“ถอยออกไปให้ห่างก่อนที่ข้าจะโมโห”
เซียนหยางชินอ๋องเพ่งมองสตรีใต้ร่าง ดวงตาสีดำคมกริบในยามนี้ดูลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ฤทธิ์ของสุราแรงที่ดื่มเข้านั้นยิ่งทำให้เขาขาดสติ แล้วยิ่งมีสตรีงามอยู่ตรงหน้าอีก เขาเองก็หาใช่ก้อนหินแข็งทื่อ “ดอกไม้งามอยู่ในมือแล้วไฉนถึงต้องปล่อยไปโดยไม่ทันได้สูดดมเล่า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างใบหูของนาง พร้อมกันโน้มใบหน้าสูดดมความหอมจากซอกคอ พอได้ยินประโยคนี้พร้อมกับการกระทำที่ล่วงเกิน ฮั่วซูเม่ยไม่อาจสามารถอดทนใจเย็นได้อีกเลย “เจ้าคนมักมาก!” ตุบ!! ตุบ! นางเองก็พอมีแรงอยู่บ้างจึงทำการทุบตีบุรุษร่างโตตรงหน้าที่คร่อมทาบทับไว้ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นั้นงุนงงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว “ข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตายอยู่ในนี้ผู้เดียว” สถานที่แห่งนี้แม้ภายนอกบรรยากาศจะหนาวเหน็บเย็นสะท้านเข้ากระดูกแล้วอย่างไร ทว่าภายในกลับร้อนระอุราวกับกำลังถูกแผดเผาให้มอดไหม้ นั่นคือโรงเตี๊ยมไป๋ชานและนางคือนายหญิงของที่นี่ ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องใดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง ฮั่วซูเม่ยปรายตามองบุรุษผู้นั้นความเกรี้ยวกราด แม้ภายในห้องจะมืดสนิททว่ายังคงมีแสงจันทราที่สาดส่องเข้ามาอย่างริบหรี่ทำให้นางมองเห็นการกระทำทั้งหมดได้ “เข้ามาจับคนผู้นี้โยนออกไปจากโรงเตี๊ยมของข้าซะ!”น้ำเสียงหวานตะโกนดังก้องออกไปหวังให้บ่าวรับใช้ชายที่รออยู่ข้างนอกได้ยิน หากมีบุรุษเมามายจนหัวราน้ำเช่นนี้ นางก็ไปอาจทำใจปล่อยให้กลับเองในสภาพเช่นนี้เกรงว่าคงจะไม่ถึงจวน เดิมที่โรงเตี๊ยมของนางก็คือกิจการหนึ่งเช่นกัน หากไม่ขายเรือนร่างของสตรีก็ต้องการเรือนนอนให้พักผ่อนอย่างไร ทว่าภายใต้ความมืดนั่นนางหันกลับมองทว่ากับมองไม่ออกเลยว่าบุรุษผู้นั้นมีสีหน้าและอารมณ์อย่างไร เซียนหยางชินอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ไฉนเลยเขาจะคิดว่านางแรงเยอะเพียงนี้ สตรีที่ดื้อรั้นเป็นม้าพยศสมควรถูกเขาปราบพยศ “คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือ” เซียนหยางชินอ๋องขึ้นชื่อเรื่องความเอาแต่ใจอยู่แล้ว หากเขาอยากได้หรืออยากทำอันใดแล้วไฉนจะยังกล้ามีผู้ปฏิเสธอีกอีก ตุบ! นางยังไม่ทันได้ตั้งสติให้คิดสติให้คิดอันใด ในจังหวะนั้นจู่ ๆ ร่างของฮั่วซูเม่ยก็ลอยเหนือขึ้นจากพื้นด้วยความตกใจนางจึงเผลอกอดรัดลำแขนนั้นแน่น แต่พอรู้ตัวอีกที่นางก็ถูกโยนลงกระแทกเตียงอย่างแรงเสียแล้ว “นายหญิงพวกเจ้ากำลังสนุกกับข้า” “หากอยากเข้ามาร่วมด้วยก็เชิญ” น้ำเสียงทุ้มของเซียนหยางชินอ๋องตะโกนตวาดก้องออกไป ขณะที่กำลังปล้นผ้าคาดเอวออกตนเองออกอย่างรวดเร็วมัดยกเรียวแขนของสตรีผู้นี้ขึ้นเหนือหัวแล้วมัดตรึงไว้กับเตียง “ปล่อยข้า!” “ข้าบอกให้ปล่อย!” หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำด้วยความตกใจ นางไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ลึก ๆ แล้วภายในใจของฮั่วซูเม่ยหวาดกลัวไม่น้อย สายตาของชินอ๋องยามที่ทอดมองเรือนร่างของสตรีตรงหน้าเต็มไปด้วยความหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่าอย่างปิดไม่มิด “หากอยากให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้ามีความสุข สุขสมกับข้ามากเพียงใดก็จงร้องให้ดังตลอดไป” ทันทีที่สิ้นสุดประโยคนั้นพลันปลดเปลือยเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองออกให้หมดสิ้นเผยให้เห็นเรือนร่างกำยำ เดิมที่เซียนหยางชินอ๋องนับได้ว่าเป็นบุรุษที่หล่อเหล่าผู้นี้ย่อมมีสตรีไม่น้อยที่เต็มใจถวายตัวกลายเป็นอนุหลังจวน ทว่าสตรีเหล่านั้นได้มาง่ายเกินไป ฮั่วซูเม่ยไม่รู้จะตกใจหวาดกลัวอันใดก่อน มือทั้งสองข้างของนางถูกมัดตรึงแน่นไม่ว่าขัดขืนอย่างไรก็ไม่หลุดง่าย ๆ และน้ำเสียงหวานที่ตะโกนร้องเรียกขอความช่วยเหลือก็พลันแห้งเหือด “หากท่านปล่อยข้า ข้าจะมอบเงินให้จำนวนหนึ่ง” “ข้ามีเยอะแล้ว” “เช่นนั้นสตรีที่งดงามที่สุดในโรงเตี๊ยมนี้เล่า” “มิใช่เจ้าหรอกหรือ” แหวกก!!! “กรี๊ดดด!!!!” นางหวีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ เศษผ้าผืนบางเช่นนี้เพียงแค่เขาออกแรงกระชากนิดเดียวก็ขาดรุ่ยร่ายแล้ว งดงาม! งดงามยิ่งนัก! “หากเจ้าทำให้ข้าพึงพอใจข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม” ในสายตาของเซียนหยางชินอ๋องแล้ว เขาไม่เคยพบเจอสตรีใดที่งดงามเพียงนี้มาก่อน ฮั่วซูเม่ยเริ่มตัวสั่นระริกพอนึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในเมื่อหนีไม่พ้นแล้วก็ทำใจปล่อยให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว “รีบทำให้เสร็จเร็ว ๆ เถอะ” “เกรงว่าข้าคงทำเร็ว ๆ ไม่เป็น” สตรีงามเพียงนี้แค่ครั้งเดียวจะเพียงพอหรือ? เซียนหยางชินอ๋องเองก็ไม่พร่ำพูดให้เสียเวลา เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้นางก็จะประกบจูบอย่างรุนแรงด้วยความเร่าร้อน รสจูบที่หอมหวานยิ่งเป็นสิ่งกระตุ้นที่ให้ร่างกายของเขาขนลุกซู่ไปทั้งร่าง “อื้อ…อื้มมมม” ฮั่วซูเม่ยรับตาพริ้มประจูบตอบรับแต่โดยดี เอาเถอะ..ในชีวิตของนางก็ไม่มีอันใดเป็นชิ้นเป็นอันอยู่แล้ว เช่นนั้นก่อนตายก็ขอได้เสพสมร่วมกับบุรุษดี ๆ สักคนก่อน ณ จวนสกุลฮั่ว เซียนหยางชินอ๋องไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้กับตน “คิดจะไม่รับผิดชอบข้าอย่างงั้นหรือ” ฮั่วซูเม่ยเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่เกรงกลัว ซ้ำยังเชิดใบหน้าขึ้นยกมือกอดอกท่าทางเอาแต่ใจ บังเอิญเจอนางไฉนจะน่าตกใจกลัวนางกำลังอ้างว่าอุ้มท้องบุตรของเขา “ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเคยร่วมหลับนอนกับแม่นาง จริง ๆ และไฉนเลยจะมั่นใจได้ว่าในครรภ์ของแม่นางคือบุตรของข้า” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างนิ่งเฉย ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อถูกดูแคลนเข่นนี้ “ชะ..ใช่! หากพี่ใหญ่ไม่พอใจข้าก็มาหาเรื่องข้าเถอะ” ฮั่วหลิงเฟยพลางเดินพุ่งตรงมาหยุดอยู่ข้างฮั่วซูเม่ย เรื่องเช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! หากไม่ใช่เพราะพี่สาวต่างมารดาผู้นี้ต้องการจะช่วงชิงวาสนาของนางไป! ฮั่วหลิงเฟยไม่มีทางยอม “โธ่…ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ!” เดิมที่นางเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเพียงแค่ค่ำคืนเดียวจะเปลี่ยนชีวิตของนางไป ฮั่วซูเม่ยเองก็ไม่พอใจเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปปรายสายตามองน้องสาวข้าง ๆ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “เจ้ายังคิดจะแย่งบิดาของหลานชายตนเองไปหรือน้องหญิง” “ไม่ใช่..ข้าไม่ทางทำเช่นนั้นแต่บุรุษที่ดีและเพียบพร้อมเฉกเช่นชินอ๋องหรือจะเป็นเช่นนั้น” ฮั่วหลิงเฟยเสแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มองบุรุษตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของเซียนหยางชินอ๋องก็ไม่มีทางเชื่อเช่นกัน หากนางตั้งครรภ์บุตรของเขาจริง ๆ เหตุใดถึงปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านมานานเพียงนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาไฉนไม่เรียกร้อง “เหอะ! รู้หรือไม่ถ้อยคำโกหกโป้ปดของแม่นางทำให้นางเสื่อมเสียไม่น้อย” นางเป็นสตรีในหอคณิกาจะมีความน่าเชื่อถือมาเพียงใดกัน ฮั่วซูเม่ยยิ่งอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้วยิ่งเดือดดาลขึ้นไปกันใหญ่ “หากบิดาของลูกข้าเป็นเช่นนี้มิสู้มีบิดาเป็นสุนัขไม่ดีกว่าหรือ” นางสะบัดแขนน้องสาวผู้นี้ออกอย่างแรงจากนั้นจึงเดินไปเบื้องหน้าลวงของสิ่งหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อโยน “ของของ ท่าน เอาคืนไปซะ!” สายตาของเซียนหยางยังคงจดจ้องของสิ่งนั้นก่อนจะกระจ่างแจ้งในใจทัน “เจ้ามีของสิ่งนี้ได้อย่างไร” พู่หยกที่สลักคำว่าเซียนหยางไว้ “เหอะ! โง่ไปแล้วหรอกหรือ” นางตะคอกถาม “มันผู้ใดกันที่ทำตกไว้ในค่ำคืนนั่น” พอสิ้นสุดประโยคนนั้นฮั่วซูเม่ยพลันเดินหนีออกมาทันที อารมณ์ของนางในตอนนี้ย่ำแย่เป็นที่สุด ในความทรงจำของเขาเลือนรางทว่าของสิ่งนี้เป็นของจริง เดิมทีคิดว่าหากพลาดแล้วก็เอาเถอะไม่เรียกร้องสิ่งใดแต่พอเห็นบุรุษผู้นี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าความเคียดแค้นภายในค่ำคืนนั่นก็ปะทุขึ้นในอกนางทันที ถือเสียว่านางกำลังทวงทุกอย่างให้บุตรชายแล้วกัน ฮั่วซูเม่ยรู้ว่านางเป็นถึงนายหญิงของหอคณิกาไม่สมควรจะพลาดพลั้งอย่างยิ่งแต่เสมือนว่าสวรรค์ได้กำหนดมาแล้ว นางจะถือว่าเป็นเคราะห์กรรมที่สมควรเผชิญหน้าไม่อาจหลีกเลี่ยง และแน่นอนว่าในสายตาของผู้อื่นนั้นนางได้กลายเป็นตัวร้ายแล้ว เช่นนั้นนางร้ายผู้นี้จะขอทวงคืน!เช้าวันรุ่งขึ้นฮั่วซูเม่ยตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้านปนเหนื่อยล้าไปทั่วทั้งร่าง นางสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาดปักลวดลายเล็กน้อยประดับอย่างประณีตอีกทั้งยังรวบเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสูงเฉกเช่นกับสตรีออกเรือนแล้วฮั่วซูเม่ยปล่อยให้พวกสาวใช้จัดการได้อย่างตามใจ เพียงแต่การแต่งแต้มใบหน้านั้นนางเป็นคนลงมือจัดการเองอารมณ์วันนี้ของนางเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดพวกสาวใช้ที่อยู่บริเวณในห้องนั้นเห็นท่าทางของคุณใหญ่แล้วก็ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความเกรงกลัว ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นคุณหนูใหญ่อารมณ์ดีเช่นนี้“มีเรื่องยินดีอันใดหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้หญิงใจกล้าเปิดปากถามออกไปฮั่วซูเม่นเหลียวมอง “ข้ายิ้มไม่ได้หรือ” นางเอียงคอเลิกคิ้วถามก่อนจะยกมือลูบท้องของตนเอง “หากมารดาอารมณ์ดีบุตรในท้องก็อารมณ์ดีด้วยมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ผู้นั้นพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ถึงแม้ภายในใจจะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องอันใดก็ตาม นางพอปะติดปะต่อได้ว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่คุณใหญ่ยกเลิกงานหมั้นหมายจองคุณหนูรองเป็นแน่แม้ทั้งคู่จะเป็นพี่น้องร่วมบิดากันแล้วอย่างไรคุณหนูใหญ่ดันเกิดก่อนคุณหนูรองที่มีมารดาเป็นฮูหยินเอกมีผู้ใดบ้างจะพึงพอใจยอมรั
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะหลิงเออร์”“จะให้ลูกใจเย็นอย่างไรกันท่านแม่!” ฮั่วหลิงเฟยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวไม่สู้ดีเหอฮูหยินเห็นสภาพของบุตรสาวโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้แล้ว คนเป็นมารดาเช่นนางปวดใจยิ่งนัก “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ย่อมต้องมีทางแก้ไขแน่”“แก้ไขหรือ…” ฮั่วหลิงเฟยหันมามองมารดาผ่านม่านน้ำตา “เรื่องนี้จะแก้ไขได้อย่างไรกัน”เห็นได้ชัดว่าฮั่วซูเม่ยจงใจแย่งชิงวาสนาของนาง!ตั้งแต่เกิดมาฮั่วหลิงเฟยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ ขอเพียงเอ่ยปากชี้นิ้วอยากได้อะไรย่อมได้ ภายในใจของนางในตอนนี้ย่อมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทั้งสิ้น“ขอแม่คิดก่อนหลิงเออร์” ฮั่วฮูหยินพลางโอบไหล่บุตรสาวไว้หลวม ๆ ท่าทางของนางราวกับคิดไม่ตกหากเป็นบุตรชายสักตระกูลไม่ว่านางเอ่ยปากญาติฝั่งใดย่อมมีผู้ช่วยเหลือได้แน่ทว่าคนผู้นี้กับมีฐานะเป็นถึงชินอ๋อง นางมองไม่เห็นหนทางเลยฮั่วหลิงเฟยมองมารดานิ่ง ๆ ด้วยความคาดหวังตอนนี้ภายในใจของนางร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุมอยู่ในอก เกรงว่าวาสนาที่นางกำลังตั้งตาเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีจะถูกช่วงชิงไปในชั่วพริบตาแก้ไขไม่ทันนางโมโหมากจริง ๆแล้วยิ่งแม่สื่อมากมายผู้นั้นเล่นป่าวประกาศไปทั่ว
ฮั่วซูเม่ยกะพริบตามองบุรุษตรงหน้าปริบ ๆ โดยไร้ความเกรงกลัวในขณะที่โทสะของเซียนหยางชินอ๋องนั้นเพิ่มขึ้นจนคับอก สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีเบื้องหน้าอย่างแข็งกร้าว มุมปากหนาพลันหยักยกขึ้นจากนั้นจึงยกมือขึ้นบีบลำคอนางทันทีอึก!“คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรือ” นัยน์ของเซียนหยางในยามนี้มิต่างจากสัตว์ป่าดุร้ายตนหนึ่งคนที่อวดดีเช่นนี้สมควรถูกสั่งสอนดวงตาจองนางเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจจนสีหน้าซีดเผือดลงทันที และด้วยสัญชาตญาณนางยกมือโอบกอดหน้าท้องของตนเองไว้ทว่ากับมิได้ขัดขืน“……”ฝ่ามือหนายิ่งออกแรงกดบีบมากเรื่อย ๆ เมื่อสตรีผู้นี้ยังเอาแต่จ้องเขม็งไม่ปริปากส่งเสียงวิงวอนเซียนหยางชินอ๋องเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่านางจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ “หึ! ใจกล้าอวดดีไม่น้อย”“เซียนหยางชินอ๋องเพคะ!”“……”เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เหลียวหลังมาตามเสียงจากนั้นจึงผ่อนแรงลงปล่อยมือออกจากลำคอของนาง“แค่ก ๆ แค่ก!” ทันทีที่เป็นอิสระฮั่วซูเม่ยสำลักน้ำลายสูดอากาศหายใจจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทว่าสายตาของยังคงจดจ้องบุรุษตรงหน้าไม่วางตา“เกรงว่าสวรรค์คงยังไม่รับคนบาปเช่นเจ้า”มุมปากของนางยกยิ้มเยาะ “บาปหรือ?...แล้วผู้ที่คิดสังหาร
เซียนหยางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สตรีผู้นี้ยามนอนหลับช่างไม่ต่างจากเด็กน้อยผู้หนึ่งต่างกันลิบลับกับตอนตื่นขึ้นช่างเป็นสตรีที่ไม่ควรจะเข้าใกล้จริง ๆ“ตายแล้วหรือ!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าวเขาพลางเดินไปตรงหน้าหยุดลงอยู่ข้าง ๆ เตียงจากนั้นจึงโน้มใบหน้าก้มมองใกล้ จู่ ๆ ภายในใจของเซียนหยางชินอ๋องก็รู้สึกพึงพอใจอยู่มากริมฝีปากอวบอิ่มจมูกรั้นจิ้มลิ้มหรือแพขนตางอนยาวนางเป็นตุ๊กตาผ้างั้นหรือ?ฮั่วซูเม่ยหลับสนิท แม้จะมีเสียงรบกวนทว่านางยังคงไม่ตื่นขึ้นมาดูเพียงส่งเสียงสะลึมสะลือราวกับละเมอเท่านั้น “อือ…”“…..”เซียนหยางเบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ ก่อนจะฉุดคิดไว้ตอนนี้ตนกำลังทำอันใดอยู่จึงดีดตัวยืนเหยียดหลังตรงพลางกระแอมไอเล็กน้อย “เจ้าไม่คิดจะตื่นจริง ๆ หรือ!”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยดังจากคราวก่อนทว่าไม่ถึงกลับดังเกินไปที่จะปลุกคนทั้งจวนตื่นขึ้นมาได้นางยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเรื่องเกิดเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วอายุครรภ์ของนางในตอนนี้อยู่ราว ๆ สักสี่เดือนเศษได้ แต่ทุกวันนี้ฮั่วซูเม่ยกลับมีนิสัยเกียจคร้านยิ่งนั้นเหมือนสตรีที่ใกล้คลอดแล้วยามกินก็กินจนหนังท้องตรึงพอยามหลับก็หลับลึกเสมือนว่าตา
ไม่จู่ ๆ เพราะเหตุใดในยามนี้เขามองนางอยู่ถึงมีภาพเหตุการณ์จากค่ำคืนนั้นทับซ้อนขึ้นมากัน เซียนหยางชินอ๋องไม่พร่ำพูดให้เสียเวลา เขาพลันถอนอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกทันที “ข้ามีเวลาไม่มากนักถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ” !!!! สีหน้าของนางย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ฮั่วซูเม่ยตกใจไม่คิดว่าวิธีพิสูจน์ของบุรุษผู้หรือจะหมายความว่าเช่นนี้ “ข้าท้องอยู่ตาบอดหรือไรกัน!” น้ำเสียงหวานตะโกนตอบ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ ทว่าฮั่วซูเม่ยกับนั่งแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับหรือลุกหนีจากไป สายตาของนางยังคงจับจ้องการกระทำของบุรุษตรงหน้าไม่วางตา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเซียนหยางพลันเปลือยเปล่าต่อหน้าสตรีผู้นี้โดนไร้ความเขินอาย “นี่อย่างไรข้ากำลังพิสูจน์” ตุบ!! “เจ้าคนลามก!” สุดท้ายแล้วความอดทนของนางก็ขาดผึงลง ฮั่วซูเม่ยคว้าหมอนโยนกระแทกใส่เซียนหยางด้วยความโมโห “ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!” มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นนางเดือดดาลโมโหแทบกระอักเลือดเช่นนี้เซียนหยางยิ่งนึกสนุก “ไฉนคุณหนูฮั่วยังไม่คุ้นชินอีก” เขาพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง “ค่ำคืนนั้นทั้งข้าและคุณหนูต่างเปลือยเปล่าทั้งคู่มิใช่
“กรี๊ดดดด….!!!”ฮั่วซูเม่ยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาในกายนางด้วยความคับแน่น“อ๊าาา….” น้ำเสียงทุ้มครางแหบพร่าเซียนหยางชินอ๋องกัดฟันกรอดด้วยความปวดหนึบแก่นกาย ไฉนเลยจะคิดว่านางถึงยังคับแน่นเพียงนี้คำตอบภายในใจของเขากระจ่างแจ้งแล้วน้ำเสียงหวานสั่นเครือ “หยุ…หยุดก่อน”สองมือของนางออกแรงดันสะโพกของบุรุษผู้นี้เอาไว้ไม่ให้ขยับ ฮั่วซูเม่ยหอบหายใจเฮือกอีกใจหนึ่งก็นึกหวาดกลัวว่าบุตรในครรภ์จะปลอดภัยหรือเซียนหยางเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไรจึงยังคงแน่นิ่ง“เจ้ารัดข้าแทบหายใจไม่ออก”ภายในโพลงสวาทอุ่นร้อนบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบตบะแตก เซียนหยางกัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าอดทนรอคอยให้สตรีใต้ร่างปรับตัวได้อีกสักนิดเขาเองก็เกรงว่าหากรุนแรงไปคงกระทบต่อเด็กในครรภ์ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด ตั้งแต่วันนั้นนางก็ไม่ได้ร่วมรักกับผู้ใดอีกเลยฮั่วซูเม่ยนึกแล้วก็โมโหบุรุษผู้นี้คอยดูเถอะหากโอกาสมาถึงเมื่อไหร่นางเอาคืนแน่!“ข้าจะทำเบา ๆ” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบกระซาบข้างใบหูขาวเนียนหลังจากนั้นจึงขบกัดเล็กน้อยฮั่วซูเม่ยผ
ฮั่วซูเม่ยเดินมาถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว สายตาของนางทอดมองเข้าไปข้างในด้วยความแข็งกร้าว มุมปากหยักยิ้มเยาะเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้ยินเสียงของพวกบ่าวรับใช้ซุบซิบนินทาเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปริปากบอกข้ากระมังว่ามีบุรุษมาสู่ขอน้องรองแล้วเสียงหัวเราะที่สะท้อนออกมาอย่างสนุกสนานนั้น ทำให้นางทำใจปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ“พี่ใหญ่!”“ซูเออร์!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮั่วซูเม่ยทำให้ผู้คนทั่วทั้งเรือนต่างยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจไม่น้อย เกรงว่านางคงไม่ได้มาที่นี้เพื่ออาละวาดใช่หรือไม่ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้าง “ไฉนถึงใจราวกับเห็นผีกันเล่า”“เอ่อ…” ภายในใจของฮั่วหลิงเฟยร้อนรนเกรงว่าสตรีตรงหน้านี้กำลังจะอาละวาดก่อเรื่องแน่ “หลิงเออร์คิดว่าพี่ใหญ่คงกำลังพักผ่อนจึงไม่อยากรบกวน”“รบกวนหรือ” ฮั่วซูเม่ยเลิกคิ้วถามกลับดวงตาเมล็ดซิ่งหลุมตาต่ำก้มมองหน้าท้องของต้นเอง “เรื่องยินดีปรีดาเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการรบกวน”นางหาได้ตาบอดหรือโง่งม…เพียงแค่ปรายตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะกีดกันนางให้ออกห่างจากฮั่วหลิงเฟยจวนสกุลฮั่วนับได้ว่าเป็นจวนสกุลขุนนางสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จนกระทั่งภายหลังที่
“กรี๊ดดดด….!!!”ฮั่วซูเม่ยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาในกายนางด้วยความคับแน่น“อ๊าาา….” น้ำเสียงทุ้มครางแหบพร่าเซียนหยางชินอ๋องกัดฟันกรอดด้วยความปวดหนึบแก่นกาย ไฉนเลยจะคิดว่านางถึงยังคับแน่นเพียงนี้คำตอบภายในใจของเขากระจ่างแจ้งแล้วน้ำเสียงหวานสั่นเครือ “หยุ…หยุดก่อน”สองมือของนางออกแรงดันสะโพกของบุรุษผู้นี้เอาไว้ไม่ให้ขยับ ฮั่วซูเม่ยหอบหายใจเฮือกอีกใจหนึ่งก็นึกหวาดกลัวว่าบุตรในครรภ์จะปลอดภัยหรือเซียนหยางเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไรจึงยังคงแน่นิ่ง“เจ้ารัดข้าแทบหายใจไม่ออก”ภายในโพลงสวาทอุ่นร้อนบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบตบะแตก เซียนหยางกัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าอดทนรอคอยให้สตรีใต้ร่างปรับตัวได้อีกสักนิดเขาเองก็เกรงว่าหากรุนแรงไปคงกระทบต่อเด็กในครรภ์ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด ตั้งแต่วันนั้นนางก็ไม่ได้ร่วมรักกับผู้ใดอีกเลยฮั่วซูเม่ยนึกแล้วก็โมโหบุรุษผู้นี้คอยดูเถอะหากโอกาสมาถึงเมื่อไหร่นางเอาคืนแน่!“ข้าจะทำเบา ๆ” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบกระซาบข้างใบหูขาวเนียนหลังจากนั้นจึงขบกัดเล็กน้อยฮั่วซูเม่ยผ
ไม่จู่ ๆ เพราะเหตุใดในยามนี้เขามองนางอยู่ถึงมีภาพเหตุการณ์จากค่ำคืนนั้นทับซ้อนขึ้นมากัน เซียนหยางชินอ๋องไม่พร่ำพูดให้เสียเวลา เขาพลันถอนอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกทันที “ข้ามีเวลาไม่มากนักถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ” !!!! สีหน้าของนางย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ฮั่วซูเม่ยตกใจไม่คิดว่าวิธีพิสูจน์ของบุรุษผู้หรือจะหมายความว่าเช่นนี้ “ข้าท้องอยู่ตาบอดหรือไรกัน!” น้ำเสียงหวานตะโกนตอบ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ ทว่าฮั่วซูเม่ยกับนั่งแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับหรือลุกหนีจากไป สายตาของนางยังคงจับจ้องการกระทำของบุรุษตรงหน้าไม่วางตา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเซียนหยางพลันเปลือยเปล่าต่อหน้าสตรีผู้นี้โดนไร้ความเขินอาย “นี่อย่างไรข้ากำลังพิสูจน์” ตุบ!! “เจ้าคนลามก!” สุดท้ายแล้วความอดทนของนางก็ขาดผึงลง ฮั่วซูเม่ยคว้าหมอนโยนกระแทกใส่เซียนหยางด้วยความโมโห “ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!” มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นนางเดือดดาลโมโหแทบกระอักเลือดเช่นนี้เซียนหยางยิ่งนึกสนุก “ไฉนคุณหนูฮั่วยังไม่คุ้นชินอีก” เขาพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง “ค่ำคืนนั้นทั้งข้าและคุณหนูต่างเปลือยเปล่าทั้งคู่มิใช่
เซียนหยางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สตรีผู้นี้ยามนอนหลับช่างไม่ต่างจากเด็กน้อยผู้หนึ่งต่างกันลิบลับกับตอนตื่นขึ้นช่างเป็นสตรีที่ไม่ควรจะเข้าใกล้จริง ๆ“ตายแล้วหรือ!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าวเขาพลางเดินไปตรงหน้าหยุดลงอยู่ข้าง ๆ เตียงจากนั้นจึงโน้มใบหน้าก้มมองใกล้ จู่ ๆ ภายในใจของเซียนหยางชินอ๋องก็รู้สึกพึงพอใจอยู่มากริมฝีปากอวบอิ่มจมูกรั้นจิ้มลิ้มหรือแพขนตางอนยาวนางเป็นตุ๊กตาผ้างั้นหรือ?ฮั่วซูเม่ยหลับสนิท แม้จะมีเสียงรบกวนทว่านางยังคงไม่ตื่นขึ้นมาดูเพียงส่งเสียงสะลึมสะลือราวกับละเมอเท่านั้น “อือ…”“…..”เซียนหยางเบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ ก่อนจะฉุดคิดไว้ตอนนี้ตนกำลังทำอันใดอยู่จึงดีดตัวยืนเหยียดหลังตรงพลางกระแอมไอเล็กน้อย “เจ้าไม่คิดจะตื่นจริง ๆ หรือ!”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยดังจากคราวก่อนทว่าไม่ถึงกลับดังเกินไปที่จะปลุกคนทั้งจวนตื่นขึ้นมาได้นางยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเรื่องเกิดเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วอายุครรภ์ของนางในตอนนี้อยู่ราว ๆ สักสี่เดือนเศษได้ แต่ทุกวันนี้ฮั่วซูเม่ยกลับมีนิสัยเกียจคร้านยิ่งนั้นเหมือนสตรีที่ใกล้คลอดแล้วยามกินก็กินจนหนังท้องตรึงพอยามหลับก็หลับลึกเสมือนว่าตา
ฮั่วซูเม่ยกะพริบตามองบุรุษตรงหน้าปริบ ๆ โดยไร้ความเกรงกลัวในขณะที่โทสะของเซียนหยางชินอ๋องนั้นเพิ่มขึ้นจนคับอก สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีเบื้องหน้าอย่างแข็งกร้าว มุมปากหนาพลันหยักยกขึ้นจากนั้นจึงยกมือขึ้นบีบลำคอนางทันทีอึก!“คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรือ” นัยน์ของเซียนหยางในยามนี้มิต่างจากสัตว์ป่าดุร้ายตนหนึ่งคนที่อวดดีเช่นนี้สมควรถูกสั่งสอนดวงตาจองนางเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจจนสีหน้าซีดเผือดลงทันที และด้วยสัญชาตญาณนางยกมือโอบกอดหน้าท้องของตนเองไว้ทว่ากับมิได้ขัดขืน“……”ฝ่ามือหนายิ่งออกแรงกดบีบมากเรื่อย ๆ เมื่อสตรีผู้นี้ยังเอาแต่จ้องเขม็งไม่ปริปากส่งเสียงวิงวอนเซียนหยางชินอ๋องเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่านางจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ “หึ! ใจกล้าอวดดีไม่น้อย”“เซียนหยางชินอ๋องเพคะ!”“……”เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เหลียวหลังมาตามเสียงจากนั้นจึงผ่อนแรงลงปล่อยมือออกจากลำคอของนาง“แค่ก ๆ แค่ก!” ทันทีที่เป็นอิสระฮั่วซูเม่ยสำลักน้ำลายสูดอากาศหายใจจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทว่าสายตาของยังคงจดจ้องบุรุษตรงหน้าไม่วางตา“เกรงว่าสวรรค์คงยังไม่รับคนบาปเช่นเจ้า”มุมปากของนางยกยิ้มเยาะ “บาปหรือ?...แล้วผู้ที่คิดสังหาร
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะหลิงเออร์”“จะให้ลูกใจเย็นอย่างไรกันท่านแม่!” ฮั่วหลิงเฟยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวไม่สู้ดีเหอฮูหยินเห็นสภาพของบุตรสาวโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้แล้ว คนเป็นมารดาเช่นนางปวดใจยิ่งนัก “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ย่อมต้องมีทางแก้ไขแน่”“แก้ไขหรือ…” ฮั่วหลิงเฟยหันมามองมารดาผ่านม่านน้ำตา “เรื่องนี้จะแก้ไขได้อย่างไรกัน”เห็นได้ชัดว่าฮั่วซูเม่ยจงใจแย่งชิงวาสนาของนาง!ตั้งแต่เกิดมาฮั่วหลิงเฟยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ ขอเพียงเอ่ยปากชี้นิ้วอยากได้อะไรย่อมได้ ภายในใจของนางในตอนนี้ย่อมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทั้งสิ้น“ขอแม่คิดก่อนหลิงเออร์” ฮั่วฮูหยินพลางโอบไหล่บุตรสาวไว้หลวม ๆ ท่าทางของนางราวกับคิดไม่ตกหากเป็นบุตรชายสักตระกูลไม่ว่านางเอ่ยปากญาติฝั่งใดย่อมมีผู้ช่วยเหลือได้แน่ทว่าคนผู้นี้กับมีฐานะเป็นถึงชินอ๋อง นางมองไม่เห็นหนทางเลยฮั่วหลิงเฟยมองมารดานิ่ง ๆ ด้วยความคาดหวังตอนนี้ภายในใจของนางร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุมอยู่ในอก เกรงว่าวาสนาที่นางกำลังตั้งตาเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีจะถูกช่วงชิงไปในชั่วพริบตาแก้ไขไม่ทันนางโมโหมากจริง ๆแล้วยิ่งแม่สื่อมากมายผู้นั้นเล่นป่าวประกาศไปทั่ว
เช้าวันรุ่งขึ้นฮั่วซูเม่ยตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้านปนเหนื่อยล้าไปทั่วทั้งร่าง นางสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาดปักลวดลายเล็กน้อยประดับอย่างประณีตอีกทั้งยังรวบเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสูงเฉกเช่นกับสตรีออกเรือนแล้วฮั่วซูเม่ยปล่อยให้พวกสาวใช้จัดการได้อย่างตามใจ เพียงแต่การแต่งแต้มใบหน้านั้นนางเป็นคนลงมือจัดการเองอารมณ์วันนี้ของนางเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดพวกสาวใช้ที่อยู่บริเวณในห้องนั้นเห็นท่าทางของคุณใหญ่แล้วก็ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความเกรงกลัว ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นคุณหนูใหญ่อารมณ์ดีเช่นนี้“มีเรื่องยินดีอันใดหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้หญิงใจกล้าเปิดปากถามออกไปฮั่วซูเม่นเหลียวมอง “ข้ายิ้มไม่ได้หรือ” นางเอียงคอเลิกคิ้วถามก่อนจะยกมือลูบท้องของตนเอง “หากมารดาอารมณ์ดีบุตรในท้องก็อารมณ์ดีด้วยมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ผู้นั้นพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ถึงแม้ภายในใจจะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องอันใดก็ตาม นางพอปะติดปะต่อได้ว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่คุณใหญ่ยกเลิกงานหมั้นหมายจองคุณหนูรองเป็นแน่แม้ทั้งคู่จะเป็นพี่น้องร่วมบิดากันแล้วอย่างไรคุณหนูใหญ่ดันเกิดก่อนคุณหนูรองที่มีมารดาเป็นฮูหยินเอกมีผู้ใดบ้างจะพึงพอใจยอมรั
“ถอยออกไปให้ห่างก่อนที่ข้าจะโมโห”เซียนหยางชินอ๋องเพ่งมองสตรีใต้ร่าง ดวงตาสีดำคมกริบในยามนี้ดูลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ฤทธิ์ของสุราแรงที่ดื่มเข้านั้นยิ่งทำให้เขาขาดสติ แล้วยิ่งมีสตรีงามอยู่ตรงหน้าอีกเขาเองก็หาใช่ก้อนหินแข็งทื่อ“ดอกไม้งามอยู่ในมือแล้วไฉนถึงต้องปล่อยไปโดยไม่ทันได้สูดดมเล่า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างใบหูของนาง พร้อมกันโน้มใบหน้าสูดดมความหอมจากซอกคอพอได้ยินประโยคนี้พร้อมกับการกระทำที่ล่วงเกิน ฮั่วซูเม่ยไม่อาจสามารถอดทนใจเย็นได้อีกเลย“เจ้าคนมักมาก!”ตุบ!! ตุบ!นางเองก็พอมีแรงอยู่บ้างจึงทำการทุบตีบุรุษร่างโตตรงหน้าที่คร่อมทาบทับไว้ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นั้นงุนงงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว“ข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตายอยู่ในนี้ผู้เดียว”สถานที่แห่งนี้แม้ภายนอกบรรยากาศจะหนาวเหน็บเย็นสะท้านเข้ากระดูกแล้วอย่างไร ทว่าภายในกลับร้อนระอุราวกับกำลังถูกแผดเผาให้มอดไหม้นั่นคือโรงเตี๊ยมไป๋ชานและนางคือนายหญิงของที่นี่ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องใดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนางฮั่วซูเม่ยปรายตามองบุรุษผู้นั้นความเกรี้ยวกราด แม้ภายในห้องจะมืดสนิททว่ายังคงมีแสงจั
ฮั่วซูเม่ยเดินมาถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว สายตาของนางทอดมองเข้าไปข้างในด้วยความแข็งกร้าว มุมปากหยักยิ้มเยาะเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้ยินเสียงของพวกบ่าวรับใช้ซุบซิบนินทาเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปริปากบอกข้ากระมังว่ามีบุรุษมาสู่ขอน้องรองแล้วเสียงหัวเราะที่สะท้อนออกมาอย่างสนุกสนานนั้น ทำให้นางทำใจปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ“พี่ใหญ่!”“ซูเออร์!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮั่วซูเม่ยทำให้ผู้คนทั่วทั้งเรือนต่างยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจไม่น้อย เกรงว่านางคงไม่ได้มาที่นี้เพื่ออาละวาดใช่หรือไม่ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้าง “ไฉนถึงใจราวกับเห็นผีกันเล่า”“เอ่อ…” ภายในใจของฮั่วหลิงเฟยร้อนรนเกรงว่าสตรีตรงหน้านี้กำลังจะอาละวาดก่อเรื่องแน่ “หลิงเออร์คิดว่าพี่ใหญ่คงกำลังพักผ่อนจึงไม่อยากรบกวน”“รบกวนหรือ” ฮั่วซูเม่ยเลิกคิ้วถามกลับดวงตาเมล็ดซิ่งหลุมตาต่ำก้มมองหน้าท้องของต้นเอง “เรื่องยินดีปรีดาเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการรบกวน”นางหาได้ตาบอดหรือโง่งม…เพียงแค่ปรายตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะกีดกันนางให้ออกห่างจากฮั่วหลิงเฟยจวนสกุลฮั่วนับได้ว่าเป็นจวนสกุลขุนนางสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จนกระทั่งภายหลังที่