“เอ...แล้วมันเรื่องอะไรกันนะ ใหญ่พอจะรู้ไหมลูก” ดวงดาราหันมาถามบุตรชายที่เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่อยากรู้เรื่องนี้
“ผมไม่ทราบครับคุณแม่” จอมทัพตอบตามตรง
การสนทนาของคนภายในห้องยุติลง เมื่อลิขิตก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับนภาพรภรรยาน้อย สกาวใจมองค้อนสามี ก่อนจะจิกสายตาใส่นภาพรที่ยกมือไหว้
แต่แทนที่นานๆ จะได้อยู่กันพร้อมหน้าสักครั้ง สีหน้าทุกคนจะชื่นมื่น ตรงกันข้ามกลับมีความอึดอัดลายล้อมไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะสกาวใจ ผู้สูงวัยอายุเจ็ดสิบปีที่ไม่อยากจะมานั่งอยู่ในห้องนี้ แต่ก็จำยอมมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“มีอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า ฉันรู้สึกคลื่นไส้เมื่อเห็นหน้าใครบางคน เดี๋ยวความดันฉันขึ้น”
สกาวใจเชิดหน้าพูดใส่สามี ปรายตามองนภาพรภรรยาน้อยอย่างเกลียดชัง อยากจะลุกขึ้นไปกระชากผมแล้วตบหน้าให้สาสมกับความคั่งแค้นในจิตใจ
“นานๆ ทีจะอยู่กันพร้อมหน้า พูดดีๆ กันไม่ได้หรือไง”
ลิขิตอ่อนใจเรื่องนี้ไม่น้อย แล้วรู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรให้อภัย เขาจึงไม่คิดโกรธเคืองในคำพูดของสกาวใจที่มักจะพูดเหน็บแนมและแขวะเนืองๆ
“คุณไม่เป็นฉัน คุณไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง คุณทำแบบนี้เท่ากับหยามหน้าฉันนะ”
สกาวใจแหวใส่สามี ที่นั่งถอนใจอย่างระอา แต่เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะความผิดติดตัว เสมือนชะนัดติดหลัง
“เอาล่ะ ผมจะพูดเรื่องที่ตั้งใจจะพูดก็แล้วกัน บรรยากาศมันจะได้ไม่อึดอัดไปมากกว่านี้”
“งั้นก็รีบพูดมา ฉันจะได้ขึ้นไปพักผ่อน”
สกาวใจยังคงทำเสียงแข็งใส่สามี พร้อมกับตวัดตามองภรรยาน้อยที่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วยความชิงชัง
“คุณพ่อมีเรื่องอะไรครับถึงได้เรียกมารวมตัวกันที่นี่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ”
น้ำเสียงนี้เป็นของวิมุตที่อยากรู้ไม่น้อยว่า เหตุผลของการรวมตัวครั้งนี้คืออะไร
“เรื่องที่พ่อจะพูดก็คือ พ่อจะให้ใหญ่แต่งงาน พ่อหาผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียใหญ่ไว้แล้ว”
ทุกคนที่ได้ยินเรื่องสำคัญนี้ ต่างพากันตกใจเพราะไม่คิดว่า หัวข้อเรื่องจะออกมาเป็นรูปแบบนี้ โดยเฉพาะจอมทัพที่ตกใจมากที่สุด รีบค้านทันท่วงที
“ไม่ครับคุณปู่ ผมไม่แต่ง ยังไงผมก็ไม่แต่ง” จอมทัพ ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปี ผู้ครองตัวเป็นโสดเพื่อรอวันแต่งงานกับหญิงสาวอันเป็นที่รัก เอ่ยเสียงดังฟังชัด ประกาศจุดยืนชัดเจน “ผมไม่มีวันแต่งงานกับใครนอกจากน้ำหวานคนเดียว”
“แต่แกต้องแต่งกับผู้หญิงที่ฉันหาให้ ถ้าไม่แต่งแกกับฉันขาดกัน”
ลิขิตตอบกลับเสียงกร้าว ด้วยท่าทีไม่ยอม จ้องมองหลานชายเขม็ง บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึดอัดมากขึ้น และมีความตกใจเข้าแทรก เป็นเพราะทุกคนไม่เคยได้ยินน้ำเสียง รวมทั้งท่าทางแข็งกร้าวของลิขิตเช่นนี้มาก่อน ลิขิตไม่เคยบังคับลูกหลานให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการ เขาจะถามความสมัครใจของลูกหลานทุกครั้งว่า เต็มใจทำในเรื่องที่ตนบอกหรือไม่ แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่ ประมุขของบ้านใช้วิธีบังคับและความเผด็จการเป็นที่ตั้ง
“คุณนึกยังไงถึงหาเมียให้ใหญ่ ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจหลานเลย หรือว่าถูกใครเป่าหู” สกาวใจไม่วายแขวะนภาพร
“คุณอย่านอกเรื่อง เรื่องนี้ผมคิดเอง แล้วมันจะต้องเป็นไปตามที่ผมต้องการด้วย” ลิขิตยังคงเสียงแข็งเช่นเดิม “แล้วแกก็ต้องทำตามที่ฉันต้องการการด้วย”
“ผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ผมจะแต่งงานกับน้ำหวานคนเดียวครับคุณปู่”
จอมทัพประกาศจุดยืนของตนเองที่ตั้งมั่นมากว่าสิบห้าปี ในหัวใจของเขามีเพียงธนัสสรณ์คนเดียว จะให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า เขาทำไม่ได้ อีกประการหนึ่งเขาได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับเธอไว้ว่า เจ้าสาวของตนคือ ธนัสสรณ์คนเดียวเท่านั้น
“แกจะแต่งกับน้ำหวานไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอม แกต้องทำตามที่ฉันบอก ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก แล้วแกก็ต้องไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ อ้อ...ไปแต่ตัวนะ ฉันจะยึดทุกอย่างที่เป็นของแก”
ลิขิตใช้ไม้เด็ดเพราะนึกว่ามันจะได้ผล และคำพูดประโยคนี้เองที่ทำให้ทุกคนในห้องพากันเงียบกริบ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความตกใจ สกาวใจไม่เคยเห็นสามีเป็นเช่นนี้มาก่อน ท่าทางเอาจริง ไม่ยอมอ่อน ไม่ใช่นิสัยของลิขิต นางเริ่มสงสัยแล้วว่า ต้องมีเหตุผลซ่อนเร้นอยู่ ไม่เช่นนั้นลิขิตคงไม่บังคับถึงขั้นตัดญาติขาดมิตร
“คุณปู่อยากทำอะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะถึงยังไงผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแน่นอน ผมไม่กลัวอดตายอยู่แล้ว มีสมองและสองมือผมเชื่อว่า ผมอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งมรดกของคุณปู่”
จอมทัพไม่ใส่ใจหากลิขิตจะทำตามที่ประกาศ เขาไม่แคร์เรื่องทรัพย์สมบัติเพราะคิดว่า ตนเองมีความสามารถพอที่จะยืนอยู่ด้วยลำขาของตัวเอง
“คุณพ่อครับ ผมว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะครับ ค่อยๆ พูดกัน” วิมุตนิ่งอยู่เฉยไม่ได้ สถานการณ์เริ่มด่ำดิ่งลงเหวทุกขณะ บิดาเขามีทีท่าแข็งกร้าว ในขณะที่บุตรชายก็ไม่ยอมถูกคลุมถุงชน ก่อนจะหันมาปรามลูกชายที่อารมณ์ไม่สู้ดีนัก “ใหญ่ก็ใจเย็นๆ อย่าพูดกับคุณปู่แบบนี้”
“แกอย่ามาทำผยองกับฉันนะ แกอย่าลืมสิว่า ที่แกยืนอยู่ในสังคมจนถึงทุกวันนี้ สุขสบายบนกองเงินกองทอง มีคนนับหน้าถือตาเพราะใคร ถ้าไม่เพราะฉัน หัดสำนึกในบุญคุณบ้าง ไม่ใช่มาพูดจาราวกับไม่เห็นหัวฉันแบบนี้” ลิขิตพูดเหมือนทวงบุญคุณ
“ผมเคารพรักคุณปู่เสมอ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมยอมไม่ได้ ชีวิตเป็นของผม ผมขอเลือกเอง แล้วผมก็ขอเลือกไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น อย่างที่บอกไปผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยคือน้ำหวาน”
จอมทัพพยายามใจเย็นให้มากที่สุด อย่างน้อยลิขิตก็เป็นปู่และเป็นผู้มีพระคุณของตน ทว่าเรื่องชีวิตคู่ เขาขอลิขิตเอง ไม่ยอมถูกคลุมถุงชนเด็ดขาด “ผมขอตัวนะครับ ผมคิดว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
จอมทัพลุกเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันทีที่พูดจบ เพราะคิดว่า ถึงอยู่ต่อไปก็คงไม่พ้นมีปากเสียงกับลิขิต เขาไม่อยากจะปะทะคารม แสดงกิริยาที่ทำให้เห็นว่าไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้าน อีกทั้งเขาเองก็ไม่มีวันยอมทำตามความต้องการของคนเป็นปู่ ฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ในห้องนี้ สู้ไปสงบสติอารมณ์ในห้องน่าจะดีที่สุด
Chapter 74“สามีคุณแก้วน่ารักมากนะคะ ใส่ใจคนแก่ด้วย” ป้ามดเอ่ยชมจอมทัพ “คุณแก้วโชคดีเหลือเกินที่มีสามีดีแบบนี้”ศรัยญายิ้มบาง เธอไม่บอกความจริงให้นางดมรับรู้เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของตนกับจอมทัพ หากนางมดรู้ นางจะไม่พูดประโยคนี้ออกมา ทว่าเป็นเธอเองที่วันนี้กลับพบอีกด้านหนึ่งของจอมทัพที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน ความเมตตา โอบอ้อมอารีย์ต่อบุคคลอื่นที่เพิ่งรู้จัก เขาใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยของนางมด ทั้งที่เธอกับอลงกตน่าจะมองเห็นมากกว่า เนื่องจากมาบ้านนางมดหลายครั้ง มันจึงก่อเกิดความรู้สึกดีที่มีต่อเขาโดยไม่รู้ตัวสองสามีภรรยาอยู่พูดคุยกับนางมดต่ออีกราวสี่สิบนาทีจึงขอตัวกลับ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากบ้านนางมด เจ้าของบ้านได้อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองจงมีแต่ความสุข พบเจอแต่เรื่องดีๆ และมีทายาทในเร็ววัน ได้รับพรเสร็จจอมทัพกับศรัญญาได้พากันเดินไปขึ้นรถ“คุณทำแบบนี้ทำไม” ทันทีที่ประตูรถปิดลง ศรัญญาเปิดฉากถามเขาทันที“ทำอะไร หมายความว่าไง” คนถูกถามย้อนถาม“ก็มารับฉันมาเยี่ยมป้ามด แล้วยังซื้อของมาให้ป้ามดอีก คุณมีแผนอะไรหรือเปล่าเนี่ย”“เธอคิดมากไปหรือเปล่า ฉันจะมีแผนอะไรล่ะ ฉันก็แค่สงสารป้ามดเท่าน
Chapter 73“มารับไปเยี่ยมป้ามด” เธอทวนคำ ใบหน้าเสมือนมีเครื่องหมายคำถามติดอยู่“ต้าร์บอกฉันเองว่า นัดเธอไปเยี่ยมป้ามด แต่เผอิญว่าต้าร์ติดธุระด่วน ฉันก็เลยอาสาทำหน้าที่แทนต้าร์ พาเธอไปเยี่ยมป้ามดไงล่ะ”จอมทัพตอบโดยที่เธอไม่ต้องถาม เพราะมองหน้าศรัญญาก็พอจะเดาออกว่า เธอคงสงสัยว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร“คงไม่ต้องลำบากคุณหรอกค่ะ ฉันไปเองได้” เธอกลับปฏิเสธ ทำท่าหมางเมินใส่ “เพราะฉันไม่อยากเมื่อยปากบอกทางคุณ”“คงไม่ได้หรอก เพราะฉันซื้อของไปฝากป้ามดตั้งเยอะแยะ ถึงเธอไม่ให้ฉันไปด้วย ฉันก็ต้องไปเยี่ยมป้ามดอยู่ดี ไหนๆ เราก็มีจุดประสงค์เดียวกันแล้วก็ไปด้วยกันเลยนี่แหละ “ส่วนเรื่องบอกทาง เธอไม่จำเป็นต้องบอกเพราะฉันไปถูก” จอมทัพสรุป “ไหนของที่เธอจะเอาไปฝากป้ามดล่ะ ฉันจะได้เอาไปขึ้นรถ”ศรัญญาฉงนกับคำพูดของจอมทัพที่ว่า รู้จักทางไปบ้านป้ามด เขารู้จักได้อย่างไร หรือว่าเคยไปบ้านหลังนั้น ทว่าคำถามที่ตนสงสัยยังไม่ทันได้ถามออกไป เสียงของมะนาวได้ดังแทรกกลางป้อง“อยู่นี่คะ มะนาวถือออกมาให้แล้ว”มะนาวที่จัดการทุกอย่างตามเจ้านายสั่ง เดินถือถุงทั้งหมดออกจากห้องทำขนม คราแรกตั้งใจว่าจะเอาไปวางตรงเคาน์เตอร์ แต่
Chapter 72หลังจากมื้อเช้าผ่านพ้นไป สกาวใจมานั่งรอหลานสะใภ้ในห้องนั่งเล่น แน่นอนว่าจะต้องมีธนวรรณ ธนพรและประนอมนั่งรออยู่ด้วย ไม่นานเกินรอ ศรัญญาก็เดินเข้ามาในห้องดังกล่าว พร้อมกับกะละมังแช่เท้า“แช่เท้าค่ะคุณท่าน” ศรัญญาทำอย่างเช่นทุกวัน เะอยกเท้าของสกาวใจมาวางในกะละมัง จากนั้นก็ใช้มือนวดเท้านางเบาๆ“วันศุกร์หน้าฉันจะไปเที่ยวหัวหิน หล่อนต้องไปด้วยนะ ไปรองมือรองเท้าฉัน นี่เป็นคำสั่ง” สกาวใจสั่งเสียงเฉียบ หลุบตามองศรัญญา “ว่าไง จะไปไหม”“ค่ะคุณท่าน” เธอรับคำไม่มีปากเสียง พอได้รับคำตอบ สกาวใจหันไปยิ้มกับผู้ร่วมแผนการ“หล่อนได้ข่าวย่าเล็กของหล่อนไหม หรือว่ามีความสุขเสียจนลืมลูกลืมหลาน”นางเอ่ยถามคำถามที่อยากรู้ไม่ต่างกับบุตรชาย ซึ่งสกาวใจคิดว่า คนที่น่าจะให้คำตอบนางได้มากที่สุดคือ ศรัญญา“ไม่ทราบค่ะ ย่าเล็กไม่ได้ติดต่อแก้วมาเลยตั้งแต่คุณปู่ออกจากโรงพยาบาลค่ะ”เธอจำเป็นต้องผิดศีลข้อสี่เพราะถูกขอร้องเอาไว้ ทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ในความเป็นจิรง ติดต่อกับนภาพรตลอดเวลา “ย่าหล่อนนี่เก่งนะ แย่งผัวชาวบ้านได้เก่งเชียว ไม่รู้ว่าเชื้อจะทิ้งแถวหรือเปล่า” สกาวใจไม่วายว่ากระทบ ศรัญญานิ่งไม่โต้ต
Chapter 71 คืนนี้เป็นคืนที่น่าแปลกอีกคืนหนึ่งของเขา ปกติแล้ววาจาของเธอแต่ละคำ แต่ละประดยคจะนำความไม่พอใจมาให้เขาเสมอ ทว่าคืนนี้ทุกคำพูดของเธอ จอมทัพรู้สึกนิ่งเฉย ไม่มีความไม่พอใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับยืนฟังโดยไม่โต้เถียง คล้ายกับว่ายอมเธออย่างไหนอย่างนั้น หรืออาจเป็นเพราะ เขาเป็นฝ่ายผิด จึงยอมรับทุกการกระทำของเธอ หรืออีกเหตุผลหนึ่งที่เริ่มขยายตัวในหัวใจ อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง สองร่างเปลือยเปล่าบนเตียง กำลังห่ำหั่นกันด้วยบทพิศวาสอันเร่าร้อน ฝ่ายหญิงยกสะโพกรับแรงกำลังของฝ่ายชายที่โหมใส่เธออย่างไม่คิดออมแรง จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อ และเธอไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการถูกมือใหญ่ขยำทรวงอกจนแทบแหลกคามือ ตรงกันข้าม เธอกลับพอใจกับบทรักถึงอกถึงใจของเขา ฟังได้จากเสียงครางกระเส่าดังไม่หยุด คำขอร้องให้เขาออกแรงให้มากขึ้น เพื่อพาตนไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า “พี่นอต...สุดยอดไปเลยค่ะ”เสียงหอบเหนื่อยของธนัสสรณ์เอ่ยชมเนวิน คู่ขาคนล่าสุดที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความสุขแบบที่ไม่เคยพบพานมาก่อน สุขและอิ่มเอม ถึงขั้นติดอกติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น“หวานเองก็ใช่ย่อย
Chapter 70 “ไม่มีปัญหา ย่าจัดการได้” “หวานต้องรบกวนคุณย่าเรื่องนึงค่ะ คือว่า หวานตกลงกับคนที่หวานจ้างว่า จะต้องจ่ายเงินให้เขาก่อนครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเมื่องานเสร็จค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ทำงานให้ค่ะ” ธนัสสรณ์เข้าแผนสำคัญ “เท่าไหร่ล่ะหวาน เดี๋ยวย่าไปหยิบมาให้” “ค่าจ้างสองแสนค่ะ ครึ่งหนึ่งก็หนึ่งแสนบาท” สกาวใจไม่ยี่หระกับจำนวนเงินที่ได้ยิน นางลุกขึ้นไปหยิบเงินสดจากตู้เซฟออกมา ก่อนจะยื่นให้ธนัสสรณ์ “ย่าให้หวานสามแสนนะ แสนนึงให้คนที่หวานจ้างมาทำงาน ส่วนอีกสองแสนหวานเอาไว้ใช้จ่ายล่ะกัน”ธนวรรณกับธนพรถึงกับตาโตเมื่อเห็นเงินในมือของสกาวใจ คนเป็นแม่สะกิดแขนบุตรสาวให้รับเงินก้อนนั้นไว้ ทว่าธนัสสรณ์กลับไม่ทำตามนั้น เพราะเธอคิดว่า จะต้องออกตัวบ้างอะไรบ้าง“หวานคงไม่รบกวนคุณย่าค่ะ แค่นี้ก็รบกวนจะแย่”“รบกวนที่ไหนกันล่ะ ย่าเต็มใจให้ ย่าเป็นคนบอกให้หวานมาเมืองไทย ย่าก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของหวานสิ มันถึงจะถูก รับไปเถอะนะลูก ย่าเต็มใจให้จริงๆ”“หวานขอบคุณในความมีเมตตาของคุณย่ามากค่ะ” ธนัสสรณ์พนมมือไหว้เจ้าของเงินอย่างนอบ
Chapter 69 “คุณจิมคะ หลินมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ” เมื่อเข้าใจเรื่องชุดวิวาห์ เธอก็เข้าเรื่องสำคัญที่ตั้งใจไว้ “เรื่องอะไร” “เรื่องการแต่งงานของเราค่ะ” คนที่กำลังขับรถออกจากจุดที่จอด เปลี่ยนเป็นหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม แล้วหันมามองหน้าคู่สนทนา “ทำไม เรื่องงานแต่งงานของเรามันทำไมเหรอ” “ก็งานแต่งงานของเราไม่ได้เกิดขึ้นจากความเต็มใจน่ะสิ คุณยอมแต่งงานกับหลินก็เพราะไม่อยากให้คุณท่านอาการกำเริบ ซึ่งมันก็ตรงกับเหตุผลที่หลินยอม หลินก็เลยจะตกลงทำความเข้าใจกับคุณจิมว่า เราแต่งงานกันแค่เพียงในนามและไม่มีการจดทะเบียนสมรส อยู่กินเหมือนผัวเมียทั่วไปตบตาคุณท่าน เมื่อมีโอกาสและจังหวะดีๆ เราก็เลิกกัน”น้ำเสียงท้ายประโยคของเธอค่อนข้างเบา และเจ้าของเสียงเกิดใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าหันไปสบตาศตวรรษ ไพลินจึงไม่รู้ว่า เวลานี้ใบหน้าเขาเรียบตึงมากแค่ไหน “แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เต็มใจแต่งงาน” เขาหันมาถามเสียงเรียบเย็น “เธอจะรู้ดีกว่าตัวฉันได้ไงหรือว่าเป็นหมอดูถึงได้รู้ดีไปซะทุกอย่าง” ไพลินได้ยินน้ำเ