LOGIN“เรียนจบแล้ว เราวางแผนชีวิตไว้ว่ายังไงบ้าง” คุณหญิงโสภิตาเข้าเรื่องทันที
“ก็…ขวัญว่าจะหางานทำค่ะ น่าจะสมัครงานที่บริษัทเกี่ยวกับด้านอาหาร เพราะขวัญชอบทำอาหาร คิดว่าน่าจะทำออกมาได้ดีค่ะ”
ไอวารินพูดด้วยรอยยิ้ม เธอเรียนจบบริหารมาก็จริง แต่ก็มีใจรักในการทำอาหาร ดังนั้นจึงอยากนำความรู้ที่มีมาผสมผสานกับความชอบของตน นั่นคือการเข้าไปบริหารงานในบริษัทที่เกี่ยวกับการผลิตอาหารแปรรูปนั่นเอง
“จริงๆ ที่ขวัญพูดมาฉันก็รู้สึกเห็นดีเห็นงามด้วยหรอกนะ แต่ว่า…ฉันอยากให้ขวัญมาช่วยงานที่บริษัทก่อนดีไหมจ๊ะ” คุณหญิงโสภิตาเอ่ยถามอย่างรักษาน้ำใจ ด้วยความที่ไม่ใช่คนชอบบังคับจิตใจใคร แต่กับเรื่องนี้ก็มีเหตุผลเช่นกัน
“เอ๋…ที่บริษัทกำลังขาดคนเหรอคะ” เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะบริษัทที่คุณหญิงโสภิตาว่าคือบริษัทนำเข้ารถยุโรป ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเตชินท์ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ประธานบริษัทได้อย่างดีมาโดยตลอด ทำให้ตระกูลอารยรุ่งโรจน์มีสินทรัพย์มากขึ้นปีละหลายสิบล้าน
“ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ ฉันกับคุณหญิงแม่เห็นว่า ตอนนี้ ขวัญเองก็เรียนจบแล้ว ถ้าลองทำงานในบริษัทของครอบครัวเราก็คงไม่เสียหายอะไร ดีเสียอีกจะได้มีคนไปทำงานเป็นเพื่อนตาเล็กเขา”
เอมอรกำลังนึกถึงลูกชายคนเล็กของเธอ ที่แม้จะเรียนจบบริหารมาเหมือนกับไอวาริน แต่กลับดันชื่นชอบที่จะเป็นนักดนตรีและมักจะออกไปเล่นดนตรีดึกดื่น ไม่สนใจธุรกิจครอบครัว หากได้หญิงสาวเป็นเพื่อนเข้าบริษัท อาจทำให้เตวิชสนใจงานของที่บ้านได้
“คุณเล็กนี่...ขวัญไม่แน่ใจว่าจะอยากทำงานตามขวัญหรือเปล่า”
หญิงสาวยิ้มด้วยความร่าเริงเมื่อพูดถึงเตวิช ชายหนุ่มที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท และความสนิทสนมกันของทั้งคู่ก็ทำให้ความรู้สึกของไอวารินที่มีต่อเตวิชเปลี่ยนไป และมั่นใจว่าเขาเองก็รู้สึกดีกับเธอไม่ต่างกัน ความผูกพันก่อเกิดเป็นความรักที่ทั้งคู่ต่างมีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างกันในทุกวัน
“เอาเถอะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันอยากให้หนูขวัญไปช่วยงานหรอก จริงๆ ฉันอยากให้ขวัญไปช่วยงานตาใหญ่” คุณหญิงโสภิตาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้านั่นเป็นความต้องการของคุณหญิงย่า ขวัญก็ยินดีค่ะ” ตอบอย่างไม่อิดออด แม้จะอดเกร็งไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เธอกับเตชินท์พูดคุยกันแทบจะนับคำได้เลย นี่หากต้องไปทำงานกับชายหนุ่มมีหวังได้อึดอัดมากกว่านี้ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันเป็นความต้องการของคุณหญิงท่าน เธอเองก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธ
“ฉันอยากให้หนูขวัญไปเป็นเลขาฯ ให้กับตาใหญ่ จะได้คุ้นเคยกันไว้”
คุณหญิงโสภิตายิ้มอย่างอ่อนโยน แต่คนฟังอย่างไอวารินเกิดความแปลกใจขึ้นมาทันที ‘จะได้คุ้นเคยกันไว้’ อย่างนั้นเหรอ ทำไมเธอกับเตชินท์จะต้องคุ้นเคยกันด้วย
“ฉันรู้ว่าเรื่องมันอาจจะกะทันหันสำหรับขวัญไปหน่อย แต่ฉันกับคุณแม่คิดว่า ตอนนี้ มันสมควรแก่เวลาแล้วจ้ะ” เอมอรพูดอย่างหยั่งเชิง เพราะรู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร และไอวารินเองอาจไม่พอใจก็เป็นได้
“ขวัญกับตาใหญ่จะต้องแต่งงานกันในเดือนหน้านี้”
คุณหญิงโสภิตาพูดด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ในขณะที่ไอวารินรู้สึกตกใจจนเผลอเงยมองหน้าผู้มีพระคุณอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“คะ? มะหมายความว่าไงคะ ทำไมขวัญกับคุณใหญ่ต้องแต่งงานกัน” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ภาวนาให้ตัวเองหูฝาดไป
“ก่อนที่ไตรภพจะจากพวกเราไป สิ่งที่เขาสั่งเสียไว้ไม่ได้ขอให้ฉันดูแลหนูขวัญเท่านั้น แต่ไตรภพยังห่วงขวัญและอยากให้หนูขวัญลงเอยกับตาใหญ่ เพราะเชื่อว่าตาใหญ่คือผู้ชายที่ดีที่สุดที่จะดูแลและทำให้หนูขวัญมีความสุขได้ ตอนนี้ หนูขวัญเองก็เรียนจบแล้ว ย่าคิดว่าขวัญพร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าสาวของตาใหญ่ และพร้อมที่จะมีหลานให้เอมอรได้เลี้ยงสักคน” คุณหญิงโสภิตาพูดด้วยความผ่อนคลาย และแทนตัวเองว่า ‘ย่า’ เพื่อให้ไอวารินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“คุณใหญ่รู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ คุณใหญ่ไม่น่าจะตกลงนะคะ เพราะว่าขวัญกับคุณใหญ่...เราไม่ได้รักกัน” พูดด้วยความมั่นใจ เพราะแอบคิดว่าเตชินท์ต้องไม่ชอบตนอยู่กลายๆ ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เขาคอยที่จะหลบหน้าเธอตลอดเวลา
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







