Share

ตอนที่ 6

Auteur: Aile'N
last update Dernière mise à jour: 2024-11-15 01:31:02

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 6

"หลีกไป ฉันจะเข้า! "

ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกวลินมา 'พิมผกา' ผู้เป็นเลขาของท่านประธานก็ไม่สามารถรั้งหล่อนให้หยุดรอหน้าห้องได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้ที่เจ้าหล่อนไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล มาถึงก็ใช้แรงไม่น้อยผลักเธอออกไปให้พ้นทางจนเสียหลักล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นด้วยตั้งตัวไม่ทัน ไม่แม้แต่จะชายตามองให้เสียเวลาร่างเพรียวนั้นก็กระชากประตูห้องท่านประธานเปิดออกและปิดเสียงดังจนเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ยังสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมปราดมองผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนก็เป็นอันต้องเงียบไปเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย

"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์! ? " น้ำเสียงเล็กแหลมตะคอกถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำแน่นมาตลอดทางไปให้ร่างสูงดูจนเกือบจะกระแทกหน้า

"คุณไปแอบมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วเกวล่ะ คุณเห็นเกวเป็นอะไร! " ร่างเพรียวเอ่ยตัดพ้อเสียงเครือแสร้งน้ำตาคลอในขณะที่ดวงตาคมยังคงไล่อ่านเนื้อหาที่อยู่บนหน้าจอโดยไม่พูดอะไร เมื่ออ่านจบก็พลันนิ่งไปนิด..

ปกติข่าวพวกซุบซิบนินทาดาราคนดังเทือกนี้วรธันย์ไม่เคยสนใจ แต่ข่าวนี้ไม่สนคงไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้บอกเกวลินเรื่องที่พ่อแม่บีบบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และไม่คิดด้วยว่าจะต้องพูดกับอีกฝ่ายไวขนาดนี้ ไม่รู้ใครเป็นคนแพร่งพรายสิ่งที่น่าจะรู้กันแค่คนในครอบครัวออกไปให้สื่อรับรู้..

"ผมว่าจะบอกคุณอยู่เหมือนกัน.." ร่างสูงถอนหายใจทิ้งไปทีก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้หญิงสาวฟังโดยไม่ผิดเพี้ยนไปแม้แต่นิดเดียว

"ทำไมคุณไม่บอกพ่อกับแม่คุณล่ะคะว่าคุณมีเกวอยู่แล้ว และจะแต่งกับเกวเพื่อมีทายาทให้พวกเขาเอง" ทันทีที่เล่าจบเกวลินก็ยิงคำถามที่เขาคิดเอาไว้แล้วว่าหล่อนจะต้องถาม ซึ่งคำตอบง่ายๆ เลยก็คือเขาไม่ได้อยากได้หล่อนมาเป็นแม่ของลูก.. ก็เท่านั้น อีกอย่างเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเกวลินมีหรือจะรอดพ้นสายตาพ่อแม่ไปได้ ถึงไม่บอกพวกเขาก็รู้ได้ไม่ยาก และตอนพูดเรื่องแต่งงานก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะพูดถึงหล่อนเลยสักนิด ซึ่งมันก็ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการหล่อนมาเป็นสะใภ้เช่นเดียวกัน

"ผมค้านแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างถูกพวกเขากำหนด ถ้าไม่แต่งกับผู้หญิงคนนั้น ผมก็จะไม่ได้มรดกเลยสักบาท! " วรธันย์ถอนหายใจซ้ำอีก คราวนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องถูกบังคับแต่งงาน แต่เป็นเพราะใบหน้าคนฟังเริ่มบิดเบี้ยวหนักขึ้นทุกที แค่งานก็น่าปวดหัวมากพอแล้ว..

"เจ็บใจนัก! เกวอยากรู้จังเลยว่านังนั่นมันมีดีอะไร ทำไมคุณพ่อคุณแม่คุณถึงได้บีบบังคับคุณถึงขนาดนี้" มือเรียวกำหมัดแน่นด้วยความริษยา ได้แต่นึกเจ็บใจที่ไม่มีใครเห็นหัวเธอ ทั้งๆ ที่พ่อแม่เขาก็น่าจะรู้เรื่องที่เขาคบหากับเธออยู่ แต่ก็ยังพาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ๆ ควรจะเป็นของเธอ.. ทำแบบนี้มันหักหน้ากันชัดๆ!

"ไม่ใช่แค่คุณหรอกที่อยากรู้.." จนถึงตอนนี้วรธันย์ก็ยังคิดไม่ตกว่ารินลดามีดีอะไรถึงทำให้พ่อแม่เขาหลงหนักถึงขนาดมาบีบบังคับให้เขาแต่งงานด้วยให้ได้ ซ้ำมีตัวประกันเป็นมรดก.. ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมเสียไปให้ผู้หญิงคนนั้นแม้แต่บาทเดียว!

"หึ คอยดูเถอะค่ะ เกวนี่แหละจะเป็นคนกระชากหน้ากากมันเอง! ไม่รู้ว่ามันโน้มน้าวพ่อแม่คุณยังไง แต่เกวฟันธงว่ามันเข้ามาเพราะหวังจะจับคุณแน่ๆ ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ แบบคุณผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบ! " ร่างเพรียวเอ่ยอย่างหมายมาด ดวงตาคมสวยวาวโรจน์กรุ่นโกรธอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าตำแหน่งสะใภ้บ้านอินทรเกษมกุลที่เคยวาดหวังถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง

"ถ้าเราทำให้ยัยนั่นเป็นฝ่ายถอดใจ ยกเลิกงานแต่งเสียเอง ทุกอย่างก็จบ มรดกก็จะยังคงเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว" ร่างสูงยกยิ้มร้ายอย่างพึงพอใจ เมื่อหญิงสาวเสนอตัวเข้าช่วยก็พลันคิดอะไรดีๆ ได้ นั่นก็คือ เขาไม่จำเป็นจะต้องออกแรงให้เหนื่อยเลยถ้ายืมมือหล่อนมาช่วย

"อย่าห่วงเลยค่ะ เกวไม่มีวันยอมให้มันได้แต่งงานกับคุณแน่.." ร่างเพรียวบางเดินอ้อมไปยืนหลังเก้าอี้ทำงาน โน้มตัวลงวาดแขนกอดรอบต้นคอแกร่ง ก่อนกระซิบบอกเสียงอ่อนหวานโดยที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าหล่อนทำหน้ายังไงตอนพูดมัน..

..

เกวลินไม่ยอมให้ข่าวเปิดตัวคู่หมั้นของวรธันย์ตกเป็นที่สนใจของทุกคนได้นาน วันถัดมาหล่อนทำทีเป็นมาหาชายหนุ่มที่บริษัทอีกครั้ง และชวนเขาออกไปทานข้าวข้างนอก เดินควงร่างสูงให้พนักงานรวมไปถึงผู้คนรอบข้างเห็น ที่สำคัญก็เพื่อหามุมเด็ดๆ ให้คนที่หล่อนจ้างวานมาแอบถ่ายภาพหล่อนกับเขาได้กดชัตเตอร์รัวๆ เก็บไว้ เพื่อส่งต่อให้นักข่าว และหล่อนก็ทำสำเร็จ.. กระแสข่าวตีกลับไปที่รินลดาอีกครั้งว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นมือที่สามระหว่างคนทั้งคู่ เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์กันมานาน ก่อนหน้าที่เธอจะปรากฏตัวเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าข่าวที่เกวลินสร้างขึ้นทำให้ร่างบางตกเป็นที่ครหาของผู้คนรอบข้างอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอบอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกยังไงดี.. เพราะเธอเข้ามาเป็นคู่หมั้นของวรธันย์ได้โดยพ่อแม่ของเขา และไม่รู้เลยสักนิดว่าเขามีคนรักอยู่ก่อนหรือเปล่า

ที่แท้.. เขาก็มีคนรักอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่จะโมโหขนาดนั้น แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาขัดขวางความรักของใครเลยจริงๆ อ่านข่าวแล้วก็ได้แต่เห็นใจเขาและสงสารผู้หญิงคนนั้น หรือเธอจะลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของเขาดูดีไหมนะ?

"เอ่อ.. ผู้หญิงคนนี้.. เป็นคนรักของคุณหรอคะ" มือบางยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปของเขาและผู้หญิงคนนั้นให้ดูประกอบคำพูด ก่อนจะไปคุยกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยา รินลดาจำต้องคุยกับคนข้างๆ เสียก่อน เพื่อความมั่นใจว่าเธอเข้าใจถูกต้อง..

"ใช่.. และเธอก็กำลังจะทำความรักของคนอื่นพัง สะใจมากมั้ยล่ะ" ร่างสูงปรายตามองตามเล็กน้อยก่อนตอบรับเสียงเรียบ ใบหน้าคมเคร่งขึ้นเพื่อความน่าเชื่อถือว่าเรารักกันมาก.. เผื่อรินลดาจะยังคงมีจิตสำนึกดีๆ หลงเหลือและยอมหลีกทางให้โดยง่าย

"งั้น... ฉันจะไปคุยกับคุณท่านให้นะคะ พวกท่านจะได้เข้าใจคุณมากขึ้นและยอมยกเลิกงานแต่งให้" ร่างบางนิ่งไปนิด สีหน้าครุ่นคิดก่อนตอบในสิ่งที่คิดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้า ดวงตาที่มองมามีประกายแห่งความคาดหวัง

ท่าทางซื่อๆ นั้นทำวรธันย์นึกฉงนในใจไม่น้อย ไม่ใช่ว่าตั้งใจเข้ามาเพื่อจับเขาหรือไง เธอไม่ควรจะเสนอตัวมาช่วยเหลือเขาราวกับบริสุทธิ์ใจแบบนี้สิ! หรือว่า.. นี่จะเป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่มีไว้บังหน้า ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงเพื่อให้เขาตายใจ?

"หึ.. ไม่ต้องแกล้งทำตัวเป็นคนดีหรอกน่า ฉันไม่หลงกล! " ร่างสูงเหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน ความรู้สึกที่เกือบจะหลงเชื่อละครฉากนั้นของอีกฝ่ายถูกปัดทิ้งไปอย่างไม่ไยดีด้วยทิฐิที่มันมีมากกว่า

"...ก็แล้วแต่คุณเถอะค่ะ" รินลดานิ่งค้างไปหลายวินาที ด้วยเสียดายที่เคยนึกเห็นใจเขาที่กำลังจะถูกพรากคนรักไป ไม่คิดเลยว่าเขาจะมองความหวังดีของเธอเป็นแบบนั้นไปซะได้

ดวงตาคู่คมเหลือบมองคนข้างๆ ที่แอบทำหน้ามุ่ยใส่เขาก่อนกลับไปนั่งเหม่อมองวิวข้างทางอย่างเดิม เขาพยายามจับผิดพิรุธอะไรสักอย่างให้ได้จากอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ท่าจะแสดงเก่งไม่เบา..

อีกเรื่องที่รินลดารู้สึกเห็นใจวรธันย์ก็คือนอกจากจะต้องไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ยังต้องไปรับกลับด้วย ทั้งที่เขาต้องทำงานและบางวันเธอก็เลิกเรียนไม่เป็นเวลา เช่นวันนี้ที่เลิกตั้งแต่เที่ยงวันเขาก็ยังมารับตามคำสั่งของคุณท่าน ดีหน่อยที่รับมาส่งแค่หน้าตลาดเพราะเธอต้องมาช่วยพ่อกับแม่ขายของทุกวัน ไม่ใช่ส่งถึงบ้านที่อยู่ไกลออกไปอีกหลายกิโลเมตร เพราะถ้าไปส่งบ้านเขาก็ต้องวกกลับมาเพื่อเข้าบริษัทอีก ไปๆ มาๆ เสียเวลาแย่ เพราะเหตุนี้ตอนค่ำๆ เมื่อเลิกขายของเธอเลยขอคุณหญิงไว้ว่าให้ลุงพรมารับแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมอนุญาตแต่โดยดี

"ขอบคุณนะคะที่สละเวลาไปรับ"

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร นั่นเป็นสิ่งที่ร่างบางเข้าใจได้ไม่ขุ่นเคืองเพราะขนาดเธอยังเกรงกลัวที่จะพูดกับเขา เขาเองก็คงไม่อยากจะสนทนาอะไรกับเธอเช่นเดียวกัน

วันนี้เพราะเลิกเรียนไวรินลดาเลยยังพอมีเวลาช่วยพ่อแม่ทำกับข้าวหลายอย่าง แต่ก่อนที่จะเดินเข้าซอยไปถึงบ้านพักเธอไม่ลืมที่จะแวะซื้อลูกชิ้นจากร้านหน้าปากซอยไปฝาก 'เจ้าดำ' สุนัขจรจัดที่เคยหลงทางมานอนซมอยู่หน้าบ้านพร้อมด้วยบาดแผลเต็มตัว คาดว่าคงถูกสุนัขเจ้าถิ่นแถวนี้กัดมา เธอจึงรีบเข้าช่วยเหลือจนรอดพ้นจากความตายมาได้ และด้วยความน่ารักแสนรู้ของเจ้าดำก็ทำให้เธอตัดสินใจขอพ่อกับแม่รับเลี้ยงมันไว้

โฮ่งๆ ๆ

ไม่ทันสิ้นความคิดสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานตัวดำๆ ก็ส่งเสียงเห่าต้อนรับและรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความดีใจสุดขีด เจ้าดำกระโจนใส่เธอด้วยความคิดถึง เธอเองก็โอบกอดมันด้วยความรู้สึกเดียวกัน

"โอ้ยๆ พอแล้วๆ ดำ รู้แล้วว่าคิดถึง แต่หยุดก่อน ไม่งั้นไม่ได้กินลูกชิ้นนะ! " เพราะไม่ได้เจอกันหลายวันความคิดถึงจึงมีมากทำเจ้าดำทั้งกอดทั้งอ้อนเลียหน้าเลียตาเจ้านายของมันชุดใหญ่ จนร่างบางทนไม่ไหว ก่อนจะขาดอากาศหายใจเลยเอาของกินออกมาเรียกร้องความสนใจจากมัน พอเห็นลูกชิ้นเอ็นหมูของโปรดเจ้าดำก็ตาลุกวาวรีบถอยออกไปนั่งรออย่างใจจดจ่อเพราะจำได้ว่าก่อนกินเจ้านายของมันจะสั่งให้นั่งรอและขอมือก่อนนั่นเอง

"แน่ะ ยังไม่ทันขอเลย รีบจริงๆ " ร่างบางหัวเราะขำ เมื่อยังไม่ทันได้พูดว่าขอมือเจ้าดำก็ยกขาหน้ายื่นมาให้ทั้งสองข้าง ท่าจะหิวจัดจนรอไม่ไหว เธอเลยตอบแทนความน่ารักของมันด้วยลูกชิ้นที่ซื้อมาจนหมดถุง ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเจ้าดำก็กินหมดเกลี้ยงและรีบวิ่งตามเจ้านายของมันเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี

"พ่อจ๋าแม่จ๋า สวัสดีจ้า" เสียงใสดังแจ้วไปก่อนตัวเมื่อมองเห็นแผ่นหลังบุคคลอันเป็นที่รักยืนอยู่ไม่ไกล ทั้งสองกำลังช่วยกันทำกับข้าวเพื่อนำไปขายที่ตลาดนั่นเอง

"มาเลยๆ มาช่วยแม่เอ็งเร็วๆ เข้า นานๆ ทีจะเลิกเรียนไว พ่อจะแอบอู้สักหน่อย" คนเป็นพ่อกวักมือเรียกหาตัวช่วยอย่างไว เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ เนื่องจากรินลดายังเรียนอยู่และเลิกไม่เป็นเวลา กับข้าวส่วนใหญ่เลยจะเป็นพ่อกับแม่ที่คอยช่วยกันทำออกไปขาย

"แหม จะไปไหนก็ไปเลยไป ทำอะไรก็ชักช้า ไม่เหมือนตอนแม่ทำกับน้องหญิง ไวกว่าคนแก่ๆ บางคนตั้งเยอะ" อรนภาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่สามี มือที่ถือตะหลิวอยู่โบกไล่อย่างไม่จริงจัง เพียงหมั่นไส้ที่พอลูกมาก็รีบหนีไปอู้ทั้งที่ยังทำอะไรไม่เสร็จเลยสักอย่าง

"น้อยใจนะเนี่ย คำก็แก่ สองคำก็แก่ ยาหยีของพี่พูดจาไม่น่ารักเลย" ร่างบางถึงกับหลุดขำพรืดเมื่อได้ยินพ่อใช้เสียงสองหยอกเย้าแม่อย่างกับหนุ่มสาววัยรุ่น เธอมักจะได้ยินบ่อยๆ ยามที่พ่ออารมณ์ดี แต่ฟังเท่าไรก็ไม่ชินเลยสักที ไม่ต้องพูดถึงแม่ รายนั้นแทบจะเขวี้ยงตะหลิวใส่เพราะนอกจากจะไม่เขินแล้วยังขนลุกอีกต่างหาก

"ไปเลยนะ ก่อนตะหลิวจะบิน! " ร่างอวบถลึงตาใส่สามีอย่างเหลืออด อายุปูนนี้แล้วพูดจาอะไรไม่อายลูกบ้างเลย!

"จ้าๆ ไปแล้ว" ผู้เป็นสามีรีบเผ่นแนบออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าตะหลิวกำลังจะบินมาหาจริงๆ รินลดาได้แต่ยืนยิ้มจนปวดแก้มกับมุมหยอกกันน่ารักๆ ของพ่อกับแม่ นับว่าเธอยังมีแต้มบุญอยู่มากที่วันนั้นได้คุณสุรศักดิ์ยื้อชีวิตพ่อเอาไว้ นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็อยากจะขอบคุณท่านอีกสักร้อยครั้งพันครั้ง..

"ไงเรา.. ชีวิตเป็นยังไงบ้าง" อรนภายิ้มตามลูกชั่วครู่ ก่อนจะนิ่งไปแล้วถามขึ้นมา ไม่ได้เจาะจงเรื่องอะไรในชีวิตลูกเป็นพิเศษ แต่ร่างบางก็รับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่การถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอย่างปกติ

"ก็.. ดีค่ะ" เธอตอบกลับสั้นๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไรไปมากกว่านี้

"แม่เพิ่งรู้เรื่องข่าว.. เฮ้อ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกคนรวยๆ เขาคิดอะไรกันอยู่ ดีที่พ่อค้าแม่ค้าหาเช้ากินค่ำอย่างเราๆ เขาไม่สนใจข่าวซุบซิบของพวกคนรวยเท่าไร ไม่งั้นแม่ก็คงไม่รู้ว่าจะตอบพวกเขายังไง" พอไม่ได้คำตอบตรงใจผู้เป็นแม่เลยตัดสินใจพูดตรงๆ ก่อนร่ายยาวไปเรื่อยทำเหมือนบ่นเรื่องฝนฟ้าอากาศอย่างปกติ ทว่าน้ำเสียงกลับเจือไปด้วยความห่วงใยจนคนฟังรู้สึกได้

"หนู.. คุยกับคุณธันย์แล้วค่ะ เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของเขา หนูก็เลยคิดว่าจะลองคุยกับคุณท่านดู เผื่อท่านจะเห็นใจยอมยกเลิกงานแต่ง.." เสียงหวานเอ่ยบอกอย่างมีความหวังแต่ขณะเดียวกันพูดไปก็คล้ายจะมีความไม่มั่นใจอยู่หลายส่วน ดวงตาทั้งสองคู่ที่มองสบกันเต็มไปด้วยความสงสัยในหลายๆ เรื่องที่เหมือนๆ กัน

"แม่ไม่รู้หรอกนะว่าในข่าวมันจริงแท้แค่ไหน หรือในภายภาคหน้าลูกแม่จะต้องเจอกับเรื่องอะไร แต่แม่อยากให้หนูเชื่อฟังคุณท่านทั้งสองเป็นอันดับแรก ไม่อยากให้ไปถือสาหรือสนใจคำพูดของคนอื่นที่ไม่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา มีคนรักย่อมมีคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลก.. ที่แปลกเห็นทีจะเป็นคนที่เกลียดเราทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเราเลยเสียมากกว่า.." น้ำเสียงแม่ยามพร่ำสอนยังคงอ่อนโยนอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้ฟัง รินลดาระบายยิ้มบางเบา จิตใจซึมซับทุกคำสอนของแม่เอาไว้ในใจเพื่อใช้เตือนสติตัวเองเมื่อถึงคราวจำเป็น

วงแขนเล็กสวมกอดมารดาอย่างรักใคร่ เมื่อสบายใจขึ้นก็ชวนกันคุยสัพเพเหระไปเรื่องอื่น จนกระทั่งเตรียมอาหารเสร็จครบถ้วน ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันนำไปขายที่ตลาด เป็นภาพชินตาในทุกๆ วันของผู้คนที่พบเห็น บางคนมองพวกเขาด้วยความรู้สึกเฉยๆ แต่บางคนที่กำลังโหยหาความสุขหรือรอยยิ้มเต็มแก้มคงจะต้องมองมาที่พวกเขาด้วยความอิจฉาเป็นแน่..

..

หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเปิดอกคุยกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาตรงๆ รินลดาก็พยายามจะหาจังหวะเหมาะๆ คุยอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีโอกาสนั้นเลย จนกระทั่งวันนี้.. วันที่เธอมีเรียนช่วงสาย เมื่อทานข้าวเช้าพร้อมกันเสร็จร่างบางก็เดินถือจานผลไม้ที่ขอพี่น้อมมาจากในครัวไปนั่งลงข้างๆ คุณท่านทั้งสองที่ศาลาเรือนไทยในสวน ถ้ายังจำกันได้พี่น้อมคือพี่เลี้ยงที่คุณท่านมอบหมายให้คอยดูแลเธอตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาในบ้านอินทรเกษมกุล แต่ด้วยไม่เคยมีคนรับใช้ก็เลยไม่คุ้นชินและติดจะเกรงใจเธอจึงไม่เคยเรียกใช้อีกฝ่ายเลยสักครั้ง..

"หญิง.. เป็นอะไรไปจ๊ะ ทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด มีอะไรอยากพูดกับพ่อแม่ก็พูดได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" คุณหญิงสังเกตเห็นอาการลังเลแปลกๆ จากว่าที่ลูกสะใภ้เลยเอ่ยถามออกไปอย่างใจดี ไม่ว่าจะเรื่องอะไรน้อยใหญ่สักแค่ไหนก็อยากให้รินลดากล้าพูด ไม่อยากให้เก็บไว้เพราะคำว่าเกรงใจ

"คือว่า.. หนูอยากจะขอให้คุณพ่อคุณแม่พิจารณาเรื่องงานแต่งงานดูอีกทีน่ะค่ะ หนูเพิ่งรู้ว่าคุณธันย์มีแฟนอยู่แล้ว.." เสียงหวานค่อยๆ เอ่ยอย่างลำบากใจ ไม่ได้ขี้ขลาดจนอยากจะถอนตัว แต่เธอไม่อยากเป็นมือที่สามพรากความรักของใคร

"นึกว่าเรื่องอะไร.. ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น ถ้าพี่ธันย์เขารักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ คงพามาหาพ่อกับแม่นานแล้ว" คำตอบที่ได้ฟังทำร่างบางนิ่งอึ้ง ทั้งเรื่องที่คุณหญิงพูดเหมือนกับว่ารู้เรื่องคนรักของลูกชายอยู่แล้ว และเรื่องที่บอกว่าวรธันย์ไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นจริง ทั้งที่ตอนเธอถามเขาก็ยังแสดงออกว่ารักกันมากอยู่เลย ตกลงมันยังไงกันแน่..

"แต่ว่า..." ร่างบางกำลังจะแย้งว่าร่างสูงเองก็ไม่ได้รักเธอเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีโอกาสเมื่อถูกว่าที่แม่สามีขัดขึ้นมาเสียก่อน

"ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ.." น้ำเสียงคนพูดราบเรียบขึ้นกว่าปกติ ดวงหน้าอ่อนเยาว์ผุดรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจแปลกๆ ทั้งคำพูดและท่าทางก็ดูมีลับลมคมนัยจนคนฟังชักจะรู้สึกไม่ดีอยู่ลึกๆ

"ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกเจ้าหญิง พ่อแม่ทุกคนย่อมเลือกสิ่งดีๆ ให้กับลูกเสมอ.." คุณสุรศักดิ์ที่นั่งเงียบฟังอยู่นานเอ่ยตัดบทนิ่งๆ คำพูดที่มีความหมายโดยนัยทำคนฟังได้แต่นิ่งงัน จนปัญญาจะเซ้าซี้ต่อเพราะมองไม่เห็นทางเลยที่จะโน้มน้าวคนทั้งคู่ได้สำเร็จ

..

..

..

..

บรรยายเยอะหน่อยน้าาาาาา

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status