LOGIN“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน
“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น
“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ
“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้
“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย่างขวัญนี่แหละที่ทำให้ฉันรักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว” เตวิชดึงร่างบางเข้ามากอดอีกครั้งด้วยความรักใคร่ นึกโกรธตัวเองที่ปล่อยเวลามานานเกินไปจนทุกอย่างเป็นแบบนี้
“อย่าค่ะ…ตอนนี้ ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ขวัญกำลังแต่งงานกับคุณใหญ่ ระหว่างเรา มันควรจบนะคะ” พูดพร้อมกับดันอกหนาเบาๆ ซึ่งเขาก็ยอมแต่โดยดี
“นี่ฉันต้องยอมรับสภาพนี้จริงๆ ใช่ไหม โอเค ได้ขวัญ แต่จำไว้นะว่าวันไหนที่พี่ใหญ่ทำขวัญเสียใจ ฉันจะไม่ปล่อยไว้แน่ และจำไว้นะว่า ยังไงฉันก็จะรอขวัญอยู่ที่เดิม ตลอดไป…” ยอมปล่อยร่างบาง พร้อมกับสบตาพูดด้วยสายตาจริงจัง
เตวิชมั่นคงกับความรู้สึกของตนเองมาตลอด แม้วันนี้จะยอมปล่อยเธอไป แต่ก็จะยังรอวันที่เป็นของเขากับไอวารินเสมอ ไม่ว่าเธอจะเป็นของใครแล้วก็ตาม
“ขวัญขอบคุณนะคะ แต่ตอนนี้คุณเล็กกลับไปก่อนนะคะ ขวัญไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก” ไอวารินเองก็ต้องบอกตัวเองเสมอว่าเรื่องของเธอกับเตวิชไม่มีทางเป็นไปได้ และการอยู่กับเขาสองต่อสองเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“ขอโทษนะ แต่ว่าฉันคงอยู่ที่นี่และทนเห็นเธอกับพี่ใหญ่ตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”
เตวิชยิ้มบางเบาพร้อมสายตาสื่อความหมายมากมายส่งให้หญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องเธอไปแต่โดยดี และถ้อยคำทิ้งท้ายของชายหนุ่มทำให้ไอวารินใจหายไม่น้อย
แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ความจริงแล้ว ไอวารินเองก็คงต้องใช้เวลาเช่นกัน กว่าสิบปีที่เธอหลงรักเตวิช จะให้ลืมเขาภายในวันสองวัน มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย คงจะดีกว่าถ้าช่วงนี้เธอกับเขาไม่ต้องพบเจอกันสักพัก
เหมือนกับว่าคุณหญิงโสภิตาและคุณเอมอรจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดี จากตอนแรกที่ท่านสองคนตั้งใจว่าจะให้ไอวารินไปช่วยงานที่บริษัทของเตชินท์ให้เร็วที่สุด กลายเป็นว่ารอให้หญิงสาวได้พักเตรียมตัวเตรียมใจก่อน จนวันนี้ก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว และก็เป็นช่วงเวลาที่เธอไม่ได้ติดต่อหรือพบเจอกับเตวิชอีกเลย ชายหนุ่มหายไปพักที่คอนโดฯ ตั้งแต่คืนนั้น โดยที่คนในบ้านพอจะทราบดีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับไอวาริน
ขณะที่เตชินท์เองก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าไอวารินเหมือนเช่นเคย เขาทำราวกับว่าไม่ได้มีความจำเป็นต้องข้องเกี่ยวกัน แต่ถึงอย่างนั้น หยิงสาวก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะเธอเองจะได้ย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่า เรื่องระหว่างเธอกับเขา มันเป็นแค่เรื่องหน้าที่เท่านั้น สักวันหนึ่งก็จะจบลงแต่โดยดี
“วันนี้ ขวัญขอตามไปช่วยงานคุณใหญ่ได้ไหมคะ” แม้ว่าจะไม่ค่อยพูดคุยกัน แต่ในทุกเช้าไอวารินก็ยังคงต้องมานั่งกินข้าวกับทั้งคุณหญิงโสภิตา เอมอร และเตชินท์ โดยวันนี้ เธอคิดว่าถึงแก่เวลาแล้วที่จะต้องยอมรับความจริงให้ได้
“ได้สิ! แหม ย่ารอวันที่หนูขวัญจะพูดคำนี้อยู่พอดีเลย” คุณหญิงโสภิตาพูดด้วยความดีใจอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะหันไปมองหน้าหลานชายที่ดูไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น
“ตาใหญ่ดีใจไหมลูก ที่หนูขวัญจะไปช่วยงานแล้ว” เอมอรเอ่ยถามลูกชายที่เอาแต่นิ่งเสียจนน่ากระอักกระอ่วนใจ
“ครับ” เตชินท์ตอบนิ่งๆ พร้อมกับหันไปสบตาว่าที่เจ้าสาวของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ขวัญขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ คุณใหญ่จะได้ไม่รอนาน” ไอวารินพูดอย่างรู้หน้าที่ ในเมื่อเตชินท์อนุญาตแล้ว เธอก็ไม่ควรให้เขารอนาน ด้วยความที่เป็นคนเนี้ยบยิ่งกว่าอะไร ชายหนุ่มจะเป็นคนที่ตรงเวลาเสมอ และคงไม่ดีแน่หากเขาต้องมารอเธอแต่งตัว
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







