แชร์

คุณชายเฉียวเชียน 1

ผู้เขียน: พิมพ์สีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-12 12:00:00

“พ่อครัวหวง? มาทำอะไรตรงนี้น่ะ?”

“คุณหนู! คุณหนูใหญ่ขอรับ!” หัวหน้าคนครัวพอเห็นหน้านางก็แทบจะลงไปคุกเข่ากอดขาอ้อนวอน

“อย่าไล่ข้าออกเลยนะขอรับ ข้ายินดีทำทุกอย่าง

จะปรุงใหม่ทั้งหมดจนกว่าคุณหนูจะพอใจให้ได้ขอรับ”

“เดี๋ยว ๆ พูดอะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้นอธิบายมาก่อน” นางไปทำอะไรไว้หรือ ทำไมถึงจะไล่คนรับใช้ในบ้านออกได้กัน

หลังจากฟังเสียงคร่ำครวญของพ่อครัวหวงอยู่นานสองนานก็สรุปได้ว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด กู้หลินฟางจะไปชี้แจงกับบิดาด้วยตัวเองภายหลัง และให้พ่อครัวหวงกลับไปก่อน

นางก็นึกไม่ถึงว่าแค่เก็บตัวปักผ้าจะเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ คราวหน้าต้องบอกพวกบ่าวไว้ก่อนเสียแล้ว บิดาก็ห่วงนางเกินไปหน่อย ถึงจะดีใจก็เถอะที่เขาเอาใจใส่นางมากขนาดนี้ แต่ช่างใจร้อนเหลือเกิน

“...”

ทำไมเหมือนพูดถึงตัวเองกันล่ะเนี่ย ข้าไม่ได้ใจร้อนเสียหน่อย เขาเรียกว่าโอกาสมาต้องคว้าไว้อย่างไรล่ะ ข้าไม่ได้ใจร้อน!

“คุณหนูเจ้าคะ”

“มีเรื่องอะไร”

&

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   บทส่งท้าย วาสนาของบุรุษผู้นั้น 2 (จบ)

    นานครั้งจะได้หยุดพักวันนี้พวกเขาจึงออกมาตกปลาที่แม่น้ำนอกเมือง กู้หรูอันกับหยางอวี่พาบุตรชายวัยแปดเดือนมาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยเช่นกัน เป็นวันธรรมดาแสนเรียบง่ายที่นานครั้งจะได้มีส่วนอีกคนก็อาสามาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก“อ้ายอวี่ เจ้าไหวแน่นะ” กู้หลินฟางหันมามองคนที่นั่งอยู่เสื่อปูพื้นเป็นระยะ“ไม่เป็นไรขอรับท่านพี่ ข้ารับมือไหว” เอ่ยบอกทั้งเหงื่อตก มือหนึ่งเขาอุ้มหลานคนเล็กไว้แนบอก อีกมือกำลังจับเสื้อหลานคนโตที่กำลังจะวิ่งไว้ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าไม่เป็นไรเลยนะ“จริง ๆ นะขอรับ พวกท่านพี่พักผ่อนตามสบายเถอะขอรับไม่ต้องสนใจข้า”ในเมื่อเขายืนยันถึงขนาดนั้นแล้วนางจะหักหาญความตั้งใจก็ใช่ที่“ถ้าไม่ไหวก็เรียกข้าล่ะ”“ขอรับ” หลังนางหันกลับไปสนใจปลาในน้ำเขาก็มาวุ่นวายกับสองแสบนี่ต่อกู้อ้ายอวี่ต้องเอาเชือกมาผูกเอวหลานคนโตไว้กับเอวตัวเองไม่ให้นางวิ่งเล่นไปไกลหูไกลตามากเกิน เขาปล่อยหลานชายนอนกลิ้งเล่นบนเบาะที่เตรียมมา“ท่านน้า อวี้อวี้อยากไปเล่นน

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   บทส่งท้าย วาสนาของบุรุษผู้นั้น 1

    พื้นระเบียงเปียกน้ำเป็นทางยาว ฝ่าเท้าเล็ก ๆ วิ่งหนีพี่เลี้ยงไปทั่วเรือน เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของเด็กหญิงวัยสี่ขวบเป็นดั่งดอกไม้บานในสวนของฤดูใบไม้ผลิกู้จื่ออวี้เป็นคุณหนูน้อยที่ซุกซนเสียจนต้องมีพี่เลี้ยงตามประกบใกล้ชิด ไม่อย่างนั้นแม่สาวน้อยคงได้พาแขนขาเล็ก ๆ ของตัวเองปีนขึ้นต้นท้อแล้วห้อยโหนอยู่บนนั้น ทำมารดากับท่านน้าหัวใจวายวันละหลายรอบคุณหนูน้อยกำลังคึกได้ที่ถูกคว้าตัวไว้อุ้มค้างต่องแต่ง พอเห็นว่าคนที่มาขัดจังหวะการป่วนพี่เลี้ยงเป็นใครนางก็เอ่ยเรียกเสียงสดใส“ท่านพ่อ!” มือน้อย ๆ ไขว่คว้าจับชุดขนสัตว์ของเขาด้วยความเคยชิน แต่เทียนจื่อซานก็ไม่ให้ลูกเข้าใกล้“พ่อพึ่งกลับมา อาบน้ำแล้วค่อยมาเล่นกับเจ้านะ”“ไม่เอา!” บุตรสาวตัวน้อยหน้าบูดบึ้ง แก้มพองเหมือนยัดผลพลับเข้าไปทั้งลูกเขายิ้มแหย ลูกสาวงอนเสียแล้ว ใช่ว่าจะหายง่ายเสียด้วย แต่เขาจะแตะตัวลูกก็ไม่ได้เหมือนกัน บนตัวมีแต่กลิ่นเลือดสัตว์ ไหนจะดินฝุ่นที่ไปกลิ้งทับมาอีก“แม่นม” เขาเรียกนางมาแล้วส่งจื่ออวี้น้อยคืน

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   ลูกเขยสกุลกู้ 2

    “ทำหน้าฮึกเหิมเชียว มีอะไรดี ๆ อย่างนั้นหรือ”“ไม่มี ข้าแค่คิดว่าจะช่วยงานหลินหลินได้อย่างไรบ้างน่ะ”“แปลว่าคิดออกแล้วสิ ยิ้มกว้างขนาดนั้น”“อื้อ!” เขาขานรับอย่างกระตือรือร้นแล้วบอกความคิดของตนให้นางฟังเวลาที่เดินกลับบ้านนี้อยากให้ยาวนานขึ้นอีกหน่อย เสียงของเขานุ่มนวลยามเมื่อเอ่ยถึงอนาคตที่มีนางอยู่ด้วย เทียนจื่อซานยังคงเหมือนวันแรกที่นางได้ทำความรู้จักกับเขา บางทีการถูกถอนหมั้นสองครั้ง และยกเลิกการหมั้นหนึ่งครั้งอาจเพื่อโชคชะตานี้หลายเดือนต่อมาสิ่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของแคว้นอ้ายก็ไม่ใช่เพียงการค้าขายแต่เป็นระบบขนส่งที่นำหน้าใครก็ตามในแผ่นดินใหญ่นี้ ใครก็ตามที่เคยปรามาสสกุลกู้ไว้ต้องกลืนน้ำลายตัวเองและสงบปากสงบคำให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นอาจเป็นพวกนอกคอกที่ถูกสั่งห้ามขึ้นขบวนรถก็เป็นได้ ถึงสกุลกู้ผู้มีใจกว้างขวางจะไม่เคยคิดห้ามใครใช้งานมันแต่ก็มีคนที่หวั่นเกรงจากเรื่องราวในอดีตอยู่ดีก่อนที่พาหนะเหล็กนี่จะได้อวดโฉมผู้คนต่างดูถูกดูแคลนทุกสิ่งที่หญิงสาวผู้นั้นกระทำ แม้แต่สามีของนา

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   ลูกเขยสกุลกู้ 1

    เห็นกู้หลินฟางเดินมาแต่ไกลหัวหน้ากลุ่มต้าหยางก็ออกมารับนาง ฝากที่เหลือให้เสวียนหรงดูแล“หลินหลิน” เขาฉวยมือนางไปจับแนบไว้ ยิ้มพออกพอใจออกนอกหน้าชวนหมั่นไส้“ไปเดินในเมืองกันไหม”“ได้เลย”การจับมือถือแขนเช่นนี้โดนผู้คนมองตามจนเหลียวหลังและนินทา แต่ทั้งสองไม่ได้สนใจเทศกาลใบไม้ผลิที่คู่รักจะได้เพลิดเพลินและเคยสัญญากับอ้ายอวี่ไว้ว่าจะไปด้วยยังไม่ทันเกิดพวกเขาก็จะแต่งงานแล้ว นึกถึงแล้วก็ชวนขบขันที่อะไร ๆ ก็ดูไม่เป็นไปตามแผนเลยแม้แต่อย่างเดียวตั้งแต่ต้นปี ราวกับเป็นช่วงมรสุมชีวิตถาโถมอย่างไรอย่างนั้น พอมาถึงจุดนี้ก็เริ่มสำเร็จลุล่วงไปทีละอย่าง กาลข้างหน้าอันใกล้คงมั่นคงแล้ว“หลินหลินอยากไปที่ใดหรือ”“ข้าอยากไปดูอะไรแถวท่าเรือหน่อยเลยให้ท่านมาเป็นเพื่อน”ดูเหมือนคนรักของเขาจะแอบมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อีกแล้ว ก็ดีที่นางเลือกพาเขาไม่ใช่มาลำพังกับลู่ไป๋ที่ไม่รู้แอบอยู่ตรงไหน“ข้าต้องทำอะไรหรือเปล่า”“หากถูกเจอแค่ตีเนียนไปกับข้าก็พอ&rdq

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   แต่งเข้าสกุลกู้ 3

    กู้หลินฟางเดินทางมาเหนื่อยแล้วจึงขอตัวไปพักผ่อน ฉู่หลานไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกพูดทั้งหมด แต่ก็รับรู้ได้ว่าเรื่องนี้นางไม่จำเป็นต้องห่วงมากเกินไป การสำรวจเส้นทางและคำขอจากวังหลวงเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว สกุลกู้มีเวลามากพอจะทุ่มความสนใจไปที่งานใหญ่ที่กำลังจะมาถึงเมื่อตัดสินใจแล้ว สามวันให้หลังนางจึงพาเทียนจื่อซานมาพบครอบครัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง อีกไม่นานจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนางหวังว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดีหรือเขม่นกันไม่มาก โชคดีที่การพบกันเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะบุคลิกร่าเริงของเทียนจื่อซานเป็นกันเองและจริงใจทุกการกระทำ เขาจึงชนะใจพ่อแม่ของว่าที่ภรรยาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพอรู้ว่าเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มต้าหยาง พ่อกับแม่ของนางก็ซักถามเป็นการใหญ่ กู้หลินฟางแทบจะกลายเป็นคนนอกเสียเอง ประสบการณ์ของเขาทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองที่ชีวิตอิ่มตัวตื่นเต้นอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน“หลังแต่งแล้วก็จะไปทำงานอย่างเดิมหรือ”“ข้าคิดว่าจะยังทำต่อไปขอรับ ราคาวัตถุดิบของสัตว์อสูรสูงไม่น้อย ยิ่งพวกที่จัดการยากบางตัวไม่สามารถตีราคาได้จนต้องเปิดประม

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   แต่งเข้าสกุลกู้ 2

    คุณหนูใหญ่สกุลกู้เดินไปที่เรือนรับรอง นอกจากเสียงโครมครามก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวก็มีแต่เสียงโวยวายของสตรีนางหนึ่งดังทะลุออกมา กู้หลินฟางเคาะประตูพอเป็นมารยาทแล้วเปิดพรวดเข้าไปเลย ทั้งห้องเงียบกริบหันมามองนางเป็นตาเดียว“แหม คุณหนูเฉียวนี่เอง ข้านึกอยู่ว่าท่านพ่อซื้อแร้งมาเลี้ยงหรือเปล่า ไม่ใช่สินะ” นางเยื้องย่างมานั่งลงข้างบิดาในห้องนี้นอกจากประมุขตระกูลกับเฉียวฮวาแล้วก็ยังมีฮูหยินอีกคน ใบหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์ เพียงส่งสายตามองบุตรสาวครู่หนึ่ง ฉู่หลานเวลาอยู่บ้านในฐานะแม่และนายหญิงนางจะเป็นคนอ่อนโยนมาก ยิ้มแย้มและพูดคุยกับบ่าวไพร่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเสมอ แต่เวลาต้องทำหน้าที่ฮูหยินของนายท่าน นางจะแสดงอีกด้านหนึ่งให้เห็นแทน“เจ้าว่าข้าเป็นแร้งรึ!”“ขออภัยด้วยที่ข้าเข้าใจผิด แต่เสียงคุณหนูเฉียวดังออกไปถึงข้างนอก คงยากจะคิดได้ว่าเป็นบุตรสาวผู้ดีที่ไหน”“ลามปาม!” กู้หลินฟางอายุอ่อนกว่านางตั้งเท่าไร มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับนางแบบนี้“คุณหนูเฉียว ที่ท่านทำอยู่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status