LOGINเตวิชใช้เวลาไม่นานก็พาไอวารินมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในครัวใหญ่ของบ้านเพื่อนำขนมที่ซื้อมาฝากคนทั้งบ้านไปเก็บให้เรียบร้อย
“ที่จริง คุณเล็กไม่ต้องเข้ามาในครัวก็ได้นะคะ ขวัญถือมาคนเดียวได้” พูดอย่างเกรงใจ เพราะถึงจะสนิทกันแค่ไหน แต่เตวิชก็ถือว่าเป็นลูกชายของเจ้าของบ้านหลังนี้อยู่ดี
“พูดเหมือนฉันเป็นเด็กทำอะไรไม่เป็นอย่างนั้น” เตวิชพูดด้วยน้ำเสียงเขียว รู้ว่าหญิงสาวเกรงใจ และนั่นคือสิ่งที่เขาไม่ค่อยพอใจนัก
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ขวัญแค่คิดว่าคุณเล็กรอที่ห้องรับแขกน่าจะสบายกว่า เดี๋ยวขวัญยกขนมไปให้...” หญิงสาวพูดพลางคลี่ยิ้มสดใส เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มไม่พอใจ
“หือ?” เตวิชยังคงจ้องตา แสร้งทำสายตาดุเล็กๆ หยอกล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง ทว่า...
“ของขวัญ…”
ไม่ทันที่ไอวารินจะได้อธิบายอะไรต่อ เสียงของคนที่หญิงสาวกลัวการเผชิญหน้าที่สุดก็ดังขึ้น น้ำเสียงนั้นนิ่งและทรงอำนาจ และนี่คงเป็นครั้งแรกละมั้งที่เขาเรียกชื่อเธอ เพราะที่ผ่านมา เตชินท์แทบไม่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ
“อ้าว พี่ใหญ่ ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะ”
เตวิชหันไปทักทายพี่ชายหนุ่มด้วยสีหน้าร่าเริง โดยไม่ทันสังเกตสายตาตึงเครียดของคนเป็นพี่ที่เอาแต่จับจ้องไปที่ไอวาริน
“คุณหญิงย่าเรียกเธอให้ไปพบ…พร้อมกับฉัน”
เตชินท์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ก่อนจะเดินนำหน้าไป ทิ้งให้เตวิชอ้าปากค้าง ชะงักคำถามที่กำลังจะเอ่ยออกมากับพี่ชาย แล้วมองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายไปด้วยความสงสัย...
“เดี๋ยวสิพี่ มาถึงก็รีบพาเพื่อนผมไปเลยนะ”
เตวิชเดินเข้าไปขวางพี่ชาย เพราะแอบสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของไอวารินจึงคิดว่าต้องมีอะไรที่เขายังไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเล็ก” คราวนี้เป็นไอวารินที่พูดขึ้น เพราะเห็นว่าเตชินท์เอาแต่นิ่ง และทำหน้าตาแสนเย็นชาเหมือนที่ชอบทำ เล่นเอาหญิงสาวอดเกร็งไม่ได้ที่ต้องเข้าไปพบคุณหญิงโสภิตาพร้อมเขา
“ว่าแต่พี่ใหญ่ เราสองคนไม่ได้ออกไปนั่งดื่มอะไรด้วยกันนานแล้ว ไว้พี่เสร็จธุระกับคุณหญิงย่า เราออกไปด้วยกันหน่อยไหม”
เตวิชถามพี่ชายอีกครั้ง เขากับเตชินท์สนิทกันมาก แม้ระยะหลังมานี้ คนเป็นพี่จะยุ่งเรื่องบริหารงานที่บริษัทก็เถอะ
“หรือว่าที่พี่ยุ่งๆ นี่เพราะว่ากำลังมีแฟนหรือเปล่า เป็นใคร ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย”
คำพูดของเตวิชราวกับสะกิดใจไอวาริน เขาคงไม่รู้เลยว่า ต่อไปนี้ คนที่กำลังจะมาเป็นคนรักของพี่ชายที่ว่านั้น ก็คือเธอ
“เปล่า เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะเล็ก”
เตชินท์รีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องชายไม่ยอมให้ไปพบคุณหญิงย่าง่ายๆ คนฉลาดอย่างเตวิชคงพอดูออกว่าการที่ผุ้เป็นย่าย่าเรียกเขากับไอวารินไปพบจะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน
“ครับ”
คราวนี้ เตวิชตอบอย่างว่าง่าย เพราะเห็นใบหน้าที่แสนจริงจังของพี่ชายและสีหน้าที่ลำบากใจของไอวารินก็รู้ได้เลยว่าทุกคนกำลังมีเรื่องปิดบังอยู่ แม้ไม่มีใครเอ่ยปากออกมา แต่เขาจะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้!
“มากันแล้วเหรอจ๊ะ”
เอมอรเอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นลูกคนโตเดินมาพร้อมกับไอวาริน ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันยิ่งกว่าอะไร เตชินท์เป็นชายหนุ่มใบหน้าคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกเนี้ยบเสมอเพราะต้องขึ้นบริหารงานในบริษัท ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายที่แสนสุขุม พร้อมทั้งมีสาวๆ คอยเข้าหาตลอด
ในขณะที่ไอวารินเป็นสาวน้อยร่างเล็ก ที่นับวันยิ่งสวยหวาน นางเชื่อว่าไอวารินเองก็ต้องมีหนุ่มๆ มาจับจ้องและหมายตาไม่น้อย แต่ด้วยความที่หญิงสาวเป็นเด็กดีเลยไม่เคยมีเรื่องชู้สาวให้ตระกูลอารยรุ่งโรจน์ต้องหนักใจ
“เข้ามานั่งนี่สิ” คุณหญิงโสภิตาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณย่า คุณแม่” เตชินท์ไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม เขารู้ดีว่าที่ทั้งสองท่านเรียกตนเองกับไอวารินเข้าพบเป็นเรื่องอะไร มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ต้องทำตามคำสั่งเสียของผู้เป็นพ่อ
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







