เดือนสิบ ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่เจ็ดสิบเก้า
ยามลมหนาวเริ่มพัดหวน บรรยากาศของหมู่บ้านซีหลินเริ่มปกคลุมด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน แม้ฤดูหนาวจะนำพาความหนาวเย็นมาเยือน แต่ในใจของตู้เยี่ยนอวี่กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและสุขสงบ การได้กลับมาอยู่ท่ามกลางครอบครัวอันเป็นที่รัก และได้ช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านที่เปรียบเสมือนบ้านเกิดแห่งที่สอง ทำให้จิตใจของนางเปี่ยมด้วยความสุขที่แท้จริง
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านควรจะสวมเสื้อหนา ๆ นะเจ้าคะ อากาศเย็นลงมากแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวจู กล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย ยามเห็นตู้เยี่ยนอวี่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ริมหน้าต่าง
ตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มิต้องเป็นห่วงข้าหรอกเสี่ยวจู กายของข้าแข็งแรงขึ้นมากแล้ว” นางยังคงใช้เวลาในยามว่างในการฝึกฝนกำลังภายในอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
สำนักแพทย์พื้นบ้านที่ตู้เยี่ยนอวี่ริเริ่มขึ้นในหมู่บ้านซีหลิน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวบ้าน ทุกวันจะมีชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาขอคำปรึกษาและรับการรักษา นางถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไ
ยามตรุษวสันต์เวียนมาบรรจบอีกครา อากาศยังคงเย็นยะเยือกดุจไอเหมันต์ที่ปกคลุมผืนปฐพี แต่ในหมู่บ้านซีหลิน บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความสุขและความปิติยินดี ชาวบ้านต่างเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กันอย่างครึกครื้น ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความหวังตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงนั่งอยู่ริมหน้าต่างเรือนไม้ริมธาร มองดูชาวบ้านที่กำลังจุดประทัดและร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ดุจคู่รักที่กำลังชื่นชมภาพวาดอันงดงาม“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้มีชาวบ้านนำผลผลิตมามอบให้เรามากมายเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายแห่งความยินดี นางนำตะกร้าผลไม้และผักสดที่ชาวบ้านนำมามอบให้มาวางไว้ตรงหน้าตู้เยี่ยนอวี่ตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“พวกเขาช่างมีน้ำใจยิ่งนัก” นางสัมผัสถึงความรักและความผูกพันที่ชาวบ้านมีต่อพวกนาง ดุจสายใยที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ถึงจิตใจอันบริสุทธิ์หลังจากที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้ร่วมกันพัฒนาหมู่บ้านซีหลินให้เจริญรุ่งเรือง ผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชาวบ้านมีกินมีใช้มากขึ้น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ
ยามลมหนาวเริ่มพัดโชยมา บรรยากาศของหมู่บ้านซีหลินเริ่มปกคลุมด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน แม้ฤดูใบไม้ร่วงจะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาเยือนแต่ในใจของตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงกลับอบอวลไปด้วยความสุขสงบ การได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในอ้อมกอดของธรรมชาติ และได้ช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านที่เปรียบเสมือนบ้านเกิดแห่งที่สอง ทำให้จิตใจของทั้งสองเปี่ยมด้วยความสุขที่แท้จริง“คุณหนูเจ้าคะ ท่านควรจะสวมเสื้อหนา ๆ นะเจ้าคะ อากาศเย็นลงมากแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวจู กล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย ยามเห็นตู้เยี่ยนอวี่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ริมหน้าต่างเรือนไม้ริมธารตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มิต้องเป็นห่วงข้าหรอกเสี่ยวจู ร่างกายของข้าแข็งแรงขึ้นมากแล้ว” นางยังคงใช้เวลาในยามว่างในการฝึกฝนกำลังภายในอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจหลังจากที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้ร่วมกันวางแผนการรับมือกับโรคไข้ป่าที่กำลังคุกคามหมู่บ้านซีหลิน การดำเนินการต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาร่วมกันให้ความรู้แก่ชาวบ้านเกี่ยวกับการป้องกันโรค การทำความสะอาดบริเวณรอบ
ยามตะวันทอแสงเรืองรองเหนือน่านฟ้าหมู่บ้านซีหลิน ดุจไข่มุกเม็ดงามที่ทอประกายท่ามกลางหมู่เมฆ สายลมยามเช้าพัดโชยนำพากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าและไอดินที่ชุ่มชื้นตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงยืนอยู่ริมลำธารใสสะอาด ที่ไหลเอื่อยคดเคี้ยวไปตามโขดหิน พวกเขามองไปยังเรือนไม้หลังเล็กที่ปลูกสร้างอย่างเรียบง่ายแต่แข็งแรง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้เขียวขจี“เราจะสร้างบ้านที่นี่ไปด้วยกันนะเจ้าคะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เปี่ยมด้วยความสุข ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับกู้เหยียนหลงโอบไหล่ของตู้เยี่ยนอวี่ไว้แน่น“ใช่แล้วอวี่เอ๋อร์ เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันที่นี่ สร้างความสุขให้แก่กันและกัน และช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านนี้”หลังจากเดินทางกลับจากเมืองหลวง ทั้งสองได้เลือกสร้างเรือนไม้หลังเล็กริมลำธารแห่งนี้ พวกเขามิได้ต้องการความหรูหราฟุ่มเฟือย หากแต่ปรารถนาเพียงชีวิตที่เรียบง่าย กลมกลืนกับธรรมชาติ และได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริง เสี่ยวจูที่ติดตามมาด้วย ก็ได้เข้ามาช่วยดูแลงานบ้านงานเรือนอย่างเต็มที่“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวจะจัดแจงห้องหับให้สะอาดสะอ้านนะเจ้าคะ
ยามตรุษวสันต์เวียนมาบรรจบอีกครา อากาศยังคงเย็นยะเยือก ดุจไอเหมันต์ที่ปกคลุมผืนปฐพี แต่ในเมืองหลวง บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความสุขและความปิติยินดี กองทัพเงาอสูร มิใช่เพียงแค่การสยบมารร้าย หากแต่ยังเป็นการนำพาแสงสว่างแห่งความหวังกลับคืนสู่แผ่นดิน ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลง ซึ่งเป็นดุจดวงดาวที่ส่องประกายในยามค่ำคืน ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้คนทั่วทุกสารทิศ“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านฟู่หลิงมาขอพบเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม ยามเห็นตู้เยี่ยนอวี่กำลังตรวจดูตำราหมอในห้องทำงานของหมอหลวงตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เชิญเข้ามาเถิดเสี่ยวจู”ชายชราผู้หนึ่งและหญิงวัยกลางคน สวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าคร่ำคร่าแต่สะอาดสะอ้าน เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของพวกเขายังคงฉายแววความกังวลเล็กน้อย“คารวะหมอเทวดาตู้ขอรับ” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานานแล้วว่าท่านมีเมตตาและฝีมือการหมออันล้ำเลิศ”ตู้เยี่ยนอวี่รีบพยุงชายชราและหญิงผู้นั้นขึ้น “ท่านมิต้องทำเช่นนั้นเจ้าค่ะ โปรดบอกข้าเถิดว่ามีอันใดให้ข้าช่วยเหลือ”หญิงวัยกลางคนเล่าถึงอาการป่วยของบุตรชายที่ล้มป่วยด้วยโรคปร
ยามสิ้นปีใกล้เข้ามา อากาศยิ่งหนาวเย็นยะเยือกทว่าภายในวังหลวงนั้น บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความคึกคักเตรียมพร้อมสำหรับงานเฉลิมฉลองครบรอบการครองราชย์ของฝ่าบาทที่กำลังจะมาถึง ทว่าภายใต้ความรื่นเริงนั้นกลับมีเงามืดบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงรู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด“เหยียนหลง พวกเขากำลังวางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทในงานเฉลิมฉลองที่จะมาถึงนี้” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ยามสนทนากับกู้เหยียนหลงในห้องพักของนางยามค่ำคืน “เราจะต้องช่วยกันทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องฝ่าบาทและแผ่นดินนี้ให้ได้”กู้เหยียนหลงพยักหน้า “ใช่แล้วอวี่เอ๋อร์ ข้าได้สืบหาเบาะแสเพิ่มเติมแล้ว พบว่าพวกเขามีแผนการที่แยบยลยิ่งนัก”เขาอธิบายถึงแผนการของกองทัพเงาอสูรที่ซับซ้อนและรัดกุม พวกเขามิได้มีเพียงแค่กำลังคน แต่ยังแทรกซึมอยู่ในทุกส่วนของราชสำนัก และมีขุนนางระดับสูงบางคนให้ความร่วมมือด้วย“พวกเขาจะใช้ความวุ่นวายในงานเฉลิมฉลองเป็นโอกาสในการลงมือ” กู้เหยียนหลงกล่าว “และพวกเขาได้
ยามอรุณรุ่งสาดส่องลงมายังเมืองหลวงดุจแพรไหมสีทองที่คลี่คลุมผืนปฐพีเสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วจากต้นไม้ใหญ่ในวังหลวง ตู้เยี่ยนอวี่ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความสุขสงบ คืนวานที่ผ่านมาเป็นดุจความฝันอันแสนหวาน เมื่อกู้เหยียนหลง บุรุษผู้สง่างามที่นางแอบเฝ้าชื่นชมในใจ ได้เอ่ยคำรักออกมา ความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ในห้วงลึกแห่งดวงใจ บัดนี้ได้ผลิบานออกมาเป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุด“คุณหนูเจ้าคะ ถึงเวลาที่ต้องเข้าวังแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวจูดังขึ้นจากนอกห้องอย่างแผ่วเบาตู้เยี่ยนอวี่ลืมตาขึ้นช้า ๆ แววตาของนางฉายประกายแห่งความสุขและความสดใส นางลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปที่หน้าต่าง มองดูแสงตะวันยามเช้าที่สาดส่องลงมายังวังหลวงอันงดงาม“ยามนี้ชีวิตของข้า ช่างสมบูรณ์ยิ่งนัก” นางพึมพำกับตนเองแม้จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวงประจำพระองค์ และได้รับความเคารพยกย่องจากผู้คนทั่วแผ่นดิน ทว่าตู้เยี่ยนอวี่ก็มิได้หลงระเริงในเกียรติยศชื่อเสียง และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน ตู้เยี่ยนอวี่จะใช้เวลาในยามเช้าต