทั้งเก่งแล้วยังท
ญาณิดาอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าธันวาจะตามเข้ามาในห้องน้ำ เธออาบเสร็จก่อนเวลาที่เขากำหนดและเมื่อเดินออกมาก็เห็นว่าตอนนี้ธันวานั่งรออยู่บนโซฟาเขานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวไว้เพื่อจะรอเข้าห้องน้ำต่อจากคนรัก“ผมซื้อเบียร์ที่คุณชอบมาด้วย อยู่ในตู้เย็น คุณกินระหว่างรอผมอาบน้ำนะ แต่อย่าเพิ่งเมาก่อนล่ะ” ชายหนุ่มพูดกับคนรักก่อนจะรีบเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปเมื่อธันวาเข้าห้องน้ำไปแล้วญาณิดาก็หยิบชุดนอนมาสวมก่อนจะเดินมาที่ตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเปิดทีวีดูไม่นานธันวาก็อาบน้ำเสร็จแล้วนั่งลงข้างๆ“ธันวาไปใส่เสื้อก่อนดีไหม”“ใส่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็ต้องถอด”“นี่กะจะทำแบบนั้นอย่างเดียวเลยหรือไง ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ”“เรามีเวลาคุยกันอีกเยอะ แต่ตอนนี้ขอก่อนนะ อดทนมานานตั้งเดือน”พูดจบเขาก็จูบอย่างเร่าร้อนจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัวแต่เธอก็ยอมให้เขาจูบไปตามใจปรารถนาเพราะตัวเธอเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันธันวาจับให้ญาณิดานั่งลงบนโซฟาก่อนจะพลิกตัวเองคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว ถอดชั้นในสีหวานออกแล้วจับเรียวขาข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าก้มใบหน้าเข้าใกล้ ลากปลายลิ้นร้อนบนกลีบกุหล
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ววันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนที่ญาณิดาสัญญาว่าจะมาหาคนรักที่เวียดนามเมื่อลงจากเครื่องก็เห็นว่าธันวาเธอมารอรับอยู่แล้ว หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความคิดถึงที่มีท่วมท้น“ธันวาคิดถึงจัง” หญิงสาวโผเข้ากอดขณะที่ธันวาก็อ้าแขนรับทั้งสองกอดกันแน่นส่งผ่านความรู้สึกผ่านอ้อมกอด“ผมก็คิดถึงดรีมครับ เหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะดรีมหลับมาตลอดเลย คุณล่ะช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างคะ”“ผมเคลียร์งานเรียบร้อยมีเวลาอยู่กับดรีมตลอดทั้งสามวันเลยครับ หิวหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะ”“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนกลับโรงแรมนะ”“ดีค่ะ ดรีมขอร้านที่อยู่ไกลจากโรงแรมหน่อยนะคะ ไม่อยากเจอลูกน้องของคุณเท่าไหร่”“ทำไมล่ะครับเรื่องของเราไม่ใช่ความลับแล้วนะ”“ดรีมไม่รู้จะทำหน้ายังไงนี่คะ” หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งและก็กลัวจะเจอคนรู้จักเพราะยังไม่พร้อมจะบอกสถานะของตัวเอง“ก็ทำหน้าสวยๆ แบบนี้ไงล่ะ” ธันวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพาเธอเดินออกมายังรถที่จอดอยู่ธันวาขับรถพาเธอมายังร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีทั้งสองนั่งทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งเดือน“ผมคิดถึงคุณมากเลย
แล้วก็ถึงวันที่ธันวาต้องเดินทางกลับไปทำงานที่เวียดนามโดยมีญาณิดามาส่งที่สนามบิน“อีกหนึ่งเดือนเจอกันนะคะธันวา” ญาณิดาบอกกับคนรักเพราะเธอวางแผนจะไปหาเขาที่เวียดนาม“ผมจะนับวันรอนะ แต่ถ้าผมคิดถึงดรีมก่อนผมก็จะมาหานะ”“ดรีมไม่อยากให้คุณเสียงานเพราะดรีมนะคะ”“แต่ตอนนี้งานก็คืบหน้าไปมากแล้วบางทีผมอาจจะได้กลับมาก่อนกำหนดก็ได้นะงานที่นั่นคืบหน้าไปมาก ผมคงไม่ต้องอยู่คุมงานตลอดก็ได้”“จริงเหรอคะ” ญาณิดาดีใจเพราะเธอเองก็อยากให้ธันวากลับมาอยู่ด้วย ช่วงที่เขามาอยู่เมืองไทยเป็นช่วงที่หญิงสาวมีความสุขที่สุดและถ้าเขากลับมาอยู่ตลอดก็คงจะดีมาก“ดูแลตัวเองด้วยนะคะธันวา” หญิงสาวพูดกับคนรักด้วยความเป็นห่วง“ผมสัญญาจะดูแลตัวเองดีๆ แต่ผมว่าดรีมดูแลผมได้ดีกว่านะดรีมคอยดูแลให้ผมกินยาผมก็เลยหายเร็ว” ชายหนุ่มชี้ไปบนศีรษะของตัวเองที่ตอนนี้ให้หมอที่เมืองไทยตัดไหมออกให้แล้ว“หายแล้วอย่าให้มีแผลเพิ่มล่ะ ดรีมเป็นห่วงคุณนะคะ ถ้าเป็นไปได้ดรีมก็อยากกลับไปทำงานที่นั่นพร้อมกับคุณ ดรีมอยากดูแลคุณค่ะ”“ช่างพูดแบบนี้ผมชักไม่อยากห่างดรีมเลย”“ธันวาคะดรีมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณจะงอแงบ่อยเหลือเกิน ไหนบอกว่าทุกคนต้องมีหน้าที่รับผิ
“หญิงสาวโน้มลำคอเขาลงมาแล้วจูบไปบนริมฝีปากของเขาธันวาเข้าใจคำตอบของเธอได้อย่างดี เขาจูบตอบอย่างเร่าร้อนมือก็เคล้นคลึงหน้าอวบอิ่มอย่างไม่ปรานีเขาผละออกจากริมฝีปากที่บวมช้ำแล้วก้มลงดูดกินหน้าอกอิ่มอีกครั้ง ญาณิดาแอ่นหน้าอกให้เขาอย่างเต็มใจ ความคิดถึงและโหยหาตลอดเวลาสองสัปดาห์มันทำให้ร่างกายของเธอร้อนราวกับไฟความต้องการที่ซ่อนลึกมันมาล้นจนไม่อาจเก็บไว้ได้“ผมเข้าเลยนะดรีมไม่ไหวแล้ว”ธันวากระซิบแหบต่ำก่อนจะกดท่อนเอ็นร้อนระอุเข้าหาเธออย่างช้าๆ“อ๊ะ!.....”หญิงสาวสะดุ้งถอยหนีเพราะรู้สึกถึงความใหญ่ที่สอดเข้ามา“เมียจ๋า....ไม่เอาแค่สองอาทิตย์มันแน่นมากมันวิเศษที่สุด”ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อส่วนปลายหยักเข้าได้เพียงครึ่งทางร่องรักของหญิงสาวก็ตอดแรงจนเขาปวดร้าวจวนเจียนระเบิด ธันวารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ร่างกายของเธอมันสร้างความเสียวซ่านให้กับเขาทั้งยังเข้าไปได้ไม่สุดเขาขยับสะโพกเข้าหา ริมฝีปากก็จูบอย่างเร่าร้อนเมื่อเข้าได้สุดทางก็เริ่มขยับเป็นจังหวะสอดประสานที่ลงตัว“อื้อ...ธันวา....อ้า....”เสียงหวานของญาณิดาครางกระเส่า ยิ่งเขาเข้าลึกเสียงนั้นก็ยิ่งครางหวาน ท่อนเอ็นร้อนเสียดสีกับโพรงอ่อนนุ่







