เดือนอ้าย ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบ
“คุณหนูเจ้าคะ บุรุษผู้นั้นอาการดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายแห่งความยินดี ยามเห็นบุรุษลึกลับที่ตู้เยี่ยนอวี่ได้ช่วยชีวิตไว้ เริ่มมีสีเลือดฝาดบนใบหน้า และมีเรี่ยวแรงขึ้นเล็กน้อย
ตู้เยี่ยนอวี่เดินเข้ามาใกล้บุรุษผู้นั้น “ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?” นางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
บุรุษผู้นั้นมองตู้เยี่ยนอวี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ก็ยังคงมิอาจเอ่ยคำพูดใดออกมาได้ เขาพยายามจะโค้งคำนับ แต่ร่างกายยังคงอ่อนแรง
“มิต้องทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าว “ท่านควรจะพักผ่อนให้มาก แล้วอาการก็จะดีขึ้นเองเจ้าค่ะ”
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตู้เยี่ยนอวี่พยายามรักษาบุรุษผู้นั้นอย่างเต็มที่ ทั้งการใช้สมุนไพรหายาก และการส่งพลังปราณภายในเข้าสู่ร่างกาย เพื่อช่วยขับพิษและฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหายจากพิษร้ายชนิดใหม่ที่กองทัพเงาอสูรสร้างขึ้น ดุจแพทย์ผู้เก่งกาจที่พยายามช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ใกล้ตาย
วันหนึ่ง ขณะที่ตู้เยี่ยนอวี่กำลั
หลายเดือนผันผ่านดุจสายน้ำที่ไหลรินมิเคยหวนกลับ ภายใต้การนำของกู้เหยียนหลงและตู้เยี่ยนอวี่ แผ่นดินต้าเฉินที่เคยสั่นคลอนเริ่มกลับคืนสู่ความมั่นคงอีกครั้ง กงล้อแห่งประวัติศาสตร์มิได้หยุดหมุน มันเพียงเปลี่ยนจากเสียงกัมปนาทของคมดาบในวันวาน มาเป็นเสียงอันเงียบงันของการหยั่งรากแก้วแห่งอำนาจและการปฏิรูปณ ลานฝึกหลวง บัดนี้ได้แปรสภาพเป็นสมรภูมิจำลองที่สมจริงจนน่าทึ่ง ทหารที่เคยถูกคัดเลือกเข้าหน่วยแพทย์สนาม บัดนี้มิได้มีแววตาที่สับสนอีก พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและเป็นระบบ เข้าประเมินอาการทหารบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว ห้ามเลือดด้วยผงห้ามโลหิตฉับพลัน เข้าเฝือกด้วยไม้ดามที่เตรียมไว้ในถุงโอสถสนามรบ และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพกู้เหยียนหลงยืนมองภาพนั้นจากบนหอคอยบัญชาการด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือผลลัพธ์จากวิสัยทัศน์ของตู้เยี่ยนอวี่ นางได้เปลี่ยนทหารผู้ถือดาบ ให้กลายเป็นผู้พิทักษ์ชีวิต กองทัพของเขามิได้มีเพียงคมดาบที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีโล่การรักษาพยาบาลที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันทว่า ในขณะที่รากแก้วแห่งการทหารกำลังหยั่งลึกลงไปนั้น วัชพืชแ
กงล้อแห่งประวัติศาสตร์มิเคยหยุดหมุน แม้จะเชื่องช้าลงก็ตาม มันเพียงเปลี่ยนจากเสียงกัมปนาทของคมดาบในราชสำนัก มาเป็นเสียงอันเงียบงันของการลับเขี้ยวเล็บเพื่อเตรียมรับมือกับพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนกายอยู่ ณ ชายแดนลานฝึกทหารหลวงชานเมืองหลวง เสียงตะโกนอันทรงพลังและเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นพร้อมเพรียงกันดังกึกก้องไปทั่ว บัดนี้ กองกำลังพิทักษ์เมืองหลวงที่เคยเป็นดั่งฝูงแมวป่วย ได้ถูกหลอมรวมขึ้นใหม่ภายใต้การบัญชาการของกู้เหยียนหลง พวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นกองทัพพยัคฆ์ที่เริ่มฉายแววแห่งความน่าเกรงขามทว่า การฝึกฝนที่เข้มข้นดุจการหลอมเหล็กกล้า ย่อมต้องมีประกายไฟที่กระเด็นออกมา พบว่าอัตราการบาดเจ็บของทหารระหว่างการฝึกซ้อมนั้นสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง มิใช่บาดแผลจากคมดาบ แต่เป็นอาการกล้ามเนื้อฉีกขาด ข้อเท้าพลิก และภาวะอ่อนเพลียสะสม ซึ่งหมอทหารทั่วไปทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ทหารหลายนายต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ทำให้การฝึกฝนหยุดชะงักปัญหานี้ถูกนำมาปรึกษาหารือกับตู้เยี่ยนอวี่ในคืนวันหนึ่งวันรุ่งขึ้น ร่างระหงในอาภรณ์ของหมอหลวงเทวดาก็ได้ปรากฏกายขึ้น ณ ลานฝึกที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเหงื่อและไอส
อรุณรุ่งได้สาดแสงสีทองอาบไล้กระเบื้องเคลือบสีมรกตของพระราชวังหลวง ขับไล่เงามืดของอดีตให้เลือนหายไป ทว่าสำหรับตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงแล้ว บัลลังก์อำนาจที่ได้รับมานั้น มิใช่พรมที่โรยด้วยกลีบบุปผา แต่คือสมรภูมิแห่งใหม่ที่มองไม่เห็นคมดาบ เต็มไปด้วยความท้าทายและความรับผิดชอบอันหนักอึ้งดุจขุนเขาในฐานะที่ตู้เยี่ยนอวี่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลสำนักหมอหลวงทั้งหมด สิ่งแรกที่นางต้องเผชิญมิใช่โรคภัยไข้เจ็บ แต่คือสายตาที่เคลือบแคลงสงสัยของเหล่าหมอหลวงอาวุโส พวกเขาคือผู้ที่สั่งสมประสบการณ์มาค่อนชีวิต การต้องมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของสตรีสาวที่อายุน้อยกว่าบุตรสาวของตนนั้น ย่อมสร้างความขุ่นข้องหมองใจเป็นธรรมดา สำนักหมอหลวงในยามนี้เปรียบดุจต้นไม้ใหญ่ที่อายุมากปี แผ่กิ่งก้านงดงามแต่ภายนอก ทว่าเนื้อในกลับเริ่มผุกร่อนและหยุดการเจริญเติบโตทว่าโอกาสในการพิสูจน์ตนเองก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด เมื่อแม่ทัพเฒ่าหลี่กง ผู้ซึ่งเป็นวีรบุรุษจากสงครามครั้งก่อน เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่แขนข้างขวาซึ่งถูกตัดขาดไปในสนามรบเมื่อหลายปีก่อน เขาคร่ำครวญถึงอาการปวดไร้สาเหตุที่เหล่าหมอหลวงต่างจนปัญญาที่จะรัก
เมฆหมอกแห่งความกบฏที่เคยปกคลุมวังหลวงมานานหลายเพลา ได้ถูกสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดพาสลายไปสิ้นพร้อมกับแสงอรุณรุ่งของวันใหม่ ค่ำคืนแห่งการนองเลือดและเสียงอาวุธที่น่าสะพรึงกลัว ได้ถูกแทนที่ด้วยความสงบเรียบร้อยที่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งภายใต้ราชอำนาจที่กลับคืนสู่ความมั่นคงอีกครั้งณ ท้องพระโรงในยามเช้า บรรยากาศแตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางที่เคยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต่างยืนสงบนิ่งด้วยความยำเกรง พระสุรเสียงของฝ่าบาทในวันนี้กังวานและเปี่ยมด้วยพระราชอำนาจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วิกฤตการณ์ในครั้งนี้ได้หลอมรวมให้องค์ฮ่องเต้ผู้เคยอ่อนโยน กลายเป็นราชันย์ที่แท้จริงราชโองการถูกประกาศก้องไปทั่วท้องพระโรง หลิวเจิ้งและพรรคพวกทั้งหมดถูกปลดจากทุกตำแหน่งและรอการไต่สวนโทษกบฏแผ่นดิน ซึ่งมีเพียงสถานเดียวคือประหารเก้าชั่วโคตร บัญชีมรณะที่ตู้เยี่ยนอวี่คัดลอกไว้ ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการชำระล้างหนอนบ่อนไส้ที่กัดกินแผ่นดินมานานหลายสิบปีและในวาระเดียวกันนั้นเอง ฝ่าบาทก็ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งวีรบุรุษและวีรสตรีผู้ปกป้องราชบัลลังก์อย่างสมเกียรติ“กู้เหย
เสี้ยววินาทีนั้นยาวนานประหนึ่งชั่วกัลป์ แต่ก็สั้นกว่าการกะพริบตาในขณะที่สมาธิของหลิวเจิ้งแตกสลายไปกับวาจาอันเสียดแทงของตู้เยี่ยนอวี่ ร่างของกู้เหยียนหลงก็ได้อันตรธานหายไปจากจุดที่เคยยืนอยู่มิใช่ร่างของบุรุษ แต่คือเงาของมังกรสีเงินที่พุ่งทะยานฝ่าอากาศ!ความเร็วของเขาทะลุขีดจำกัดของสายตามนุษย์ ไม่มีผู้ใดมองเห็นกระบวนท่าของเขาได้ทัน มีเพียงผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นในพริบตาต่อมาเคร้ง!เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นเพียงครั้งเดียว ดาบในมือของหลิวเจิ้งที่เคยจ่ออยู่ที่พระศอของฝ่าบาท พลันถูกดีดกระเด็นขึ้นไปในอากาศอย่างแรงผลัวะ!สันมือของกู้เหยียนหลงฟาดเข้าที่จุดสกัดบนข้อมือของหลิวเจิ้งอย่างแม่นยำจนเกิดเสียงกระดูกลั่นตุ้บ!เท้าของเขากระแทกเข้าที่กลางอกของอสรพิษเฒ่า ส่งร่างที่เคยทรงอำนาจนั้นกระเด็นไปกระแทกกับเสาศิลาอย่างรุนแรงจนหมดสติทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วลมหายใจเดียวเมื่อองค์ฮ่องเต้ทรงเป็นอิสระ องครักษ์หลวงที่เหลือก็ทะยานเข้าอารักขาทันที ส่วนกองกำลังเงาของกู้เหยียนหลงก็เข้าจัดการกับนักฆ่าพรรคเมฆาโลหิตที่ยังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเสียงการต่อสู้ที่เคยโกลาหล พลันเงียบ
เวลาประหนึ่งหยุดนิ่ง...ทุกสรรพสิ่งในศาลากลางน้ำล้วนตกอยู่ในพันธนาการแห่งคมดาบเพียงเล่มเดียว สายลมที่เคยพัดเอื่อยหยุดกรรโชก ใบบัวที่เคยไหวระริกพลันสงบนิ่ง แม้แต่เสียงหายใจของทุกคนก็ดูจะแผ่วเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน เกรงว่าจะเป็นการรบกวนความเงียบอันเปราะบางนี้ให้แหลกสลายกู้เหยียนหลงยืนนิ่งราวกับรูปสลัก กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายของเขาตึงเครียดและพร้อมที่จะทะยานออกไปในชั่วพริบตา แต่เขามิอาจทำได้ เพราะชีวิตขององค์ฮ่องเต้แขวนอยู่บนเส้นดวงแห่งความอดทนของเขา“ส่งตราหยกพระราชลัญจกรมาให้ข้า!” หลิวเจิ้งกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงของเขาแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยอำนาจเด็ดขาด “แล้วข้าจะรับรองความปลอดภัยของฝ่าบาท!”นี่มิใช่แค่การหลบหนี แต่คือการชิงอำนาจทั้งแผ่นดิน หากตราหยกอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดตกไปอยู่ในมือของกบฏ เขาย่อมสามารถออกราชโองการปลอม สั่งการกองทัพ และควบคุมทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนา“ท่านเสนาบดี” พระพันปีหลวงตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่สงบนิ่งและเปี่ยมด้วยพระบารมีอย่างน่าประหลาด “เจ้ายึดมั่นในคติมิเป็นหยกทั้งแท่ง