หลายเดือนผ่านไป ภายในห้องพักแพทย์ หมอหนุ่มนั่งเหม่อด้วยใบหน้า ที่ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกได้ เมื่อบิดามารดาให้เขาเดินทาง ไปรับนุชวรากลับมาที่เมืองไทย และดูเหมือนว่าเธอนั้นจะรู้เห็นเป็นใจ เมื่อหญิงสาวเองก็ปรารถนาอยากแต่งงานกับเขาให้เร็วที่สุด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงคนเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จะมีร่างอรชรของหมอสาว เดินเข้ามาภายในห้องพักแพทย์ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับหมอหนุ่ม เธอชื่อว่าแพรวกนก หญิงสาวเป็นหมอที่เรียนจบมาพร้อมกับหมอวายุ เธอเป็นศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัด การวินิจฉัยโรคที่แม่นยำเก่งพอๆ กับหมอวายุ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชศาสตร์ จึงทำให้คนไข้ และเพื่อนแพทย์ด้วยกัน ยอมรับในความอัจฉริยะของคนทั้งคู่ เธอจึงมีความสนิทสนมกับหมอจิรายุในระดับหนึ่ง
"ทำไมทำหน้าเครียดจังค่ะ คุณหมอ" หมอแพรวเอ่ยถามออกมาเสียงหวาน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ หมอหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังจับจ้องมองแผ่นภาพอัลตร้าซาวด์ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ซึ่งฉายแววความเครียดออกมาอย่างชัดเจน
"คนไข้รายนี้เป็นเคสพิเศษเหรอคะ ทำไมดูคุณหมอใส่ใจในรายละเอียดมากจัง หรือว่าสนิทกันมาก่อน" หมอสาวถึงกับถามออกมาด้วยความแปลกใจ ซึ่งมีไม่กี่ครั้งที่หมอวายุ จะนั่งมองแผ่นอัลตร้าซาวด์คนไข้ในห้องพักแพทย์ยาวนานขนาดนี้ ในขณะที่ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเป็นกังวลใจเหมือนกับคนไข้รายนี้มีความสำคัญกับเขามาก
"ถ้าเธอต้องตัดมดลูกทิ้ง โอกาสที่จะมีลูกเป็นศูนย์เลยนะครับ"
ที่หมอวายุพูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาเป็นคนตรวจภายใน และซักประวัติฝนสุดา จึงทราบถึงความเป็นมา ที่สำคัญเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยในชีวิต การคิดที่จะมีลูกมันจึงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าหากทำกิ๊ฟต์ หญิงสาวก็จะกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งมันไม่แฟร์กับชีวิตของเด็กที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลก เพราะเขาจะไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำ ว่าบิดาที่ให้กำเนิดนั้นเป็นใคร
"ความจริงถ้าเธอมีแฟนอยู่แล้ว ถ้าหากอยากมีลูกก็สามารถมีได้ แพรวเคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน ให้คนไข้เป็นคนตัดสินใจดีกว่านะคะ เธออยากจะมีลูกหรือเปล่า"
หมอสาวพูดพร้อมกับหยิบผลไม้เข้าปาก แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่หมอวายุเป็นกังวลกับอนาคตของคนไข้ แต่เธอก็พยายามสลัดมันทิ้งไป เพราะส่วนใหญ่แพทย์ก็ต้องนึกถึง ผลที่จะตามมาหลังจากการรักษาของคนไข้เป็นสำคัญอยู่แล้ว
~ฝนสุดา~
หญิงสาวเดินทางมาฟังผลตรวจ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อเธอรู้สึกหวั่นใจกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นโรคร้ายรักษาไม่หาย น้องคงต้องอยู่เดียวดาย ซึ่งหญิงสาวคงยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้
"เชิญคุณฝนสุดา ปัญญาเป็นเลิศค่ะ"
เมื่อได้ยินคุณพยาบาลเรียก ฝนสุดาค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้องเพื่อพบแพทย์ ที่นัดมาฟังผลตรวจด้วยหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
"เชิญนั่งครับ"
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จนหมอหนุ่มสัมผัสได้ถึงความกลัว นั่นคงเป็นเพราะว่า เธอกำลังจดจ่ออยู่กับผลตรวจ
"ผลตรวจออกมาแล้วนะครับ นี่คือผลอัลตร้าซาวด์ หมออยากแนะนำให้คุณรีบมีบุตร ก่อนที่จะถูกตัดมดลูกทิ้ง เพราะเนื้องอกในมดลูกจะโตขึ้นเรื่อยๆ มันเสี่ยงต่อโรคร้ายมากเลยนะครับ" คำบอกเล่าจากคุณหมอ ทำให้ฝนสุดาหูอื้อไปชั่วขณะ เธอจะมีลูกได้ยังไง ในเมื่อหญิงยังไม่เคยมีแฟนเลย และที่สำคัญเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไงดี เนื่องจากการมีบุตรมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนั่นหมายถึงเธอต้องรับผิดชอบชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ให้ความรักความอบอุ่นพร้อมที่จะเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ พร้อมที่จะเผชิญโลกนี้เพียงลำพังได้ เมื่อวันที่เขาไม่มีเธอ
"ฉันขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ เรื่องนี้มันใหญ่พอสมควร เพราะตอนนี้ฉันยังไม่มีแฟน การที่จะมีบุตรได้นั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับฉันมาก" ฝนสุดาตัดสินใจพูดไปตามความเป็นจริง ซึ่งเธอเคยให้ข้อมูลเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่มาตรวจ
"คุณสนใจทำกิ๊ฟต์ไหมล่ะครับ ผมยินดีทำให้เพราะเห็นใจที่คุณจะไม่สามารถมีบุตรได้ หากต้องตัดมดลูกทิ้งไป" หมอหนุ่มเริ่มทางเลือกให้กับหญิง ในขณะที่แววตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน จนยากแท้หยั่งถึง ซึ่งมันมีนัยซ่อนเอาไว้ ในขณะที่ฝนสุดาไม่ได้สังเกต เธอมัวแต่ก้มมองลงต่ำ เพราะกังวลในสิ่งที่กำลังเผชิญ
"แล้วฉันจะใช้สเปิร์มจากไหนละคะ" ฝนสุดาพอจะทราบรายละเอียดในการทำกิ๊ฟต์อยู่บ้าง ภายในใจของเธอมันเริ่มขัดแย้งกัน อีกใจหนึ่งก็อยากมีลูก เผื่ออนาคตข้างหน้าจะได้พึ่งพา ในยามแก่ตัวลง แต่อีกใจก็เป็นกังวล ถ้าหากลูกถาม ว่าบิดาคือใคร เธอจะตอบลูกได้ยังไง ถ้าหากลูกจะต้องกำเนิดเกิดมาจากสเปิร์มของใครก็ไม่รู้
"ทางโรงพยาบาลของเรามีธนาคารสเปิร์ม รับรองว่าคุณจะได้สเปิร์มที่แข็งแรงที่สุด ครั้งแรกก็ติดแล้วไม่ต้องเป็นกังวล"
"ฉันไม่ได้กังวลเรื่องสเปิร์มหรอกค่ะ แต่ที่ฉันเป็นกังวลก็คือ ถ้าวันหนึ่งลูกถามว่าพ่อของเขาเป็นใครฉันจะตอบลูกได้ยังไง ฉันสงสารลูก ที่เขาเกิดมาแล้วไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ฉันควรจะทำยังไงดีค่ะหมอ" ฝนสุดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตากลมโตเริ่มแดง เธอพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาคลอหน่วยไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เมื่อกำลังคิดว่าลูกน้อยของเธอจะต้องกำพร้าบิดา ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์
นายแพทย์หนุ่มถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะซึ้งได้ถึงเพียงนี้ ขนาดยังไม่มีลูกฝนสุดายังห่วงใยเจ้าตัวเล็กมากกว่าตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้ มันอาจจะเกิดได้กับแม่ทุกคน แต่หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยมีแฟนมาก่อน ทำไมเธอถึงคิดการณ์ไกล ยิ่งได้รู้จักเธอหมอวายุก็ยิ่งรู้สึกดีต่อเธอ เขายังคงจำรอยยิ้มของฝนสุดาได้ไม่เคยลืม ครั้งแรกที่ได้พบกับเธอบนเครื่องบิน กับการเดินทางไปยุโรปครานั้น ใบหน้าและรอยยิ้มของหญิงสาวยังคงตราตรึงใจเขาตราบจนถึงทุกวันนี้
"คุณกลับไปคิดให้ดีก่อน พร้อมที่จะมีลูกหรือยัง สำหรับเรื่องสเปิร์มถ้าวันหนึ่งลูกของคุณถาม ว่าพ่อของเขาคือใคร คุณสบายใจได้ ให้เขากลับมาเอาคำตอบที่ผม"
น้ำเสียงของหมอหนุ่ม แฝงไปด้วยความรู้สึกหนักแน่นน่าเชื่อถือ เขาดูเคร่งขรึมจนน่าเกรงขาม พร้อมกับการยืนกราน ห้ามโต้แย้งใดๆ จนฝนสุดาเดาไม่ออก ว่าทำไมเขาถึงจะมีคำตอบให้กับลูกของเธอ คำพูดอาการและท่าทางของหมอหนุ่มนั้น เหมือนกับจงใจอยากให้หญิงสาวทำกิ๊ฟต์ด้วยซ้ำไป
“ถ้าผมมีลูกมีเมียอยู่แล้ว พ่อกับแม่ยังจะยัดเยียดนุชวราให้กับผมอยู่อีกไหมครับ” หมอหนุ่มถามออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ จนบิดามารดาไม่สามารถเดาความคิดของเขาออก ซึ่งคนทั้งคู่คิดว่าลูกชายเพียงแค่อยากรู้คำตอบเท่านั้น “พ่อกับแม่ไม่ใช่คนใจร้าย ที่จะพรากลูกพรากเมียใครหรอกนะ ถ้าหมอมีลูกมีเมียอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็จะไม่บังคับให้ลูกต้องหมั้น หรือแต่งงานกับนุชวราหรอก แต่ลูกชายของแม่โสดไม่มีใคร แล้วทำไมจะแต่งงานกับหนูนุชไม่ได้ หรือว่าลูกชอบไม้ป่าเดียวกัน แม่ไม่ยอมแน่” ผู้เป็นมารดาเริ่มคิดไปต่างๆ นานา เมื่อลูกชายมีท่าทางที่อิดออด ไม่อยากจะแต่งงานกับสาวสวยที่เพอร์เฟกต์อย่างนุชวรา “ผมไม่มีใครหรอกครับแม่ แต่ขอเวลาอีกสามเดือนได้ไหมครับ ผมไม่เคยขออะไรจากแม่เลย ถ้าหากว่าผมจะต้องหมั้นหรือแต่งงานกับนุชวราจริงๆ ขอให้ผมได้ใช้ชีวิตในแบบของผม เพียงแค่สามเดือนจะได้ไหมครับแม่”
“เอวาขอร้องได้ไหมคะ ระหว่างที่เราคบกันและคุณยังการันตีในความสัมพันธ์ของเราให้ใครต่อใครได้ทราบ ก็ให้เกียรติเอวาบ้างหน่อยเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า เมื่อเธอนั้นได้กลายเป็นเพียงแค่แฟนในนาม แต่เรื่องบนเตียงกลับเล่นจริงไม่ใช้สแตนด์อิน “รอให้หมอวายุหมั้นและแต่งงานกับนุชวราเมื่อไหร่ ผมจะปล่อยคุณไปให้เป็นอิสระ” เขาช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แม้ว่าเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่เอวาได้รับนั้น จะเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่หญิงสาวก็ปรารถนาอยากใช้ชีวิตร่วมกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงมากกว่า “คุณพายุ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีคุณไม่คิดที่จะมีใจให้เอวาบ้างเลยหรือไง” คราวนี้หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พัดพ้อ เมื่อเขาให้ความสำคัญในตำแหน่งแฟน เพียงแค่ต้องการให้หล่อนเป็นไม้กันหมาให้เขาเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาของชายหนุ่ม ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโต จึงถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่หมอวายุนั้นถูกบังคับ ให้ทำตามความประสงค์ของบุพการี ทั้งการเรียนและเรื่องของหัวใน ท้ายที่สุดเขาต้องเรียนแพทย์ ทั้งที่
ผับใจกลางเมือง มิรากำลังนั่งดื่มอยู่กับเบส สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นหญิงสาว ที่มีรูปร่างคุ้นตา แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่ขวัญดาวหรือเปล่า เนื่องจากโต๊ะโซนวีไอพี ซึ่งถัดออกไปจากเธอพอสมควร หญิงสาวกำลังนั่งดื่มอยู่กับคาสโนว่าตัวพ่ออย่างพายุ นักธุรกิจหนุ่มที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เขายังคงเป็นคุณชายเจ้าสำราญไม่เลิกรา“ถ้าผมจะกลับมาคบกับคุณอีกจะได้ไหม มิรา” น้ำเสียงของกัปตันหนุ่มฟังดูน่าหลงใหล แต่มิรากลับรู้สึกไม่ไหว ถ้าหากเธอจะต้องมานั่งร้องไห้ เมื่อเขาบอกเลิก และที่เธอยอมออกมาดื่มเป็นเพื่อนแฟนเก่าก็แค่ต้องการปลอบโยน ที่เขานั้นได้เสียบิดาไป ในขณะที่แฟนใหม่ขอยุติความสัมพันธ์ ซึ่งมิราไม่มีวันจะกลับไปเป็นแฟนกับเขาอีกเป็นเด็ดขาด “เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้ว อย่าพยายามทำให้ทุกอย่างกลับมาที่เดิม เมื่อใจสองดวงได้เปลี่ยนไปแล้ว มิราจะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเบสเสมอนะ” คำพูดของอดีตคนรัก ทำให้กัปตันหนุ่มซาบซึ้งใจ เขาไม่น่าทิ้งเธอไปทั้งที่คบกันมาเป็นสิบปี
ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือลงอย่างช้าๆ เมื่อเธอกำลังจินตนาการว่าตัวเองนั้น กำลังเป็นนางเอกในซีรี่ย์ ที่มีหมอหนุ่มหน้าตาดี เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยทำให้เธอตั้งครรภ์ ก่อนที่หญิงสาวจะไม่มีมดลูก “คุณ... คุณฝนสุดา หลับอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของหมอหนุ่มที่ดังข้างใบหูของเธอ จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ “เอ่อ... ขะ ขอโทษค่ะ” ฝนสุดารีบดีดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับใบหน้าที่เหลอหลา ก่อนจะกล่าวขอโทษเขาออกมาด้วยคำพูดที่ติดอ่าง พร้อมกับรีบก้มหน้าลงต่ำ เพื่อหลบสายตาคมของหมอหนุ่ม เมื่อเธอเดาความรู้สึกของเขาไม่ออก การวางสีหน้าที่เรียบเฉยตลอดเวลา พร้อมกับเก๊กท่าวางมาดเข้ม บวกกับบุคลิกของหมอหนุ่มดูหล่อเท่สมาร์ต แต่ทว่าบางทีก็ดูลึกลับจนน่าค้นหา ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของฝนสุดาอดที่จะหวั่นไหว ให้กับหมอวายุไม่ได้ “ผมเพิ่งบอกคุณไปไม่กี่นาที จะลุกจะเดินต้องระวัง ไม่อย่างนั้นคุณมีสิทธิ์แท้งแน่ ถ้าย้ายตั
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งเอาไว้ในสไตล์นอร์ดิก แลดูโล่ง โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ดูอบอุ่นเรียบหรูดูแพง ซึ่งมีโทนขาว เทาเป็นหลัก ทั้งผ้าปูและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายใน ผนังของห้องใช้สีพาสเทลอ่อนๆ บ่งบอกให้รู้ถึงรสนิยมของคนอาศัยที่มีใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญหมอวายุเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบ แต่คนรอบข้างมักจะนำพาความวุ่นวาย เข้ามาภายในชีวิตของเขาไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเรื่องการหมั้นระหว่างเขากับนุชวรา คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ ค่อยๆ พลิกกายบิดตัวหาวออกมา เมื่อเธอรู้สึกสบายตัวที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม บวกกับที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน เนื่องจากตื่นเต้นกับการมาตามนัด เพื่อรับฟังรายละเอียดในขั้นตอนของการทำร่างกายให้พร้อม สำหรับการตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้หญิงสาวหลับยาวไปหลายชั่วโมง "อืม..." ฝนสุดาครางออกมาจากในลำคอ พร้อมกับบิดขี้เกียจอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเธอไม่อยากลุกออกจากเตียงนุ่มนี่เลยสักนิด จากนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ พลิกกายกลับมานอนหงาย เธอปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าเพดานของห้องนอน แปลกไปจากที่คุ้นเคย แน่นอนเพราะนี่มันไม
หลายวันผ่านไป หลังจากที่นายแพทย์หนุ่มหนุ่มพยายามเลื่อนนัดนุชวรามาหลายครั้ง ในวันนี้เธอจึงจำเป็นที่จะต้องบุกไปหาเขาที่โรงพยาบาล จนทำให้หมอหนุ่มจำใจต้องออกมารับประทานมื้อเย็นกับหญิงสาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขานั้นจะรู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องออกไปรับประทานมื้อเย็น ภายใต้แสงเทียน หล่อนคงอยากสร้างความประทับใจให้กับเดตแรกระหว่างเธอกับหมอวายุ "พี่หมอค่ะ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกับว่า กำลังลำบากใจที่ออกมาทานข้าวกับนุช" นุชวราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เมื่อหล่อนพยายามเข้าใกล้ แต่หมอวายุกลับมีท่าทีถอยห่างออกไป ทั้งที่เขาก็ไม่มีใครทำไมไม่รับปากตกลงหมั้นกับเธอสักที "พอดีว่าช่วงนี้ผมมีเรื่องเครียดนิดหน่อย การเป็นหมอต้องอยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งคนไข้ได้ฝากชีวิตไว้กับแพทย์ที่รักษา ผมจึงอยากทุ่มเทชีวิตนี้ให้กับวงการแพทย์ ถ้านุชเจอใครที่ถูกใจ ก็รีบคว้าเอาไว้อย่าฝากความหวังไว้ที่ผมเลยนะครับ" ใบหน้าอันหล่อเหลาของหมอหนุ่ม ดูเรียบเฉยไร้วี่แววของการมีใจ บางครั้งนุชวราก็อยากเอ่ย