LOGIN“พูดอะไรอย่างนั้นคะ คุณเล็กเรียนเก่งจะตายไป ขวัญเชื่อว่าคุณเล็กต้องทำได้ดีไม่แพ้คุณใหญ่แน่นอน” ไอวารินพูดให้กำลังใจ สำหรับเธอ เตวิชเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบสูงพอตัว เพียงแต่ยังเด็กกว่าเตชินท์อยู่มาก ทำให้ทุกครั้งพี่ชายมักจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่มากกว่าเท่านั้นเอง
“พูดเอาใจแบบนี้ อยากได้ของขวัญวันเรียนจบหรือเปล่า ฮึ” อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
“ไม่อยากได้ค่ะ แค่การที่คุณเล็กเป็นเพื่อนขวัญถึงทุกวันนี้ก็ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของขวัญแล้วละค่ะ” ไอวารินยิ้มด้วยความเขินอาย แม้เธอกับเตวิชจะไม่เคยพูดความรู้สึกที่มีต่อกัน แต่ทั้งสองต่างรู้ใจกันและกันดีเสมอ
“แต่ฉันอยากได้ของขวัญนี่…” เตวิชพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้างุนงง
“คุณเล็กอยากได้อะไรคะ ขวัญไม่มีเงินซื้อให้ตอนนี้หรอกนะ ขอแปะไว้ก่อน” พลางยิ้มอย่างร่าเริงออกมา เตวิชสามารถทำให้เธอลืมเรื่องเครียดก่อนหน้านี้ได้อย่างสนิทใจ
“ไม่ได้อยากได้สิ่งของ แต่อยากให้ขวัญออกไปนั่งรถเล่นกับฉันหน่อยได้ไหม” เตวิชพูดอย่างหยั่งเชิงอีกครั้ง
“ไปนานไหมคะ พอดี ขวัญไม่อยากทิ้งงานไปนาน” พูดขึ้นพร้อมสีหน้ากังวลเล็กๆ เพราะอดเกรงใจชดช้อยไม่ได้ที่ต้องทำกับข้าวให้คุณหญิงเพียงลำพัง
“พูดอย่างกับป้าช้อยไม่มีผู้ช่วยคนอื่นอย่างนั้นแหละ เอาน่า ไปแป๊บเดียว โอเคไหม” เตวิชพูดขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวไปที่รถยนต์หรูของเขา โดยที่เธอไม่สามารถปฏิเสธเขาได้อีก
เตวิชพาไอวารินไปขับรถเล่นรอบเมืองด้วยความสบายใจ ทั้งคู่พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองของกันและกันอย่างสนุกสนาน เขาไม่เคยรู้สึกดีกับผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน จริงอยู่ว่าจะเคยคบผู้หญิงมามาก แต่สุดท้าย คนเดียวที่ชายหนุ่มรู้สึกดีด้วยก็คือไอวาริน
ในวันที่เขาและเธอเรียนจบจึงคิดไว้แล้วว่าจะรีบทำงานด้านดนตรีให้ประสบความสำเร็จ และเมื่อนั้นก็จะเอ่ยปากขอเป็นคนที่ดูแลไอวารินตลอดชีวิต ซึ่งก็มั่นใจว่าเธอใจตรงกับเขาอย่างแน่นอน
“ขอบคุณนะคะที่พาขวัญมานั่งรถเล่นแบบนี้” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความอารมณ์ดี ตอนนี้ เธอไม่อยากคิดเรื่องแต่งงานกับเตชินท์ให้ปวดสมอง
“ไว้วันหลัง ฉันพามาอีก เดี๋ยวจะพาขวัญไปซื้อขนมร้านดังด้วย ไปไหม” เตวิชเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ใจจริง เขาไม่ได้เป็นคนชอบกินขนม แต่รู้ว่าไอวารินชื่นชอบทั้งการทำอาหารและการได้ทดลองกินขนมในหลายๆ ที่ จึงอยากพาเธอไปลองชิมร้านเด็ดที่ว่านี้
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวไม่ขัดใจชายหนุ่ม เพราะสิ่งที่เขานำมาเอาใจคือสิ่งที่เธอชอบอยู่แล้ว
“งั้นไปกันเลย” เขายิ้มให้แล้วหันไปใช้สมาธิกับการขับรถ
ไม่นาน เตวิชก็พาเธอมาถึงร้านขนมแสนอร่อยที่ว่า เป็นขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส แค่เข้าไปในร้านกลิ่นขนมก็ลอยมาเตะจมูกจนหญิงสาวเลือกแทบไม่ถูกว่าจะซื้อชิ้นไหนดี
“เลือกกลับไปเยอะๆ เลยนะ”
เตวิชพูดพร้อมกับเดินไปเลือกขนมปังของตัวเอง ประมาณห้าหกชิ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับขึ้นรถไปด้วยถุงขนมเต็มไม้เต็มมือ
“ขวัญชอบมากเลยคุณเล็ก มีแต่ขนมน่ากินทั้งนั้นเลย ว่าแต่คุณเล็กไปรู้จักร้านนี้จากไหนคะ” เอ่ยขึ้น พร้อมคาดเข็มขัดให้เข้าที่เข้าทาง
“พี่ใหญ่เคยพามาน่ะ ที่จริง ฉันก็ซื้อขนมมาฝากพี่ใหญ่ด้วยนะ เดี๋ยวเราแวะไปฝากพี่ใหญ่ที่บริษัทกันแป๊บหนึ่งดีไหม”
เตวิชเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพราะรู้ดีว่าถึงพี่ชายตัวเองจะมีบุคลิกนิ่งๆ หรือแทบจะเย็นชาเลยก็ว่าได้ แต่จริงๆ แล้วเตชินท์ก็เป็นผู้ชายที่ชอบกินของหวาน ซึ่งมองยังไงก็ขัดกับบุคลิกที่เป็นเสียเหลือเกิน
“เอ่อ ขวัญว่าอย่าเลยค่ะ รบกวนเวลางานของคุณใหญ่เปล่าๆ อีกอย่าง ขวัญอยากกลับบ้านไปช่วยงานป้าช้อยแล้ว”
เพียงแค่ได้ยินชื่อของเตชินท์ ไอวารินก็เกิดความกังวลขึ้นมาทันที และไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้
“เอางั้นก็ได้ ไว้ฉันค่อยให้พี่ใหญ่ที่บ้าน ถ้างั้นเรากลับกันเลยนะ”
ชายหนุ่มตามใจสาวเจ้าอีกเช่นเคย ก่อนที่จะขับรถกลับบ้านอย่างไม่ได้สงสัยอะไร
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







