Share

เทียนจื่อซาน 1

last update Last Updated: 2025-11-28 15:27:10

ปกติสาวบ่าวชายหรือสาวใช้จะไม่มีทางได้ออกไปไหนหากไม่ใช่การติดตามเจ้านาย แล้วเจ้านายส่วนใหญ่ก็ใช่ว่าจะมีงานที่ต้องเดินทาง การที่พวกนางได้เปิดหูเปิดตาต้องบอกว่าเป็นเพราะตระกูลกู้โดยแท้ เสี่ยวจูกับเสี่ยวลี่จึงคอยรับใช้อย่างภักดีเรื่อยมา

การมาเยือนหอคุ้มภัยมักจะคุ้นเคยกับเสียงดังตั้งแต่ยืนอยู่หน้าประตู พวกเขาโบกมือแล้วโวยวายกันเป็นเรื่องปกติ เพราะมีโต๊ะนั่งให้กินดื่มเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนที่มารอรับงาน แต่พวกเขาไม่ใช่ร้านขายสุรา อย่างมากก็ยอมให้แค่คนละจอกพอชุ่มคอ เพราะถ้าสมาชิกหออาละวาดขึ้นมาหัวหน้าหอก็คงปวดหัวหนักแน่

กู้หลินฟางเปิดประตูเข้าไปอย่างคุ้นเคย นางมาจ้างวานที่นี่บ่อยแล้ว ส่วนกลุ่มที่ได้รับการว่าจ้างก็เปลี่ยนไปตามจังหวะและเวลา นางเดินไปที่โต๊ะตัวยาวของแผนกจัดสรรงาน

“ไปเมืองอู่ ทำสัญญาสองเที่ยว”

“ต้องการคนจำนวนมากไหมเจ้าคะ”

“รถม้าสามคัน”

“ถ้าอย่างนั้นแนะนำเป็นกลุ่มคุ้มภัยที่มีสิบคนเป็นอย่างน้อยเจ้าค่ะ ถึงระยะทางไปเมืองอู่จะไม่ได้ยาวมาก

ใช้เวลาไม่เกินสามวันก็ถึง แต่ระหว่างทางมีการพบเห็นสัตว์อสูรอยู่บ่อยครั้ง”

“ตอนนี้มีกลุ่มที่เหมาะสมหรือเปล่า”

“ตอนนี้ที่อยู่ที่นี่มีกลุ่มสิบคนขึ้นไปอยู่สองกลุ่ม

แต่อีกกลุ่มนั้นมีคนมาก ไม่แนะนำสำหรับการคุ้มกันรถม้าสามคันเจ้าค่ะ” หมายความได้ว่า อีกกลุ่มหนึ่งนั้นหากเป็นการคุ้มกันของคาราวานจะเหมาะกว่า

“เอาอีกกลุ่มก็แล้วกัน”

“ราคาเริ่มต้นสิบเหรียญทองเจ้าค่ะ”

ด้วยจำนวนคนและเวลาเดินทางถือว่ากำลังพอดี เป็นราคาที่นางยอมรับได้

“ตกลงตามนั้น”

คุณหนูกู้ต้องทำสัญญาสองฉบับของขาไปขากลับแยกกัน รวมถึงระบุวันเวลาไปกลับที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้คนคุ้มภัยเสียโอกาสในการรับงานอื่น กรณีเช่นนี้ต้องจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าของสัญญาฉบับที่สองไว้ก่อนครึ่งหนึ่ง เสมือนเป็นการจองตัวในภารกิจไว้ก่อน หากนางไม่กลับตามวันที่กำหนดเงินมัดจำจะเป็นของหอ และกลุ่มคนที่จองตัวไว้ทันที

กู้หลินฟางทำสัญญาและวางเงื่อนไขเรียบร้อย แต่นี่ก็ยังไม่เสร็จเสียทีเดียว ต้องรอให้กลุ่มคุ้มภัยกลุ่มนั้นตอบรับด้วย หญิงสาวจากโต๊ะแผนกจัดสรรงานเดินออกมาแล้วตรงไปที่โต๊ะมุมร้าน

คุณหนูใหญ่สกุลกู้มองตามไปด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าใครจะมาเป็นคนคุ้มกันชั่วคราวของตัวเอง

แผ่นดินใหญ่แห่งหนึ่งที่ไร้ชื่อเรียกชัดเจน นามของมันแตกต่างไปในแต่ละท้องที่ แต่หากพูดถึงมันทุกคนล้วนเข้าใจว่าหมายถึงที่ใด แผ่นดินนั้นมีแคว้นน้อยใหญ่อยู่หลากหลาย บ้างรุ่งเรือง บ้างล่มสลายจนสิ้นชื่อ

แต่ละดินแดนมีจุดเด่นต่างกัน ทั้งการเกษตร

การประมง หรือปศุสัตว์ ไม่เด่นเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง แต่แคว้นที่รุ่งเรืองจากการค้านั้นเลี่ยงชื่อแคว้นอ้ายไปไม่ได้

เหลาสุราแห่งหนึ่งโต๊ะด้านนอกสุด ชายหนุ่มวัยกลัดมันกลุ่มใหญ่กำลังเพ่งมองไปยังริมถนนอีกฟากอย่างลุ้นระทึก แม้ไม่ได้ยินเสียง แต่ก็คาดเดาได้จากท่าที

“เจ้าว่าครั้งนี้จะสำเร็จไหม”

“ข้าว่าแห้ว”

“ท่านหัวหน้าจะน่าสงสารเกินไปไหม จะทำลายสถิติตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่ได้นะ”

พวกเขาแย่งกันพูดจนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใครบ้าง แต่จุดมุ่งหมายเดียวก็ยังเป็นคนที่อยู่อีกฟากถนน หญิงสาวจากร้านขายบะหมี่เริ่มทำท่าลำบากใจ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกันนั้นก็มีท่าทีประหม่าแล้วเช่นกัน

“แม่นางไม่มีเวลาสักนิดเลยหรือ” เทียนจื่อซานเกาศีรษะแก้เก้อ ในใจหวังเพียงสักนิดให้อีกฝ่ายตอบรับมา

“ท่านพูดแบบนี้ข้าลำบากใจนะเจ้าคะ”

“เวลาดื่มชาสักนิดก็ไม่ได้เลยหรือ”

“คือ…ข้า ข้าขอพูดตรง ๆ เลยนะเจ้าคะ เพราะท่านเป็นคนนิสัยดี ข้าจึงไม่อยากทำร้ายจิตใจ แต่ข้าไม่สนใจชายอื่นนอกจากสามีหรอกเจ้าค่ะ!”

“สะ...สามี?” ความรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าแล่นแปลบลงมากลางใจจนเข่าแทบทรุดตอนกลางวันแสก ๆ

“ขอโทษจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าผิดเองที่ไม่ได้พูดให้ชัดเจนแต่แรก ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ว่าแล้วนางก็วิ่งจากไป

ทิ้งหัวหน้ากลุ่มต้าหยางแห่งสำนักคุ้มภัยยืนเหี่ยวเฉาอยู่คนเดียว

สภาพน่าเวทนาของหัวหน้ากลุ่ม ทำให้เสวียนหรงจำใจต้องเดินไปลากเขากลับมาที่ร้าน จับนั่งเก้าอี้แล้วตบบ่า

ปุ ๆ อย่างให้กำลังใจ โต๊ะสองตัวที่ลากมาติดกันเงียบกริบ

มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในบริเวณร้านเดียวกัน แต่บรรยากาศโต๊ะพวกเขาราวกับป่าช้าหน้าหนาวเหลือเกิน สถานการณ์ที่ไม่มีอะไรน่าทักเช่นนี้ก็ยังมีคนสมองถั่วโพล่งขึ้นจนได้

“ลูกพี่อกหักสิบครั้งแล้วนะ ปลูกแห้วได้เป็นไร่แล้วเนี่ย” กำปั้นเขกลงโป๊กทันทีที่เขาพูดจบ เกาเฟิงชุนลูบหัวตัวเองร้องโอดโอยมองรองหัวหน้าอย่างไม่เข้าใจ เห็นท่าทางของเขาแต่ละคนก็ได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ เจ้าน้องเล็กนี่ยังพูดจาไม่ดูฝนดูแดดเหมือนเดิม โดนฟ้าผ่ากลางกบาลเลยเป็นอย่างไรล่ะ

ขณะที่ลูกน้องกลับมาเจี๊ยวจ๊าวเหมือนเดิมแล้ว

แต่ลูกพี่ใหญ่อย่างเทียนจื่อซานกลับเหมือนวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว

“หัวหน้า ข้าว่าหัวใจอันใสซื่อบริสุทธิ์ของท่านคงสงวนไว้ให้วัดวาอาราม…”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   เดินทางร่วมกัน

    เทียนจื่อซานเอามือวางรองไว้ท้ายทอยข้างหนึ่ง คุยกับคุณหนูกู้ได้สามคำก็หลบตาหนึ่งที ท่าทางดูทำตัวไม่ถูกอย่างมาก กู้หลินฟางมองเขาด้วยความงุนงง แต่คิดว่าคงเป็นนิสัยของเขาจึงไม่ได้ติดใจอะไรมากนางค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเดินจากไป พอนางหันหลังก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามมาอีกเหมือนเคยการเดินทางนี้มีรถม้าสามคัน คันหนึ่งเป็นที่นั่งโดยสารของเจ้านายและสัมภาระส่วนตัว คันที่สองเป็นตัวอย่างสินค้าและของอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนคันสุดท้ายเป็นของผู้ติดตามและของจิปาถะอื่น ๆทันที่คุณหนูสั่งให้เดินทางรถม้าก็เคลื่อนออกไปถึงกู้หลินฟางจะชอบการค้าขายเป็นอย่างมาก แต่มีอย่างหนึ่งในองค์ประกอบนี้ที่นางไม่ชอบเลย นั่นคือการเดินทางเป็นเวลานาน ๆต่อให้นางหาวจนอยากหลับไปสักสามครั้งต่อวันก็ไม่อาจเร่งเวลาให้ไปถึงปลายทางได้เดี๋ยวนั้น มันคือช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดอย่างไม่อาจหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้“เสี่ยวลี่”“เจ้าคะ?”“น่าเบื่อจังเลย”“...”แล้วข้าจะทำอะไรได้เล่าเจ้าคะคุณหนู~คนถูกเรียกโอดครวญในใจ แต่ด้วยความภักดีนางก็อยากหาอะไรให้คุณหนูของตนทำแก้เบื่อเช่นกัน เสี่ยวลี่มองหาสัมภาระในรถม้าที่พอจะใช้ได้ แล้วสายตาก็ไปสะดุดก

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   แรกพบ

    หลังนางออกมาพ้นประตูร้านก็มีเสียงโวยวายอะไรสักอย่างตามมาพร้อม ๆ กับเสียงโครมคราม หญิงสาวไม่ได้สนใจมันมากนัก นางเสร็จธุระที่นี่แล้วก็กลับคฤหาสน์ตนเองสำนักคุ้มภัยมักตั้งอยู่ใกล้ประตูเมือง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการหาคนคุ้มกันเวลาเดินทาง ห่างอย่างมากก็อยู่ระหว่างประตูเมืองกับใจกลาง และแน่นอนพื้นที่อยู่อาศัยสัมพันธ์กับรายได้ คนมั่งมีจึงไม่นิยมอาศัยอยู่แถวนี้ ยามกู้หลินฟางเดินกลับก็ต้องผ่านย่านชุมชนแออัดเช่นกันทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปหาเรื่องใครที่ไหน แต่ก็ห้ามให้คนอื่นมาหาเรื่องตัวเองไม่ได้“ใครกันล่ะเนี่ย คุณหนูกู้ผู้สูงศักดิ์มาทำอะไรที่ตลาดเล็ก ๆ กันล่ะ”“สวัสดีคุณชายเฉียว” นางทักกลับตามมารยาทแล้วเดินเลยไป“เดี๋ยวสิ เดี๋ยว! คิดจะเมินกันไปแบบนี้ก็ได้เลยรึ!” ชายหนุ่มคนนั้นพยายามจะคว้าแขนนาง แต่ก็โดนสะบัดออก“ยังมีอะไรต้องพูดอีกเล่า หรือต้องให้ข้าพูดยกยอชื่นชมท่านจนตัวลอยไปถึงสวรรค์ก่อนถึงจะผ่านถนนเส้นนี้ได้” นางปรายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างโจ่งแจ้ง จะไร้สมองแค่ไหนก็รู้ตัวว่าโดนดูถูกกู้หลินฟางไม่ทำนิสัยเสียแบบนี้กับใครก่อน แต่กับเฉียวเชียนนั้นเป็นอีกเรื่อง บุรุษผู้นี้ดูถูกนางตั

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   เทียนจื่อซาน 2

    “ทำไม! ทำไมถึงเป็นข้าทุกที” เขาร้องเสียงดังแล้วยกไหเหล้ายกซดจนไหลล้นออกจากมุมปากเลอะเสื้อไปหมด แต่เสียงร่ำร้องของเขาก็ยังสู้โต๊ะอื่นในร้านไม่ได้“ไม่ใช่ความผิดลูกพี่หรอกที่มีตาหามีแววไม่ ดูไม่ออกว่าสตรีคนไหนมีครอบครัวแล้วบ้าง”“ไม่นะ ข้าว่าลูกพี่แค่โง่เง่าเท่านั้น”“เกาเฟิงชุน! เจ้าเด็กนี่เอาอีกแล้วนะ ถ้าปากเจ้าว่างนั่งก็ยัดกับแกล้มเข้าไป” เสวียนหรงใช้ตะเกียบคีบ ๆ ยัดอาหารเข้าไปให้เต็มปากเจ้าตัวดี ก่อนจะพ่นอะไรไม่เข้าท่าออกมาอีกบุรุษอกสามศอกแทบน้ำตาร่วงเผาะ เพราะโดนลูกน้องจิกกัดด้วยความบริสุทธิ์ใจ เกาเฟิงชุนทำงานดีและเป็นเด็กดีของพี่ ๆ มาก มาเสียก็แต่เขาปากพล่อยไปหน่อย จึงโดนพี่ชายทั้งหลายตบให้เข้าร่องเข้ารอยเป็นประจำ“เอาน่าหัวหน้า อกหักแค่นี้ไม่ตายหรอก ลองใหม่ครั้งที่สิบเอ็ดก็ได้ ต้องมีสตรีสักคนที่ชอบพอท่านแน่”“เพราะข้าอ่อนแอเกินไปหรือ” เทียนจื่อซานเริ่มตัดพ้อกับทุกอย่าง“คนที่ตบสัตว์อสูรด้วยมือเปล่าเอาอะไรมาอ่อนแอเล่า”“หรือท่าทางข้าน่ากลัวเกินไป?”“บุรุษที่ดูอ่อนน้อมเหมือนเต้าหู้อย่างท่านไม่มีอีกแล้วในแคว้นอ้าย”“ทำไมข้าไม่รู้สึกว่ากำลังโดนชมอยู่เลย” เขารู้สึกเหมือนโดนพี่น้องหลอ

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   เทียนจื่อซาน 1

    ปกติสาวบ่าวชายหรือสาวใช้จะไม่มีทางได้ออกไปไหนหากไม่ใช่การติดตามเจ้านาย แล้วเจ้านายส่วนใหญ่ก็ใช่ว่าจะมีงานที่ต้องเดินทาง การที่พวกนางได้เปิดหูเปิดตาต้องบอกว่าเป็นเพราะตระกูลกู้โดยแท้ เสี่ยวจูกับเสี่ยวลี่จึงคอยรับใช้อย่างภักดีเรื่อยมาการมาเยือนหอคุ้มภัยมักจะคุ้นเคยกับเสียงดังตั้งแต่ยืนอยู่หน้าประตู พวกเขาโบกมือแล้วโวยวายกันเป็นเรื่องปกติ เพราะมีโต๊ะนั่งให้กินดื่มเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนที่มารอรับงาน แต่พวกเขาไม่ใช่ร้านขายสุรา อย่างมากก็ยอมให้แค่คนละจอกพอชุ่มคอ เพราะถ้าสมาชิกหออาละวาดขึ้นมาหัวหน้าหอก็คงปวดหัวหนักแน่กู้หลินฟางเปิดประตูเข้าไปอย่างคุ้นเคย นางมาจ้างวานที่นี่บ่อยแล้ว ส่วนกลุ่มที่ได้รับการว่าจ้างก็เปลี่ยนไปตามจังหวะและเวลา นางเดินไปที่โต๊ะตัวยาวของแผนกจัดสรรงาน“ไปเมืองอู่ ทำสัญญาสองเที่ยว”“ต้องการคนจำนวนมากไหมเจ้าคะ”“รถม้าสามคัน”“ถ้าอย่างนั้นแนะนำเป็นกลุ่มคุ้มภัยที่มีสิบคนเป็นอย่างน้อยเจ้าค่ะ ถึงระยะทางไปเมืองอู่จะไม่ได้ยาวมาก ใช้เวลาไม่เกินสามวันก็ถึง แต่ระหว่างทางมีการพบเห็นสัตว์อสูรอยู่บ่อยครั้ง”“ตอนนี้มีกลุ่มที่เหมาะสมหรือเปล่า”“ตอนนี้ที่อยู่ที่นี่มีกลุ่มสิบคนขึ้นไป

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   คุณหนูสกุลกู้

    ตอนที่ได้พบรักกับสามีนางก็ประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน สกุลกู้นั้นแตกต่างจากครอบครัวอื่นในเมือง ด้วยกฎที่ว่าบุตรคนโตไม่ว่าหญิงหรือชายจะต้องเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป ส่วนน้อง ๆ ก็จะคอยเป็นผู้ช่วยหลังจากนั้นด้วยความที่แคว้นอ้ายยังไม่ได้เปิดรับกับเรื่องนี้พวกนางจึงถูกต่อต้านอยู่บ่อย ๆ นางเคยขึ้นเรือสำเภาไปกับสามีทำให้ได้เห็นโลกกว้าง และได้รู้ว่าบ้านเกิดของตนนั้นยังมีจุดบกพร่องอยู่มาก ถึงอย่างนั้นกำลังของคนไม่กี่คนไม่อาจพลิกผันสิ่งที่เชื่อ และทำตามกันมาอย่างเนิ่นนานได้ฉู่หลานได้แต่ภาวนาให้บุตรสาวทั้งสองได้พบคู่ครองที่จริงใจ และไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ ที่ผ่านมาเจอแต่คนเห็นแก่ตัวเพียงเพราะอยากอาศัยตำแหน่งในตระกูลของพวกนางกันทั้งนั้น ทำเอามารดาอย่างนางทั้งปวดหัวปวดใจไม่น้อยเลย“ท่านพี่ไม่ถูกใจกับว่าที่คู่หมั้นอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่กู้หรูอันได้ยินเลย นางได้ยินมาจนเบื่อจนแทบแค้นใจด้วยซ้ำพี่สาววางมือบนศีรษะของผู้เป็นน้องแล้วลูบเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ยิ้มให้น้องสาวคลายกังวล เพราะนางหน้าหงอยลงทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ท่านพี่ของนางไม่ใช่คนนิสัยเลวร้าย หน้าตาก็ไม่ได้แพ้ใคร เหตุใดจึง

  • วาสนาของบุรุษผู้นั้นที่อกหักสิบครั้งก็ไม่ยอมแพ้   ไปดูตัว

    “สตรีอย่างเจ้าอย่างไรก็หาคนแต่งด้วยไม่ได้หรอก! ดีแค่ไหนที่ข้ายอมมาดูตัวด้วย ยังจะมาดูถูกข้าอีก!” บุรุษผู้หนึ่งตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโหหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมุ่นคิ้ว นางสะบัดพัดเก็บตบลงกลางฝ่ามือ“ใครกันแน่ที่ดูถูกกัน ข้าเป็นสตรีทำการค้าแล้วอย่างไร เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาดูแคลนข้า หรือตระกูลของข้า!”“คุณหนูกู้~ ท่านก็น่าจะรู้ว่าที่นี่แคว้นอ้าย รอบ ๆ นี้มีสักกี่แคว้นที่ยกย่องสตรีอย่างท่าน~”เจ้าคนหยาบคาย!“ขอบคุณคุณชายที่สละเวลา ข้าคงไม่รบกวนเวลาไปมากกว่านี้แล้ว”กู้หลินฟางยืนขึ้นเต็มความสูง เดินออกมาจากห้องโดยไม่สนใจอีกฝ่าย มีเสียงเรียกตะโกนไล่หลังมา แต่นางก็หาได้หันหลังกลับไปเมื่อออกมาพ้นร้านน้ำชา สาวใช้คนสนิทก็เอ่ยกับนางด้วยความอึดอัดใจ“คุณชายคนนั้นนิสัยแย่เกินไปแล้วนะเจ้าคะ”“ใช่เจ้าค่ะ ดีจริง ๆ ที่คุณหนูไม่ได้เกี่ยวดองกับคนแบบนั้น ขืนแต่งกันไปก็คงดูถูกดูแคลนคุณหนูทุกวันแน่”กู้หลินฟางถอนหายใจ เหมือนนางเกิดมาผิดยุคผิดสมัย หรือไม่ก็ผิดแผ่นดิน ความคิดอ่านถึงได้ไปคนละทางกับคนแถวนี้“ช่างเถอะ อาจจะไม่มีคนแบบนั้นที่แคว้นนี้ก็ได้” นางหมายถึงว่าที่คู่ครองที่เหมาะสมกับตน ถึงจะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status