ความเงียบที่น่าขนลุกกลับเข้าปกคลุมอควาเรียมไตรตันอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาของพลอย และเสียงพึมพำที่ไม่เป็นภาษาของต้นที่ยังคงคลุ้มคลั่ง หมอกนอนแน่นิ่งอยู่ในวังวนของอดีต เจมส์ยังคงหมดสติและซีดเซียว มิกิอยู่ในสภาพเงียบงัน ไร้การตอบสนอง ฟ้าพูดจาไม่รู้เรื่องราว และแพรวาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวการที่หมอกถูกบิดเบือนจิตใจและร่างกายจากการท้าทายกฎ ยิ่งตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่าอควาเรียมแห่งนี้กำลังกลืนกินตัวตนของพวกเขาไปทีละคนอย่างช้าๆ“กฎข้อที่ 13...มันร้ายกาจที่สุดเลย” พลอยนั่งคุดคู้อยู่ข้างร่างของแพรวา ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือด รอยตราประทับบนฝ่ามือยังคงแดงก่ำและเรืองแสงเล็กน้อย เธอมองหมอกที่นอนแน่นิ่งด้วยความหวาดกลัวสุดขีด“อืม” อิฐส่งเสียงออกมาในลำคอ ความเครียดปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน“ฉันว่าฉันคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้วแหละ” พลอยถอนหายใจเสียงดังลั่น“ไม่ อย่าเพิ่งท้อ ฉันจะพาทุกคนออกไปให้ได้” อิฐเอ่ยบอกอีกครั้งด้วยความมั่นใจเขาก็ไม่ได้มั่นใจมากนักหรอก แต่มันคือเป้าหมายของเขาที่จะต้องเอาชนะอควาเรียมแห่งนี้ให้ได้ เขาไม่อยากยอมแพ้ เพราะเขาไม่ชอบความพ่าย
ความตึงเครียดและความหวาดระแวงภายในกลุ่มพุ่งสูงถึงขีดสุด เมื่อความเห็นในการเอาชีวิตรอดแตกออกเป็นสองทาง มีทั้งคนที่เลือกจะหนี และคนที่เลือกจะทำลายที่นี่ทิ้ง แต่อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการหนีออกจากอควาเรียมนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว การเลือกเผชิญหน้าเพื่อทำลายแกนพลังงานที่ควบคุมทุกสิ่งยังดูเป็นไปได้มากกว่ากลุ่มคนที่ยังพอจะมีสติเหลือมองหน้ากันไปมา แววตาสะท้อนไปด้วยความสิ้นหวังและรู้สึกพ่ายแพ้อย่างชัดเจน บรรยากาศมาคุชวนให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้อยู่ตลอดเวลาพลอยนั่งคุดคู้อยู่ข้างร่างของแพรวาที่ยังคงหมดสติและมีผิวหนังสีเขียวอมดำ เปลือกตาของแพรวายังคงเปิดอยู่ แต่ไร้ซึ่งแววตา มันดูว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเย็นชา รอยตราประทับบนฝ่ามือของพลอยยังคงแดงก่ำ แม้เมือกที่ไหลออกมาจะลดน้อยลงแล้วแต่มันก็ยังไม่ได้แห้งเหือดไปเสียทีเดียว เธอจ้องมองที่อิฐและลุงแดงด้วยแววตาอันสับสน เธอไม่มั่นใจในวิธีไหนทั้งนั้น แม้จะอยากหนีออกจากที่นี่มากแค่ไหน แต่เธอก็ยังคาดหวังความปลอดภัยในชีวิตมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี เธออยากให้ทุกคนเลือกทางที่จะทำให้ยังได้มีชีวิตอยู่ก็แค่นั้น เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะตายหร
เสียงหอบหายใจจากความกลัวดังระงมไปทั่วบริเวณ บรรดากลุ่มคนที่โดนทำโทษบัดนี้สภาพร่างกายภายนอกแลดูแย่ลงทุกขณะ หากมองเผินๆ อาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือมนุษย์มาก่อน เพราะมันดูเหมือนสัตว์ประหลาดหรือปีศาจเสียมากกว่าอิฐสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ อย่างสิ้นหวัง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีหลังจากนี้ หากเขาอยากจะมีชีวิตรอดออกไป บางทีเขาอาจจะต้องยอมทิ้งเพื่อนร่วมทางเอาไว้ แต่เสี้ยวหนึ่งข้างในจิตใต้สำนึกมันบอกเขาว่าไม่ควรทำอย่างนั้น เพื่อนๆ พวกเขาทุกคนมาที่นี่ไม่ได้คาดหวังว่าจะไม่ได้กลับบ้าน ถ้าจะให้พูดกันตามตรงพวกเขาถูกหลอกให้มายังสถานที่แห่งนี้ ด้วยจุดประสงค์ที่เจ้าของอควาเรียมอยากให้มาเป็นหนูทดลองให้กับการกระทำแปลกประหลาดบางอย่างซึ่งไร้มนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่มีแถลงข่าวเปิดตัวโครงการนี้ในอดีต เขาเฝ้าติดตามมาตลอดในฐานะที่เป็นคนพื้นที่ เขาเกิดและเติบโตที่นี่ ไม่เคยออกไปจังหวัดอื่น ความสำนึกรักบ้านเกิดมันบอกให้เขาเฝ้ารอดูความสำเร็จของอควาเรียมนี้ เพราะหากกิจการรุ่งเรือง นั่นก็หมายถึงว่าบ้านเกิดของเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่เมืองรองที่ผู้คนจากเมืองหลวงขับรถผ่านเพียงเพื่อไป
การที่เจ้าหน้าที่ลึกลับประจำอควาเรียมไตรตันเปิดเผยว่าพวกเขาทุกคนถูกเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ไปตลอดกาล ทำให้ตอนนี้ความหวังที่จะหลบหนีเลือนรางลงไปทุกขณะ จากที่คิดว่าจะได้พากันรอดชีวิตออกไปด้วยกันกลับกลายเป็นว่าปลายทางมันมืดมิดไร้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แบบสุดๆ มองไม่เห็นหนทางที่จะมีชีวิตรอดเลยแม้แต่นิดเดียวคนเดียวที่ดูเหมือนจะมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เห็นจะมีเพียงแต่เจ้าหน้าที่ลึกลับคนนั้นเพียงคนเดียว ที่ดูจะไม่ยี่หระกับเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นภายในอควาเรียมนี้ราวกับคุ้นชินกับมันเสียเหลือเกินพลอยถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหันไปมองรอบกายแล้วค้นพบว่าเธอคงจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป ไร้โอกาสได้กลับบ้าน “พวกเราจะไม่มีวันได้ออกจากที่นี่เลยใช่ไหม” เธอบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแกร็ก! เสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างนั้น พวกเขาหันไปมองตามจุดที่เกิดเสียง หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้งด้วยความกลัว ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังประตูบานนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับความน่ากลัวใดอีก“ฉันว่า... พวกเราควรไปต่อนะ” อิฐบอกด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง แม้เขาจะไม่ได้อยากเดินต่อไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ แต่ด้วยกฎเหล็กของที่นี่ระ
ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าที่เคยหลังจากแพรวาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัว กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีผิวหนังสีเขียวอมดำและมีเกล็ดบางๆ ปรากฏขึ้น เธอทรุดตัวลงบนพื้น ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นบัดนี้ล่องลอยและเต็มไปด้วยความเย็นชา ร่างกายของเธอกระตุกเล็กน้อยเหมือนกำลังปรับตัวเข้ากับสภาพใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้ตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่าอควาเรียมไตรตันคือกับดักที่มีชีวิต ที่กำลังกลืนกินตัวตนของพวกเขาไปทีละคนอย่างช้าๆ แสงสลัวจากตู้ปลาที่ดูบิดเบี้ยวในทางเดินสะท้อนใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้และไร้ซึ่งหนทางพลอยมองแพรวาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด “แพรวากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้” พลอยพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “เราจะรอดกันออกไปจริงๆ เหรอ”อิฐเดินเข้ามาใกล้ เขากวาดสายตามองไปที่สภาพของเพื่อนๆ ทีละคน ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่แววตาฉายประกายบางอย่างที่ดูหนักอึ้ง “การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา... เป็นผลจากพลังงานที่นี่ เราต้องทำความเข้าใจแหล่งพลังงานนั้น เพื่อหาทางหยุดมัน” เขามองไปที่สมุดบันทึกของนักวิทยาศาสตร์ที่บัดน
กวินยังคงหมดสติอยู่ข้างๆ แพรวาที่นั่งดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด ท่าทางของเธอดูเหมือนกำลังต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของเธอ ความหวาดกลัวยังคงแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ แพรวายังคงเจ็บปวดเมื่อได้รู้ว่าพ่อของเธออาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตประหลาดภายในตู้ปลาเหล่านั้น ความสิ้นหวังกัดกินหัวใจพวกเขาทุกคน อิฐที่เคยดูเข้มแข็งบัดนี้ท่าทีดูอ่อนแรงลงมาก แม้จะพยายามปลอบใจเพื่อนๆ ที่เหลืออยู่ แต่เขาเองก็ไม่อาจยอมรับได้ว่าสภาพจิตใจตของเขายังคงปกติดี เพราะมันไม่ปกติความจริงอันน่าสะพรึงกลัวหลังการเปิดเผยของอิฐที่ว่าอควาเรียมไตรตันคือศูนย์วิจัยลับที่ทำการทดลองมนุษย์ และแท้จริงแล้วแม่ของกวินคือผู้สร้างแกนพลังงานที่ควบคุมทุกสิ่งที่นี่“นี่มัน... เกินกว่าที่เราจะรับไหวแล้วนะ” พลอยพึมพำ น้ำเสียงสั่นเครือ รอยตราประทับบนมือของเธอยังคงเต้นระริกราวกับมีชีวิต เธอเกาะแขนแพรวาแน่น ราวกับหาที่พึ่งสุดท้ายแพรวากอดปลอบพลอย แม้ตัวเธอจะยังไม่แข็งแรงดี แต่แววตาของเธอมุ่งมั่นไม่น้อย “ไม่... เราต้องไม่ยอมแพ้” เธอเงยหน้ามองอิฐ “แกนพลังงานนั่น... มันอยู่ที่ไหนกันแน่?”อิฐก้มลงมองสมุดบันทึกในมือของแพรวา “ข้อมูลเบื้องต้นระ