หานจิ้นหยูมองแผนผังด้วยสายตาสนใจ พลางยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ “เล่าแผนการของท่านสู่ข้ามาเถิด ข้าอดใจไว้แทบไม่ไหวแล้ว”จากนั้นแผนการของขุนนางฉินไท่หลงก็ถูกถ่ายทอดสู่หานจิ้นหยู หานจิ้นหยูพยักหน้า “ฟังดูเข้าท่า ท่านช่างรอบคอบ แต่เราต้องหาคนทำงานนี้ คนที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับความเสี่ยง”“ข้ามีคนของข้าที่พร้
ในลานหมู่บ้าน เหวิ่นจือหยูเริ่มสอนวิธีสร้างเตาพลังแสงอาทิตย์ นางอธิบายอย่างละเอียดและชี้ให้เห็นว่าอุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถหาได้จากธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่สำหรับโครงสร้าง และเศษกระจกเงาที่ชาวบ้านมีอยู่หรือไม่ใช้แล้ว“นี่คือกระบวนการง่าย ๆ พวกท่านสามารถเริ่มจากการสร้างโครงไม้ จากนั้นปิดผิวด้านในด้วยกระดาษสีด
“หยูเอ๋อร์ อุปกรณ์นี้ดูแปลกตา ข้าคิดว่ามันจะใช้ได้จริงหรือ” เหวิ่นจือหยูยิ้มอย่างมั่นใจ “เสด็จแม่เพคะ ลูกมั่นใจว่ามันจะสำเร็จ อุปกรณ์นี้ใช้แสงแดดแทนฟืนเพคะ ซึ่งแสงแดดนั้นมีอยู่ทุกวัน เพียงแค่ว่าเรารู้วิธีนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เท่านั้นเอง” เหวิ่นลี่หยาที่ตามขบวนมาทีหลังพอได้ฟังถึงกับขมวดคิ้ว “แส
ในยามเช้าของฤดูหนาวที่ปกคลุมด้วยหมอกขาว ท้องฟ้าโปร่งใสแต่ลมหนาวพัดกรรโชก ตอนนี้ทุกครัวเรือนในแคว้นกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนฟืน ชาวบ้านต้องใช้ฟืนจำนวนมากเพื่อหุงหาอาหารและสร้างความอบอุ่น แต่ฟืนแห้งหาได้ยากในฤดูนี้ที่ตำหนักรัชทายาท หลี่หยวนเจ๋อนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงอักษร พลางอ่านรายงานจากข้าหลวงเกี่ยวกับปัญ
คืนวันนั้นเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความหวานล้ำ หลี่หยวนเจ๋อไม่ปล่อยให้นางห่างจากเขาแม้แต่ครู่เดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อให้นางรู้สึกว่านางคือคนสำคัญที่สุดในโลกของเขา ทั้งคำพูด การกระทำ และสายตา ทุกสิ่งล้วนแสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งจนมิอาจหาคำใดมาบรรยาย“เจ้ารู้หรือไม่ ตั้งแต่ข้าเจอเจ้า โลกของข้าก็เปลี่ยนไป เจ
ปากหยักดูดถันอวบข้างซ้ายข้างขวาสลับกันไปมา ก่อนที่จะเลื่อนตัวลงมาเบื้องล่าง จมูกโด่งกดจุมพิตหน้าท้องเป็นการทักทายโอรสในครรภ์ หลี่หยวนเจ๋อเชื่อว่าในครรภ์ของพระชายาตอนนี้มีพระโอรสซ่อนอยู่ข้างใน“ลูกจ๋า เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปทักทายเจ้านะ รอก่อนนะลูกรัก ขอพ่อทักทายผิวสวยของพระมารดาเจ้าก่อน”“หยวนเจ๋อ รีบเข้า
ในยามค่ำคืนหลังจากการตัดสินโทษ เหวิ่นลี่หยานั่งอยู่ในตำหนักของตน ใบหน้างดงามของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจกับการตัดสิน“ในที่สุด ซูหนิงก็ถูกกำจัดไปแล้วคนหนึ่ง นางเป็นเหมือนหนามยอกอกข้า คอยบงการข้าทุกอย่าง” นางพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจหลันเอ๋อร์นางกำนัลคนสนิทของนาง เดินเข้ามาพร้อมน้ำชา นางคุกเข่
ซูหนิงทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าซีดเซียว แต่ยังคงพยายามปฏิเสธ “ข้าไม่ได้ทำ ทุกสิ่งเป็นการใส่ร้าย”ฮองเฮาตรัสด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าคิดว่าทุกคนจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือ เมื่อหลักฐานทั้งหมดชี้มาที่เจ้า”ฮ่องเต้ทอดพระเนตรซูหนิงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนตรัสด้วยพระสุรเสียงเด็ดขาด “ซูหนิง เจ้าทราบหรือไม่ว่าความ
ภายในท้องพระโรงบรรยากาศเคร่งเครียดดุจหมอกควันแห่งสงคราม หลายคู่สายตาจับจ้องไปยังองค์รัชทายาทที่ทรงยืนประจันหน้ากับซูหนิง พระสนมผู้เคยสูงศักดิ์ในตำหนักวังตะวันตก บัดนี้ใบหน้าของนางเริ่มแสดงอาการร้อนรน ดวงตาสั่นระริกด้วยความกังวล “องค์รัชทายาท เจ้าคิดว่าหลักฐานที่มีเพียงเท่านี้จะเพียงพอให้ทุกคนเชื่อว