“ข้าคิดว่าถ้าเจ้าเป็นคู่หมั้นของข้าแทนเหวิ่นจือหยู ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้นมาก…”
เพียงคำพูดเดียวนี้ หัวใจของวาดรวีก็ปั่นป่วนทันที ความเสียใจผสมปนเปกับความรู้สึกหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี เธอรู้ดีว่าองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อไม่เคยมีใจให้เหวิ่นจือหยูเลยตั้งแต่ต้น แต่การได้ยินเขาชื่นชมเหวิ่นลี่หยาน้องสาวต่างมารดาของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสนิทสนม กลับทำให้วาดรวีในร่างนี้รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
เธออยากหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ อยากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับองค์ชายและเหวิ่นลี่หยา เธอคิดอยากจะถือในศักดิ์ศรียกเลิกงานหมั้นงานแต่งนี้เสียเองก็คงดี แต่ในขณะเดียวกัน เธอรู้ว่าตนเองหนีไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ วาดรวีคือเหวิ่นจือหยู คู่หมั้นที่ถูกกำหนดมาแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าจะหลีกทางให้เหวิ่นลี่หยาที่ดูท่าแล้วอยากได้ตำแหน่งนี้ ก็คงสมใจนางและเฉียนอี้หรงผู้เป็นมารดาที่คอยยุยงให้ลูกสาวแก่งแย่งทุกอย่างจากเหวิ่นจือหยู คอยใส่ร้ายให้คิดอื่นเข้าใจผิดคิดว่าเหวิ่นจือหยูร้ายกาจ ในขณะที่เหวิ่นลี่หยาสวมบทคุณหนูรองผู้ใสซื่อและอ่อนโยนโดนเธอกระทำ
เมื่อกลับถึงจวนด้วยความรู้สึกหน่วงในหัวใจ วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูก็พบว่า ทุกคนในบ้านต่างตกใจที่เธอกลับมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม่นมหลานซินรีบเข้ามาทักด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสายตาเศร้าของคุณหนู เธอก็เลือกที่จะเงียบไว้
หลังจากที่วาดรวีเข้ามาอยู่ในร่างของเหวิ่นจือหยูทุกสิ่งทุกอย่างก็พลิกผันไปจากที่เคยเป็น แม้กระทั่งเหล่าคนรับใช้ในจวนต่างก็ยังรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูอย่างชัดเจน คุณหนูเหวิ่นจือหยูผู้เคยเย่อหยิ่ง เต็มไปด้วยความร้ายกาจ ทำให้ผู้คนรอบตัวหวาดกลัว แม้แต่คนรับใช้ใกล้ชิดก็ต้องเดินบนเส้นด้ายด้วยความระมัดระวัง หวาดเกรงว่าจะเผลอทำสิ่งใดผิดพลาดและแล้วถูกลงโทษ จนไม่มีใครที่อยากจะมารับใช้เหวิ่นจือหยูด้วยความเต็มใจเลยสักคนยกเว้นแม่นมหลานซินและอี้เหมยที่คอยดูแลคุณหนูใหญ่มาตลอด
คุณหนูเหวิ่นจือหยูมักจะเกรี้ยวกราดอารมณ์ร้ายใส่คนรับใช้ที่ทำผิดแม้เพียงเล็กน้อย บางครั้งเพียงเพราะอารมณ์หงุดหงิดส่วนตัว นางเคยสั่งให้ลงโทษสาวใช้ที่ทำชาร้อนหกใส่มือของนางโดยไม่ตั้งใจ นางถูกโบยตีอย่างรุนแรงโดยไม่ยอมให้โอกาสอธิบาย
ตั้งแต่ฟื้นขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งนั้น คุณหนูเหวิ่นจือหยูก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากคุณหนูที่ร้ายกาจ ไร้ความเมตตา กลับกลายเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็น เมตตาต่อผู้คนรอบตัว ซึ่งสร้างความประหลาดใจและความงุนงงให้กับคนรับใช้ทุกคน
เช่น ยามเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เหวิ่นจือหยูกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ สาวใช้คนหนึ่งทำถาดอาหารหลุดมือจนข้าวของกระจัดกระจายหกเลอะไปทั่วพื้น ด้วยความกลัวเธอรีบคุกเข่าลงและกล่าวเสียงสั่น
“คุณหนู ข้าขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” สาวใช้รีบคุกเข่าลงพื้น ใบหน้าซีดเผือดราวกับจะร้องไห้ เธอเตรียมใจรับโทษที่หนักหนา เพราะเหวิ่นจือหยูไม่เคยให้อภัยใครง่ายๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ เมื่อคุณหนูเพียงยิ้มอ่อนและพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ ข้าไม่ถือสา เจ้าคงรีบร้อน เดี๋ยวให้คนมาเก็บกวาดก็พอ”
คำตอบของเหวิ่นจือหยูทำให้สาวใช้คนนั้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาและเชื่อหูของตัวเอง ในใจของเธอเตรียมรับโทษที่หนักหนาไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นคำพูดอ่อนโยนและการให้อภัยแทน
“คุณหนู ท่านไม่โกรธข้าหรือเจ้าคะ” สาวใช้ถามย้ำด้วยความงุนงง ขณะที่คนรับใช้คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถงต่างพากันแอบมองมาด้วยกลัวว่าสาวรับใช้คนนี้จะโดนทำโทษอะไร แต่สิ่งที่ได้ยินทำเอาทุกคนอึ้งไปพร้อมๆกัน เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดายจากคุณหนูผู้ร้ายกาจ
เหวิ่นจือหยูส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าไม่มีเหตุผลที่จะโกรธ มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียทีเดียว เจ้าไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่หรอกหรือ”
เหล่าคนรับใช้ต่างพากันมองหน้ากันด้วยความไม่ค่อยแน่ใจว่าตนเองควรจะทำอย่างไรต่อไป บางคนถึงกับเริ่มกระซิบกระซาบกันลับหลัง
“คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปจริงๆ...”
“ข้าไม่เคยเห็นนางใจดีเช่นนี้มาก่อน…”
จากวันที่เคยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอยู่ด้วยความรู้สึกกดดัน เหล่าคนรับใช้ค่อยๆ เริ่มปรับตัวและรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ใกล้คุณหนูเหวิ่นจือหยูมากขึ้น แม้ว่าจะยังมีความระแวงเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขายังคงจำภาพของเหวิ่นจือหยูที่โหดร้ายในอดีตได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้ความเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูจะทำให้บรรยากาศในจวนผ่อนคลายลง แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่กล้าปักใจเชื่อว่านิสัยของคุณหนูใหญ่จะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ทั้งคนในจวนและแม้กระทั่งสมาชิกในครอบครัวเองก็ต่างสงสัย
เหวิ่นจวิ้นอี้ บิดาของเหวิ่นจือหยู ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน เขาเริ่มจับตามองบุตรสาวคนโตที่เคยดื้อรั้นและเอาแต่ใจ ยิ่งเวลามีเรื่องทะเลาะกับเหวิ่นลี่หยานางยิ่งเอาแต่ใจ มาวันนี้กลับกลายเป็นคนที่สงบเยือกเย็นและเธอก็ยังคงควบคุมอารมณ์ได้ดี มีเมตตาขึ้นได้เพียงข้ามคืน และเริ่มสนใจช่วยงานในครอบครัว
"ท่านพ่อ" เสียงเรียกเบาๆ ของเหวิ่นจือหยูดังขึ้นในขณะที่นางเดินเข้ามายังห้องทำงานของบิดา นางยิ้มบางๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหวิ่นจวิ้นอี้ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในอดีตตั้งแต่ที่เขารับมารดาของเหวิ่นลี่หยามาเป็นอนุภรรยา
"เจ้ามีอะไรหรือหยูเอ๋อร์" เขาถามพร้อมกับพยายามซ่อนความสงสัยในน้ำเสียง
“ท่านพ่อ ลูกมาคิดดูแล้ว ลูกอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านพ่อบ้าง ท่านพ่อมีอะไรที่ต้องการให้ลูกช่วยหรือไม่เจ้าคะ ลูกไม่อยากอยู่เฉยๆ” เหวิ่นจือหยูพูดด้วยท่าทีตั้งใจจริง นางพูดต่อไปอย่างรอบคอบ
“ลูกอาจเคยทำสิ่งที่ไม่ดีมาก่อน แต่ตอนนี้ลูกอยากเริ่มต้นใหม่ ลูกอยากทำให้ตระกูลของเราดีขึ้น ท่านพ่อโปรดเชื่อลูกเถิด”
เหวิ่นจวิ้นอี้อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ลูกสาวที่เคยไม่สนใจสิ่งใดนอกจากตัวเองกลับมาพูดเช่นนี้ เมื่อก่อนเขาพยายามที่จะให้เหวิ่นจือหยูร่ำเรียนและสนใจเรื่องค้าขาย เพื่อที่จะช่วยเขาและเหวิ่นซิ่วเหมย ฮูหยิน ผู้เป็นมารดาของนางดูแลเรื่องการค้า แต่ลูกสาวตัวดีกลับไม่สนใจ พอให้ฝึกการบ้านการเรือนเยี่ยงกุลสตรีเหวิ่นจือหยูก็ดื้อรั้นไม่ยอมฝึก มาครั้งนี้ลูกสาวถึงกับมาเสนอตัวขอช่วยเอง คนเป็นพ่อถึงกับแปลกใจจ้องมองเหวิ่นจือหยูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ และยิ้มอย่างภูมิใจ
“ดีแล้ว หากหยูเอ๋อร์คิดได้เช่นนั้น พ่อก็ยินดีมาก” เหวิ่นจวิ้นอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเอ็นดูเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือมาลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ พลางเดินนำลูกสาวเข้าไปเริ่มสอนงาน
ในขณะที่คนในจวนค่อยๆ เริ่มยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยู เหวิ่นลี่หยา น้องสาวผู้มีมารดาเป็นเพียงอนุภรรยา กลับรู้สึกไม่สบายใจ นางเคยเป็นคนโปรดของทุกคนในครอบครัว รวมถึงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ แม้เหวิ่นลี่หยาจะทำตัวอ่อนโยนและดูเหมือนเป็นกุลสตรี แต่ในใจลึกๆ นางมีความทะเยอทะยานและไม่พอใจที่ตนต้องอยู่ใต้เงาของพี่สาวมาโดยตลอด ถึงแม้นางจะเป็นคุณหนูรองแต่นางก็เกิดจากเฉียนอี้หรงที่เป็นเพียงแค่อนุภรรยา จึงไม่มีเกียรติเท่าเหวิ่นจือหยู ลูกสาวของฮูหยิน
เหวิ่นลี่หยาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพี่สาวของนางอย่างชัดเจน และแม้ว่าภายนอกนางจะแสร้งทำเป็นยินดี แต่ในใจลึกๆ นางเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของเหวิ่นจือหยูอาจทำให้ตำแหน่งที่นางแอบปรารถนาหลุดมือไป
ในตอนเช้าในขณะที่เหวิ่นลี่หยาอยู่ในสวน เธอได้ยินเสียงคนรับใช้สองคนสนทนากันเบาๆ เกี่ยวกับเหวิ่นจือหยู
“คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปมากจริงๆ ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ข้าแทบไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน” สาวใช้คนหนึ่งพูด
“ใช่ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น คุณหนูใหญ่ใจดีกับพวกเรามากขึ้น ไม่ดุด่าหรือทำร้ายเหมือนก่อน ข้าว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นคงทำให้นางคิดได้” อีกคนเสริม
“ถ้าคุณหนูเป็นเช่นนี้ตลอดคงดี เพราะใบหน้าคุณหนูก็งดงามมากเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาขององค์ชายมากเลย และยิ่งตอนนี้นายท่านกับฮูหยินกำลังสอนคุณหนูเรื่องค้าขายดูแลกิจการของฮูหยินกับนายท่านต่อ นายท่านดูมีความสุขมากที่คุณหนูสนใจเรื่องนี้”
เหวิ่นลี่หยายืนเงียบอยู่หลังพุ่มไม้ นางได้ยินทุกคำพูด ในใจของนางเต็มไปด้วยความหงุดหงิด โกรธแค้น ไม่สบายใจที่ไม่อาจปกปิดได้ นางเคยหวังว่าจะเขี่ยพี่สาวให้พ้นทาง เพื่อที่ตัวนางจะได้กลายเป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ แต่เมื่อเหวิ่นจือหยูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น นางกลับรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังหลุดลอยไป
“ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ ข้าอุตส่าห์ทุบหัวกะจะให้ไม่ฟื้นแล้ว นี่นางกลับตื่นมาเป็นคนที่ดีกว่าเดิมอีก”
เหวิ่นลี่หยาคิดในใจ นางทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อองค์ชาย ทำตัวเป็นกุลสตรีสมบูรณ์แบบที่ทุกคนชื่นชม ใส่ร้ายพี่สาวสารพัด แต่สุดท้ายเหวิ่นจือหยูกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีและเข้ามาแย่งตำแหน่งที่นางใฝ่ฝันมานานได้อย่างสบาย
แม้ว่าพี่สาวจะเป็นคนที่มีนิสัยร้ายกาจและเอาแต่ใจ แต่เพราะเป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดจากฮูหยิน เหวิ่นจือหยูจึงได้รับทุกอย่างที่ดีที่สุด ทั้งการยอมรับจากครอบครัวและโอกาสในการเป็นคู่หมั้นขององค์ชาย แม้ว่าเหวิ่นลี่หยาจะเป็นที่ชื่นชมของทุกคน แต่ตำแหน่งสำคัญในตระกูลก็ตกเป็นของพี่สาวเสมอ เหมือนกับที่เฉียนอี้หรงมารดาของเธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในจวนเลยแม้แต่น้อย เพราะฮูหยิน เหวิ่นซิ่วเหม่ย คุมอำนาจเป็นใหญ่ดูแลทั้งหมดในจวน
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหวิ่นลี่หยาพยายามเข้าหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อและแสดงให้เห็นว่านางเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเหวิ่นจือหยูผู้เย่อหยิ่งและอารมณ์ร้ายหวังว่าองค์ชายจะมองเห็นว่านางมีคุณสมบัติเหมาะสมยิ่งกว่า แต่เมื่อเหวิ่นจือหยูฟื้นขึ้นมาและเริ่มเปลี่ยนแปลงไป นางกลับกลายเป็นคนใหม่ที่สงบเยือกเย็นและมีเมตตา ซึ่งทำให้เหล่าคนในจวน รวมถึงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อเอง ก็ค่อยๆ หันมามองเหวิ่นจือหยูในแง่ดีขึ้น นี่ทำให้เหวิ่นลี่หยารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียโอกาสของตัวเองไปทีละน้อย
ในเย็นวันนั้น เหวิ่นลี่หยาตัดสินใจไปหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อที่ตำหนักของเขา เพื่อพูดคุยด้วยหวังว่าจะย้ำเตือนพระองค์ว่านางคือผู้หญิงที่ใส่ใจและเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่เคียงข้างเขา…