Share

ตอนที่ 2

Auteur: Aile'N
last update Dernière mise à jour: 2024-11-13 13:26:40

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 2

ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้น

สุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้น

ก๊อกๆ

"คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คนฟังรู้สึกจั๊กจี้ที่หัวใจอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่า 'คุณหญิง' จากปากคนหน้าห้อง มันช่างไม่ชินหูเอาเสียเลย..

"เอ่อ ค่ะ" ร่างบางตอบรับอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าตัวเองอีกครั้งแล้วเดินไปเปิดประตู

"ดิฉันชื่อน้อม ได้รับมอบหมายจากคุณผู้หญิงให้คอยดูแลคุณหญิงนับจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าขาดเหลือหรือต้องการอะไรเรียกน้อมได้ตลอดเวลาเลยนะคะ" เมื่อพบหน้ากันหญิงวัยกลางคนท่าทางสุภาพอ่อนน้อมสมชื่อก็เอ่ยบอกกับรินลดาด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟัง

"เอ่อ ค่ะ หนูชื่อหญิง เรียกหญิงเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอกนะคะเพราะหนูอายุน้อยกว่า" ร่างบางบอกเสียงอ่อย เธอไม่ชินเลยกับการต้องถูกคนอายุมากกว่าเรียกแบบให้เกียรติกันขนาดนี้ แค่ต้องคอยมาดูแลเธอระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็รู้สึกขอบคุณมากพอแล้ว

"ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ คุณหญิงคือคู่หมั้นของคุณธันย์ เท่ากับว่าเป็นเจ้านายของน้อมอีกคน" คนอายุมากกว่าปฏิเสธพร้อมบอกเหตุผล

"แต่.."

"ลงไปข้างล่างกันเถอะค่ะ คุณท่านทั้งสองรออยู่" รินลดากำลังจะแย้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตัดบทและเดินนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ราวกับต้องการจะบ่ายเบี่ยงคำพูดของเธอ ไม่พอยังเอาผู้ใหญ่ทั้งสองมาอ้าง แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ...นอกจากต้องรีบเดินตามไป

เดินมาถึงห้องนั่งเล่นร่างบางก็เห็นคุณท่านทั้งสองนั่งรออยู่จริงๆ น้อมมาส่งถึงแค่ตรงนี้ก่อนจะหลบฉากออกไป ทิ้งให้เธอยืนเคว้งอยู่ตรงนั้นเพราะความไม่คุ้นชิน ก่อนที่คุณนาฏยาจะกวักมือเรียกให้ไปนั่งลงข้างกัน

"อีกสักพักพี่เขาคงมา รอหน่อยนะลูก" คุณหญิงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มใจดี เธอมักจะยิ้มและลูบศีรษะของเด็กสาวด้วยความเอ็นดูเสมอ

"ค่ะ" สัมผัสอบอุ่นนั้นทำรินลดายิ่งคิดถึงแม่ทั้งที่เพิ่งจะจากกันมาได้ไม่ถึงวัน

"งั้นเราพาเจ้าหญิงไปเดินดูรอบๆ บ้านรอดีมั้ยคุณหญิง" คุณสุรศักดิ์เอ่ยชวน สรรพนามนั้นทำเอาเจ้าของชื่อรู้สึกแปลกๆ อีกครั้ง ทั้งคุณหญิงทั้งเจ้าหญิงเธอทำตัวไม่ถูกเลยสักชื่อ

"ดีค่ะ.. ป้ะ แม่กับพ่อจะพาทัวร์บ้าน" คุณนาฏยาเห็นดีเห็นงามกับสามี สิ้นคำบอกก็ลุกขึ้นจูงมือบางพาเดินสำรวจบ้านหลังใหม่ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่นับจากวันนี้เป็นต้นไป

"เจ้าธันย์มาแล้ว" เวลาในการทำใจสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นคำพูดของคุณสุรศักดิ์ มีเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านย้ำชัดให้ร่างบางแน่ใจว่าใครคนนั้นมาถึงแล้วจริงๆ

"ไปหาพี่เขากัน ไม่ต้องกลัวนะ" แม่ (ว่าที่) สามีเอ่ยปลอบอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนที่เคยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้ดีตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตอนนี้กลับไม่ได้ผล.. เธอตื่นเต้นและประหม่าจนมือไม้สั่นไปหมด

"มีอะไรกันหรอครับ? " น้ำเสียงทุ้มต่ำจากผู้มาใหม่เอ่ยถามคนเป็นพ่อแม่เมื่อเห็นเดินเข้ามาหาพร้อมหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง

ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าอ่อนใสนั้นตรงๆ จนคนถูกจ้องต้องหลบสายตาหนีเพราะไม่อาจต้านทาน หัวใจดวงเล็กๆ ที่ไม่ประสีประสากับการเผชิญหน้ากับบุรุษเพศที่รู้ทั้งรู้ว่าจะมาเป็นสามีในอนาคตอันใกล้เต้นไม่เป็นส่ำจนน่ากลัวว่าจะหลุดกระเด็นกระดอนออกมาจากอก มโนภาพที่เคยจินตนาการไว้ก่อนจะได้เจอกันปลิวหายวับไปในทันที เพราะผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อคมแต่งตัวภูมิฐานที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างห่างไกลจากจินตนาการเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง

"กลับบ้านเร็วก็ดี ฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก.." ผู้นำครอบครัวบอกเสียงเรียบ โดยคนเป็นภรรยาเองก็ดันหลังร่างบางออกมาเผชิญหน้ากับลูกชายตรงๆ

"เธอชื่อหญิง นับจากวันนี้จะมาเป็นคู่หมั้นของแก"

"อะไรนะครับ!? " วรธันย์ขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ น้ำเสียงและท่าทางแข็งกร้าวของเขาทำรินลดาอกสั่นขวัญหาย หมดสิ้นแล้วความมั่นใจเมื่อถูกดวงตาคมกริบตวัดมาจ้องอย่างไม่พอใจ

"แกได้ยินไม่ผิดหรอกเจ้าธันย์" คุณสุรศักดิ์ยังคงนิ่งเฉยแม้ลูกชายจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างรุนแรงจนว่าที่ลูกสะใภ้เริ่มหน้าเสีย

"พ่อทำอย่างนี้ได้ยังไงอ่ะ! เอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นคู่หมั้นผมเนี่ยนะ!? " ร่างบางถอยออกมาจากจุดที่ยืนด้วยความหวาดหวั่นเมื่อวรธันย์ชี้หน้าเธอประกอบคำพูดที่พูดกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"ช่วยไม่ได้ ในเมื่อฉันให้โอกาสแกเลือกเมียด้วยตัวเองแล้ว แต่แกก็ไม่สนใจ ฉันก็เลยเลือกให้เสียเลย" คนเป็นพ่อกล่าวอย่างไม่เดือดร้อนใจ ผิดกับผู้เป็นลูกชายที่โกรธจนตัวสั่น

"พ่อจะบ้าหรอ!? นี่มันคลุมถุงชนกันชัดๆ ผมไม่ยอม! ยังไงผมก็ไม่หมั้นหรือแต่งงานกับยัยนี่เด็ดขาด! " เสียงกร้าวตะคอกใส่บิดาด้วยความกรุ่นโกรธ ปลายนิ้วเรียวยาวตวัดชี้มาที่รินลดาพร้อมมองด้วยสายตาเหยียดๆ มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องถูกพ่อแม่จ้างมาบีบบังคับเขาอย่างแน่นอน!

"ก็ได้นะ.. แต่มรดกของฉันทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้าหญิงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จะเป็นของการกุศลทั้งหมด! นอกจากแกจะไม่ได้สักบาทแล้วแกยังจะถูกเด้งออกจากตำแหน่งประธานบริษัทอินทรเกษมกุลด้วย! " ไม้ตายที่ถูกปิดเงียบไว้ถูกเปิดเผยตามความตั้งใจเมื่อเจ้าลูกชายหัวรั้นไม่ยอมรับหญิงสาวที่พ่อแม่หามาให้ คุณสุรศักดิ์รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงวรธันย์ก็ต้องไม่ยอมแน่ เขาจึงเตรียมแผนการสำรองนี้ไว้และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าลูกชายจะต้องยอมจำนนท์แต่โดยดี!

"พ่อ!!? " ร่างสูงตวาดใส่บิดาอย่างไม่เกรงกลัวในบาปกรรม เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินว่าจะถูกเขี่ยทิ้งจากกองมรดก ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่พ่อพามายังจะได้ส่วนแบ่งจากส่วนที่สมควรจะเป็นของเขาตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์!

รินลดากลับมายืนตัวลีบข้างคุณนาฏยาอีกครั้งเมื่อถูกกดดันจากสายตาโกรธแค้นของคนตัวใหญ่ ได้แต่แย้งอีกฝ่ายอยู่ในใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องมรดกเธอเองก็ตกใจไม่ต่างกันเพราะเพิ่งจะรู้พร้อมกับเขาในวันนี้ ไม่ไหวแน่.. ความประทับใจแรกพบติดลบอย่างเลวร้าย แล้วแบบนี้อนาคตของเธอกับเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป มันคงไม่ราบรื่นแน่เธอมั่นใจ!

"ฉันให้เวลาแกตัดสินใจหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าฉันต้องได้คำตอบว่าแกจะยอมทิ้งทุกอย่างหรือยอมแต่งงานกับเจ้าหญิงและมีหลานให้ฉัน แน่นอนว่าถ้าแกยอมแต่งมรดกทุกอย่างของฉันจะยังคงเป็นของแกร้อยเปอร์เซ็นต์! " คุณสุรศักดิ์ยังคงยัดเยียดข้อเสนอที่เหมือนเป็นการบีบบังคับให้ลูกชายอย่างไม่ลดละ และก็มั่นใจด้วยว่าครั้งนี้วรธันย์จะไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน!

"พ่อ! นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอครับ.."

"พรุ่งนี้ฉันต้องได้คำตอบ ตอนนี้ไปกินข้าวได้แล้ว" บิดาตัดบทเสียงเรียบ และสายตาที่มองมาก็มีความหมายว่าจะต้องเห็นเขาร่วมโต๊ะอาหารค่ำในวันนี้ ก็เลยจำต้องไป..

โต๊ะอาหารในวันนี้ถูกจัดให้นั่งเป็นคู่ๆ พ่อกับแม่และวรธันย์กับรินลดา เธอรู้สึกตลอดว่าถูกร่างสูงจ้องมองมาแบบไม่พอใจหลายต่อหลายครั้ง มันทั้งอึดอัดและลำบากใจจนเธอคิดอยากจะหนีไปให้ไกลจากที่ตรงนี้ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคออยู่ตลอด

"ถ้าแกจะโกรธแกมาโกรธฉันคนเดียว เพราะความคิดทุกอย่างมันเป็นของฉัน" คุณสุรศักดิ์ขัดขึ้นมานิ่งๆ เมื่อเห็นลูกชายตัวดีคุกคามว่าที่ลูกสะใภ้ทางสายตาจนเธอนั่งคอตกห่อตัวหลบหนีรังสีอันตรายจากเขา

"พ่อต้องโดนยัยนี่ล้างสมองแน่ๆ นี่คงเข้ามาเพราะหวังเงิน" ทั้งคำพูดและสายตาของวรธันย์ถูกแคลนรินลดาอย่างไม่ปกปิด

"ตาธันย์! " คุณนาฏยาเริ่มมีปากเสียงขึ้นมาบ้างหลังจากปล่อยให้สองพ่อลูกปะทะคารมกันยกใหญ่ แต่ครั้งนี้เธอทนอยู่เฉยให้ลูกชายว่าร้ายร่างบางไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ความจริง!

"ฉันไม่ได้ถูกใครล้างสมอง แต่แกต่างหากที่เป็นคนบีบบังคับฉันให้ต้องทำแบบนี้ ถ้าจะโทษก็จงโทษตัวเอง และอย่าให้ฉันรู้ว่าแกไประรานเจ้าหญิงนะ ฉันสำเร็จโทษแกแน่! " บิดาคาดโทษเสียงเข้ม ทำคนฟังชักสีหน้า หายใจฟึดฟัดด้วยความไม่พอใจ เพราะถูกบีบจนทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

"อิ่มแล้วหรอตาธันย์" ทานข้าวได้ไม่กี่คำวรธันย์ก็รวบช้อนส้อม ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และดันตัวลุกขึ้นยืนแบบไม่สนใจคำว่ามารยาท

"กินไม่ลงครับ! " บอกแม่เพียงเท่านั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว รินลดาได้แต่มองตามไปอย่างเครียดๆ สถานการณ์มันชวนให้เธอรู้สึกไม่อยากอาหารตามไปด้วยทั้งที่กับข้าวมากมายบนโต๊ะมีแต่ของดีๆ ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ทานอีกหรือเปล่า

"มันเป็นแบบนี้แหละ คิดว่าจะทนได้มั้ยหื้ม" ไล่หลังลูกชายไปคุณสุรศักดิ์ก็เอ่ยถามร่างบางพลางถอนหายใจด้วยความหนักอกหนักใจ เพราะดูก็รู้ว่าเด็กสาวหวาดกลัวเจ้าลูกชายของเขาขนาดไหน กลัวจะยอมแพ้ไปเสียก่อนจะได้แต่ง

"เอ่อ.. หนูจะพยายามค่ะ" เอาตรงๆ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าจะทนได้ไหม แต่ยังไงก็ต้องอดทนและพยายามให้ถึงที่สุด แม้ลึกๆ จะอยากถอนตัวใจแทบขาด แต่บุญคุณมหาศาลมันค้ำคอจนไม่กล้าพูดออกไป

คำตอบที่ได้ยินทำสองสามีภรรยารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ภายนอกรินลดาดูเป็นเด็กเรียบร้อย แม้จะแสดงออกชัดว่ากลัววรธันย์ขนาดไหน แต่ก็ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ทั้งที่จะทำก็ทำได้เพราะพวกเขาไม่ได้บังคับ เธอจะถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ยังได้ พวกเขาก็แค่เสียดายนิดหน่อยเท่านั้น..

"หนูต้องอดทนให้มากๆ นะลูก พี่เขาพูดอะไรไม่ดีก็อย่าเก็บมาใส่ใจ แรกๆ อาจจะทุลักทุเลไปสักหน่อย แต่นานไปแม่เชื่อว่าตาธันย์จะต้องหลงเสน่ห์หนูอย่างแน่นอน! " คนฟังยิ้มเจื่อนกับคำเยินยอเกินความเป็นจริงของว่าที่แม่สามี เธอไม่มีความมั่นใจอะไรแบบนั้นเลยสักนิด แค่สู้สายตาเขาก็ยังไม่กล้า..

ทั้งสามคนนั่งทานข้าวต่อกันจนอิ่ม ร่างบางอาสาจัดยาให้คนป่วยทานหลังอาหารแล้วพากันไปนั่งดูทีวีร่วมกันในห้องนั่งเล่นเพื่อรออาหารย่อย ก่อนจะตามไปส่งทั้งคู่ที่ห้องเมื่อได้เวลาเข้านอน

"ฝันดีนะคะ.. คุณพ่อคุณแม่.." เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้

"ฝันดีจ้ะ อดทนหน่อยนะลูก" คุณนาฏยายิ้มรับ ก่อนให้กำลังใจพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบแก้มใสอย่างเอ็นดู คนฟังพยักหน้ารับนิดๆ ยืนส่งทั้งสองคนเข้าห้องไปจนประตูปิดลงก็เดินกลับมาที่ห้องตัวเอง..

เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลังสิ้นเสียงปิดประตูห้อง แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วแต่พอได้เจอหน้ากันจริงๆ วรธันย์ดูโมโหร้ายกว่าที่คิดไว้มากจนมองไม่เห็นหนทางที่ชีวิตหลังแต่งงานของเธอจะราบรื่น ยิ่งคุณสุรศักดิ์เอาเรื่องมรดกมาบีบบังคับเขาก็ยิ่งโกรธจัด ดวงตาวาวโรจน์ที่มองมา เธอยังจำมันได้ดี.. ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำคนในห้องสะดุ้งไหวด้วยความตกใจ ตากลมจับจ้องไปที่ประตูอย่างสงสัย แต่นั่งเพ่งยังไงความสงสัยก็คงไม่กระจ่างเธอจึงลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู.. หัวใจดวงน้อยๆ หล่นตุ้บไปอยู่ปลายเท้าในวินาทีแรกที่เห็นร่างสูงใหญ่ยืนทำหน้าทะมึนอยู่ตรงหน้า ไม่ทันได้ถามอะไรรินลดาก็ถูกอีกฝ่ายดันเข้ามาข้างในตามด้วยตัวเขาแล้วปิดล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา

"เท่าไร! " ผู้บุกรุกเอ่ยถามเสียงห้วน สร้างความมึนงงให้กับคนฟังเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

"คะ? "

"เธอจะเอาเท่าไหร่ แลกกับการออกไปจากบ้านหลังนี้! "

"........"

"พ่อฉันจ้างเธอมาเท่าไหร่ ฉันให้มากกว่าสามเท่าเลย! "

"...ฉันไม่รับค่ะ" รินลดาถึงกับหน้าชาเมื่อร่างสูงขยายความเพิ่ม ปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนักว่าพ่อเขาไม่ได้จ้างเธอมา เธอเหมือนถูกจ้างทางอ้อมเพราะพ่อของเขาเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อเธอทั้งหมดแล้วยื่นข้อเสนอเรื่องแต่งงานมาให้ เธอปฏิเสธไม่ลงเพราะบุญคุณครั้งนี้มันมากมายมหาศาล ถ้าไม่ได้พ่อของเขาช่วยไว้ครอบครัวเธอคงแย่

"อะไร สามเท่ายังไม่พออีกหรือไง อยากได้เพิ่ม? " วรธันย์ยังคงไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหล่อเคร่งเครียดหนักเมื่อข้อเสนอดีๆ ที่คิดมาถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

"ต่อให้คุณจะให้ฉันเท่าไร ฉันก็ไม่รับทั้งนั้นแหละค่ะ" คำพูดดูแคลนจากเขาทำคนฟังรู้สึกไม่พอใจถึงขั้นเริ่มจะหมดความอดทน เพราะถึงเธอจะจนแต่เธอก็ไม่เคยหวังเงินจากใคร เว้นเสียแต่ว่ามันจำเป็นอย่างกรณีของพ่อ..

"หึ ไม่ต้องสร้างภาพว่าเป็นคนดีหรอกน่า ฉันรู้.. ว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร ฉันยินดีจ่ายถ้าเธอยอมว่าง่าย" คราวนี้ไม่เพียงแต่คำพูด ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มเยาะแสดงออกชัดว่าคนพูดกำลังดูถูกดูแคลน สายตาก็เหมือนจะรังเกียจเธอจนปิดไม่มิด

"ฉันไม่รับค่ะ! " ความโกรธทำรินลดาเผลอขึ้นเสียงห้วนใส่อีกคนบ้าง ทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่เคยพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่ว่าคู่สนทนาจะอายุน้อยหรือมากกว่า แต่ในกรณีของเขาคงต้องยกเว้น!

"หึ.. พ่อฉันคงให้เธอเยอะสินะ" ร่างสูงเหยียดยิ้มเยาะ ยิ่งพูดสายตาที่มองคนฟังก็ยิ่งมีแต่ความเกลียดชัง

"เยอะจนคุณคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ ต่อให้คุณทุ่มจนหมดตัวก็ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่คุณพ่อของคุณมอบให้ฉันกับครอบครัว.." ร่างบางบอกเสียงอ่อน แววตาไหวระริกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อล้มพับไปต่อหน้าต่อตา บุญคุณครั้งนี้ของคุณสุรศักดิ์จึงมากมายจนไม่มีอะไรมาเทียบได้

"เหอะ นี่ยอมรับแล้วสินะว่าหวังเงินจากพ่อฉัน" คนฟังดวงตาวาวโรจน์ ด้วยฝังใจแต่จะคิดว่าอีกฝ่ายเข้ามาเพราะหวังเงินเลยไม่อาจเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้

"เฮ้อ.. แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ" รินลดาถอนหายใจอย่างปลงตก เธอเหนื่อยที่จะต้องพูดกับคนที่ไม่ยอมรับฟังอะไรอย่างวรธันย์เต็มที ไม่ว่าจะพยายามอธิบายยังไงก็คงเหมือนแก้ตัว เลยปล่อยให้เขาเข้าใจไปในแบบที่เขาอยากจะเข้าใจ

"ปากดี! คอยดูเถอะ.. ฉันจะทำให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของเธอ" เสียงต่ำขู่คำรามในลำคออย่างเดือดดาลเมื่อเห็นร่างบางถอนหายใจใส่ ไม่พอยังมองมาที่เขาด้วยสายตาเอือมระอาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำ!

"คุณทำเหมือนรู้จักฉันดีจังเลยนะคะ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง! " เสียงห้วนเถียงกลับไปอย่างเหลืออด เพราะเธอทนให้อีกฝ่ายดูถูกเหยียดหยามมามากเกินไปแล้ว เธอไม่ได้ทำอย่างที่เขากล่าวหาเลยทนเฉยให้เขาดูถูกไปมากกว่านี้ไม่ได้อีก

"ใครจะไปอยากรู้จักยัยผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอเล่า ให้ฟรีฉันยังไม่สนใจเลย! " ถ้อยคำปรามาสยังคงทิ่มแทงใส่คนฟังไม่หยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหเพราะเขาทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ คนถูกว่าเองจากที่มีอาการหวาดกลัวในตอนแรกก็เริ่มจะไม่กลัวอีกต่อไป!

"เรื่องของคุณเถอะค่ะ แต่ขอสรุปให้ฟังอีกครั้งว่าฉันไม่รับข้อเสนอของคุณ คนที่จะทำให้ฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้มีแค่คุณท่านทั้งสองเท่านั้น หมดธุระแล้วก็เชิญค่ะ ฉันจะนอน" รินลดาตัดบท เพราะคุยต่อก็คงจะไม่ได้อะไรในเมื่อมีแต่คำดูถูกเหยียดหยาม

"เธอ!! " ท่าทางที่ทำเหมือนรำคาญเขาเต็มทียิ่งทำวรธันย์โกรธจนร้อนรุ่มราวกับมีกองไฟสุมอก การกำจัดคนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด!

"อยู่นานฉันฟ้องพ่อคุณนะ ว่าคุณมาระรานฉัน" ร่างบางจำต้องขู่เมื่อท่าทางของคนตัวสูงเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกขณะ คำพูดเหยียดหยามเธอพอจะทนได้แต่กลัวถูกทำร้ายมากกว่า

"กรอดด.." คนถูกไล่กัดฟันกรอดจนสันกรามนูนเด่น ทั้งโกรธทั้งเกลียดแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องถอยออกไปก่อน

รินลดาทรุดนั่งลงกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังประตูปิดลง มือเล็กยกขึ้นกุมอกเพราะก้อนเนื้อด้านในกำลังสั่นระรัว ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าปะทะคารมกับเขา ตายๆ โกรธขนาดนั้นคงไม่มีทางญาติดีกันได้แน่ๆ

..

..

..

..

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status