กลางเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบเอ็ด
หลายสัปดาห์ผ่านไป...
เมฆหมอกอันดำทมิฬที่เคยปกคลุมแผ่นดินต้าเฉินมานานหลายสิบปี ได้ถูกพายุแห่งการพิพากษาพัดพาสลายไปจนสิ้น การประหารชีวิตหลิวเจิ้ง และเหล่าแกนนำกบฏกลางตลาดหลวง เป็นภาพที่สยดสยองแต่ก็สาสมใจ มันคือการผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อควักหนองร้ายออกจากร่างกายของแผ่นดิน แม้จะเจ็บปวด แต่ก็จำเป็นเพื่อการฟื้นฟู
ราชโองการรื้อฟื้นเกียรติยศให้แก่ตระกูลแม่ทัพมู่หรงและตระกูลบัณฑิตหลิน ถูกประกาศก้องไปทั่วทุกหัวระแหง ป้ายวิญญาณของพวกเขาได้รับการอัญเชิญกลับสู่ศาลบรรพชนอย่างสมเกียรติ เสียงร่ำไห้ด้วยความปิติยินดีของทายาทที่ยังหลงเหลืออยู่ คือเสียงแห่งความยุติธรรมที่มาช้าไปหลายสิบปี แต่ในที่สุดก็ได้มาถึง
แผ่นดินต้าเฉิน ได้กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งอย่างแท้จริง
***
ณ ศาลบรรพชนตระกูลมู่หรงที่เพิ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่
มู่หรงเยี่ยนในอาภรณ์สีเรียบง่าย ยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าป้ายวิญญาณของบิดามารดา นางมิได้สวมผ้าคลุมหน้าอีกต่อไป ดวงตาที่เคยลุกโชนด้วยไฟแค้น บัดนี้กลับนิ่งสงบดุจผืนน้ำในฤดูสารท
กลางเดือนหก อากาศในดินแดนภาคเหนือแห้งแล้งและร้อนระอุในยามกลางวัน แต่กลับหนาวเย็นจับขั้วหัวใจในยามกลางคืนกองทัพมังกรเหล็กแห่งต้าเฉินยังคงเคลื่อนทัพไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง บรรยากาศในการเดินทางบัดนี้เต็มไปด้วยความเงียบงันและความมุ่งมั่น ทิวทัศน์อันงดงามของที่ราบจงหยวนได้กลายเป็นเพียงภาพฝันในความทรงจำ บัดนี้สิ่งที่อยู่รอบกายพวกเขาคือผืนดินที่แตกระแหง และทิวเขาหัวโล้นที่ตั้งตระหง่านราวกับโครงกระดูกของยักษ์โบราณแล้วในวันหนึ่ง พวกเขาก็ได้พบกับมันหน่วยทหารม้าเร็วที่ควบม้านำไปเบื้องหน้า ส่งสัญญาณกลับมาว่าพบขบวนคนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางทิศใต้ ในตอนแรกทุกคนต่างคิดว่าอาจเป็นกองคาราวานสินค้าที่เดินทางมาจากเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือ แต่เมื่อขบวนคนเหล่านั้นเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏกลับทำให้หัวใจของเหล่าทหารหาญต้องเย็นเยียบมันมิใช่กองคาราวาน แต่มันคือสายธารแห่งความทุกข์ระทมที่ไหลบ่าลงมาจากแดนเหนือขบวนผู้อพยพนับพันชีวิตเดินโซซัดโซเซมาตามเส้นทางฝุ่นดิน เสื้อผ้าของพวกเขาขาดวิ่นและเปรอะเปื้อน ใบหน้าของทุกคนซูบตอบและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ดวงตาที่เหม่อลอยนั้นไร้ซึ่งประกายแห่งชีวิต เด็กน
ย่างเข้าเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบเอ็ด คิมหันตฤดูแผ่ไอความร้อนปกคลุมทั่วแผ่นดินกองทัพมังกรเหล็กแห่งต้าเฉินเคลื่อนทัพออกจากเมืองหลวงมาได้เกือบหนึ่งเดือนเต็มแล้ว การเดินทางในช่วงแรกนั้นราบรื่นและเปี่ยมด้วยความหวัง พวกเขาเดินทางผ่านที่ราบจงหยวนอันอุดมสมบูรณ์ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามที่ไหวลู่ไปตามสายลมราวกับทะเลทองคำที่ไม่มีที่สิ้นสุดทุกเมืองที่ทัพหลวงผ่าน ประหนึ่งการมาถึงของสายฝนที่ชุ่มฉ่ำหลังความแห้งแล้ง ชาวบ้านจะพากันออกมาต้อนรับอย่างเนืองแน่น พวกเขานำสุราอาหารออกมามอบให้เหล่าทหาร พร้อมกับเสียงโห่ร้องให้กำลังใจที่ดังกึกก้องไปทั่ว“ขอให้ท่านแม่ทัพใหญ่และหมอหลวงเทวดา นำชัยชนะกลับมาสู่ต้าเฉิน!”“ขับไล่พวกคนเถื่อนออกไป!”ภาพเหล่านี้ได้สร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่เหล่าทหารหาญเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารู้สึกได้ถึงความหวังของผู้คนทั้งแผ่นดินที่ฝากไว้บนบ่าของตนเองทว่า การเดินทางทัพที่ยาวไกลและต่อเนื่องนั้น มิได้มีเพียงภาพที่งดงามเมื่อกองทัพเดินทางลึกเข้าไปเรื่อย ๆ บททดสอบที่แท้จริงก็เริ่มปรากฏกายขึ้น อากาศที่ร้อนระอุ เกราะเหล็กที่หนักอึ้ง และการเดินเท้าวันละหลายสิบลี้ เริ่ม
สามวันหลังการประกาศศึก ปลายเดือนห้า รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบเอ็ดณ ลานฝึกหลวงนอกเมืองหลวง บัดนี้ได้แปรสภาพเป็นทะเลแห่งเหล็กกล้า และธงทิวที่แผ่ขยายไปสุดลูกหูลูกตา กองทัพพิทักษ์เมืองหลวงที่ผ่านการปฏิรูปใหม่กว่าห้าหมื่นนาย ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบวินัยอย่างน่าเกรงขาม ไอสังหารอันเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากพวกเขานั้นรุนแรงจนทำให้นกกาบนท้องฟ้ามิกล้าบินผ่านกู้เหยียนหลงในชุดเกราะมังกรคำรณเต็มยศ เดินตรวจตราความพร้อมของกองทัพด้วยตนเอง ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและเปี่ยมด้วยอำนาจ เขาหยุดพิจารณาความคมของปลายทวน ตรวจสอบความตึงของสายธนู และสังเกตความแวววาวบนแผ่นเกราะของเหล่าทหารกองทัพนี้เปรียบประหนึ่งดาบเล่มใหม่ที่เพิ่งถูกตีออกจากเตาหลอมของเขาคมกริบ แข็งแกร่ง และแฝงไว้ด้วยไอร้อนแห่งสงครามที่พร้อมจะแผดเผาศัตรูให้มอดไหม้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” นายกองหลี่เฉียงที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งวิ่งเข้ามารายงาน “เสบียงกรัง และยุทโธปกรณ์สำหรับสามเดือนแรกถูกลำเลียงขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้วขอรับ! ทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง!”“ดีมาก!” กู้เหยียนหลงพย
เดือนห้า รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบเอ็ดเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน...แผ่นดินต้าเฉินที่เคยผ่านพ้นพายุโลหิต ประหนึ่งผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ และกำลังเริ่มกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ร่องรอยความเสียหายจากการกบฏของหลิวเจิ้งค่อย ๆ ถูกเยียวยา ท้องพระคลังที่เคยว่างเปล่าเริ่มกลับมาเต็มเปี่ยมด้วยทรัพย์สินที่ยึดมาจากเหล่าขุนนางกบฏ ขวัญกำลังใจของประชาราษฎร์ และเหล่าขุนนางผู้ภักดีก็กลับคืนมาสู่ความมั่นคงบรรยากาศในเมืองหลวงอบอวลไปด้วยความหวัง และความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง มันคือความสงบสุขที่ได้มาอย่างยากลำบาก และเป็นความสงบสุขที่เปราะบางดุจปีกของผีเสื้อณ จวนแม่ทัพใหญ่ค้ำสวรรค์ ในสวนดอกโบตั๋นที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งรับลมต้นคิมหันต์ ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงกำลังนั่งจิบชาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข นี่คือช่วงเวลาอันแสนสั้นที่พวกเขาได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยาทั่วไป“โครงการต้าเฉินโอสถสารานุกรมของเจ้าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” กู้เหยียนหลงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน เขามองภรรยาที่กำลังง่วนอยู่กับการคัดแยกตำรับยาเก่าแก่อยู่ไม่ห่าง“ไปได้ครึ่งทางแล้วเจ้าค่ะ&rd
กลางเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบเอ็ดหลายสัปดาห์ผ่านไป...เมฆหมอกอันดำทมิฬที่เคยปกคลุมแผ่นดินต้าเฉินมานานหลายสิบปี ได้ถูกพายุแห่งการพิพากษาพัดพาสลายไปจนสิ้น การประหารชีวิตหลิวเจิ้ง และเหล่าแกนนำกบฏกลางตลาดหลวง เป็นภาพที่สยดสยองแต่ก็สาสมใจ มันคือการผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อควักหนองร้ายออกจากร่างกายของแผ่นดิน แม้จะเจ็บปวด แต่ก็จำเป็นเพื่อการฟื้นฟูราชโองการรื้อฟื้นเกียรติยศให้แก่ตระกูลแม่ทัพมู่หรงและตระกูลบัณฑิตหลิน ถูกประกาศก้องไปทั่วทุกหัวระแหง ป้ายวิญญาณของพวกเขาได้รับการอัญเชิญกลับสู่ศาลบรรพชนอย่างสมเกียรติ เสียงร่ำไห้ด้วยความปิติยินดีของทายาทที่ยังหลงเหลืออยู่ คือเสียงแห่งความยุติธรรมที่มาช้าไปหลายสิบปี แต่ในที่สุดก็ได้มาถึงแผ่นดินต้าเฉิน ได้กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งอย่างแท้จริง***ณ ศาลบรรพชนตระกูลมู่หรงที่เพิ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่มู่หรงเยี่ยนในอาภรณ์สีเรียบง่าย ยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าป้ายวิญญาณของบิดามารดา นางมิได้สวมผ้าคลุมหน้าอีกต่อไป ดวงตาที่เคยลุกโชนด้วยไฟแค้น บัดนี้กลับนิ่งสงบดุจผืนน้ำในฤดูสารท
ยามเว่ยล่วงแล้ว ภายในท้องพระโรงหลวงราชโองการพิพากษาอันอำมหิตของฝ่าบาท ดังก้องกังวานไปทั่วทุกอณูของท้องพระโรง มันคือเสียงแห่งการสิ้นสุด คือค้อนสวรรค์ที่ทุบทำลายเส้นทางของอสรพิษเฒ่าจนแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี เหล่าขุนนางต่างก้มหน้านิ่งด้วยความยำเกรงและสาสมใจ บรรยากาศอบอวลไปด้วยไอแห่งความยุติธรรมที่เพิ่งจะได้รับการชำระองครักษ์หลวงสองนายก้าวเข้าไปเพื่อจะควบคุมตัวหลิวเจิ้งที่ทรุดกายอยู่บนพื้นออกไปทว่า...“ฮ่า... ฮ่า ๆๆ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ!”เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งพลันระเบิดออกมาจากร่างที่เคยสิ้นหวังนั้น หลิวเจิ้งเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เคยซีดเผือดบัดนี้กลับบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับโลหิต ผมเผ้าที่เคยถูกปล่อยสยายบัดนี้ยิ่งดูกระเซอะกระเซิงราวกับปีศาจร้ายที่หลุดออกมาจากขุมนรก“ประหารเก้าชั่วโคตร! เฉือนพันครั้ง!” เขาหัวเราะทั้งน้ำตา “ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! นี่คือรางวัลที่ราชวงศ์จ้าวผู้โฉดเขลามอบให้แก่ขุนนางผู้ภักดีที่สุดอย่างข้าอย่างนั้นรึ!”“บังอาจ!” องครักษ์ตวาดลั่น