LOGIN“ใหญ่คงรู้ดีอยู่แล้วนะ ว่าย่าเรียกเรากับหนูขวัญมาทำไม” คุณหญิงโสภิตาพูดเปิดเรื่อง
“ทราบครับ”
เตชินท์เอ่ยตอบแต่เพียงสั้นๆ เท่านั้น ยิ่งทำให้ไอวารินหวั่นใจ ได้แต่หวังให้ชายหนุ่มพูดปฏิเสธออกไป เพราะทางเดียวที่จะทำให้เธอรอดได้นั้นก็คือเขา หากเขาไม่ยอมเสียอย่างก็ไม่มีใครบังคับได้
ที่ผ่านมา เตชินท์หรือคุณใหญ่ของบ้านนี้ ขึ้นชื่อว่าดุและเย็นชาที่สุด ไม่มีใครกล้าขัดใจในสิ่งที่เขาเลือก แม้แต่เรื่องงาน แต่นั่นหมายถึงเรื่องส่วนตัว ชายหนุ่มไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่มย่ามหรือตัดสินใจแทน และแน่นอนว่า แม้แต่คุณหญิงโสภิตาหรือคุณเอมอรก็แทบจะเอาใจเตชินท์เสียยิ่งกว่าอะไร ในขณะที่เตวิชเป็นชายหนุ่มร่าเริง อารมณ์ดี ตรงกันข้ามกับพี่ชายทุกอย่าง
“แล้วใหญ่มีความคิดเห็นว่ายังไง ถ้าย่าจะให้เรากับขวัญแต่งงานกันเดือนหน้า” คุณหญิงโสภิตาเอ่ยถามพร้อมกับสีหน้าจริงจัง
“ผมไม่มีปัญหาอะไรครับ”
เตชินท์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ราวกับคนไม่รู้สึกอะไร ทำเอาคนตัวเล็กมองเขาด้วยสายตาอึ้งๆ แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่สนใจและมองไปที่คุณหญิงย่าเท่านั้น
“ใหญ่เตรียมพร้อมเรื่องนี้มาแล้วใช่ไหมจ๊ะ” เอมอรเอ่ยถามด้วยความโล่งใจ ตอนแรกก็อดกังวลไม่ได้ว่าลูกชายคนโตจะดื้อ และไม่ยอมง่ายๆ การที่เตชินท์ตอบตกลงง่ายๆ แบบนี้แปลว่าเขาเองก็ยังคงอยากทำตามคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของไตรภพ ตามที่เคยได้รับปากไว้
“ผมรู้ดีครับว่านี่คือหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบ”
ตั้งแต่วินาทีที่ไตรภพบอกว่าไอวารินจะมาเป็นเจ้าสาวในอนาคตของตน ชายหนุ่มก็คิดมาตลอดว่านี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้พ่อของเขาจากไปได้อย่างสบายใจที่สุด
“แล้วหนูขวัญล่ะจ๊ะ รังเกียจที่จะมาเป็นสะใภ้ของตระกูลอารยรุ่งโรจน์ไหม” คราวนี้ อิงอรหันไปถามไอวารินที่ทำหน้าเครียดเสียยิ่งกว่าอะไร
“เอ่อ ขวัญไม่คิดที่จะรังเกียจตระกูลนี้หรอกค่ะ เพียงแต่ขวัญคิดว่า…ขวัญอาจไม่คู่ควรกับคุณใหญ่” พูดพร้อมกับก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาของชายหนุ่ม จะให้แต่งงานกันได้อย่างไร ในเมื่อหน้าเขา เธอยังไม่กล้ามอง หรือแม้แต่เตชินท์เอง ตั้งแต่อยู่ร่วมบ้านกันมา เขามองหน้าเธอแทบนับครั้งได้
“ตายจริง พูดอะไรอย่างนั้น ตาใหญ่ไม่เคยนึกรังเกียจหนูขวัญเลยนะ ใช่ไหมตาใหญ่” คุณหญิงโสภิตาเอ่ยถามหลานชายคนโต
“อย่าทำให้คุณหญิงย่ากับคุณแม่ไม่สบายใจเลย ฉันแต่งงานกับเธอได้” เตชินท์หันไปมองหน้าหญิงสาวข้างกายด้วยสายตานิ่งเรียบ
“คุณใหญ่…”
คำพูดนั้นเป็นการตอกย้ำก็ไม่ปาน แม้ว่าเขาจะยอมทำตามคำที่ผู้ใหญ่บอกก็จริง แต่ชายหนุ่มก็มาดมั่นในการทำให้ทุกคนรับรู้ว่าที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อความสบายใจของทุกคน
“เอาละ ย่าเข้าใจนะ ทั้งหนูขวัญและตาใหญ่ สองคนอายุห่างกันมาก และอาจจะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน ระหว่างนี้ ย่าเลยอยากให้ขวัญไปทำงานที่บริษัท เพื่อช่วยใหญ่ดูแลงานและก็จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ดีไหมจ๊ะ” คุณหญิงโสภิตาพูดด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ใช่จะไม่รู้ว่าไอวารินไม่อยากแต่งงาน แม้ว่าตระกูลอารยรุ่งโรจน์จะร่ำรวยแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับเด็กดีที่ไม่เคยคิดจะรวยทางลัดอย่างไอวารินคงไม่ได้สนใจข้อนี้ แต่นั่นกลับทำให้คุณหญิงโสภิตาอยากได้มาเป็นสะใภ้มากขึ้น เพราะเท่ากับว่าหลานชายของนางจะได้เจอกับผู้หญิงที่ดีและไม่ได้คิดจะเข้ามาปอกลอกจริงๆ
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับเพียงสั้นๆ เท่านั้น เพราะรู้ว่าไอวารินเรียนจบแล้ว แถมผลการเรียนก็ดีเยี่ยม จึงไม่น่ามีปัญหาอะไรหากจะต้องให้เธอไปช่วยงานที่บริษัท
“ขวัญตกลงไหม ทั้งเรื่องงานและก็เรื่องแต่งงาน” คุณเอมอรเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
ไอวารินคิดแทบไม่ตก เพราะตนเองไม่ได้รักเตชินท์ และเขาเองก็ไม่ได้รักเธอ แต่ครอบครัวอารยรุ่งโรจน์มีพระคุณมากล้นอย่างไม่สามารถตอบแทนได้หมด และไตรภพเองก็ดูแลเธอดีมาตลอด ไม่พ้นแม้แต่ตอนที่เขาป่วยกำลังจากไปก็ยังเป็นห่วง และฝากฝังกับลูกชายคนโตไว้ แต่หญิงสาวไม่ได้ต้องการเช่นนี้ เธออยากแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรัก…
“ขวัญคิดว่า….”
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







