Share

ตอนที่ 1

Auteur: Aile'N
last update Dernière mise à jour: 2024-11-12 15:38:39

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 1

"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่หมอต้องขอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็ย้ายไปห้องพักฟื้นปกติได้" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง.. ในที่สุดคนรอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่ใจหวัง ทำเอาเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปยกมือไหว้คนที่ช่วยชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเธอเสียยกใหญ่

"ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"

"คนที่พวกคุณควรขอบคุณไม่ใช่หมอหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอบอกก่อนยกยิ้มบางๆ ขณะมองไปที่ชายอีกคนที่ยังไม่หนีไปไหน อยู่ติดตามอาการคนป่วยจนการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

เมื่อหมดหน้าที่บุรุษชุดกาวน์ก็ขอตัวออกไป สองแม่ลูกจึงตั้งสติและพากันเดินมาหาผู้มีพระคุณด้วยความตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ค่าผ่าตัดก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ใครคนนั้นก็ยังยอมช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดในชาตินี้

"คุณคะ.. ฉันกับลูกขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยพวกเราไว้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแท้ๆ แต่คุณช่วยพวกเราถึงขนาดนี้ ฉันกับลูกซาบซึ้งมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง มีอะไรที่พวกเราจะตอบแทนได้บ้างมั้ยคะ พวกเรายินดี" อรนภาพูดขณะยกมือไหว้ร่างสูงนั้นทั้งน้ำตานองหน้า ร่างบางข้างๆ ก็เช่นกัน

ความจริงแล้วที่คุณสุรศักดิ์ยอมช่วยสองแม่ลูกก็ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เพียงเห็นเพื่อนมนุษย์กำลังเดือดร้อนต่อหน้าต่อตาก็เลยเมินเฉยไม่ได้ก็เท่านั้น แต่พออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้เขาจึงเริ่มฉุกคิดในขณะที่สายตาก็จ้องมองลูกสาวคนสวยของคู่สนทนาไปด้วย

"อืม.. ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงไม่หวังอะไร แต่ตอนนี้มันมีเรื่องอยากจะหวัง.. อยากฟังมั้ยล่ะ" สองแม่ลูกมองหน้ากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมีสิ่งที่ต้องการจากพวกเธอ ก่อนจะพยักหน้ารับฟังอย่างไม่ลังเล เพราะบุญคุณครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก ถ้ามีอะไรที่พอจะตอบแทนได้ก็อยากจะทดแทนให้ด้วยความเต็มใจ

"ผมอยากได้ลูกสาวคุณมาเป็นสะใภ้.."

"สะ.. สะใภ้!? " คนฟังละล่ำละลักถามกลับด้วยความตกใจ คุณสุรศักดิ์จึงพยักหน้ารับ ย้ำชัดให้พวกเธอแน่ใจว่าฟังไม่ผิด

"ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันน่ะหรอคะ ทำไม.." อรนภามองหน้าลูกด้วยความรู้สึกหลากหลาย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ก่อนจะหันไปพูดกับร่างสูงด้วยความสับสน

"ภรรยาของผมนอนอยู่ที่นี่ที่ชั้นสี่.. เธอเป็นโรคหัวใจและกำลังรอผ่าตัด ความหวังก่อนตายของภรรยาและผมก็คือการได้เห็นลูกชายเพียงคนเดียวแต่งงานเป็นฝั่งฝาและมีทายาทสืบสกุล แต่มันไม่สนใจหาเมียจริงๆ จังๆ เลยทั้งที่อายุสามสิบห้าเข้าไปแล้ว ผมก็เลยจะหาเมียให้มันและหวังว่าถ้าภรรยารู้ว่าลูกจะแต่งงานเธอจะมีกำลังใจสู้ในตอนผ่าตัด เพื่อมีชีวิตรอดอยู่จนได้เห็นหน้าหลาน.." คุณสุรศักดิ์บอกกล่าวความต้องการออกมาอย่างเที่ยงตรง ใบหน้าคมจ้องมองคู่สนทนาด้วยสายตาแน่วแน่

สองแม่ลูกพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกเห็นใจเขา แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็สงสารลูกที่ต้องมาแต่งงานอย่างกะทันหันกับคนที่ไม่รู้จักและไม่ได้รักกัน ทว่าคนตรงหน้านี้กลับมีบุญคุณมหาศาลกับครอบครัวของเธอจนทำเอารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมากถ้าจะปฏิเสธหรือตอบตกลง อรนภาจึงหันมามองหน้าลูกอย่างขอความคิดเห็น รินลดาก็ยิ่งเครียดเพราะกดดันที่ผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาด้วยความคาดหวัง..

"ผมคงจะขอมากไป.." พอเห็นสองแม่ลูกมีท่าทีลำบากใจ คุณสุรศักดิ์ก็ถอดใจ เขาไม่ได้โกรธซ้ำยังเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันบังคับจิตใจใครไม่ได้ เด็กวัยนี้ควรมีอนาคตที่สดใสมากกว่าต้องมาตกลงปลงใจแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วยิ่งเป็นลูกชายนิสัยเสียของเขาด้วยแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

"ไม่เลยค่ะ หนู.. ตกลงค่ะ" รินลดารีบพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เนื่องจากผ่านการไตร่ตรองอย่างสมเหตุสมผลมาแล้ว ความจริงเธอไม่ควรคิดมากเลยด้วยซ้ำเพราะชีวิตของพ่อนั้นสำคัญต่อทั้งแม่และเธอ ถ้าไม่ได้คุณลุงคนนี้ช่วยไว้พ่อเธอก็คงไม่มีโอกาสหายใจต่อไปได้อีก กับแค่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อพวกท่านแค่นี้เธอทำได้อยู่แล้ว!

"หญิง.." อรนภาหันไปมองหน้าลูกด้วยความลำบากใจ แต่ร่างบางนั้นกลับหันมายิ้มให้และกอบกุมมือของหล่อนไว้เพื่อปลอบใจ

"หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ คุณลุงท่านช่วยชีวิตพ่อไว้ บุญคุณมากมายขนาดนั้น ต่อให้ขอมากกว่านี้หนูก็ให้ได้" รินลดาพูดกับแม่ด้วยดวงตาสั่นไหว แม้เรื่องราวมันจะกะทันหันเกินกว่าจะรับไหวแต่เธอยังเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งพิงของมารดาในช่วงเวลาเลวร้ายแบบนี้..

คำพูดที่ร่างบางเอ่ยกับคนเป็นแม่ทำคุณสุรศักดิ์ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ เพราะมองออกได้ง่ายมากๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปากว่าเด็กสาวเป็นคนดี กล้าหาญและกตัญญูรู้คุณคน

"แต่ขออะไรอย่างได้มั้ยคะ" หลังสิ้นคำบอกกับแม่ร่างบางนั้นก็หันมาพูดกับเขาด้วยท่าทางเหมือนลำบากใจที่จะต้องพูดอะไรบางอย่างที่คิดอยู่ออกมา

"อะไรล่ะ" ร่างสูงถามกลับอย่างใจเย็น

"หนูยังเรียนอยู่ อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว หนูขอแต่งตอนเรียนจบได้มั้ยคะ" คนตัวเล็กร้องขอออกมาด้วยความคาดหวัง

คนฟังนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ารินลดายังคงเรียนอยู่ ซึ่งอายุและวุฒิภาวะนั้นห่างจากวรธันย์มาก ท่าทางก็ดูเรียบร้อยไม่ทันคน เลยเริ่มกลัวว่าจะเอาลูกชายตนไม่อยู่ แต่ในเมื่อเลือกแล้ว.. สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี

"ขอบคุณค่ะ" รินลดายกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เมตตา และไม่กดดันเธอมากจนเกินไป

"ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ" คุณสุรศักดิ์ถามต่อด้วยยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายเลย เพราะมัวแต่วุ่นวายกับอาการคนป่วยจนลืมทุกอย่างไป

"หนูชื่อหญิงค่ะ แม่หนูชื่ออร พ่อชื่อสม" ร่างบางแนะนำตัวเองพร้อมด้วยพ่อกับแม่เสร็จสรรพ ทำคนฟังต้องแนะนำครอบครัวตัวเองกลับไปบ้าง เพราะอีกไม่นานรินลดาก็ต้องรู้จักทุกคน

"ฉันชื่อศักดิ์ เมียชื่อนาฏ แต่เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ ส่วนไอ้ลูกชายชื่อธันย์ ไม่นานก็คงได้เจอ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกเรียบๆ ไม่เชิงน่าเกรงขามไปเสียทีเดียว ฟังดูเป็นมิตรเพียงแต่ชอบทำหน้านิ่งเท่านั้น

"เอ่อ.. ค่ะ" คนฟังยิ้มรับฝืดๆ เมื่อคำพูดของว่าที่พ่อสามีกระตุ้นให้ต้องจินตนาการไปถึงว่าที่สามีในอนาคตอันใกล้ว่าจะเป็นคนแบบไหน

"วันนี้กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ อยู่ไปหมอก็ยังไม่ให้เยี่ยม ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะจัดการให้ นี่นามบัตร แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่" คุณสุรศักดิ์บอกพร้อมกับยื่นนามบัตรของตัวเองไปให้สองแม่ลูก พวกเธอมองหน้าเขาเลิกลั่กด้วยไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้

"ขอบคุณมากๆ ค่ะ" รินลดารับมาก่อนยกมือไหว้ เท่านั้นร่างสูงก็จากไป เธอจึงยกนามบัตรใบนั้นขึ้นมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนได้พบว่านามสกุลของเขาเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่พอคิดไม่ออกก็เลิกสนใจ พาแม่กลับบ้านด้วยความสบายใจที่มีมากกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะหมดห่วงเรื่องพ่อแต่เป็นกังวลเรื่องอื่นแทน

"คิดดีแล้วหรอลูก ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักน่ะ" อรนภาพูดขึ้นในระหว่างเดินจูงมือกันเข้ามาในซอยบ้านพักที่เช่าอยู่

"จ้ะแม่ อยู่ๆ ไปก็คงจะรักกันไปเองนั่นแหละ หนูไม่เป็นไรหรอก ขอแค่พ่อปลอดภัยก็พอ" รินลดาบอกแม่ยิ้มๆ แต่คนฟังกลับอดสงสารลูกไม่ได้อยู่ดี เพราะเกิดมาจนร่างบางเลยต้องทนลำบากเคียงข้างพ่อกับแม่มาตั้งแต่เด็ก ต้องสละเวลาส่วนตัวมาช่วยพ่อแม่ขายของทุกวัน เวลาว่างก็รับสอนพิเศษให้เด็กๆ ละแวกใกล้เคียง ทำทุกอย่างเพื่อส่งตัวเองเรียน ไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นอย่างเด็กคนอื่นๆ ก็เลยทำให้ไม่มีเพื่อนเลยสักคน แต่รินลดาก็ไม่เคยน้อยใจหรือเรียกร้องอะไรเลยสักอย่าง พอมาเจอเรื่องนี้อีกหัวอกคนเป็นแม่ก็ยิ่งสงสารลูก..

"ขอบใจนะลูก" ร่างท้วมคว้าแก้วตาดวงใจเพียงหนึ่งเดียวเข้ามากอดแน่น ทั้งปลอบและให้กำลังใจเท่าที่จะทำได้ ใจก็ภาวนาขอให้ลูกไปเจอแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ในภายภาคหน้า ท่าทางผู้ชายคนนั้นก็น่าจะฐานะดีไม่ใช่น้อย ถ้าเขาเอ็นดูลูกสาวเธอก็คงจะได้อยู่อย่างสุขสบายมากกว่าอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แบบนี้แน่ แค่ลูกไม่ลำบากอย่างตอนที่อยู่ด้วยกัน เธอก็พอใจแล้ว..

..

..

แกรก..

"เป็นไงบ้างหื้ม? " เสียงทุ้มเอ่ยถามคนข้างในทันทีเมื่อผ่านพ้นประตูเข้ามาในห้องพักฟื้นพิเศษ

"ทรงๆ ค่ะ.. เห็นพรบอกว่ามีเหตุฉุกเฉินทำให้มาช้า" คนบนเตียงยกยิ้มให้สามีบางๆ ก่อนถามไถ่ถึงเหตุที่ทำให้มาช้าด้วยความสนใจ

"อืม ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ที่สำคัญผมมีอะไรจะบอกคุณหญิงด้วย.." ร่างสูงตอบผ่านๆ ไม่ลงรายละเอียดอะไรเพราะมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องนั้นรอคนฟังอยู่

"อะไรหรอคะ" พอเห็นสามีพูดด้วยรอยยิ้มยินดี ก็พลอยทำคนรอฟังตื่นเต้นตามไปด้วย เร่งเร้าให้อีกคนรีบบอกด้วยแววตาและคำพูด

"ผมได้ลูกสะใภ้ให้คุณหญิงแล้ว อีกไม่นานเจ้าธันย์จะต้องแต่งงาน" คนมองยิ้มขำอาการของภรรยาคนสวย ก่อนยอมบอกออกมาด้วยรอยยิ้มบางเบา ที่คนอื่นเห็นว่าหน้าโหดหรือยิ้มยากเห็นทีคงจะต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะคนตรงหน้าเป็นคนเดียวที่ทำให้เขายิ้มบ่อยแถมยิ้มแบบไม่รู้สึกตัวเลยสักครั้ง..

"จริงหรอคะ? ลูกยอมได้ยังไงกัน? " คุณนาฏยาแสดงอาการตื่นเต้นดีใจออกมาเมื่อได้ยิน แต่ก็ต้องเอะใจถามว่าวรธันย์ยอมได้ยังไงในเมื่อเขาเอาแต่ปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด

"ผมบังคับเองแหละ.. ว่าที่เมียมันก็ยังไม่เคยเจอ" คุณสุรศักดิ์บอกเสียงเรียบ พอพูดมาถึงตรงนี้ก็แอบหนักใจอยู่เหมือนกัน กลัวความร้ายกาจของลูกชายตนจะทำให้รินลดาทนไม่ไหว

"ละ แล้วคุณพี่ไปได้เด็กคนนั้นมาได้ยังไงล่ะคะ มันจะไม่เกิดปัญหาทีหลังหรอ" คนเป็นภรรยาเกิดความวิตกกังวลไม่ต่างกัน ทั้งเรื่องลูกชายและเด็กผู้หญิงคนนั้นที่สามีเป็นคนหามาจากไหนก็ไม่รู้..

"ถ้าผมต้องการจริงๆ คุณหญิงก็รู้ว่าเจ้าธันย์มันขัดผมไม่ได้ เด็กคนนั้นเป็นคนดี กตัญญูกับพ่อแม่ ผมว่าคุณหญิงจะต้องชอบ" เสียงทุ้มเพิ่มระดับความเข้มเอ่ยบอกอย่างแน่วแน่ ไม่มีทางที่วรธันย์จะไม่ยอมแน่เพราะเขามีแผนสำรองไว้เรียบร้อย.. ในเมื่อให้โอกาสหลายต่อหลายครั้งแล้วเจ้าลูกชายก็ยังลอยชายไม่ยอมทำอะไรเสียที เขาก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ!

"น้องอยากเห็นจังเลยค่ะ" พอได้ยินสามีพูดอย่างนั้น คุณนาฏยาก็สนใจว่าที่ลูกสะใภ้ขึ้นมาในทันที แม้จะไม่ได้เลือกเองแต่ถ้าสามีพูดแบบนั้นเธอก็เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะต้องเป็นคนดีอย่างที่เขาบอกอย่างแน่นอน เพราะสามีมองคนออกและมองทะลุปรุโปร่งเสียด้วย

"เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพามาเจอ วันนี้นอนพักเถอะ" เสียงทุ้มเอ่ยพลางยิ้มให้บางๆ คนบนเตียงก็ล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ร่างสูงนั่งลูบศีรษะมนอยู่อย่างนั้นจนเธอหลับไป..

วันต่อมา..

วันนี้รินลดากับแม่มาเยี่ยมพ่อในช่วงสายๆ ของวัน ซึ่งคุณหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แค่ไม่กี่นาทีในชุดปลอดเชื้อ สองแม่ลูกใจชื้นขึ้นมากที่ได้ยินว่าอาการของคนป่วยดีขึ้นตามลำดับ เมื่อหมดเวลาเยี่ยม ออกมาก็ได้เจอกับคุณสุรศักดิ์อีกครั้ง เขามาเพื่อขออนุญาตแม่พาเธอไปทำความรู้จักกับภรรยาของเขา ไปถึงร่างบางก็ออกอาการเก้ๆ กังๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

"สวัสดีค่ะ" รินลดายกมือไหว้ทักทายอีกคนตามมารยาท หลังจากเดินตามว่าที่พ่อสามีมาหยุดอยู่ข้างเตียงคนป่วยในห้องพักฟื้นแบบพิเศษที่คนมีตังเท่านั้นถึงจะพักห้องแบบนี้ได้

"สวัสดีจ้ะ ชื่ออะไรน่ะเรา" คุณนาฏยาทักทายเด็กสาวกลับยิ้มๆ เห็นครั้งแรกก็ถูกใจหน้าตาสวยหวานของอีกฝ่ายเสียแล้ว ท่าทางการแต่งตัวก็ดูเรียบร้อยน่ามอง สามีของเธอไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ

"หนูชื่อหญิงค่ะ" ร่างบางตอบกลับสั้นๆ และยืนเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าที่ถูกถามมา

"คุณพ่อเล่าเรื่องของหนูให้แม่ฟังหมดแล้วนะ.. อยากจะเปลี่ยนใจมั้ยหื้ม" สรรพนามใหม่ที่คนพูดใช้แทนตัวเองอย่างสนิทสนมทำคนฟังสะดุดหูไปเล็กน้อยก่อนหลบสายตาด้วยความเขินอาย เพราะยังไม่ชินกับการที่ต้องมีพ่อแม่เพิ่มเข้ามาอีกสองคน แต่ก็ไม่ลืมส่ายหน้าตอบคำถามกลับไป

"พี่ธันย์เขาก็เป็นคนดีนะลูก แม้จะเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิดและปากเสียไปบ้างก็อย่าถือสาพี่เขาเลยนะ ถ้าเขาร้อนหนูต้องเย็น ถึงจะอยู่ด้วยกันยืด" คนบนเตียงบอกด้วยรอยยิ้มใจดี

ดูเหมือนทั้งสองคนจะวางแผนเรื่องนี้ไว้อย่างดิบดี จนรินลดาไม่กล้าขัดอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบไปเท่านั้น เห็นคนป่วยยิ้มได้เธอก็ดีใจแทนครอบครัวของเขา เพราะก่อนมารู้ว่าเป็นโรคหัวใจเหมือนกับพ่อของเธอ อะไรที่มันดีต่อใจก็อยากให้ได้รับ รวมทั้งการแต่งงานในครั้งนี้ด้วย..

"ถ้าแม่กลับไปพักที่บ้านเมื่อไหร่ ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ หมั้นกันไปก่อนก็ได้ รอหนูเรียนจบค่อยแต่ง" อีกฝ่ายยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ใบหน้าสวยที่มีริ้วรอยของวัยดูยิ้มแย้มราวกับมีความสุขมากกับเรื่องนี้ คำบอกกล่าวนั้นทำคนฟังลำบากใจนิดๆ เพราะไม่อยากทิ้งพ่อกับแม่ไปอยู่ที่อื่น

"เอ่อ แต่หนูขอมาช่วยพ่อแม่ขายของตอนเย็นนะคะ" คิดไปคิดมามันก็ต้องเป็นไปตามประเพณีที่ฝ่ายหญิงเมื่อได้แต่งงานก็ต้องออกเรือนไปอยู่กับสามี แต่ใจนั้นไม่อยากห่างพ่อกับแม่ ร่างบางเลยขอ เวลาเพียงไม่กี่ชี่วโมงมาช่วยพวกเขาขายของในช่วงเย็นแทน เพราะถ้าขาดเธอไปสักคนพ่อกับแม่ก็ต้องทำงานหนักขึ้น พ่อเองก็เพิ่งจะผ่านการผ่าตัดใหญ่เธอจึงไม่วางใจ..

"เอาสิจ๊ะ พาพ่อกับแม่มาอยู่ด้วยก็ได้นะ" คุณนาฏยาไม่ขัด แถมมีเมตตาชวนครอบครัวของรินลดามาอยู่ร่วมชายคากันด้วย เพราะอีกไม่นานทั้งสองครอบครัวก็จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว

"พวกเขาคงไม่มาหรอกค่ะ" ร่างบางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าชวนยังไงพ่อกับแม่ก็ไม่มาแน่ พวกเขามีความสุขกับชีวิตแบบนั้น

คนฟังเพียงพยักหน้าเข้าใจ และพูดคุยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ นานเข้ารินลดาก็เริ่มเข้ากับว่าที่พ่อแม่สามีได้ดี ยิ่งคุยสองสามีภรรยาก็ยิ่งถูกใจร่างบางไม่น้อยเลยเหมือนกัน ที่สำคัญเธอทำให้คนป่วยยิ้มบ่อยกว่าทุกวันจนคุณสุรศักดิ์พลอยยิ้มตามไปด้วย..

นับจากวันนั้น.. ทุกครั้งที่รินลดามาเยี่ยมพ่อเธอก็จะแวะมาหาคุณนาฏยาเสมอ กระทั่งวันผ่าตัดก็มาอยู่ให้กำลังใจจนผ่านพ้นไปด้วยดี แม้จะแปลกใจไม่น้อยเลยว่าทำไมลูกชายของพวกเขาถึงไม่มาเยี่ยมคนเป็นแม่เลยทั้งที่เป็นวันสำคัญขนาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งอกเพราะมันยืดเวลาการเผชิญหน้าของเธอกับเขาไปอีกหลายวัน ไม่รู้ทำไมรินลดาถึงได้รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ที่จะต้องเจอกัน..

วันเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งวันนี้ก็มาถึง.. วันที่ร่างบางจะต้องย้ายข้าวของไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ เธอลาพ่อกับแม่ด้วยความอาลัย แม้จะได้กลับมาช่วยงานอยู่ แต่ก็ไม่เคยต้องจากไปอยู่ที่อื่นแบบนี้ เลยอดใจหายไม่ได้..

"ไม่ว่าเจ้าธันย์มันจะพูดอะไรก็อย่าไปสนใจ เชื่อฟังแค่พ่อกับแม่ก็พอ" คุณสุรศักดิ์กับคุณนาฏยามารับว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาต่างพูดประโยคราวๆ นี้ให้เธอฟังซ้ำๆ เพราะการแต่งงานในครั้งนี้เหมือนลูกชายของพวกเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ไม่ว่าจะยังไงทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ให้เธอมองข้ามคำพูดหรือการกระทำที่แสดงออกถึงการคัดค้านของวรธันย์ไป คำพูดที่มีผลกับเธอจะต้องมาจากทั้งคู่เท่านั้น!

"..ค่ะ" คนฟังตอบรับพลางลอบกลืนน้ำลายฝืดๆ ใจเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้นทั้งลำบากใจ เพราะการจับคู่ครั้งนี้มันคือการคลุมถุงชน ยังไงอีกฝ่ายก็คงจะไม่ยอมรับง่ายๆ อย่างแน่นอน

ใช้เวลาไม่นานนักรถคันหรูที่ทั้งสามคนนั่งมาก็แล่นเข้าไปหยุดนิ่งลงที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ทำเอาคนเพิ่งจะเคยมาเหยียบอึ้งทึ่งและยืนตัวเกร็งไปหมด เจ้าของบ้านพารินลดาไปแนะนำกับทุกคนภายในบ้านว่าเธอจะเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นของวรธันย์ ให้ทุกคนปฏิบัติดีและให้เกียรติเธอเหมือนเป็นเจ้านายอีกคน..

ความรวยของบ้านนี้ทำให้ร่างบางตื่นตาตื่นใจอย่างอดไม่ได้ เพราะเพียงแค่ห้องน้ำก็ใหญ่กว่าห้องเช่าเก่าๆ ที่เธอกับพ่อแม่พักอยู่แล้ว ทุกสิ่งอย่างถูกเตรียมพร้อมเพื่อต้อนรับการมาของเธอ ในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าและของใช้สำหรับผู้หญิงมากมาย ถัดไปไม่ไกลมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องบางไว้สำหรับทำงาน เรียกได้ว่าครบครัน เจอแบบนี้คนมองเลยได้แต่ยืนนิ่งด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก

"ชอบมั้ยลูก ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่า" แม่สามีเดินมาแตะไหล่พร้อมเอ่ยถามยิ้มๆ เธอเป็นคนเตรียมทุกอย่างไว้เองพอเห็นปฏิกิริยาของร่างบางที่แสดงออกว่าชอบเลยรู้สึกภูมิใจ

"ชะ ชอบค่ะ.. หนูไม่ต้องการอะไรแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะ" คนฟังส่ายหน้าดิก ไม่เอาอะไรเพิ่มอีก เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากอีกคนได้เป็นอย่างดี

"งั้นพักผ่อนไปก่อนนะ ก่อนหกโมงก็อาบน้ำแต่งตัวสวยๆ รอเจอพี่เขา เดี๋ยวแม่จะให้คนมาตาม" คุณนาฏยาบอก และขอตัวออกไปเพื่อให้ร่างบางมีเวลาพักและทำความคุ้นเคยกับห้องใหม่

"ค่ะ เดินระวังด้วยนะคะ" เสียงหวานพลั้งปากบอกไปตามนิสัย ด้วยเห็นว่าอีกคนเพิ่งผ่าตัดใหญ่ไปเมื่อไม่นาน คงยังไม่หายดี สิ้นคำแม่สามีก็ยกยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

..

..

..

..

ฝากติดตามด้วยน้าาาาา

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status