Share

ตอนที่ 7

Auteur: Aile'N
last update Dernière mise à jour: 2024-11-15 10:55:22

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 7

'หนูหญิงคือคู่หมั้นและว่าที่สะใภ้บ้านเราในอนาคตอันใกล้ ส่วนคนอื่นไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คู่ควงหรือคู่ขาที่มีไว้แก้เหงา...ทำนองนั้น เพราะถ้ารักกันจริงลูกชายดิฉันคงพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่นานแล้ว...'

เมื่อคลิปสัมภาษณ์ที่สามสาวนำมายัดเยียดให้ดูรันจนจบ ประโยคหนึ่งที่คนในคลิปพูดกับรินลดาไว้เมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที...

'ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ..'

แบบนี้นี่เอง...เพราะคุณหญิงนาฏยารู้ว่างานสังคมที่กำลังจะไปร่วมในตอนหัวค่ำจะต้องถูกสื่อทุกสำนักรุมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงพูดเป็นนัยแบบนั้นออกมา ทั้งคุณหญิงและคุณสุรศักดิ์ต่างให้สัมภาษณ์เอนเอียงมาทางเธออย่างไม่ไว้หน้าใคร ตอบชัดตอบตรงทุกประเด็นจนบรรดานักข่าวหมดข้อสงสัยไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันนี้บรรยากาศของผู้รอบข้างจึงเปลี่ยนไปอีกหน กระแสตีกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน เธออุตส่าห์ทำเฉยไม่อยากยุ่งให้วุ่นวาย แต่แม่สามสาว ฟิล์ม บี ต้นอ้อ ก็ช่างหวังดีหรืออยากรู้อยากเห็นก็ไม่แน่ใจ ชอบเอาข่าวมาให้ดูและซักไซ้ไล่เรียงถามราวกับซ้อมเป็นรักข่าวก็ไม่ปาน

"เนี่ยๆ ๆ! พ่อแม่เขาออกมาพูดซะขนาดนี้ ไม่เชื่อไม่ได้แล้วป้ะวะ" ฟิล์มเต้นเร่าด้วยความอิจฉา ตอนแรกเธอก็ไม่อยากจะเชื่อและไม่อยากยอมรับ แต่พอเห็นคนเป็นพ่อเป็นแม่ของฝ่ายชายออกมาพูดเสียขนาดนี้คงจะไม่ยอมรับไม่ได้อีกแล้ว

"นั่นน่ะสิ! นี่ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย" ไม่ใช่แค่ฟิล์ม ทั้งบีและต้นอ้อเองก็ไม่อยากจะยอมรับเช่นเดียวกัน

"เหมือนกัน! เห็นมาตลอดอ่ะว่าคุณธันย์ควงยัยป้านี่มาตั้งนาน แล้วแกไปฉกเขามาได้ยังไงวะ งงมาก! " ต้นอ้อยังคงทำหน้าคลางแคลงใจใส่รินลดาไม่หยุด ในสามคนเธอมีโอกาสได้ติดตามข่าวสารในวงการบันเทิงและแวดวงไฮโซมากที่สุด เลยเห็นมาตลอดว่าวรธันย์มีความสัมพันธ์อยู่กับเกวลินนางแบบตัวท็อปสุดเซ็กซี่ แต่จู่ๆ กลับกลายมาเป็นคู่หมั้นของเพื่อนร่วมเซค (ที่ไม่ค่อยสนิท) ไปเสียได้

"ใช่ๆ หญิง! แกตอบมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่ามันยังไงกันแน่อ่ะ"

"ใช่! ถ้าคราวนี้แกไม่ตอบก็ไม่ต้องขึ้นเรียนมันละ พวกฉันไม่ยอมให้แกผ่านไปง่ายๆ แน่! " สามสาวทำท่าทางขึงขัง พร้อมใจกันยืนจังก้ากางแขนขวางทางไม่ให้รินลดาผ่านไปได้ง่ายๆ ตากลมมองทั้งสามอย่างอ่อนใจ เธอไม่อยากพูดอะไร แต่ก็ไม่อยากขาดเรียนเช่นกัน ดูท่าพวกหล่อนคงจะไม่ยอมง่ายๆ เสียด้วย

"ตอบมา เร็ว! "

คนทั้งสามต่างรุมเข้ามาคาดคั้นร่างบางรอบทิศทางจนเธอต้องก้าวถอย ท่าทางคุกคามของพวกหล่อนทำเธอรู้แน่แก่ใจว่าไม่สามารถบ่ายเบี่ยงหรือชิ่งหนีได้เลยถ้าไม่ยอมตอบคำถามของพวกหล่อนให้กระจ่าง สมองน้อยๆ ที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่เนื่องจากมีเรียนเช้าพยายามคิดหาคำตอบดีๆ แต่ก็เหมือนแรงกดดันจากทั้งสามคนจะทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออกนัก

"คือ.. มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ พวกเขาตกลงกันเอง เราไม่ค่อยรู้หรอก" เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้ม ไม่เชิงว่าโกหกแต่ก็พูดไม่หมด..

"คลุมถุงชนน่ะหรอ! ? " สามสาวตาโตกับเรื่องที่ได้ฟัง

"ไม่! ไม่ใช่...เราเองก็มีส่วนตัดสินใจ" รินลดารีบปฏิเสธเพราะไม่อยากใช้คำนั้นเดี๋ยวคนฟังจะเอาไปลือในทางผิดๆ อีก

"แล้วแกก็ตกลง? อย่างว่าแหละ เป็นฉันๆ ก็ตกลง ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น" ฟิล์มเข้าขั้นเพ้อฝัน หล่อนประสานมือแนบอกทำหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับเป็นตัวเองที่ได้หมั้นหมายกับเขาคนนั้น

"จริงด้วย ฉันโคตรอิจฉาแกเลยว่ะ ต้องทำบุญด้วยอะไรวะถึงจะได้สามีหล่อๆ รวยๆ แบบนี้อ่ะ" คำถามของบีทำคนฟังยิ้มแห้ง คนนอกมองมาก็คงจะเห็นตรงกันว่าเธอกลายเป็นหญิงสาวผู้โชคดี เป็นที่น่าอิจฉาของคนอื่น.. แต่ถ้าพวกหล่อนรู้ความจริงว่าชายหนุ่มสุดเพอร์เฟ็คคนนั้นไม่ได้แสนดีอย่างภาพภายนอกที่เห็น พวกหล่อนยังจะหลงใหลได้ปลื้มเขาอยู่อีกหรือเปล่า

"งี้ตอนฝึกงานแกก็ต้องไปฝึกที่บริษัทเขาน่ะสิใช่ป้ะ" พอได้ยินคำถามของต้นอ้อรินลดาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังหาที่ฝึกงานไม่ได้เลย เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเสียด้วย

"ยังไม่รู้เลยอ่ะ ว่าจะลองหาด้วยตัวเองก่อน" เธอไม่มีความคิดที่จะอยากเข้าไปฝึกงานที่บริษัทอินทรเกษมกุลเลยสักนิด เพราะนั่นเท่ากับว่าเธอจะต้องเจอกับวรธันย์ทุกวัน ไม่แคล้วว่าไปกลับก็คงได้นั่งรถคันเดียวกันเป็นแน่ เธอไม่ได้อยากเจอเขาบ่อยขนาดนั้น ไม่เจอเลยยังจะดีเสียกว่า

"จะหาอีกทำไมวะ เป็นฉันนะ! ฉันไม่เสียเวลาไปหาที่อื่นหรอก สู้ไปฝึกที่บริษัทแฟนดีกว่า จะได้เจอหน้ากันทุกวัน คอยเฝ้าไม่ให้แมลงหวี่แมลงวันตัวเมียมาตอม! " ร่างบางได้แต่ยิ้มแห้งและพยักหน้าส่งๆ ไปอย่างนั้น เธออดทนให้สามสาวซักฟอกต่ออีกเล็กน้อยก็ขอตัวไปเรียน ซึ่งพวกหล่อนก็ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะวิชาแรกของวันเป็นของอาจารย์ป้าที่ไม่ได้ดุแค่หน้า..

..

"สวัสดีค่ะลุงพร" เสียงใสเอ่ยทักทายคนมารับอย่างร่าเริงเพราะวันนี้และนับไปอีกสามวันลุงพรจะเป็นคนคอยรับส่งแทนวรธันย์ที่ออกเดินทางไปสัมมนาที่ต่างประเทศตั้งแต่เมื่อวานตอนหัวค่ำ นั่นเท่ากับว่าเธอจะสบายอารมณ์และสบายหูไปอีกหลายวัน

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยมือบางก็ล้วงเอาโบชัวร์ของคณะที่อาจารย์ที่ปรึกษาให้มาขึ้นมาอ่าน เป็นรายชื่อบริษัทที่รับนักศึกษาเข้าฝึกงานโดยให้ข้อมูล คำชี้แนะและกำหนดเงื่อนไขต่างๆ มาเสร็จสรรพ แน่นอนว่าการแข่งขันสูงลิ่วและทุกบริษัทล้วนจำกัดจำนวนคนที่จะรับ โปรไฟล์ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง..

"ลุงพรรู้จักบริษัท xx มั้ยคะ" อ่านคร่าวๆ แล้วก็มีไม่ต่ำกว่าสามบริษัทที่รินลดารู้สึกสนใจ แต่หนึ่งในนั้นมีที่หนึ่งที่เธอสนใจเป็นพิเศษ นั่นคือบริษัทรับทำบัญชี แม้ขนาดไม่ใหญ่นักแต่ภาพรวมน่าสนใจไม่น้อยเลย อีกอย่างก็ตรงกับสาขาที่เรียนและดูเหมือนจะใกล้บ้านด้วย

"อืม.. อ้อ รู้จักครับ ลุงเคยขับผ่านบ่อยๆ สมัยยังไปรับส่งคุณท่านที่บริษัท จำได้ลางๆ ว่าไม่ไกลจากบริษัทคุณท่านมาก ทำไมหรอครับ? " ลุงพรทำหน้านึกคิดชั่วครู่ก่อนตอบ แววตาที่มองสบกันผ่านกระจกมองหลังเต็มไปด้วยความสงสัย

"หนูกำลังหาที่ฝึกงานอยู่น่ะค่ะ เลยอยากรู้ว่าบริษัทนี้อยู่ตรงไหน" ร่างบางยิ้มดีใจที่อีกฝ่ายรู้จัก จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาอ่านต่อโดยไม่ทันคิดว่าเรื่องนี้ควรหรือไม่ที่จะเล่าให้อีกฝ่ายฟัง..

"ทำไมคุณหญิงไม่ไปฝึกที่บริษัทคุณท่านล่ะครับ เวลาไปกลับก็ไปพร้อมคุณธันย์เลย ไม่ต้องไปหาที่อื่นให้วุ่นวาย" คิดได้ว่าไม่ควรก็ตอนชะงักเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างตื่นๆ ครั้นจะกลับลำก็ไม่ทันเสียแล้ว..

"เอ่อ...หนูอยากลองหาๆ ดูก่อนน่ะค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณท่านไปมากกว่านี้แล้ว" กรอกตาหลุกหลิกคิดหาคำตอบชั่วอึดใจก็หาเหตุผลที่เหมือนจะดี (ที่สุดแล้ว) เจอ พูดไปแล้วคิดตามก็เผลอพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับคำตอบของตัวเอง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอก็ไม่อยากรบกวนอะไรคุณท่านทั้งสอง อีกอย่างก็ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอใช้เส้นสายในการพาตัวเองเข้าไปฝึกงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนั้น

"รบกวนอะไรกันครับ เชื่อลุงสิว่าถ้าไปขอคุณท่านจะต้องยินดีมากเป็นแน่ เป็นการทำคุ้นชินไปด้วยไงครับเพราะเรียนจบยังไงคุณหญิงก็ต้องได้ทำงานกับคุณธันย์อยู่แล้ว" คนพูดมีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่รู้ตัวเลยว่าทำคนฟังชะงักนิ่งไปแล้ว.. ลืมนึกไปเสียสนิท! ว่ายังไงเธอก็หนีวรธันย์ไม่พ้น เมื่อแต่งงานกันยังไงเธอก็ต้องได้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทของเขาอยู่ดี

แค่คิดว่าได้ไปฝึกงานกับเขาก็เห็นหายนะรออยู่แล้ว..

..

"เอ้อ หญิง.. เห็นลุงพรบอกว่ากำลังหาที่ฝึกงานอยู่หรอจ๊ะ" เช้าวันต่อมาเรื่องหาที่ฝึกงานก็ถึงหูคุณท่านอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนบอก

"เอ่อ ค่ะ.." เธอตอบรับ ก่อนหลบตาทำเป็นก้มลงทานข้าวเช้าตามปกติ ทั้งที่ในใจเต้นระทึก ความหวังอันน้อยนิดที่ภาวนาว่าอย่าให้คุณหญิงนาฏยาชวนไปฝึกงานที่บริษัทยังคงมีอยู่ แม้จะแค่ริบหรี่ก็ตาม..

"ไม่ต้องหาแล้วนะ ไปฝึกกับพี่ธันย์ที่บริษัทเราดีกว่า ฝึกไว้ เรียนจบจะได้ไปทำด้วยกันอย่างเต็มตัว ดีมั้ยจ๊ะ"

ไม่เคยเลย.. ไม่เคยที่รินลดาจะสมหวังในสิ่งที่ภาวนา เธอพลาดเองที่เผลอไปเล่าให้ลุงพรฟัง ลุงพรเป็นคนของคุณท่าน ทุกเรื่องทุกความเป็นไปของเธอยังไงลุงพรก็ต้องรายงานให้พวกเขาทราบอยู่แล้ว.. จะปฏิเสธก็คงยากเต็มทีเพราะทั้งคู่มองมาอย่างคาดหวัง สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้ารับและฉีกยิ้มแห้งๆ ส่งไปเท่านั้น

..

หลังจากบทสัมภาษณ์ของคุณนาฏยาและคุณสุรศักดิ์เผยแพร่ออกไปเพียงไม่นาน ลูกสาวแม่ค้าขายกับข้าวอย่างรินลดาก็กลายเป็นที่สนใจของผู้คน โดยเฉพาะแวดวงไฮโซและเหล่านักธุรกิจ แม้จะเกิดกระแสไปในหลายทิศทาง ทั้งสนใจ ไม่สนใจ เฉยๆ หรืออาจจะเสียดายสำหรับใครที่เล็งชายหนุ่มไว้ให้ลูกสาวตัวเองสานสัมพันธ์ แต่ก็ไม่มีใครมีปัญหาอะไรกับชีวิตครอบครัวของคนอื่น

ยกเว้น.. เพจซุบซิบชื่อดังเพจหนึ่งที่ก็ไม่รู้ว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหนถึงได้ลงทุนสืบเสาะขุดค้นประวัติของร่างบางขึ้นมาประจานให้คนอื่นรับรู้ เน้นโจมตีแต่เรื่องไม่ดี ทั้งเรื่องที่เธอมีฐานะยากจน เป็นเพียงลูกแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ไม่มีอะไรเหมาะสมกับวรธันย์เลยสักอย่าง เนื้อหาข่าวเสียดสี ดูถูกดูแคลนกันอย่างออกนอกหน้า ไร้ซึ่งจรรยาบรรณ ทำเหมือนรู้จักเธอดีทั้งที่แต่ละอย่างที่บอกเล่าให้คนอื่นฟังมันก็แค่เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งในชีวิตของเธอเท่านั้น

รินลดาไม่ได้สนใจเรื่องที่เพจนั้นเอาชีวิตเธอไปป่าวประกาศบอกใครๆ ว่าเป็นเพียงลูกแม่ค้าเพราะเธอไม่เคยอายที่เกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ แค่ไม่ค่อยชอบใจถ้อยคำดูถูกแบบคนมีอคติของอีกฝ่าย คนเราไม่ว่าจะเป็นใคร ยากดีมีจนแค่ไหนก็ไม่สมควรจะถูกคนที่ไม่รู้จักเอาไปพูดเสียๆ หายๆ แบบนั้น นี่คงเป็นอีกเรื่องที่เธอต้องพยายามปล่อยวางให้ได้..

"คุณแม่สวัสดีค่ะ" เสียงใสเอ่ยทักคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสดใส นั่นเพราะวันนี้เป็นวันที่ดี..

"อ้าว ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก ไม่ต้องไปช่วยพ่อแม่ขายของแล้วหรอ? " คุณหญิงรับไหว้ก่อนทักกลับด้วยความแปลกใจ เพราะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วเพิ่งจะสี่โมงเย็นเท่านั้น ว่าที่ลูกสะใภ้ไม่เคยกลับบ้านเร็วขนาดนี้มาก่อน บางวันก็สามสี่ทุ่ม

"วันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่หนูค่ะ พวกท่านเลยหยุดหนึ่งวัน พากันไปเที่ยวรำลึกความหลังสมัยหนุ่มสาว หนูไม่อยากเป็นกอขอคอก็เลยกลับบ้านดีกว่า" ร่างบางฉีกยิ้มเต็มแก้ม แค่ได้เห็นพ่อกับแม่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คนที่มีความสุขมากกว่าคงหนีไม่พ้นเธอไปได้

"แหม น่าอิจฉาจังเลยน้า.. ดีเลย! ยังพอมีเวลา หนูกับพี่ธันย์เองก็ควรจะเติมความหวานให้กันบ้างนะจ๊ะ" คุณหญิงยกยิ้มตามอย่างเอ็นดู ฉับพลันก็เกิดความคิดดีๆ ขึ้นในหัวและไม่รอช้าที่จะพูดออกไป เพราะรินลดาทั้งเรียนและช่วยพ่อแม่ทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาสานสัมพันธ์ดีๆ กับวรธันย์สักเท่าไร ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปความรักคงไม่บังเกิด

รอยยิ้มเต็มแก้มเลือนหายไปทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ คนฟังทำหน้างงปนความหวาดระแวง ไม่รู้สิ.. แค่ได้ยินชื่อใครคนนั้นลางสังหรณ์ก็สะกิดบอกเธอแล้วว่าจะต้องมีอะไรยุ่งยากใจเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

"อย่างเช่น.. ดินเนอร์ใต้แสงเทียนเป็นไง ต้องดีแน่ๆ แม่จะจองโต๊ะให้เอง! " คุณหญิงนาฏยากระตือรือร้นยิ่งกว่าใคร จัดการวางแผนกระชับความสัมพันธ์ให้ลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้โดยไม่ถามไถ่ความสมัครใจเลยสักคำ

"เอ่อ คือ.. คุณธันย์เพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ให้เขาพักผ่อนเถอะนะคะ อีกอย่าง.. เขาคงไม่ได้อยากไป" รินลดารีบปฏิเสธอย่างไว พยายามหาเหตุผลที่เป็นปัญหาระหว่างกันมาอ้างเพื่อหวังให้คุณหญิงเปลี่ยนใจ ยิ่งบีบบังคับเขามากเท่าไรเขาก็จะยิ่งต่อต้าน แค่นี้ก็ไม่มีทางญาติดีกับเธอแล้ว

"คุณหญิงนาฏยาสั่งซะอย่าง ยังไงตาธันย์ก็ต้องไปจ้ะ! " คนฟังยิ้มค้างอย่างผิดหวัง คิดว่าจะเปลี่ยนใจว่าที่แม่สามีได้ บางทีก็แอบสงสัยนะว่าเห็นเหมือนจะใจดีแบบนี้...เผด็จการได้ใครกัน?

"ไปๆ ขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ไว้รอเลยนะจ๊ะ สักห้าโมงเดี๋ยวแม่ให้น้อมขึ้นไปตามนะ" คุณหญิงคะยั้นคะยอไม่ให้ร่างบางได้มีโอกาสปฏิเสธอีก เธอรู้ว่าลูกสะใภ้อิดออดไม่อยากเข้าใกล้ว่าที่สามีในอนาคต และก็รู้ด้วยว่าเจ้าลูกชายนิสัยเป็นยังไงเวลาโกรธหรือไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ถึงรู้คุณหญิงก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจในการบีบบังคับให้ทั้งคู่มาใกล้ชิดกัน เธออยากให้วรธันย์ได้สัมผัสนิสัยใจคอของว่าที่ภรรยาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด่วนตัดสินไปก่อนเพียงเพราะว่าถูกบังคับให้แต่งงานกัน

ร่างบางถอนหายใจอย่างปลงตกหลังบานประตูห้องปิดลง ให้ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนเพื่อเติมความหวานเนี่ยนะ? ยังไม่ทันได้ไปก็มองเห็นลางๆ แล้วว่าจะพังไม่เป็นท่า นอกจากไปรับส่งที่มหาวิทยาลัยแล้วเธอกับร่างสูงก็ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันอีกเลย คุยกันยังนับคำได้ แต่ละคำก็มีแต่ดูถูกถากถาง ก็ยังจะผลักไสเธอไปรองรับอารมณ์เขาอีก เติมความหวานบ้าอะไรกัน เติมความเกลียดชังน่ะสิไม่ว่า..

ร่างบางจำใจต้องไปอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่ง เพราะรู้ฐานะของร่างสูงเธอเลยเลือกชุดเดรสที่คุณหญิงซื้อมาใส่ตู้ไว้ให้มาใส่แทนชุดเก่าๆ ของตัวเองแต่งหน้าทำผมนิดหน่อยตามความสามารถเพื่อให้เกียรติเขา ไม่ให้คนอื่นเอาไปพูดในทางไม่ดี นั่งอ่านหนังสือรอไม่นานพี่น้อมก็มาตามให้ลงไปข้างล่าง ด้วยความหวังอันน้อยนิดเลยแอบถามอีกฝ่ายเสียหน่อยว่าสามีในอนาคตอันใกล้มีปฏิกิริยายังไงบ้างในตอนที่คุณหญิงบอกว่าวันนี้ต้องไปทานข้าวนอกบ้านกับเธอ

"คุณธันย์ก็...ไม่ว่าอะไรนะคะ" คำตอบที่ได้ไม่ใช่แค่รินลดาที่แปลกใจ คนพูดเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูตนเองเช่นกัน ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีกว่าวรธันย์ไม่เต็มใจจะแต่งงานกับรินลดา เขาโกรธมากถึงขั้นมีปากเสียงกับบุพการีอย่างรุนแรงและตอนนี้ก็คงเกลียดเธอเข้ากระดูก คำสั่งให้ไปดินเนอร์กันใต้แสงเทียนนั้นถามใครๆ ก็ต้องบอกว่าเขาไม่ไปแน่

เมื่อลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นใครคนนั้นยืนทำหน้านิ่งเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่กับผู้เป็นแม่ตรงตีนบันได พอรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของเธอดวงตาคู่คมก็ตวัดมามองนิ่งๆ แววตาเขาก็ยังคงเป็นดั่งวันวาน สะท้อนแต่ความดูถูกเหยียดยามมาที่เธอทุกครั้งที่สบตา แต่วันนี้ดูเหมือนจะมองประเมินการแต่งตัวของเธอมากเป็นพิเศษ..

"สวยจัง.. แม่นึกแล้วว่าชุดนี้จะต้องเข้ากับหนู" คุณหญิงเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มเต็มแก้ม เดรสขาวยาวถึงเข่า ปักลูกไม้บางๆ ประดับที่ต้นแขนและลำคอ เมื่อถูกคนสวยๆ สวมใส่ยิ่งขับให้สวยน่ามองยิ่งขึ้น เล่นเอาคนซื้อให้ปลื้มปริ่มจนหัวใจพองโต มองการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปของว่าที่ลูกสะใภ้แล้วก็อดเหล่มองปฏิกิริยาของลูกชายไม่ได้ แหม.. ปากบอกว่าเกลียดแต่มองค้างเลยนะเจ้าลูกชาย!

"อะแฮ่ม! รีบไปเถอะลูก เย็นๆ แบบนี้รถคงติดไม่น้อย รีบออกจะได้ไม่ถึงช้าจนเกินไป" คุณหญิงนาฏยาแสร้งทำเป็นกระแอมไอเรียกสติคนเหม่อ เธอเดินไปจูงมือว่าที่ลูกสะใภ้มายืนตรงหน้าลูกชายก่อนจับมือหนาหงายขึ้นแล้ววางมือบางทาบลงอย่างเนียนๆ ทำคนสองคนที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันขมวดคิ้วมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกได้ถึงความพยายามที่ออกจะ...เกินไป แค่ออกไปทานข้าว ทำเหมือนส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวไปได้

รินลดาไม่ได้ชักมือกลับเพราะเจ้าของมือหนาชักมือกลับไปก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้ทำ ร่างสูงไม่รอให้มารดาได้เอ่ยท้วงการกระทำนั้น เขาหมุนตัวเดินนำออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

"ไม่เป็นไร..แต่หนูต้องใช้โอกาสนี้โปรยเสน่ห์ มัดใจพี่ธันย์ให้ได้นะลูก! " คุณหญิงเมินท่าทีเฉยเมยของลูกชายโน้มตัวมากระซิบบอกร่างบางเสียงเข้ม น้ำเสียงและแววตามุ่งมั่นจริงจังจนน่าเหนื่อยใจ..

รินลดายิ้มแห้ง ไม่ตอบอะไรที่เป็นการรับปากหรือปฏิเสธ กล่าวลาว่าที่แม่สามีเล็กน้อยก่อนรีบเดินตามร่างสูงไป รู้สึกประหม่าพอสมควรกับการแต่งกายของตัวเองที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ เธอไม่เคยสวมชุดเนื้อผ้าดีราคาแพงขนาดนี้มาก่อน นอกจากจะเฝ้าระวังไม่ให้ยับแล้วเวลาทานอาหารก็คงต้องระวังไม่ให้แปดเปื้อน ชุดสวยๆ แบบนี้ถ้ามีตำหนิก็น่าเสียดาย..

ร่างสูงใหญ่ว่าที่สามีในอนาคตอันใกล้ยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจจะสนทนากับเธอเหมือนเคย แต่วันนี้ออกจะเงียบผิดปกติราวกับไม่มีอารมณ์จะพูดด้วย สังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนกรอบหน้าคมเข้ม.. นั่งคงเป็นสาเหตุ น่าเห็นใจเขาเหมือนกันนะ ทำงานมาก็เหนื่อย นี่ก็เพิ่งกลับจากสัมมนาที่ต่างประเทศเมื่อตอนเช้านี่เอง มาถึงก็แวะเข้าบริษัททันที ถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะหรอ.. ก็คุณหญิงอีกนั่นแหละที่คอยอัพเดตความเป็นไปของเขาให้เธอฟัง ไม่ถามสักคำด้วยว่าอยากรู้หรือเปล่า..

"คุณดูเหนื่อยๆ ...ไม่น่าไปรับปากคุณแม่เลยว่าจะมา" กลายเป็นรินลดาเสียเองที่อดทนต่อความเงียบนั้นไม่ไหว ชวนคุยออกไปอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกสวนกลับด้วยคำพูดแบบไหน

"หึ ไม่ดีใจหรือไง" คำตอบเขาก็เป็นไปอย่างที่คิด นอกจากจะมองไม่เห็นความหวังดีของใครแล้วยังตีความหมายไปเป็นอย่างอื่น คิดแต่ว่าอีกฝ่ายวางแผนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเขา

"แต่แย่หน่อยนะ...เพราะเธออาจจะต้องดีใจเก้อ" ไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างสูงก็เปรยขึ้นมาอีก ดวงตาคมชำเลืองมองมาก่อนหยัดยิ้มเย้ยอย่างร้ายกาจ ราวกับมีอะไรบางอย่างในใจ..

รินลดามองเสี้ยวหน้าคมอย่างไม่ไว้วางใจ ลางสังหรณ์ย้ำเตือนอีกแล้วว่าจะต้องมีอะไรเกิด เดาไม่ถูกว่าดีหรือไม่ดี แต่พิจารณาจากคนที่ไปด้วยแล้วคงไม่น่าจะดีสักเท่าไร..

ใช้เวลาพอสมควรทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง วรธันย์เดินนำเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว ไม่สนใจใยดีใครอีกคนที่ไม่เคยมาสถานที่โอ่อ่าแบบนี้เลยว่าจะเป็นยังไง ร่างบางไม่เรียกร้องเพียงพาตัวเองเดินตามอีกฝ่ายไปให้ทัน ไม่หลงกลางทางก็เพียงพอ

ทั้งคู่ขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่เป็นห้องอาหารสุดหรู รายล้อมไปด้วยกำแพงกระจกรอบด้าน มองเห็นวิวยามค่ำคืนที่ไม่ค่อยจะมีอะไรมากนักนอกจากตึกสูงๆ ที่ขยันสร้างขึ้นแข่งกันทุกวัน บริกรเข้ามาให้บริการทันทีเมื่อคนทั้งคู่เดินเข้าไป ร่างสูงแจ้งชื่อกับอีกฝ่ายก่อนจะถูกนำทางไปยังโต๊ะที่คุณหญิงได้จองไว้...

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น เพียงแต่ว่าโต๊ะที่ถูกจองไว้ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ควรจะเป็น ดวงตากลมสวยสบเข้ากับใครบางคนที่นั่งรออยู่อย่างหน้าชื่นตาบาน ราวกับว่าไม่ได้มาเป็นส่วนเกินของใคร จังหวะเดียวกันที่กำลังนิ่งอึ้งก็แว่วได้ยินเสียง 'หึ' จากร่างสูงข้างกาย..

"มีแฟนฉันนั่งด้วย...เธอคงไม่ว่าอะไรนะ"

นั่นไม่ใช่ประโยคคำถามอย่างแน่นอนเมื่อคนพูดเดินหนีไปที่โต๊ะโดยไม่รอฟังคำตอบ

อย่างนี้นี่เอง...เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงยอมมากับเธอง่ายดายนัก ที่แท้ก็มีแผน!

..

..

..

..

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status