แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: กุหลาบดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-01 20:01:34

“ข้าคิดว่าถ้าเจ้าเป็นคู่หมั้นของข้าแทนเหวิ่นจือหยู ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้นมาก…”

เพียงคำพูดเดียวนี้ หัวใจของวาดรวีก็ปั่นป่วนทันที ความเสียใจผสมปนเปกับความรู้สึกหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี เธอรู้ดีว่าองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อไม่เคยมีใจให้เหวิ่นจือหยูเลยตั้งแต่ต้น แต่การได้ยินเขาชื่นชมเหวิ่นลี่หยาน้องสาวต่างมารดาของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสนิทสนม กลับทำให้วาดรวีในร่างนี้รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

เธออยากหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ อยากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับองค์ชายและเหวิ่นลี่หยา เธอคิดอยากจะถือในศักดิ์ศรียกเลิกงานหมั้นงานแต่งนี้เสียเองก็คงดี แต่ในขณะเดียวกัน เธอรู้ว่าตนเองหนีไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ วาดรวีคือเหวิ่นจือหยู คู่หมั้นที่ถูกกำหนดมาแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถ้าจะหลีกทางให้เหวิ่นลี่หยาที่ดูท่าแล้วอยากได้ตำแหน่งนี้ ก็คงสมใจนางและเฉียนอี้หรงผู้เป็นมารดาที่คอยยุยงให้ลูกสาวแก่งแย่งทุกอย่างจากเหวิ่นจือหยู คอยใส่ร้ายให้คิดอื่นเข้าใจผิดคิดว่าเหวิ่นจือหยูร้ายกาจ ในขณะที่เหวิ่นลี่หยาสวมบทคุณหนูรองผู้ใสซื่อและอ่อนโยนโดนเธอกระทำ

เมื่อกลับถึงจวนด้วยความรู้สึกหน่วงในหัวใจ วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูก็พบว่า ทุกคนในบ้านต่างตกใจที่เธอกลับมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม่นมหลานซินรีบเข้ามาทักด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสายตาเศร้าของคุณหนู เธอก็เลือกที่จะเงียบไว้

หลังจากที่วาดรวีเข้ามาอยู่ในร่างของเหวิ่นจือหยูทุกสิ่งทุกอย่างก็พลิกผันไปจากที่เคยเป็น แม้กระทั่งเหล่าคนรับใช้ในจวนต่างก็ยังรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูอย่างชัดเจน คุณหนูเหวิ่นจือหยูผู้เคยเย่อหยิ่ง เต็มไปด้วยความร้ายกาจ ทำให้ผู้คนรอบตัวหวาดกลัว แม้แต่คนรับใช้ใกล้ชิดก็ต้องเดินบนเส้นด้ายด้วยความระมัดระวัง หวาดเกรงว่าจะเผลอทำสิ่งใดผิดพลาดและแล้วถูกลงโทษ จนไม่มีใครที่อยากจะมารับใช้เหวิ่นจือหยูด้วยความเต็มใจเลยสักคนยกเว้นแม่นมหลานซินและอี้เหมยที่คอยดูแลคุณหนูใหญ่มาตลอด

คุณหนูเหวิ่นจือหยูมักจะเกรี้ยวกราดอารมณ์ร้ายใส่คนรับใช้ที่ทำผิดแม้เพียงเล็กน้อย บางครั้งเพียงเพราะอารมณ์หงุดหงิดส่วนตัว นางเคยสั่งให้ลงโทษสาวใช้ที่ทำชาร้อนหกใส่มือของนางโดยไม่ตั้งใจ นางถูกโบยตีอย่างรุนแรงโดยไม่ยอมให้โอกาสอธิบาย

ตั้งแต่ฟื้นขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งนั้น คุณหนูเหวิ่นจือหยูก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากคุณหนูที่ร้ายกาจ ไร้ความเมตตา กลับกลายเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็น เมตตาต่อผู้คนรอบตัว ซึ่งสร้างความประหลาดใจและความงุนงงให้กับคนรับใช้ทุกคน

เช่น ยามเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เหวิ่นจือหยูกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ สาวใช้คนหนึ่งทำถาดอาหารหลุดมือจนข้าวของกระจัดกระจายหกเลอะไปทั่วพื้น ด้วยความกลัวเธอรีบคุกเข่าลงและกล่าวเสียงสั่น

“คุณหนู ข้าขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” สาวใช้รีบคุกเข่าลงพื้น ใบหน้าซีดเผือดราวกับจะร้องไห้ เธอเตรียมใจรับโทษที่หนักหนา เพราะเหวิ่นจือหยูไม่เคยให้อภัยใครง่ายๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ เมื่อคุณหนูเพียงยิ้มอ่อนและพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“ไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ ข้าไม่ถือสา เจ้าคงรีบร้อน เดี๋ยวให้คนมาเก็บกวาดก็พอ”

คำตอบของเหวิ่นจือหยูทำให้สาวใช้คนนั้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาและเชื่อหูของตัวเอง ในใจของเธอเตรียมรับโทษที่หนักหนาไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นคำพูดอ่อนโยนและการให้อภัยแทน

“คุณหนู ท่านไม่โกรธข้าหรือเจ้าคะ” สาวใช้ถามย้ำด้วยความงุนงง ขณะที่คนรับใช้คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถงต่างพากันแอบมองมาด้วยกลัวว่าสาวรับใช้คนนี้จะโดนทำโทษอะไร แต่สิ่งที่ได้ยินทำเอาทุกคนอึ้งไปพร้อมๆกัน เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดายจากคุณหนูผู้ร้ายกาจ

เหวิ่นจือหยูส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าไม่มีเหตุผลที่จะโกรธ มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียทีเดียว เจ้าไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่หรอกหรือ”

เหล่าคนรับใช้ต่างพากันมองหน้ากันด้วยความไม่ค่อยแน่ใจว่าตนเองควรจะทำอย่างไรต่อไป บางคนถึงกับเริ่มกระซิบกระซาบกันลับหลัง

“คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปจริงๆ...”

“ข้าไม่เคยเห็นนางใจดีเช่นนี้มาก่อน…”

จากวันที่เคยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอยู่ด้วยความรู้สึกกดดัน เหล่าคนรับใช้ค่อยๆ เริ่มปรับตัวและรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ใกล้คุณหนูเหวิ่นจือหยูมากขึ้น แม้ว่าจะยังมีความระแวงเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขายังคงจำภาพของเหวิ่นจือหยูที่โหดร้ายในอดีตได้อย่างชัดเจน

ถึงแม้ความเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูจะทำให้บรรยากาศในจวนผ่อนคลายลง แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่กล้าปักใจเชื่อว่านิสัยของคุณหนูใหญ่จะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ทั้งคนในจวนและแม้กระทั่งสมาชิกในครอบครัวเองก็ต่างสงสัย

เหวิ่นจวิ้นอี้ บิดาของเหวิ่นจือหยู ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน เขาเริ่มจับตามองบุตรสาวคนโตที่เคยดื้อรั้นและเอาแต่ใจ ยิ่งเวลามีเรื่องทะเลาะกับเหวิ่นลี่หยานางยิ่งเอาแต่ใจ มาวันนี้กลับกลายเป็นคนที่สงบเยือกเย็นและเธอก็ยังคงควบคุมอารมณ์ได้ดี มีเมตตาขึ้นได้เพียงข้ามคืน และเริ่มสนใจช่วยงานในครอบครัว

"ท่านพ่อ" เสียงเรียกเบาๆ ของเหวิ่นจือหยูดังขึ้นในขณะที่นางเดินเข้ามายังห้องทำงานของบิดา นางยิ้มบางๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหวิ่นจวิ้นอี้ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในอดีตตั้งแต่ที่เขารับมารดาของเหวิ่นลี่หยามาเป็นอนุภรรยา

"เจ้ามีอะไรหรือหยูเอ๋อร์" เขาถามพร้อมกับพยายามซ่อนความสงสัยในน้ำเสียง

“ท่านพ่อ ลูกมาคิดดูแล้ว ลูกอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านพ่อบ้าง ท่านพ่อมีอะไรที่ต้องการให้ลูกช่วยหรือไม่เจ้าคะ ลูกไม่อยากอยู่เฉยๆ” เหวิ่นจือหยูพูดด้วยท่าทีตั้งใจจริง นางพูดต่อไปอย่างรอบคอบ

“ลูกอาจเคยทำสิ่งที่ไม่ดีมาก่อน แต่ตอนนี้ลูกอยากเริ่มต้นใหม่ ลูกอยากทำให้ตระกูลของเราดีขึ้น ท่านพ่อโปรดเชื่อลูกเถิด”

เหวิ่นจวิ้นอี้อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ลูกสาวที่เคยไม่สนใจสิ่งใดนอกจากตัวเองกลับมาพูดเช่นนี้ เมื่อก่อนเขาพยายามที่จะให้เหวิ่นจือหยูร่ำเรียนและสนใจเรื่องค้าขาย เพื่อที่จะช่วยเขาและเหวิ่นซิ่วเหมย ฮูหยิน ผู้เป็นมารดาของนางดูแลเรื่องการค้า แต่ลูกสาวตัวดีกลับไม่สนใจ พอให้ฝึกการบ้านการเรือนเยี่ยงกุลสตรีเหวิ่นจือหยูก็ดื้อรั้นไม่ยอมฝึก มาครั้งนี้ลูกสาวถึงกับมาเสนอตัวขอช่วยเอง คนเป็นพ่อถึงกับแปลกใจจ้องมองเหวิ่นจือหยูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ และยิ้มอย่างภูมิใจ

“ดีแล้ว หากหยูเอ๋อร์คิดได้เช่นนั้น พ่อก็ยินดีมาก” เหวิ่นจวิ้นอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเอ็นดูเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือมาลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ พลางเดินนำลูกสาวเข้าไปเริ่มสอนงาน

ในขณะที่คนในจวนค่อยๆ เริ่มยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยู เหวิ่นลี่หยา น้องสาวผู้มีมารดาเป็นเพียงอนุภรรยา กลับรู้สึกไม่สบายใจ นางเคยเป็นคนโปรดของทุกคนในครอบครัว รวมถึงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ แม้เหวิ่นลี่หยาจะทำตัวอ่อนโยนและดูเหมือนเป็นกุลสตรี แต่ในใจลึกๆ นางมีความทะเยอทะยานและไม่พอใจที่ตนต้องอยู่ใต้เงาของพี่สาวมาโดยตลอด ถึงแม้นางจะเป็นคุณหนูรองแต่นางก็เกิดจากเฉียนอี้หรงที่เป็นเพียงแค่อนุภรรยา จึงไม่มีเกียรติเท่าเหวิ่นจือหยู ลูกสาวของฮูหยิน

เหวิ่นลี่หยาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพี่สาวของนางอย่างชัดเจน และแม้ว่าภายนอกนางจะแสร้งทำเป็นยินดี แต่ในใจลึกๆ นางเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของเหวิ่นจือหยูอาจทำให้ตำแหน่งที่นางแอบปรารถนาหลุดมือไป

ในตอนเช้าในขณะที่เหวิ่นลี่หยาอยู่ในสวน เธอได้ยินเสียงคนรับใช้สองคนสนทนากันเบาๆ เกี่ยวกับเหวิ่นจือหยู

“คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปมากจริงๆ ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ข้าแทบไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน” สาวใช้คนหนึ่งพูด

“ใช่ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น คุณหนูใหญ่ใจดีกับพวกเรามากขึ้น ไม่ดุด่าหรือทำร้ายเหมือนก่อน ข้าว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นคงทำให้นางคิดได้” อีกคนเสริม

“ถ้าคุณหนูเป็นเช่นนี้ตลอดคงดี เพราะใบหน้าคุณหนูก็งดงามมากเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาขององค์ชายมากเลย และยิ่งตอนนี้นายท่านกับฮูหยินกำลังสอนคุณหนูเรื่องค้าขายดูแลกิจการของฮูหยินกับนายท่านต่อ นายท่านดูมีความสุขมากที่คุณหนูสนใจเรื่องนี้”

เหวิ่นลี่หยายืนเงียบอยู่หลังพุ่มไม้ นางได้ยินทุกคำพูด ในใจของนางเต็มไปด้วยความหงุดหงิด โกรธแค้น ไม่สบายใจที่ไม่อาจปกปิดได้ นางเคยหวังว่าจะเขี่ยพี่สาวให้พ้นทาง เพื่อที่ตัวนางจะได้กลายเป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ แต่เมื่อเหวิ่นจือหยูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น นางกลับรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังหลุดลอยไป

“ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ ข้าอุตส่าห์ทุบหัวกะจะให้ไม่ฟื้นแล้ว นี่นางกลับตื่นมาเป็นคนที่ดีกว่าเดิมอีก”

เหวิ่นลี่หยาคิดในใจ นางทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อองค์ชาย ทำตัวเป็นกุลสตรีสมบูรณ์แบบที่ทุกคนชื่นชม ใส่ร้ายพี่สาวสารพัด แต่สุดท้ายเหวิ่นจือหยูกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีและเข้ามาแย่งตำแหน่งที่นางใฝ่ฝันมานานได้อย่างสบาย

แม้ว่าพี่สาวจะเป็นคนที่มีนิสัยร้ายกาจและเอาแต่ใจ แต่เพราะเป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดจากฮูหยิน เหวิ่นจือหยูจึงได้รับทุกอย่างที่ดีที่สุด ทั้งการยอมรับจากครอบครัวและโอกาสในการเป็นคู่หมั้นขององค์ชาย แม้ว่าเหวิ่นลี่หยาจะเป็นที่ชื่นชมของทุกคน แต่ตำแหน่งสำคัญในตระกูลก็ตกเป็นของพี่สาวเสมอ เหมือนกับที่เฉียนอี้หรงมารดาของเธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในจวนเลยแม้แต่น้อย เพราะฮูหยิน เหวิ่นซิ่วเหม่ย คุมอำนาจเป็นใหญ่ดูแลทั้งหมดในจวน

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหวิ่นลี่หยาพยายามเข้าหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อและแสดงให้เห็นว่านางเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเหวิ่นจือหยูผู้เย่อหยิ่งและอารมณ์ร้ายหวังว่าองค์ชายจะมองเห็นว่านางมีคุณสมบัติเหมาะสมยิ่งกว่า แต่เมื่อเหวิ่นจือหยูฟื้นขึ้นมาและเริ่มเปลี่ยนแปลงไป นางกลับกลายเป็นคนใหม่ที่สงบเยือกเย็นและมีเมตตา ซึ่งทำให้เหล่าคนในจวน รวมถึงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อเอง ก็ค่อยๆ หันมามองเหวิ่นจือหยูในแง่ดีขึ้น นี่ทำให้เหวิ่นลี่หยารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียโอกาสของตัวเองไปทีละน้อย

ในเย็นวันนั้น เหวิ่นลี่หยาตัดสินใจไปหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อที่ตำหนักของเขา เพื่อพูดคุยด้วยหวังว่าจะย้ำเตือนพระองค์ว่านางคือผู้หญิงที่ใส่ใจและเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่เคียงข้างเขา…
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 80

    ช่วงสายขณะที่เหวิ่นจือหยูมองออกไปนอกหน้าต่าง หลี่หยวนเจ๋อเดินเข้ามาเงียบๆ เขาเห็นนางนั่งนิ่งอยู่ จึงค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ แล้วเอื้อมมือจับมือนาง “จือหยู เจ้าดูไม่สดชื่นเลย มีเรื่องอะไรในใจหรือไม่” เหวิ่นจือหยูสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า แต่มือของนางบีบมือเขาแน่นขึ้น “หม่อมฉันแค่คิดว่า

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 79

    ก่อนหน้า ในค่ำคืนอันเงียบสงัด ณ ตำหนักขององค์ชายสาม เหวิ่นลี่หยาเดินวนไปมาในห้องโถง ด้วยสีหน้าวิตกกังวล ขณะที่หลี่จวิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ท่านพี่คิดจะทำอย่างไรต่อไป” เหวิ่นลี่หยาหยุดเดินแล้วหันมามองพระสวามี “ตอนนี้โรงงานในแคว้นเฉินก็ถูกปิดไปหมดแล้ว หากแคว้นเฉินสืบสาวจนพบเบาะ

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 78

    ในยามเช้าตรู่ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่และองค์ชายทั้งหลายได้ถูกเรียกประชุมด่วนที่ท้องพระโรงแห่งแคว้นหลี่ ภายในท้องพระโรง ฮ่องเต้หลี่หยวนเจิ้งประทับอยู่บนบัลลังก์ บรรยากาศในท้องพระโรงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ฮ่องเต้ทรงมีสีหน้ากังวล และทอดพระเนตรเหล่าองค์ชายที่ประทับนั่งเรียงรายด้านล่าง “เรื่องกระทะปลอมที่

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 77

    ภายในห้องประชุมลับของตำหนักองค์รัชทายาท หลี่หยวนเจ๋อในฉลองพระองค์เรียบง่ายแต่สง่างาม ประทับอยู่ที่หัวโต๊ะ รอบด้านมีหัวหน้าช่างและขุนนางที่เกี่ยวข้องนั่งเรียงรายในท่าทีนอบน้อม เหวิ่นจือหยูประทับอยู่เคียงข้างพระสวามี ใบหน้านางนิ่งสงบแต่แววตาฉายแววเฉียบคม “กระทะปลอมที่ลอกเลียนแบบสินค้าแคว้นหลี่ของเรา

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 76

    ยามเช้าแสงอาทิตย์อ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาในตำหนักเหวิ่นจือหยูและหลี่หยวนเจ๋อกำลังนั่งสนทนาอยู่ด้วยกันในบรรยากาศผ่อนคลาย จู่ๆเสียงนางกำนัลดังขึ้นขัดจังหวะ “ขออภัยองค์รัชทายาทและพระชายาเพคะ ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้าโดยด่วน เนื่องจากมีขุนนางจากแคว้นเฉินมาติดต่อเกี่ยวกับกระทะที่ซื้อไปจ

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 75

    “จือหยู ข้าว่าเจ้าควรพักก่อน การดูแลการผลิตเช่นนี้ไม่ได้เป็นหน้าที่ของเจ้าคนเดียว พวกเขามีช่างฝีมือดีอยู่แล้ว” หลี่หยวนเจ๋อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เขาเข้ามาใกล้และซับเหงื่อที่ขมับให้อย่างอ่อนโยน เหวิ่นจือหยูชะงักยิ้มให้กับความอ่อนโยนและความใส่ใจของพระสวามี “หม่อมฉันรู้ แต่หม่อมฉันอยากให้แน่ใจว

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 74

    ขณะที่เหวิ่นจือหยูกำลังนั่งเขียน และวางแผนที่จะนำเสนอให้กับฮ่องเต้เพื่อส่งเสริมการผลิตกระทะและเผยแพร่ไปยังนอกวัง จู่ ๆ หลี่หยวนเจ๋อก็เดินเข้ามาหานาง ขณะที่เหวิ่นจือหยูกำลังนั่งจรดปลายพู่กันลงบนกระดาษเบื้องหน้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยสมาธิและความมุ่งมั่น เกี่ยวกับรายละเอียดการปรับปรุงกระทะและแผนการขย

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 73

    “มะ หม่อมฉันอยากทานหมูกระทะ” “หมูกระทะ” องค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋ออุทานออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาบอกว่าอยากกิน “เจ้าหมายถึงอะไร หมูกระทะ คืออะไรข้าไม่เห็นเคยได้ยิน ไม่เคยรู้จักอาหารประเภทนี้เลย” วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูหันมามองหลี่หยวนเจ๋อพระสวามี นางลืมไปว่ายุคนี้อาจจะ

  • วิศวะข้ามภพกับองค์รัชทายาท   บทที่ 72

    การกระทำอันอ่อนโยนของหลี่หยวนเจ๋ออยู่ในสายตาของเหวิ่นจือหยูที่มองมองอย่างระทวย นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่เห็นแบบนี้ ไม่นึกเลยว่าหลี่หยวนเจ๋อผู้เย่อหยิ่งปากร้ายใส่นางทุกคครั้งที่เจอหน้ากันจะทำแบบนี้เป็น “หลี่หยวนเจ๋อ ลูกของเรารับทราบแล้วว่าท่านพ่อของเขารักเขามากแค่ไหน อูยยยย” เหวิ่นจือหยูเอ่ยบอกพระสว

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status