Share

ตอนที่ 4

Auteur: Aile'N
last update Dernière mise à jour: 2024-11-14 06:31:02

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 4

เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้าน

ร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..

การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม่ยอมจอดให้ลงข้างนอกแต่ขับมาจอดส่งถึงหน้าตึกคณะที่กำลังมีผู้คนพลุกพล่านไม่พอยังย้ำแล้วย้ำอีกว่าตอนเย็นจะมารับ ให้รอที่คณะห้ามหนีกลับก่อน ไม่อย่างนั้นลุงจะถือว่าลุงบกพร่องในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งบางทีเธอก็สงสัยนะว่า.. ทำไมคนบ้านนี้ชอบขู่เธอจังเลย เล่นเอาหน้าที่การงานมาอ้างแล้วเธอจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ

"หญิง! ใครมาส่งแกอ่ะ? นั่นแอสตันมาร์ตินใช่มั้ยวะ? ทำไมแกนั่งแอสตันมาได้อ่ะ? คันตั้งกี่สิบล้าน! ? "

"รุ่นนี้ฉันรู้จัก! Aston martin v8 vantage ราคาตั้งเกือบสิบเจ็ดล้าน! "

"เชี่ย.. แพงมาก! "

ในขณะที่คนอื่นได้แค่มองอย่างทึ่งๆ ก็มีเพื่อนร่วมสาขาที่ไม่ค่อยสนิทนักพากันกรูเข้ามาถามด้วยความตื่นเต้นระคนอยากรู้อยากเห็น พวกหล่อนทั้งสามคนพากันคาดเดาไปต่างๆ นานาจนคนถูกถามไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี เธอไม่อยากตอบอะไร กลับกันอยากเดินหนีด้วยซ้ำ แต่ทำแบบนั้นไม่ได้นี่สิ.. ถึงจะไม่สนิทกันแต่เธอก็ไม่ได้อยากสร้างศัตรูก่อนเรียนจบหรอกนะ

"ว่าไงหญิง บ้านแกรวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ หรือมีเสี่ยเลี้ยงเหมือนไอ้แบมมันอีกคน" 'ฟิล์ม' เพื่อนคนแรกที่ทักขึ้นมาก่อน ถามจี้ใส่รินลดาอีกครั้ง ไม่พอยังพาดพิงไปถึงเพื่อนอีกคนในสาขาที่มีข่าวลือไม่ค่อยดีว่าหล่อนมีเสี่ยกระเป๋าหนักเลี้ยงดูมาหลายปีด้วยน้ำเสียงอันดัง ไม่เกรงกลัวว่าคนอื่นๆ ที่ได้ยินจะเอาไปพูดต่อเลยสักนิด

"เออนั่นดิ" อีกคนชื่อ 'บี' เร่งเร้าจะเอาคำตอบบ้าง

"ฉันจำได้ว่าบ้านแกขายข้าวแกงนะ แกมีเสี่ยเลี้ยงจริงๆ ใช่มั้ย! ? " คนสุดท้ายชื่อ 'ต้นอ้อ' รู้แค่ชื่อก็พอแล้วล่ะ เธอไม่อยากพูดถึงนิสัยของคนทั้งสามเท่าไร..

"เอ่อ คือ.. เราไม่ได้มีเสี่ยเลี้ยง แค่ไม่อยากพูดถึง ขอตัวก่อนนะ เรารีบ" ร่างบางคิดหาคำตอบดีๆ ให้พวกหล่อนจนหัวหมุน แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลยตัดบทไปแบบนั้นแล้วรีบสาวเท้ายาวๆ จากมา แน่นอนว่าได้ยินเสียงบ่นโวยวายตามหลังสารพัด ไม่แน่ว่าพอไม่ได้คำตอบพวกหล่อนอาจจะเอาเธอไปพูดว่ามีเสี่ยเลี้ยงจริงๆ ก็เป็นได้ ใครๆ ก็รู้ว่าทั้งสามนิสัยเป็นอย่างไร แต่จะให้เธอบอกความจริงยิ่งแล้วใหญ่ เธอไม่อยากพูดถึง.. อีกอย่างพูดหรือไม่พูดก็คงถูกครหาอยู่ดีนั่นแหละ

และก็เป็นอย่างที่คิด.. เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นรินลดาก็กลายเป็นคนดังภายในคณะอย่างรวดเร็ว เธอถูกมองเหมือนเป็นตัวประหลาด บ้างมองเหมือนอิจฉา บ้างก็มองเหมือน.. รังเกียจ เธอไม่อยากคิดแบบนั้นหรอกนะ แต่สายตาที่มองมามันบอกแบบนั้นจริงๆ และที่เป็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาหรอกว่าสามคนนั้นเอาเรื่องของเธอไปพูดในทิศทางไหน

ก็แอบจิตตกเหมือนกัน.. แม้จะไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เคยมีสายตามองมาที่เธอแบบนี้เลยตลอดสามถึงสี่ปีที่เรียนมาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แน่นอนว่าคงทำอะไรไม่ได้ แก้ตัวไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเพราะหนึ่งเสียงคงไม่สู้หลายๆ เสียงที่แพร่กระจายไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง รู้ดียิ่งกว่าตัวเธอเสียอีก และที่สำคัญ.. หลักฐานที่คนอื่นเห็นว่าเธอมากับรถยนต์คันหรูอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้คืออดทนกับความน่าอึดอัดเหล่านั้นให้ผ่านพ้นไปจนเรียนจบ เธอถึงจะหลุดพ้น..

การเรียนเพียงสองวิชาในวันนี้ดูจะผ่านไปช้ากว่าทุกวัน กว่าจะเลิกคลาสได้รินลดาก็ถูกมองจนหมดสิ้นความเป็นตัวเอง เธอนั่งเกร็งตลอดเวลา เนื้อหาที่อาจารย์บรรยายก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด จิตใจของเธอว้าวุ่นและเป็นกังวลเพราะไม่อาจเมินเฉยกับสายตาคนอื่นได้ง่ายๆ อย่างที่ใจคิด ซ้ำตอนเลิกเรียนลุงพรก็มาจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว ยิ่งตอกย้ำข่าวลือเหล่านั้นให้น่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่ เพราะถึงจะเป็นแค่คนขับรถลุงพรก็ไม่ได้แต่งตัวขี้ริ้วขี้เหร่พอจะทำให้คนเข้าใจว่าเป็นแค่คนขับรถได้เลย..

"คุณหนูมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ทำหน้าเครียดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เล่าให้ลุงฟังได้นะครับ" ลุงพรทักขึ้นด้วยความห่วงใย ลึกๆ แล้วลุงรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ ที่ไม่กี่วันชีวิตต้องพลิกผันมาถึงขนาดนี้ บางคนอาจจะคิดว่าโชคดีที่ไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้มาแต่งงานกับทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน ราวกับหนูตกถังข้าวสาร.. แต่เขารับรู้ว่าในแววตาของเด็กคนนี้ไม่ได้มีความดีใจอยู่เลย ที่ยินยอมก็เพราะคำว่า 'บุญคุณ' เท่านั้น คนไม่เต็มใจมาอยู่ในจุดนี้จะต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น..

"...ที่ผ่านมาหนูนั่งรถเมล์มาเรียนตลอด พอได้นั่งรถยนต์...ก็เลยเกิดข่าวลือแปลกๆ น่ะค่ะ" ร่างบางแอบถอนหายใจเงียบๆ ชั่งใจแต่ก็ยอมปริปากเผื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมให้เธอนั่งรถเมล์มาเรียนเองอย่างที่เคยเป็นมา

"ในทางไม่ดีหรอครับ" ลุงพรถามพลางนึกคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวเล่ามา พออีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างซึมๆ ก็ยิ่งเกิดความสงสารมากขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนรู้จักจะคิดไม่ดีเมื่อเห็นร่างบางนั่งรถหรูไปเรียนทั้งที่แต่ก่อนนั่งแต่รถเมล์ ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีพอจะมีเงินซื้อรถคันนี้ได้

"อดทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวลุงเรียนคุณท่านให้แก้ข่าวลือให้" ลุงพรให้กำลังใจ แต่คนฟังกลับส่ายหน้าปฏิเสธระรัว

"ไม่เป็นไรค่ะ! ลุงไม่ต้องบอกคุณท่านหรอกนะคะ หนูไม่ได้คิดมากถึงขนาดนั้น เราคงห้ามคำพูดของคนอื่นไม่ได้ แต่เราห้ามตัวเราไม่ให้สนใจได้ หนูไม่อยากให้คุณท่านต้องมารับรู้เรื่องไม่เป็นเรื่อง.." พอได้ยินว่าเรื่องแย่ๆ จะเข้าหูคุณหญิงรินลดาก็รีบเบรกอย่างลนลานเพราะเป็นห่วงสุขภาพร่างกายและจิตใจของคนที่ยังไม่หายป่วยดี

ความห่วงใยที่มีให้กับคุณหญิงทำคนฟังลอบมองคนพูดด้วยความเอ็นดู จนเกิดเป็นความคิดว่าถึงจะช่วยเรื่องแต่งงานไม่ได้ แต่เรื่องอื่นๆ ถ้าอีกฝ่ายต้องการหรือมีปัญหาเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ คนดีควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง..

"ถึงแล้วครับ จะกลับเมื่อไรก็โทรให้ลุงมารับนะ คุณท่านสั่งไว้" ลุงพรไม่รับปากว่าจะไม่เรียนคุณท่านเรื่องข่าวลือเสียหาย เมื่อรถจอดสนิทลงหน้าตลาดก็เอาผู้มีพระคุณมาอ้าง สั่งกำชับให้ร่างบางรับรู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ ก่อนปล่อยให้เธอลงไปช่วยพ่อแม่ขายของตามคำขอที่ได้ขอกับคุณท่านทั้งสองไว้

รินลดาพยักหน้ารับอย่างจำยอม พอลงรถมาได้ก็ถอนหายใจทิ้งไปกับเรื่องราวที่ทำให้อึดอัดและลำบากใจมาตลอดทั้งวัน เสร็จก็เรียกกำลังใจให้ตัวเองเพื่อจะได้มีแรงไปช่วยพ่อกับแม่ขายของต่อ ยิ่งเห็นพ่อสุขภาพดีวันดีคืนเธอก็ยิ่งมีกำลังใจในการอดทนใช้ชีวิตในบ้านอินทรเกษมกุลต่อไปอีกนาน เพราะถ้าไม่ได้พวกคุณท่านช่วยไว้ เธอกับแม่คงจะไม่ได้เห็นพ่อยืนอยู่ตรงนี้..

..

..

"จะดีหรอครับที่ยังติดต่อกับคุณเกวลินอยู่ คุณควรให้เกียรติคุณหญิงในฐานะคู่หมั้นนะครับ" น้ำเสียงเรียบนุ่มจาก 'ศรัณ' คนขับรถส่วนตัวเอ่ยขึ้น หลังยืนมองเจ้านายเดินไปส่งอดีตคนรัก (?) ขึ้นรถอย่างมีเยื่อใยลึกซึ้งต่อกัน จนกระทั่งหล่อนลับสายตาไปถึงได้เดินกลับมาขึ้นรถที่จอดอยู่ในช่องวีไอพีสำหรับผู้บริหาร

ศรัณเป็นคนขับรถพ่วงตำแหน่งคนสนิทที่สนิทยิ่งกว่าเลขาหน้าห้อง ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านาย และที่พูดก็เพราะขัดใจกับสิ่งที่เห็น การถูกเลี้ยงดูปลูกฝั่งให้เข้มงวดในความถูกต้องทำให้ศรัณไม่สามารถเมินเฉยกับความสัมพันธ์ของวรธันย์และเกวลินในวันนี้ได้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยยุ่งเพราะเจ้านายไม่มีพันธะ จะไปไหนกับใครเมื่อไรแนบชิดกันยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้เจ้านายมีคู่หมั้นแล้ว การกระทำเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง!

"ฉันกับเกวลินคบหากันมาก่อนที่เรื่องบ้าๆ นั่นจะเกิดขึ้น ไม่เห็นมีใครถามความยินยอมจากฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องให้เกียรติยัยนั่นด้วย! " สิ้นคำถามดวงตาคมกริบก็ตวัดผ่านกระจกมองหลังมามองหนุ่มคนขับรถคนสนิทอย่างไม่พึงพอใจ เสียงต่ำเอ่ยกร้าวด้วยแรงอารมณ์ทำคนฟังต้องยอมสงบปากสงบคำเพราะเกรงว่าถ้าอีกฝ่ายโมโหมากๆ จะเกิดปัญหาตามมา

รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวไปเรื่อยอย่างไม่รีบเร่ง ความจริงแล้วคืออยากรีบแค่ไหนก็รีบไม่ได้ต่างหาก เพราะในยามเย็นของเมืองใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนและรถราพลุกพล่านที่ต่างก็รีบเร่งอยากกลับให้ถึงบ้านโดยไวนั้นรถไม่ติดนิ่งสนิทแบบไม่ขยับเลยก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว..

ในช่วงแยกไฟแดงแห่งหนึ่งบนถนนเส้นหลักที่วรธันย์กำลังมุ่งหน้ากลับสู่คอนโดที่พัก เพราะรถติดนานจนน่าเบื่อร่างสูงจึงเปลี่ยนสายตาจากไอแพดในมือมากวาดมองไปรอบๆ ข้างแทน ซึ่งในความบังเอิญนี้ก็ทำให้เขามองเห็นใครคนหนึ่งที่ดูคุ้นตา..

หญิงสาวร่างบางหน้าตาสวยหวานในชุดนักศึกษาพอดีตัวทาบทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีสดกำลังก้มหน้าก้มตาช่วยบิดามารดาตักแกงใส่ถุงเพื่อขายให้ลูกค้าที่ยืนต่อคิวซื้อกันอย่างเนืองแน่น เหงื่อเม็ดโตผุดซึมตามไรผมสีอ่อนไหลหยดลงมาตามกรอบหน้าสวยหยดแล้วหยดเล่าจนเปียกชุ่ม บ่งบอกให้รู้ว่าพื้นที่ตรงนั้นทั้งเหนื่อยและร้อนมากเพียงใด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงมีรอยยิ้มแจกจ่ายให้กับลูกค้าที่มาอุดหนุนตลอดเวลาราวกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

"หึ.. ที่แท้ก็เป็นแค่ลูกแม่ค้าจนๆ มิน่าถึงดูหิวเงินขนาดนั้น! " วรธันย์เหยียดยิ้มเยาะออกมาอย่างดูแคลน ถึงรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายจะดูซื่อๆ ไม่มีพิษภัย แต่คนเราหน้าตากับนิสัยมันคนละอย่างกันนี่ หน้าตาดีแต่นิสัยเสียก็มีให้เห็นถมไป

"ฝันไปเถอะว่าฉันจะแต่ง! " ยิ่งมองก็ยิ่งขัดหูขัดตาทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรให้ แต่คนมันเกลียดไปแล้วทำยังไงก็คงไม่มีทางตาลปัตรไปชอบกันได้ คอยดูเถอะ.. เขาจะทำให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานจนทนอยู่ในบ้านอินทรเกษมกุลถึงวันแต่งงานไม่ได้เลย!

Truuuu.. Truuuu..

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดแผนการที่จะเอาไว้กลั่นแกล้งใครคนนั้น โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็แผดเสียงเรียกร้องความสนใจขึ้นมา รายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำเจ้าของเครื่องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะกดรับสายอย่างไม่มีทางเลือก

"ครับ พ่อ" วรธันย์กรอกน้ำเสียงเคร่งขรึมเข้าไปตามสายหลังกดรับ ในขณะที่สายตาปราดมองไปยังร้านขายข้าวแกงข้างถนนอีกครั้ง

[กลับมานอนบ้าน พรุ่งนี้และทุกวันแกจะต้องไปรับไปส่งน้องหญิงที่มหาลัย] ผู้เป็นพ่อสั่งรวดเดียวมาตามสาย ทำหัวคิ้วคนฟังแทบจะขมวดชิดกัน ในอกร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้งด้วยอารมณ์โทสะ เพราะนั่นคือคำสั่งไม่ใช่ประโยคบอกเล่าหรือขอร้องใดๆ ทั้งสิ้น

"ทำไมผมจะต้องไปรับไปส่งด้วย! เมื่อก่อนยังไปเองได้ หรือพอรู้ว่าจะมีผัวรวยเข้าหน่อย เป็นง่อยขึ้นมาทันที?] ร่างสูงดูแคลนว่าที่ภรรยาอย่างไม่ไว้หน้าใครแม้กระทั่งผู้เป็นพ่อที่พาอีกฝ่ายเข้ามา ดีที่รถผ่านพ้นไฟแดงตรงตลาดมาแล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่พูดถึงคงจะถูกจ้องจนร่างพรุน

[ฉันสั่ง! แกมีหน้าที่ทำตามก็พอ] บิดาตอบกลับเสียงเรียบ เท่านั้นก็วางสายไป ไม่รอให้ลูกชายได้พูดอะไรผิดหูชวนทะเลาะอีก ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้วรธันย์แทบจะเหวี่ยงหมัดใส่กระจกรถด้วยความโมโห เขาโกรธและอึดอัดจนแทบบ้า.. แต่พอคิดว่ามีแผนจะกำจัดรินลดาไว้แล้วก็พอจะคลายความโกรธลงได้บ้าง...เล็กน้อย

"กลับบ้าน.." เสียงต่ำเอ่ยสั่งคนขับรถให้เปลี่ยนทิศทางก่อนเอนพิงเบาะแล้วหลับตาลง สูดหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามผ่อนคลายอารมณ์ให้เย็นลงก่อนที่จะเป็นบ้าไปเสียก่อน

..

..

"มันจะไม่เป็นการบีบบังคับลูกเกินไปหรอคะ"

ฝั่งคุณสุรศักดิ์หลังวางสายจากลูกชายก็ถูกผู้เป็นภรรยาเดินมากอดแขนถามด้วยความวิตกกังวล เพราะเรื่องเดิมวรธันย์ไม่ทันจะยอมรับได้ก็มีเรื่องใหม่มาเติมไฟโทสะให้ยิ่งลุกโชนขึ้นไปอีก

"เราต้องทำให้ถูกต้อง ข่าวลือผิดๆ พวกนั้นจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก" ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้ว่าจะยังไม่อยากบีบบังคับอะไรลูกเพิ่มในตอนนี้ แต่ข่าวลือผิดๆ ที่นายพรนำมารายงานก็ทำให้เขาไม่อาจเมินเฉยได้ เพราะในอนาคตอันใกล้รินลดาจะเข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้าน ข่าวลือเสียหายถ้าปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบถึงอนาคตได้ ไหนๆ ก็จะแต่งงานกันแล้วเปิดตัวไว้ตั้งแต่ตอนนี้แหละดี แต่ไม่พอแค่นี้หรอก.. พรุ่งนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทุกแขนงจะต้องลุกเป็นไฟ!

..

..

..

..

เรื่องนี้ดีทุกคนค่ะ ยกเว้นพระเอกกับตัวร้าย 55555

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status