หลังจากการประชุมจบลง องค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋อขอตามเสด็จฮ่องเต้ไปยังพระตำหนักทันที “เสด็จพ่อ เหตุใดพระองค์จึงทรงตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ ทั้งที่หลักฐานก็ชัดเจนว่ามีคนจงใจทำ” ฮ่องเต้ทรงหยุดฝีพระบาท แล้วนั่งลงที่แท่นบัลลังก์ในห้องบรรทม หันกลับมามองพระโอรสด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “เจ้า
“หม่อมฉัน…ไม่เป็นอะไรเพคะ” นางตอบเบา ๆ ทั้งๆที่ตอนนี้ในใจกำลังสั่นด้วยความตกใจ เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับลูกในครรภ์ บรรยากาศในงานเลี้ยงตึงเครียดทันที หลี่หยวนเจ๋อหันไปมองพื้นด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนจะสังเกตเห็นคราบน้ำมันบาง ๆ ที่เคลือบอยู่ “นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ” เขากล่าวเสียงกร้าว พระสนมซูหนิงรีบก้าวเ
เมื่อพระสนมซูหนิงมาถึงตำหนักของเหวิ่นลี่หยา นางให้คนสนิทจัดของขวัญล้ำค่ามากมายมาให้ลูกสะใภ้ ทั้งยาบำรุงจากแดนไกล และผลไม้มงคลที่หายาก ซูหนิงเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะก้าวเข้าไปหาเหวิ่นลี่หยา “ลี่หยา ข้ามาเยี่ยม พร้อมนำของบำรุงสำหรับคนตั้งครรภ์มาให้เจ้า” เหวิ่นลี่หยาลุกขึ้นยืน ก่อนคุกเข่าคำนับด้วยท่าทางน
ในค่ำคืนที่ลมหนาวพัดแผ่ว แสงจันทร์อ่อนโยนลอดผ่านบานหน้าต่างตำหนักของพระชายาเหวิ่นลี่หยา นางนั่งพิงหมอนปักลวดลายหรูหรา มือเรียวบางลูบลงบนหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทอประกายแห่งความพึงพอใจ หลังการตรวจของหมอหลวงที่ยืนยันว่าเหวิ่นลี่หยากำลังตั้งครรภ์ เสียงแสดงความยินดีจากเหล่านางกำนัลดังขึ้น
เขาอุ้มนางเดินไปยังเตียงอย่างทะนุถนอม ก่อนจะวางลงอย่างนุ่มนวล มือใหญ่ปรับหมอนให้พอดีกับศีรษะของนาง “สบายหรือไม่” เขาถาม ขณะมองนางด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก “ท่านดูแลหม่อมฉันดียิ่งกว่าหมอหลวงเสียอีก” นางตอบพร้อมรอยยิ้ม ขณะหัวใจเต้นแรงเมื่อสบสายตาของเขา หลี่หยวนเจ๋อนั่งลงข้างนาง มือหนึ่งจับมือ
ขะ ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้วข้าเคารพพระชายาพี่สาวข้า ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย” “โทษของเจ้า สมควรถูกปลดจากตำแหน่งพระชายาแห่งองค์ชายหลี่จวิ้น และถูกส่งตัวกลับสู่ตระกูลเดิมโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่ข้าจะไม่เอาโทษเจ้าในครั้งนี้ เพราะเจ้าคือคนในตระกูลเหวิ่น เป็นน้องสาวของพระชายาข้า และเห็นแก่ที่เราเคยรู้สึกดีต่อกั
ในยามบ่าย เหวิ่นลี่หยายืนอยู่ริมถนนนอกพระราชวัง ทอดสายตามองตลาดที่ครึกครื้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ แม้ว่าภายในใจจะรู้ดีว่า สินค้าลวดลายถักที่ตนวางขายนั้นไม่ได้สร้างกำไรเลย แต่การเห็นสินค้าของตนได้รับความสนใจและกลบชื่อเสียงของเหวิ่นจือหยูได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางรู้สึกว่าตนมีชัยชนะเหนือเหวิ่นจือหยู
ภายห้องโถงอันโปร่งโล่งของหอหลิงเฟิงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะกันและเสียงเข็มถักกระทบกันดังเป็นจังหวะ สตรีมากมาย ทั้งพระชายา พระสนม และขุนนางฝ่ายใน และสตรีผู้สูงศักดิ์ต่างรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ที่ถูกจัดไว้สำหรับการเรียนการถักนิตติ้ง บรรยากาศเป็นกันเอง แม้จะมีบางคนยังไม่คุ้นชินกับเข็มถักที่อยู
ฮองเฮาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสนใจ “สิ่งนี้เรียกว่าอะไร ดูแปลกตา แต่ก็งดงามนัก” เหวิ่นจือหยูหยิบเสื้อไหมพรมที่กำลังถักขึ้นมาแสดง “สิ่งนี้เรียกว่าการถักนิตติ้งเพคะ เป็นศิลปะการทำเสื้อผ้าด้วยมือ หม่อมฉันเรียนรู้จากตำราที่เคยศึกษาในหอสมุดหลวง วิธีนี้ช่วยสร้างเสื้อผ้าที่อบอุ่นและมีเอกลักษณ์ ลูกน้อยของห