Masukพรนับพันเตรียมสะพายกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปทานอาหารกับสามีเหมือนอย่างเช่นเคย แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปจากห้องภัสกรก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
“วันนี้ไม่ต้องไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารข้างนอก” เขาบอกเสียงเรียบแล้วยกศอกขึ้นให้เธอควงแขนแต่พรนับพันทำเป็นไม่เห็นแล้วแกล้งทำเป็นเช็กของในกระเป๋าทำให้เขาต้องลดศอกลง
“จะไปได้หรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดูหงุดหงิด
“ค่ะ ไปสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้แก่เขา
ทั้งคู่เดินไปด้วยกันเมื่อผ่านห้องทำงานของพรศักดิ์เขาก็เปิดประตูออกมา สองหนุ่มต่างวัยสบตากันเล็กน้อยแล้วต่างคนก็ต่างเมินกัน
“เค้กไปทานอาหารกับคุณภัสกรนะคะ”
“มีเงินพกไปไหมล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาเงินให้”
“ไม่เป็นไรครับ ‘เมีย’ คนเดียวผมมีปัญญาเลี้ยง” ภัสกรปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม
“ครั้งก่อนนี้คงหมดปัญญาสินะ ถึงได้ให้เมียจ่ายเอง” พรศักดิ์พูดเหน็บอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะกลับไป
พรนับพันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาภัสกรออกไปจากตรงนั้น
“เค้กไปก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวรถจะติด” เธอบอกบิดาแล้วควงแขนสามีออกไป เพราะหากว่าทั้งสองคนทะเลาะกันคนที่จะได้รับผลกระทบก็คือตัวเธอเอง
ระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบ ในขณะที่เธอเองก็เงียบเพราะไม่อยากมีปัญหากับเขา ปกติใบหน้าที่ดูเฉยชาชวนให้เธออึดอัดอยู่แล้ว พอมาเจอใบหน้าที่ดูบึ้งตึงอารมณ์ดูโกรธขึ้งก็ยิ่งทำให้เธอต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
แต่เมื่อไปถึงร้านอาหารภัสกรที่หน้าตาดูไม่สบอารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มกับพรนับพันจนเธอทำตัวไม่ถูก แล้วยังยื่นเมนูอาหารมาให้เธอเลือก
“คุณอยากทานอะไรก็สั่งเลยนะ ผมทานได้หมด อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง”
“พี่ภัส มากับใครคะ” เสียงของสิรินาถดังขึ้นมาแล้วถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะด้วย โดยเลือกนั่งฝั่งเดียวกันกับภัสกร
พรนับพันเริ่มเอะใจเขาขอให้เธอทานอาหารกลางวันกับเขาทุกวันย่อมมีเหตุผลมากกว่าจะทำให้ทั้งคู่คุ้นเคยกันแล้วนำไปสู่การมีทายาทตามที่เขาอ้างไว้แน่
‘ดูแล้วคงจะให้เรามาเป็นไม้กันหมา กันสาวๆ ออกไปจากเขาแน่’ เธอนึกในใจอย่างรู้ทันแต่ก็ยอมตามน้ำไป เพราะการให้ความร่วมมือเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุดในการอยู่ร่วมกับเขา
“ใครเหรอคะ พี่ภัส” พรนับพันหันไปถามเขาเสียงเบาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนว่าสงสัยและตัดพ้ออยู่ในที แต่สรรพนามที่เรียกนั้นทำให้ภัสกรเลิกคิ้วสูง
“เอ่อ...”
“ว่ายังไงล่ะคะพี่ภัส” สิรินาถถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูแง่งอน
“นาถ นี่คือเค้ก...”
“คนรักของพี่ภัสค่ะ แล้วคุณเป็นใครเหรอคะ” พรนับพันถามแทรกในขณะที่สามีในนามยังแนะนำตัวเธอไม่จบ
“นาถเขาเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อผมน่ะ” ภัสกรหันมายิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น จนพรนับพันสงสัยว่าอดีตคนรักของเขาก็คงได้รับรอยยิ้มแบบนี้อยู่เสมอ มันคงเป็นอีกด้านของเขาเวลาแสดงความรักต่อใครสักคน
แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงการแสดงละครเท่านั้น
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” พรนับพันหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย ท่าทีของหญิงสาวที่แสดงออกถึงการควบคุมสภาวะอารมณ์ไม่ได้ก็ไม่แปลกใจเลยที่ภัสกรจะไม่สนใจเธอ
“นาถขอนั่งทานด้วยคนนะคะ” สิรินาถพูดเสียงเหยียด มองหน้าเธอแสดงออกว่าไม่ชอบใจและไม่เชื่อที่ภัสกรแนะนำสถานะว่าอีกฝ่ายเป็นคนรักใหม่
เขากับรัตติกาลรักกันปานจะกลืนขนาดนั้น เวลาที่เขาโสดไม่กี่เดือนจะมีคนรักใหม่อย่างรวดเร็วมันเป็นสิ่งที่เชื่อได้ยาก
“เค้กว่ายังไงครับ” เขาหันไปถามเธอเพื่อให้หญิงสาวช่วยตัดสินใจ ราวกับว่าจะทำอะไรก็ต้องถามเธอก่อนเพื่อให้เกียรติในการตัดสินใจ
“จริงๆ ก็อยากทานกับพี่ภัสสองคนนะคะ แต่ในเมื่อคุณนาถเธอถือวิสาสะนั่งลงขนาดนี้แล้ว หากจะให้เธอลุกไปก็คงเสียมารยาท” พรนับพันหันไปพูดด้วยท่าทียิ้มๆ แบบสบายๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าประโยคที่พูดนั้นทำเอาสิรินาถหน้าชาไม่น้อย
ภัสกรยิ้มอย่างพอใจที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ
พรนับพันสั่งอาหารมาห้าอย่างโดยไม่ได้ยื่นเมนูให้สิรินาถได้เลือก แล้วหันไปยิ้มให้สามี
“พี่ภัส ขยับมานั่งข้างเค้กดีกว่านะคะ เค้กไม่สะดวกใจให้ใครมานั่งข้างพี่ภัส” พรนับพันพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย มันรู้สึกกระดากปากแต่ก็รู้ว่ามันคงทำให้เขาพอใจหากเธอทำให้หญิงสาวตรงหน้าถอยห่างออกไปได้
“ดูรักกันดีจังเลยนะคะ” สิรินาถข่มน้ำเสียงพูดออกมาแล้วยิ้มให้แบบไม่เต็มใจนัก
“ก็ต้องรักกันสิคะ ไม่อย่างนั้นจะคบกันทำไม คุณนาถพูดแปลกๆ นะคะ”
ภัสกรมองสองสาวต่อปากต่อคำกัน คิดว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่ดึงพรนับพันมาเล่นในเกมนี้ เพราะเขาเกรงใจบิดาของสิรินาถทำให้บางครั้งก็ไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจเธอได้
สิรินาถหรี่ตามองทั้งคู่อย่างจับผิด จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เชื่อว่าพรนับพันที่แสนจืดชืดและดูไม่มีอะไรน่าสนใจจะเป็นคนรักของผู้ชายที่เธอหมายตา
เมื่ออาหารทยอยนำมาเสิร์ฟ พรนับพันก็ตักอาหารให้สามีอย่างเอาใจ เป็นเมนูที่สิรินาถจำได้ว่าภัสกรไม่ชอบ “นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพี่ภัสไม่ทานอาหารรสจัด”
“ตายจริง แสดงว่าที่ผ่านมาพี่ภัสทานอาหารรสจัดเหล่านี้กับเค้กมาตลอด เป็นเพราะว่าต้องการเอาใจเค้กเท่านั้นเหรอคะ” พรนับพันแกล้งทำเป็นว่าใจหาย
“ถ้าไม่ชอบทานก็บอกเค้กสิคะ ไม่จำเป็นต้องฝืนเอาใจเค้กจนลำบากตัวเองแบบนี้”
“พี่ไม่ได้ฝืนนะ อะไรที่เค้กตักให้พี่ทานได้หมดนั่นแหละ” เขาแกล้งพูดอย่างเอาใจทำให้สิรินาถนั้นรู้สึกหมั่นไส้ผู้หญิงตรงหน้าเป็นอย่างมาก เพราะดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจยั่วโมโห
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลุกไปจากโต๊ะอาหาร เธอนั่งมองทั้งคู่แสดงความหวานแก่กัน พยายามจับผิดว่าภัสกรมีใจให้แก่อีกฝ่ายมากแค่ไหน
พอถึงเวลาจ่ายเงิน พรนับพันล้วงเข้าไปในเสื้อของสามี เขาปรายตามองเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร สิรินาถมองสิ่งที่พรนับพันทำแล้วรู้สึกใจสั่นด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายใกล้ชิดกับภัสกรถึงขั้นล้วงกระเป๋าเงินเขาออกมาจ่ายค่าอาหารเองแบบนี้
พรนับพันหันไปยิ้มให้เธอ แล้วชูกระเป๋าของสามีให้อีกฝ่ายดูเพื่ออวดความใกล้ชิดกับภัสกร ทำให้สิรินาถทนภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าไม่ได้ แล้วตัดสินใจขอตัวกลับในตอนนั้น
“ขอตัวนะคะ ขอบคุณสำหรับมื้ออาหาร”
“ด้วยความยินดีค่ะ” พรนับพันรับคำขอบคุณแทนสามี แล้วยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นต่อ สิรินาถจึงรีบเดินกระแทกส้นเท้าออกไปทันที
ภัสกรยิ้มอย่างพอใจที่ภรรยาในนามนั้นทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้
************************
พรนับพันเตรียมสะพายกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปทานอาหารกับสามีเหมือนอย่างเช่นเคย แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปจากห้องภัสกรก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน“วันนี้ไม่ต้องไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารข้างนอก” เขาบอกเสียงเรียบแล้วยกศอกขึ้นให้เธอควงแขนแต่พรนับพันทำเป็นไม่เห็นแล้วแกล้งทำเป็นเช็กของในกระเป๋าทำให้เขาต้องลดศอกลง“จะไปได้หรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดูหงุดหงิด“ค่ะ ไปสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้แก่เขาทั้งคู่เดินไปด้วยกันเมื่อผ่านห้องทำงานของพรศักดิ์เขาก็เปิดประตูออกมา สองหนุ่มต่างวัยสบตากันเล็กน้อยแล้วต่างคนก็ต่างเมินกัน“เค้กไปทานอาหารกับคุณภัสกรนะคะ”“มีเงินพกไปไหมล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาเงินให้”“ไม่เป็นไรครับ ‘เมีย’ คนเดียวผมมีปัญญาเลี้ยง” ภัสกรปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม“ครั้งก่อนนี้คงหมดปัญญาสินะ ถึงได้ให้เมียจ่ายเอง” พรศักดิ์พูดเหน็บอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะกลับไปพรนับพันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาภัสกรออกไปจากตรงนั้น“เค้กไปก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวรถจะติด” เธอบอกบิดาแล้วควงแขนสามีออกไป เพราะหากว่าทั้งสองคนทะเลาะกันคนที่จะได้รับผลกระทบก็คือตัวเธอเองระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบ ในขณะที่เธอเองก็เงียบเพราะไม่อยากมีปัญ
“อะไรนะคะ คุณจะให้ฉันไปทานข้าวกับคุณทุกวันอย่างนั้นเหรอ” พรนับพันถามอย่างไม่เชื่อหูที่อยู่ๆ เขาก็บอกให้เธอไปทานอาหารกลางวันกับเขาที่บริษัท“อืม ฟังไม่ผิดหรอก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติแล้วตักอาหารใส่ถ้วยข้าวของเธอ“เพื่ออะไรคะ คุณมีแผนอะไรจะ...เอ่อ มีแผนจะทำอะไรคะ” เธอเปลี่ยนไปพูดอีกแบบ เกือบพลั้งปากถามว่ามีแผนอะไรจะแกล้งเธออีก“ก็อยากรีบมีลูกแล้วหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ จะนอนกับคนที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมาก่อนก็คงจะทำใจลำบาก ผมเลยอยากให้เราทำความคุ้นเคยกันไว้ก็เท่านั้น”พรนับพันฟังเหตุผลของเขาแล้วหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินที่เขาพูดเรื่องมีลูกกลางโต๊ะอาหาร โชคดีที่เป็นห้องส่วนตัวที่ได้ยินกันแค่สองคน“ว่ายังไงล่ะ” เขาถามแล้วเลิกคิ้วสูงเพื่อรอคำตอบเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีเธอจึงรีบรับปากเขาเพื่อรักษาอารมณ์ที่เป็นปกติของคนทั่วไปนี้เอาไว้ แม้จะไม่ใช่อารมณ์ปกติของเขาก็ตาม“ได้ค่ะ ฉันจะไปทานอาหารกับคุณทุกวัน”“แล้วอีกอย่างนะ”“อะไรคะ”“ถ้าไม่เป็นการฝืนใจ เรียกแทนตัวเองอย่างที่ผมเคยขอด้วยก็ดีนะ” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่คุมให้นุ่มนวลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง“ค่ะ” เธอรับปากเขาแล้วยิ้มให้เล็
เรื่องราวอีกด้านของรัตติกาลหรือกัญญาที่ภัสกรรับรู้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกเธอหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมนั้น มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้รับความรักจากครอบครัวที่อุปการะเธอ หรือบางทีอาจจะถูกพ่อบุญธรรมคิดทำมิดีมิร้ายถึงได้หนีออกมาแล้วต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นตามเจอ“เกล ชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ” เขาพึมพำหาเธอด้วยความห่วงใยแม้ลึกๆ จะนำข้อมูลนั้นมาปะติดปะต่อแล้วแอบคิดในแง่ร้ายแต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักที่ดีต่อเขาเสมอมา และไม่เคยเรียกร้องเงินทองหรือสิ่งมีค่าจากเขาเลย มันก็ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้วสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปในขณะที่ภัสกรโหมทำงานอย่างหนักเพื่อให้หยุดคิดในสิ่งที่นักสืบเอกชนรายงานเพื่อให้เขาคิดกับเธอในมุมมองที่เลวร้าย เสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าความวุ่นวายที่เคยหายไปกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว“เข้าไปไม่ได้นะครับ” วาทินพยายามห้ามปรามหญิงสาวทั้งสองสิรินาถและซอนญ่าใช้ความเร็วและความเป็นผู้หญิงที่วาทินไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเดินหน้าเข้าหาวาทินจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วอาศัยจังหวะนั
ภัสกรกลับไปที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรนับพันเลยแม้แต่นิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลกับความต้องการตามธรรมชาติของตนแน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านั้นสร้างมาเพื่อที่จะทำให้พรศักดิ์รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจเธอเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวเธอเต็มที่ตามข้อตกลง รวมไปถึงสิทธิ์ที่เป็นสามีตามกฎหมาย แต่เพราะไม่อยากทำผิดต่อรัตติกาลจึงไม่ได้ลงมือทำมันลงไป“ให้ตายตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไป บ้าฉิบ” เขาสบถด่าตัวเองด้วยความโมโหทั้งกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไป และกังวลว่าหากตามตัวคนรักกลับมาได้จะทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งยุ่งยากและวุ่นวายมากกว่านี้หลังจากเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างคิดไม่ตก เขาจึงตัดสินใจจะไปหาเครื่องดื่มดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน และความคิดในหูที่ดังขึ้นมาว่าเขาควรจัดการพรนับพันไปให้จบๆ“ไม่มีทาง” ภัสกรพูดออกมาสู้กับความคิดของตนเองเขาดื่มบรั่นดีในมือแล้วรู้สึกโมโหตัวเอง หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้อนแล้วขาดสติทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้งและครั้งนี้ข้อเสนอท
หลังจากที่ปล่อยให้พรนับพันต้องอยู่ที่ร้านอาหารหรูที่รับเฉพาะเงินสด โดยปราศจากกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสาร ภัสกรก็ตรงกลับมาที่บริษัทของตนด้วยความสะใจเมื่อเขาไปถึงวาทินก็รีบนำเอกสารโครงการต่างๆ ที่มีคนฝากไว้มาเปิดให้เขาดู“วันนี้มีอะไรอีกไหม”“ไม่มีครับ มีแค่โครงการที่ฝ่ายขายขอส่วนลดให้ลูกค้า และงบประมาณที่ฝ่ายบุคคลขอเบิกเพื่อจัดงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่คุณวิรากานต์อยากจะขอคำปรึกษา” วาทินรายงานแล้วก้มหน้าลง เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ต้องไม่พอใจกับอย่างหลัง“แค่งบปฐมนิเทศฝ่ายบัญชีตรวจสอบกันเองไม่ได้หรือไง ทำไมต้องถึงมือฉันด้วย” เขาถามแล้วจรดปากกาเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายขายหลังจากกวาดตาอ่านเรียบร้อยแล้ว“เอ่อ คุณวิรากานต์อยากจะเข้ามาคุยกับบอสถึงเรื่องนี้ด้วยครับ เธอว่างบมันดูแปลกๆ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าก็สมเหตุสมผล แต่เธอยืนยันว่าอยากคุยกับนายด้วยตัวเองครับ” วาทินรายงานตามที่อีกฝ่ายยืนยันความประสงค์มา แม้รู้ว่าภัสกรจะไม่ชอบใจกับการพยายามเข้าหาของเธอ แต่ด้วยตำแหน่งของวิรากานต์เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้“บอกว่าฉันอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบุคคลขอ และช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่อยากพบใครเป็นการส่วนตัว” เข
พรศักดิ์ไปรับลูกสาวกลับพร้อมกับจ่ายเงินค่าอาหารให้ พรนับพันนำอาหารพวกนั้นไปแจกจ่ายให้พนักงาน แล้วเอาขวดไวน์ราคาเหยียบหมื่นมาตั้งที่โต๊ะของตัวเองแล้วมองมันด้วยความเจ็บใจน้ำตาพานจะไหลแต่ก็ต้องทำเป็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเพื่อความสบายใจของบิดา“พ่อว่าเขาตั้งใจแกล้งเค้ก พ่อดูออก”“ไม่หรอกค่ะพ่อ เขารีบกลับไปทำงานด่วน เค้กผิดเองที่ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้เอากระเป๋าไป เลยให้เขากลับไปทั้งอย่างนั้น ขอโทษนะคะที่ต้องรบกวนให้พ่อไปจ่ายให้” หญิงสาวบอกบิดารับความผิดเอาไว้เอง“เฮ้อ ช่างเถอะ” พรศักดิ์ถอนหายใจออกมา แม้ว่าพรนับพันจะลืมว่าตัวเองไม่ได้พกกระเป๋าไปก็จริง แต่เขาควรฝากเงินไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหารให้ กานดาที่ออกไปทำบุญกับเพื่อนกลับมาในตอนบ่าย เธอเข้ามาที่ห้องทำงานของลูกสาวหลังจากได้ยินเลขานุการของสามีบอกว่าเขาออกไปรับเธอกลับมาเพราะถูกภัสกรทิ้งไว้ที่ร้านอาหาร“เกิดอะไรขึ้นลูก” กานดาเข้ามาก็ถามในประเด็นที่ตนสงสัยพรนับพันจึงเล่าเรื่องที่เกิดให้มารดาฟังให้เข้าใจแบบเดียวกันกับบิดา“เขาคงไม่ตั้งใจหรอก ถึงจะเคียดแค้นแค่ไหน แต่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่โตอายุอานามก็จะสี่สิบ เขาไม่เอาเวลามากลั่นแกล้งกันด้วยเรื่องเล็







