Share

CHAPTER 4 เสียงจากลำโพงที่ไร้ตัวตน

last update Last Updated: 2025-05-28 19:00:46

“อย่า…แตะ…กระจก…”

เสียงนั้นดังมาจากข้างในตู้ปลา ทุกคนต่างได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่มีใครในลอบบี้แน่ใจว่าตัวเองได้ยินจริงหรือเพียงแค่จินตนาการไปเอง มันไม่ใช่เสียงที่ผ่านอากาศมาเข้าใบหู แต่มันเหมือนกับว่าสั่นอยู่ในเส้นประสาท เป็นเหมือนเสียงที่ถูกกระซิบขึ้นในหัวสมองของทุกคน

มิกิถอยหลังโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจกลัว เธอสะดุดเก้าอี้และทรุดนั่งลงไปบนพื้น ข้างๆ โทรศัพท์มือถือที่พังไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งหน้าจอของมือถือเครื่องนั้นเหมือนจะส่องแสงสว่างวาบเป็นครั้งสุดท้าย แล้วแสดงภาพย้อนกลับอย่างรวดเร็วของการถ่ายรูปก่อนหน้านี้ เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่หน้าจอจะดับสนิท เหมือนไม่เคยเปิดเครื่องมาก่อน

“มีบางอย่างอยู่ในนี้จริงๆ สินะ” เธอพึมพำ เสียงสั่น ใบหน้าซีดไร้สีเลือด เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว

จากนั้นเสียงจากลำโพงก็กลับมา แต่คราวนี้… มันไม่เหมือนเดิม

“WELCOME TO LUCID OCEAN. คุณคือผู้ถูกเลือกทั้ง 12 คน เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ หรือท้ายที่สุดอาจกลายเป็นสิ่งที่ถูกเฝ้าสังเกตเสียเอง...

เสียงที่ดังขึ้นในประกาศจากลำโพง ไม่ใช่เสียงมนุษย์ มันเหมือนเสียงสังเคราะห์… แต่มันไม่ใช่เสียงจาก AI ธรรมดาทั่วไป มันฟังดูคล้ายกับว่ามีอารมณ์แฝงอยู่ อารมณ์ที่มนุษย์ทั้งหลายพึงมี ซึ่งมันแตกต่างจากเอไอปกติทั่วไปที่เราจะฟังออกในทันทีว่ามันถูกสังเคราะห์ขึ้นมา แต่เสียงประกาศในครั้งนี้เหมือนกับว่ามีคนกำลังพูดผ่านไมโครโฟนในห้องกระจายเสียงอยู่

“ระบบจะทำการประกาศกฎเหล็กทั้ง 13 ข้ออีกครั้ง!! ณ บัดนี้ กรุณารับฟังอย่างตั้งใจ เพราะคุณจะไม่มีโอกาสได้ยินมันอีก ย้!! นี่คือการประกาศกฎเหล็กครั้งสุดท้าย

ห้องทั้งห้องมืดลง เว้นแต่แสงจากตู้ปลาข้างหนึ่งที่เรืองขึ้น ภาพที่ฉายบนกระจกตู้ไม่ใช่น้ำ… แต่เป็นข้อความยาวเหยียด

มันคือกฎทั้ง 13 ข้อ ที่กำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำอย่างช้า ๆ

ห้ามแตะกระจก

ห้ามให้อาหารปลา

ห้ามพูดชื่อสัตว์ด้วยเสียงดัง

ห้ามเดินย้อนกลับไปทางเดิม

ห้ามมองตู้ที่ว่างเปล่า

ห้ามถ่ายภาพ / วิดีโอ

ห้ามถามถึงอดีต

ห้ามอยู่คนเดียว

ห้ามเปิดประตูที่ปิดไว้

ห้ามพูดถึงโลกภายนอก

ห้ามสัมผัสน้ำในตู้ปลา

ห้ามอ่านข้อความบนกระจก

ห้ามท้าทายกฎ

เมื่อกฎข้อสุดท้ายหายไปจากผิวน้ำ ไฟในลอบบี้ก็กลับคืนมาพร้อมกับประโยคใหม่จากลำโพง “กฎ = ระบบ ระบบ = การอยู่รอด การอยู่รอด = การยอมรับ จงอย่าตั้งคำถามกับสิ่งที่ได้ยิน… เพราะมันคือจิตใต้สำนึกของพวกคุณเอง”

ทุกคนในห้องนิ่งงัน แม้แต่มิกิที่เคยเถียงตลอดก็ไม่พูดอะไรออกมา ยิ่งฟังคำที่ลำโพงประกาศออกมาเมื่อครู่ ยิ่งสร้างความสับสนให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่ามันยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ทุกคนงงไปตามๆ กัน จับใจความอะไรแทบไม่ได้

กวินหันไปมองอาริษา “เมื่อกี้… มันหมายความว่าไง?”

“มันไม่ได้พูดกับพวกเราทั้งหมด” เธอกล่าว “มันพูดกับจิตใต้สำนึกของแต่ละคนมากกว่า”

“ฉันเคยได้ยินมาว่าระบบของที่นี่คือสิ่งเดียวที่รู้จักตัวตนของคุณจริงๆ” แพรวากล่าวเบาๆ “ทั้งที่เราอาจจะยังไม่ได้พูดถึงเรื่องราวของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว”

สิ้นคำพูดของแพรวา สิ่งที่เหมือนโปรเจกเตอร์ที่ฝังอยู่ในเพดานเริ่มเคลื่อนตัวห้อยลงมา แล้วฉายภาพขึ้นกลางลอบบี้

ภาพวิดีโอคลิปสั้นๆ ความยาวไม่ถึง 30 วินาที มันเป็นภาพเคลื่อนไหวของแต่ละคน ทั้งสิบสองคนมีคลิปของตัวเองแสดงอยู่บนนั้น มันกำลังฉายภาพความลับบางอย่างที่ทุกคนปกปิดเอาไว้ ไม่มีใครเคยรับรู้มาก่อน ตัวอย่างเช่นภาพที่มิกิกำลังแอบร้องไห้ในห้องน้ำระหว่างที่ไปออกกองถ่ายคลิปรีวิว หรือบูมหนุ่มนักธุรกิจที่ภาพลักษณ์ดูมีฐานะ แต่แอบลักลอบขโมยของจากกระเป๋าของพี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือแม้กระทั่งหมอกหญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งเผาใบรับรองแพทย์ของลูกสาวตัวเอง

ภาพเหล่านั้นเป็นความลับ ไม่เคยถูกเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน ไม่เคยหลุดออกมาสู่สายตาสาธารณะ และไม่ควรมีใครได้เห็น แต่ตอนนี้ระบบของอควาเรียมแห่งนี้รู้ และมันกำลังแสดงให้ทุกคนเห็นว่ามันรู้ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่ทุกคนปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด สำหรับมันไม่มีเรื่องไหนเป็นความลับอีกต่อไป

“มันไม่ได้กำลังทดสอบเราแค่เรื่องที่ต้องเชื่อฟังกฎเท่านั้น แต่มันกำลังทดสอบความเปราะบางของจิตใจแต่ละคนด้วย” อิฐอธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง

แพรวาเงียบไปครู่หนึ่ง “ใครก็ตามที่สร้างที่นี่ขึ้นมา… เขาไม่ได้อยากให้เรารอด เขาแค่อยากดูว่าเราจะแตกสลายยังไงมากกว่า”

เสียงประกาศจากลำโพงดังขึ้นอีกครั้งในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน แต่ครั้งนี้มันเบาลงมาก ราวกับว่าเป็นเสียงกระซิบจากเบื้องลึกของหัวใจมากกว่า

“กฎข้อแรกเริ่มแล้ว กระจก… ต้องไม่ถูกแตะอีก ถ้ามีใครสัมผัสมันอีก… คุณจะได้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ว่ามันคืออะไร”

เคร้ง!!

ไฟในห้องดับพรึ่บลงอีกครั้ง มีเสียงกระจกแตกร้าวดังขึ้นเบาๆ จากมุมใกล้ที่สุด ทุกคนสะดุ้งตกใจแล้วหันมองไปตามทางที่เกิดเสียง กวินพยายามเพ่งสายตามองไปที่จุดนั้น แต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยสักคนเดียว แต่มีกระจกบานหนึ่งปรากฏรอยร้าวและมีรอยนิ้วมือเปียกน้ำทาบไว้ ทั้งที่ไม่มีใครเดินผ่าน ไม่มีใครเข้าไปแตะ และไม่มีใครสักคนที่ตัวเปียก...

แล้วรอยนิ้วมือนั้นมันเป็นของใครกัน?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม   CHAPTER 6 เสียงกระซิบใต้น้ำ

    หลังจากเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับพลอย และรอยร้าวรูปใยแมงมุมที่ยังคงปรากฏอยู่บนบานกระจกของตู้ปลาขนาดใหญ่นั้น สมาชิกที่เหลือทั้งสิบเอ็ดคนที่เหลืออยู่ในลอบบี้อย่างเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดถึงเธออีก ด้วยกลัวว่าจะโดนผลกระทบไปด้วยหากเข้าไปยุ่งกับพลอย เหมือนกับว่าถ้ามีใครสักคนพูดถึงคนที่ละเมิดกฎเหล็กและกำลังจะถูกลงโทษอาจเป็นการเชื้อเชิญความสูญเสียเหล่านั้นมาสู่ตนเองด้วยทุกคนถอยห่างออกจากพลอย แยกย้ายกันไปหาพื้นที่ให้กับตนเอง ทิ้งพลอยให้ตกอยู่กับความหวาดกลัวเพียงคนเดียว แม้ว่ากวินและแพรวาจะแสดงออกถึงความเป็นห่วงพลอยอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขามีความกังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่จะต้องอยู่ใกล้พลอย ทำให้ในตอนนี้แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปหามุมพักผ่อนให้กับตัวเองเจมส์นั่งอยู่ตรงมุมห้อง ใกล้กับตู้กระจกที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ข้างใน เขาเป็นชายหนุ่มเงียบขรึมในเสื้อฮู้ดสีดำ ข้อมือเต็มไปด้วยรอยสักรูปเรขาคณิต เขาไม่ค่อยพูดตั้งแต่เข้ามาที่นี่ มักจะอยู่ในมุมเงียบๆ คนเดียว จนหลายคนในกลุ่มยังจำหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาแทบไม่มีตัวตนในสายตาของใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแอบทำมาโดยตลอดนั่นก็คือก

  • วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม   CHAPTER 7 ประวัติที่ไม่มีใครบันทึก

    สิ้นเสียงประกาศจากอควาเรียม ทุกอย่างนิ่งเงียบ พร้อมกับใบหน้าที่ตึงเครียดของทุกคน แววตาตัดสินจ้องมองมาที่เจมส์เป็นตาเดียว ราวกับพยายามจะตำหนิว่าเขาเป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่รองจากพลอย แต่เจมส์ก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาพวกนั้น เพราะในหัวของเขายังคงเฝ้านึกถึงแต่คำพูดของเสียงกระซิบนั้นที่เพิ่งจะบอกเขาว่าไม่ต้องกลัวเสียงจากระบบ แต่ให้กลัวสิ่งที่อยู่ข้างหลังระบบมากกว่า หมายความว่ายังไงกันแน่? เขาคิดตาม ไหนจะประโยคที่บอกว่าเขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงสักเท่าไหร่ เพราะเขามั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นว่าไม่เคยมาที่นี่แน่นอน แต่ความรู้สึกคุ้นเคยกับความทรงจำที่โผล่เข้ามาในหัวเมื่อครู่ก็เริ่มทำให้เขาสับสนไม่น้อย ทั้งภาพการจมอยู่ใต้น้ำข้างในตู้กระจกนั้น และก

  • วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม   CHAPTER 5 ห้องกระจก

    ภาพบานกระจกแตกและมีรอยฝ่ามือเปียกปริศนานั้นทำเอาทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างนิ่งอึ้ง ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ไม่มีใครพูดหรือส่งเสียงอันใดออกมาแม้แต่นิดเดียว ความเงียบในตอนนี้หนักกว่าทุกเสียงที่ได้ยินมาก่อนหน้า มันเงียบสนิทชนิดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคนได้อย่างชัดเจนรอยนิ้วมือเปียกน้ำบนผนังกระจกยังคงอยู่ดังเดิม มันไม่มีทีท่าว่าจะเหือดแห้งหายไปเลยสักนิด ทั้งที่ในความเป็นจริงหากเป็นร่องรอยความชื้นของฝ่ามือมนุษย์ทั่วไป ความชื้นเหล่านั้นคงจะเริ่มทยอยระเหยไปบ้างได้แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปพลอยผู้ยืนอยู่ใกล้ตู้ปลานั้น เด็กหญิงหน้าตาเรียบร้อยในชุดนักศึกษา เธอไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เข้ามาในที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้… เธอกำลังเพ่งมองเงาบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในตู้ปลาที่อยู่ใกล้ๆ เธอ มันเหมือนกับว่าเธอเคยรู้จักมันมาก่อนมันดูคุ้นตามาก เพียงแต่เธอนึกไม่ออกว่าเคยเห็นมันมาจากที่ไหน ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ เธอจ้องมมองมันนิ่ง ไม่ส่งเสียงใด แต่แววตาของเธอมันเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังหลงใหลกับภาพตรงหน้าไม่น้อย“พลอย&helli

  • วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม   CHAPTER 4 เสียงจากลำโพงที่ไร้ตัวตน

    “อย่า…แตะ…กระจก…”เสียงนั้นดังมาจากข้างในตู้ปลา ทุกคนต่างได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่มีใครในลอบบี้แน่ใจว่าตัวเองได้ยินจริงหรือเพียงแค่จินตนาการไปเอง มันไม่ใช่เสียงที่ผ่านอากาศมาเข้าใบหู แต่มันเหมือนกับว่าสั่นอยู่ในเส้นประสาท เป็นเหมือนเสียงที่ถูกกระซิบขึ้นในหัวสมองของทุกคนมิกิถอยหลังโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจกลัว เธอสะดุดเก้าอี้และทรุดนั่งลงไปบนพื้น ข้างๆ โทรศัพท์มือถือที่พังไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งหน้าจอของมือถือเครื่องนั้นเหมือนจะส่องแสงสว่างวาบเป็นครั้งสุดท้าย แล้วแสดงภาพย้อนกลับอย่างรวดเร็วของการถ่ายรูปก่อนหน้านี้ เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่หน้าจอจะดับสนิท เหมือนไม่เคยเปิดเครื่องมาก่อน“มีบางอย่างอยู่ในนี้จริงๆ สินะ” เธอพึมพำ เสียงสั่น ใบหน้าซีดไร้สีเลือด เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวจากนั้นเสียงจากลำโพงก็กลับมา แต่คราวนี้… มันไม่เหมือนเดิม“WELCOME TO LUCID OCEAN. คุณคือผู้ถูกเลือกทั้ง 12 คน เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ หรือท้ายที่สุดอาจกลายเป็นสิ่งที่ถูกเฝ้าสังเกตเสียเอง...”เสียงที่ดังขึ้นในปร

  • วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม   CHAPTER 3 ลอบบี้ที่ไม่มีทางออก

    ถ้าลอบบี้คือห้องรับรอง มันก็คือห้องรับรองที่ไม่ได้อยากจะต้อนรับใครเลย บรรยากาศโดยรอบดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก อุณหภูมิภายในนั้นก็ลดลงทุกนาที กระจกที่ควรโปร่งใสกลับสะท้อนภาพภายในห้องซ้อนทับกับเงาของใครบางคนที่ไม่น่าจะอยู่ตรงนั้นขึ้นมาแม้จะไม่มีเสียงประกาศใดอีกจากลำโพง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดดังเกินไปกว่าระดับเสียงที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเสียงกระซิบแล้ว‘เรากำลังติดอยู่ในกับดัก’กวินคิดในใจ ขณะมองไปรอบห้องอีกครั้งอย่างพิจารณาไฟฟ้าติดอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้ยินเสียงเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังทำงานเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเงียบสนิท ผนังแต่ละด้านคือกระจกทึบ มองออกไปข้างนอกไม่ได้ และเพดานก็สูงเกินไปกว่าที่จะสังเกตเห็นว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหนบ้างแต่สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้เหมือนกันนั่นก็คือ มีบางอย่างในที่นี้… กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่อย่างไม่วางตา แน่นอนว่าไม่ใช่จากกล้องวงจรปิด แต่จาก บางอย่าง ที่กำลังปิดบังตัวตนจากพวกเขาทุกคน แม้จะไม่เห็นตัวตนของมัน แต่พลังงานการมีอยู่ส่งตรงมาถึงพวกเขาทุกคนได้อย่างชัดเจน“ฉันจะกลับบ้าน” เสียงหญิงวัยกลางคนที่ชื่อหมอกดังขึ้น เธอค่อยๆ เดินตรงไปที่ประตูทางเข้าทั

  • วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม   CHAPTER 2 แขกที่ถูกเลือก

    สิ่งแรกที่กวินรู้ตัวหลังเสียงประกาศจบลงคือ… ในห้องลอบบี้เงียบสนิท ชนิดที่ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจของใครสักคนให้ได้ยิน แม้จะมีมนุษย์จำนวนสิบสองคนอยู่ภายในนั้นก็ตามทุกคนเงียบ ไม่ใช่เพราะเข้าใจ แต่เพราะไม่มีใครรู้จะถามคำถามไหนก่อนดี บรรยากาศรอบตัวมันหนาวเย็นราวกับอุณหภูมิลดลงเฉียบพลัน หรือแท้จริงแล้วอาจจะเป็นพลังงานอะไรบางอย่างที่กำลังก่อตัวหลังจากที่บานประตูของสถานที่แห่งนี้ถูกล็อกก็เป็นได้“เอาล่ะ…” เสียงผู้หญิงในชุดสูทแดงดังขึ้น ทำลายความเงียบอย่างตั้งใจ เธอลุกขึ้นแล้วก้าวช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงด้านหน้ากลางโต๊ะกลมที่มีหมายเลขประทับไว้ “อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เพราะฉันรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่อควาเรียมเปิดใหม่ธรรมดา ฉันจึงตัดสินใจมาที่นี่ตามคำเชิญ”สายตาทุกคู่หันไปหาเธอทันที หลังจากที่เธอกล่าวจบในทีแรก เธอจ้องมองทุกคนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกล่าวต่อ “มันเคยถูกสร้างไว้เพื่อการทดลองเมื่อสิบปีก่อน และหายไปจากทุกฐานข้อมูลหลังเกิดเหตุทีมนักวิจัยทั้งหมดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”ชายหนุ่มที่ดูเป็นพนักงานส่งของหัวเราะหึออกมาทันที “พี่ครับ! นี่มัน 2025 แล้วนะพี่!! ยังเชื่อไอ้เรื่องทฤษฎีสมคบคิดอะไรพวกน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status