เสียงกรีดร้องของพลอยยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน รอยไหม้รูปทรงแปลกประหลาดบนฝ่ามือของเธอเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ากฎ 13 ข้อที่ถูกประกาศไปนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และการละเมิดมันนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง บรรยากาศภายในอควาเรียมไตรตันยิ่งทวีความหนาวเหน็บและความตึงเครียดขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
“พลอย! เธอโอเคไหม!” กวินรีบประคองพลอยที่ทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
ใบหน้าของพลอยซีดเผือด น้ำตาคลอเบ้า “มันร้อนมากกวิน... มันเหมือนมีอะไรบางอย่างฝังลงไปในมือฉันเลย” เธอบอกด้วยเสียงสั่นเครือ
แพรวารีบเข้ามาดูอาการของพลอยทันที เธอตรวจดูรอยไหม้ที่เหมือนรอยตราประทับนั้นด้วยความตกใจ “มันไม่ใช่แค่รอยไหม้ธรรมดา มันดูเหมือน... มีชีวิต” แพรวาพึมพำ
เจมส์ที่เคยแสดงท่าทีไม่เชื่อและหงุดหงิดเมื่อครู่ บัดนี้ยืนนิ่งเป็นอัมพาต ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองมือของพลอย
เขาเป็นคนแรกที่ละเมิดกฎข้อนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับพลอยก็เป็นเหมือนภาพสะท้อนที่ชัดเจนของผลลัพธ์ที่เขาได้รับ เขานึกย้อนไปถึงภาพหลอนที่เห็นตัวเองจมน้ำในตู้ปลา และเสียงกระซิบที่เริ่มหลอกหลอนเขาตั้งแต่นั้นมา แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้ เพราะกลัวพูดไปแล้วจะไม่มีใครเชื่อ
“จริงๆ ฉัน... ฉันเป็นคนแรกที่แตะกระจกนั่น...” เสียงของเจมส์สั่นเครือ ราวกับเพิ่งตระหนักถึงความร้ายแรงของสิ่งที่ได้ทำลงไป
“แล้วทำไมนายถึงไม่เป็นอะไรเลย?” กวินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คือ... หลังจากที่ฉันแตะกระจกของตู้ปลา ฉันก็เห็นภาพที่ฉันจมน้ำสะท้อนออกมาจากกระจกนั่น แล้วก็มีเสียงกระซิบดังให้ฉันได้ยินอยู่ตลอด แต่ฉันไม่กล้าเล่าให้ฟัง.... คือ... ฉันไม่อยากกลายเป็นคนแรกที่ทำผิดกฎน่ะ”
มิกิเก็บกล้องมือถือลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนจากความตื่นเต้นที่จะทำคอนเทนต์เป็นความหวาดกลัวอย่างแท้จริง “โอ้มายก๊อด! นี่มันของจริงนี่หว่า!” เธอพึมพำกับต้น
“ผมบอกแล้วว่ามันไม่ธรรมดา” ต้นตอบกลับ น้ำเสียงจริงจัง แววตาของเขาจับจ้องไปที่รอยไหม้บนมือของพลอยราวกับจะบันทึกทุกรายละเอียดไว้ในความทรงจำ เขาหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเริ่มจดสิ่งที่เห็นลงไปอย่างรวดเร็ว แม้จะถ่ายภาพไม่ได้ แต่เขาก็จะเก็บข้อมูลด้วยวิธีอื่น
อิฐยังคงยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่ดวงตาฉายแววครุ่นคิด เขามองไปที่รอยไหม้ของพลอย สลับกับมองไปที่ตู้ปลาขนาดเล็กที่ส่องแสงสีเขียวมรกตเมื่อครู่ เขาเชื่อว่ารอยตราประทับนั้นมีความหมายบางอย่างที่เชื่อมโยงกับพลังงานของอควาเรียม และอาจเป็นผลจากการทดลองที่เกิดขึ้นในอดีต
เห้อ~!
ลุงแดงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับรอยประทับที่เคยเกิดขึ้นกับคนงานบางคนในอดีต ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากมีรอยแปลกๆ ปรากฏบนร่างกาย “มันเริ่มแล้วสินะ...” ลุงแดงพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ฟ้าเดินเข้าไปใกล้พลอย เธอยื่นมือออกไปเหนือรอยไหม้บนฝ่ามือของพลอย หลับตาลงช้าๆ พลังงานบางอย่างเริ่มแผ่ออกมาจากตัวฟ้า “ฉันรู้สึก... ถึงความเจ็บปวดและความสับสนของเธอ” ฟ้ารู้สึกถึงพลังงานแปลกๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในรอยไหม้นั้น “มันไม่ใช่แค่รอยไหม้... แต่มันกำลังเติบโต”
“เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!” กวินตัดสินใจ เขาพยุงพลอยให้ลุกขึ้น “เราไม่รู้ว่าหากเผลอละเมิดกฎข้อที่เหลือ ผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน” เขาหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่แยแสต่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้น “คุณ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
เจ้าหน้าที่เงยหน้าขึ้นช้าๆ แววตาที่เคยว่างเปล่า บัดนี้ดูเหมือนจะมีประกายบางอย่างที่วูบไหว แต่ก็เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น “กฎ... คือสิ่งเดียวที่นำทางท่าน” เขาพูดซ้ำประโยคเดิม ก่อนจะผายมือไปทางโถงทางเดินที่ทอดยาวไปสู่โซนอื่น “การสำรวจคือการเรียนรู้”
คำพูดของเจ้าหน้าที่ทำให้ทุกคนชะงัก ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามดิ้นรนแค่ไหน ทางเดียวที่จะไปต่อคือการทำตามกฎของอควาเรียมแห่งนี้
กวินมองหน้าเพื่อนๆ “เราต้องไปต่อสินะ” เขากล่าวเสียงหนักแน่น “เราจะหาวิธีออกจากที่นี่ให้ได้” เขาเดินนำไปข้างหน้า แพรวา มิกิ ต้น และคนอื่นๆ เดินตามไปอย่างไม่เต็มใจนัก มีเพียงอิฐกับลุงแดงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินตามไปอย่างเงียบๆ
พวกเขาเดินลึกเข้าไปในอควาเรียม ท่ามกลางตู้ปลาขนาดยักษ์ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง แสงไฟที่ส่องสว่างออกมาจากตู้ปลาแต่ละตู้มีสีสันแตกต่างกันไป สร้างบรรยากาศที่สวยงาม แต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่าขนลุก เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ผสมกับเสียงกระซิบที่บางครั้งก็ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา บางครั้งก็ดูเหมือนจะหัวเราะเยาะ
โซนปะการัง
ป้ายไฟเหนือตู้ปลาขนาดใหญ่ระบุไว้ แสงสีส้มและสีชมพูอ่อนๆ ส่องสว่างออกมาจากภายใน เผยให้เห็นแนวปะการังสีสันสดใส และฝูงปลาตัวเล็กๆ ที่ว่ายวนอยู่ท่ามกลางหมู่ปะการัง แต่ก็มีบางสิ่งที่ดูผิดปกติ สิ่งมีชีวิตบางชนิดดูบิดเบี้ยวผิดรูปไปจากธรรมชาติ หรือมีแสงเรืองรองที่ผิดปกติ
ขณะที่ทุกคนกำลังสำรวจโซนปะการัง เจมส์เริ่มแสดงอาการแปลกๆ มากขึ้น เขาเดินไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ตู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยปะการังสีแดงฉาน และมีปลาแปลกๆ ที่มีดวงตาสีแดงฉานว่ายวนอยู่ภายใน
“เสียง... เสียงมันดังขึ้น...” เจมส์พึมพำ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาหันไปมองรอบๆ ราวกับจะหาต้นตอของเสียงนั้น “พวกนายไม่ได้ยินเหรอ? มันกำลังเรียกชื่อฉัน!”
กวินและแพรวาเดินเข้ามาหาเจมส์ “เจมส์ นายเป็นอะไร? นายได้ยินเสียงอะไร?” กวินถามด้วยความเป็นห่วง
“เสียงกระซิบ... มันบอกว่า... ‘มาสิ... มากับเรา...’” เจมส์ตอบด้วยเสียงสั่นเครือ ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ “มันกำลังบอกว่า... ‘นายคือหนึ่งในเรา...’”
ดวงตาของเจมส์เริ่มแดงก่ำ เส้นเลือดฝอยปูดโปนออกมาตามผิวหนังที่ซีดเผือดของเขา ร่างกายของเขาเริ่มมีอาการคล้ายคนขาดน้ำ ท่าทางของเขาดูหวาดระแวง และเขามักจะหันไปมองตู้ปลาอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังตามเขาอยู่ “ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ... มันกำลังเข้ามาหาฉัน...”
มิกิรีบหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง เธอแอบถ่ายคลิปเจมส์ไว้ แม้จะถูกเตือนเรื่องกฎข้อ 6 แต่เธอเชื่อว่าอาการของเจมส์คือหลักฐานสำคัญที่ต้องบันทึกไว้ เธอพยายามซ่อนมือถือไม่ให้เจ้าหน้าที่เห็น
‘นี่มันน่ากลัวกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย!’ เธอคิดในใจ
ต้นมองเจมส์ด้วยความกังวล เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของเจมส์เริ่มมีประกายแปลกๆ คล้ายกับดวงตาของปลาบางชนิดที่เขามองเห็นในตู้ “นี่คือผลจากการละเมิดกฎข้อที่ 1 อย่างนั้นเหรอ...” ต้นพึมพำกับตัวเอง “การแตะกระจก... ทำให้เจมส์เริ่มกลายเป็นอะไรบางอย่าง” เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ห้ามเจมส์ให้ดีพอ
อิฐเดินเข้ามาใกล้เจมส์มากขึ้น เขายื่นมือออกไปสัมผัสหน้าผากของเจมส์เบาๆ “นายรู้สึกเย็นๆ ไหม?” อิฐถาม “เหมือนมีบางอย่างกำลังไหลเวียนอยู่ในตัวนาย”
เจมส์สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันมามองอิฐด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “นายรู้... นายรู้อะไรบางอย่างใช่มั้ย?” เจมส์ถามเสียงหอบ
“โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่สามารถอธิบายได้” ลุงแดงกล่าวแทรกเสียงเรียบ เขามองไปที่เจมส์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ราวกับว่าเขารู้ว่าเจมส์กำลังเผชิญหน้ากับอะไร
ฟ้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แข็งแกร่งและมืดมิดที่พุ่งออกมาจากตัวเจมส์ มันเป็นพลังงานที่แตกต่างจากของพลอย พลังงานของเจมส์ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับน้ำและความมืดมากกว่ารอยประทับ เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังที่แผ่ออกมาจากเจมส์อย่างชัดเจน “เขาเหมือนกำลังถูกดูดกลืน” ฟ้าพึมพำ
แพรวายื่นมือไปจับไหล่ของเจมส์ “เจมส์ นายต้องเข้มแข็งไว้นะ” เธอบอก น้ำเสียงปลอบโยน แต่ในใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอเริ่มตระหนักแล้วว่าเกมนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การละเมิดกฎ แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับผู้ที่ฝ่าฝืน
กวินมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ที่เจมส์ยืนอยู่ใกล้ๆ เขานึกถึงคำบอกเล่าของเจมส์ที่พูดถึงภาพหลอนและอาการหวาดระแวง เขารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจมส์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหายนะที่กำลังจะมาถึง “เราต้องหาทางช่วยเจมส์” กวินบอก “และเราต้องรู้ว่าไอ้กฎบ้านี่มันคืออะไรกันแน่!”
ขณะที่พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางโซนปะการัง สายตาของกวินเหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ ที่ติดอยู่บนตู้ปลาตู้หนึ่ง มันเป็นป้ายที่ดูเก่าและมีคราบตะไคร่น้ำเกาะเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถอ่านข้อความที่เขียนไว้ได้
‘ตำนานแห่งสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ: ผู้เฝ้ารอคอย’
ข้อความนั้นทำให้กวินรู้สึกขนลุกซู่ “ผู้เฝ้ารอคอย?” เขาพึมพำ เขาหันไปมองเจมส์ที่ยังคงยืนตัวสั่นและพึมพำบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้
ทันใดนั้น แสงไฟภายในโซนปะการังก็เริ่มกะพริบถี่ขึ้น เสียงน้ำในตู้ปลาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงโครมครามรุนแรง ราวกับมีพายุใต้น้ำกำลังก่อตัวขึ้น
แล้วเสียงสังเคราะห์นั้นก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ได้ประกาศกฎ แต่เป็นเสียงหัวเราะเยาะที่เย็นยะเยือกและก้องกังวานไปทั่วทั้งอควาเรียม
“พวกเจ้า... จะได้เรียนรู้... ความจริง... ที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำ...”
เสียงนั้นจางหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเจมส์ที่ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของเขากลับกลายเป็นสีดำสนิท ไร้แววตาใดๆ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเขาก็ทรุดลงกับพื้นหมดสติไป
“เจมส์!” ทุกคนร้องเรียกด้วยความตกใจ
กวินรีบเข้าไปดูอาการของเจมส์ ร่างกายของเจมส์เย็นเฉียบ ผิวหนังซีดเผือด และมีลักษณะคล้ายคนตาย แต่เขายังคงมีลมหายใจ
“เขายังไม่ตาย” แพรวากล่าวเสียงเครือ “แต่เขา... ไม่เหมือนเดิมแล้ว” ทุกคนรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่กฎของ อควาเรียมทำกับพวกเขา มันไม่ได้ฆ่า แต่เปลี่ยนแปลง ทำให้พวกเขากลายเป็นบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ลุงแดงมองไปที่เจมส์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า “การเปลี่ยนแปลง... มันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” เขากล่าว “เขาจะเป็นหนึ่งในผู้เฝ้ารอคอย”
ในความมืดสลัวของอควาเรียมไตรตัน กวินตระหนักแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ติดอยู่ในเกม แต่ติดอยู่ในกับดักที่พร้อมจะกลืนกินพวกเขาไปทีละคน และทางรอดเดียวคือการทำความเข้าใจและเอาชนะกฎเหล่านั้นให้ได้ ก่อนที่จะไม่มีใครเหลือรอดอยู่เลย
เสียงกระซิบจากตู้ปลายังคงดังแว่วมาไกลๆ ราวกับกำลังรอคอยเหยื่อรายต่อไปที่จะละเมิดกฎ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของอควาเรียมต้องห้ามแห่งนี้ตลอดกาล
การที่ทุกคนถูกหลอกว่าสามารถหนีออกจากอควาเรียมได้แล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นเพียงภาพหลอนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ตายใจ นับว่าเป็นเรื่องที่บั่นทอนความรู้สึกและความหวังของทุกคนได้เป็นอย่างดี พวกเขาพลาดที่ไว้ใจสถานการณ์ตรงหน้าเกินไป ไม่คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะใจร้ายใจดำได้มากถึงขนาดนี้ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของการที่พวกเขาทั้งหมดไม่ได้หนีรอดออกจากอควาเรียมไตรตันไปไหน แต่ยังคงติดอยู่ภายในภาพหลอนที่สร้างขึ้นเพื่อกักขังพวกเขา ตอกย้ำความสิ้นหวังให้ลึกซึ้งขึ้นมากกว่าเดิม“นี่เรายังอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ” พลอยถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง“ใช่ มันเก่งมาก ที่เล่นกับจิตใจเราได้ถึงขนาดนี้” อิฐกล่าวเสริม แม้จะดูท้อบ้างแต่เขาก็ยังมีประกายตาของความมุ่งมั่นซ่อนอยู่“แล้วเราจะทำยังไงดี ถึงจะออกจากที่นี่ได้” กวินถามขึ้นสายตาของอิฐจับจ้องไปที่สมุดบันทึกที่กวินถืออยู่ในมือก่อนจะยื่นมือไปขอเอามาเปิดดู เขาใช้เวลาเพ่งพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเริ่มพูดคุยกับคนอื่นที่เหลือ เพื่อปรึกษาหารือกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำลายแกนพลังงานของที่นี่“ตามสมุดบันทึกนี้” อิฐกล่าวพลางชี้ไปที่แผนผังที่ซับซ้อนในส
ความตายอันยิ่งใหญ่และการเสียสละของฟ้า เพื่อเปิดทางให้กลุ่มที่เหลือรอดหนีจากสิ่งมีชีวิตทดลองและดร.วินัยยังคงสร้างความสะเทือนใจอย่างแสนสาหัส บัดนี้แสงสลัวจากอุปกรณ์ทดลองเก่าๆ ในห้องปฏิบัติการส่องกระทบใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง“การเสียสละของฟ้าจะต้องไม่สูญเปล่า” อิฐย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“แล้วเราจะเอายังไงต่อดี” พลอยถาม“เราต้องไปต่อ...เพื่อทำลายแกนพลังงาน และหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้”อิฐพูดจบก็หันไปมองทางลับที่ถูกเปิดออกจากการใช้พลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตทดลองของฟ้าเมื่อครู่ นี่คือผลลัพธ์จากการเสียสละของฟ้า ทางลับนั้นเป็นอุโมงค์แคบๆ ที่ดูมืดมิดและน่าขนลุก แต่ก็มีแสงสว่างจางๆ ส่องออกมาจากปลายอุโมงค์ ราวกับเป็นแสงแห่งความหวัง“นั่นแหละทางออก” พลอยกรีดร้องด้วยความดีใจปนหวาดกลัว เธอชี้ไปที่ทางลับนั้น “เราไปกันเลยไหม”อิฐพยักหน้า “ไปกันเถอะ! แต่ก็ยังต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ” เขานึกถึงสิ่งที่เจ้าหน้าที่เคยบอกว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่พวกเขาพากันเดินเข้าไปในทางลับนั้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นอับชื้นของน้ำเค็มและสนิมเหล็กปะปนกับ
ความจริงที่ดร.วินัยเปิดเผยว่าอควาเรียมไตรตันคือศูนย์วิจัยลับที่สร้างสิ่งมีชีวิตไฮบริด และเขาเสนอให้พวกเขาเข้าร่วมการทดลองยิ่งตอกย้ำความหวาดกลัวและสิ้นหวังให้คนที่เหลือรอดอยู่ไม่น้อย บัดนี้แสงสลัวจากอุปกรณ์ทดลองเก่าๆ ในห้องปฏิบัติการส่องกระทบใบหน้าของกลุ่มคนที่เหลือรอด เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามอิฐยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าของเขาเรียบเฉย “ข้อเสนอของคุณมันไร้สาระ”ดร.วินัยยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่าจะต่อต้านข้าได้งั้นรึ” ดร.วินัยกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “พวกเจ้าเป็นแค่หนูทดลองของข้าเท่านั้น” เขาชี้ไปที่ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องปฏิบัติการ “แกนพลังงานแห่งไตรตันมันจะดูดกลืนพวกเจ้าทุกคนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า!!”ทันใดนั้น เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวมาจากตู้ปลาขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องปฏิบัติการ สิ่งมีชีวิตทดลองขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาอีกครั้งพร้อมกระโจนใส่พวกเขาในทันที“กรี๊ดดดดดดด!” พลอยกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะเริ่มวิ่งหนีฟ้าก้าวออกมาจากกลุ่มอย่างช้าๆ แล้วยืนขวางหน้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่น เธอมองไปที่สิ่งมีชีวิตทด
แผนที่ลับที่แพรวาค้นพบในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุด จุดประกายความหวังครั้งใหม่ในกลุ่มคนที่เหลือรอด แม้ทางออกจะถูกเฝ้าโดยสิ่งมีชีวิตทดลองขนาดมหึมา แต่ความหวังที่จะรอดชีวิตก็กลับมาอีกครั้ง“เราเจอทางออกแล้วใช่ไหมคะ” พลอยพึมพำ ใบหน้าของเธอฉายแววความหวังเล็กน้อย “เราจะรอดแล้วใช่ไหม”“เราต้องไปตามทางนี้ เพื่อทำลายแกนพลังงาน และหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้” อิฐเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความมั่นคง“แต่เราเข้าไปเอาแผนที่นั้นไม่ได้ ไอ้ตัวประหลาดในตู้นั่นมันต้องทำอะไรสักอย่างกับพวกเราแน่ๆ” แพรวาย้ำ“งั้นพวกเราก็ต้องช่วยกันจำ” อิฐกล่าวเสริมสิ้นคำของอิฐพวกเขาทุกคนก็แบ่งสัดส่วนช่วยกันจำเส้นทางที่ปรากฏบนแผนที่ เมื่อมั่นใจว่าจำส่วนของตัวเองได้พวกเขาก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปตามแผนที่ลับที่แพรวาค้นพบ มันเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างแคบและมืดสลัวกว่าโซนอื่น มีเพียงแสงจางๆ จากตู้ปลาบางตู้ที่ส่องนำทาง บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ก้องกังวานไปทั่วทางเดิน และเสียงหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวขณะที่พวกเขาเดินทางไปตามทางเดินนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงของม
ความหวาดผวาและความสิ้นหวังยังคงทำลายจิตใจของพวกเขาที่ยังเหลือรอดอยู่อย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าที่เคย หลังจากฟ้าเริ่มแสดงอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายคล้ายกับที่เกิดกับเจมส์ เธอต่อสู้กับพลังที่พยายามกลืนกินเธอไปอย่างช้าๆ แต่เสียงกระซิบที่ชัดเจนขึ้นที่บอกให้เธอกลับไปที่น้ำ ยิ่งทำให้การต่อสู้ยากลำบากขึ้น“ฟ้าจะรอดไหม” พลอยถามอย่างเป็นกังวล เธออยากไม่เสียใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะพุ่งเข้าไปช่วย เพราะไม่อาจคาดเดาถึงผลกระทบที่จะตามมาได้เลยตุบ!แพรวาหมดสติล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ทุกคนตกใจรีบกรูกันเข้ามามุงเพื่อช่วยเหลือ เพียงครู่เดียวเธอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่ก็มีประกายบางอย่างที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว เธอพยายามจะลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลพลอยรีบประคองเธอไว้ “แพรวา! เธอฟื้นแล้ว!”แพรวามองไปรอบๆ อย่างสับสน สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่กวินที่ยังคงกุมสมุดบันทึกของนักวิทยาศาสตร์ไว้แน่นในมือ“ความจริงอยู่ในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุด” แพรวาย้ำ ความต้องการเดียวในความนึกคิดของเธอคือแรงจูงใจที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อของเธอที่หายตัวไป แล
ความตายอันยิ่งใหญ่ของการเสียสละของลุงแดง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสิ่งมีชีวิตทดลองและเปิดทางให้กลุ่มที่เหลือรอดหนีไปได้ ยังคงสร้างความสะเทือนใจอย่างแสนสาหัส คำพูดสุดท้ายของเขาที่ว่า ความจริงอยู่ในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุด ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของทุกคน ภาพอนาคตอันน่าสะพรึงกลัวที่ฉายขึ้นในตู้ปลาเหล่านั้น ราวกับจะบอกว่ามันเป็นชะตากรรมของพวกเขาแต่ละคนที่จะถูกอควาเรียมกลืนกิน ยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังให้ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมพรึ่บ!! ไฟดับลงและสว่างขึ้นอีกครั้ง แพรวาและอิฐกลับมาแล้วด้วยสีหน้างุนงงและหวาดกลัว พลอยรีบถลาเข้าไปหาทันที“เป็นไงบ้าง มันพาไปที่ไหน”“ห้องๆ นึง” อิฐบอก แววตาเลื่อนลอย “มันให้พวกเราเห็นอดีตที่ผิดพลาดของตัวเอง”“มันกำลังพยายามทำให้พวกเราอ่อนแอ” แพรวาเสริม“ไม่เป็ฯไรนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้ ฉันเป็นห่วงแทบแย่” พลอยรีบโอบทั้งสองคนเข้ามากอดเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าควรทำอะไรมากไปกว่านี้ สิ่งเดียวที่คิดออกคือพยายามดึงให้ทั้งอิฐและแพรวากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงให้ได้“แล้วลุงแดงล่ะ” อิฐเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นหน้าคนที่ตนถามถึงพลอยผละออกพลางมองหน้าคนถา