ตอนที่
16
ไม่สบาย
หลังจากวันนั้นปรายฟ้าที่ตากฝนมาเต็ม ๆ ก็เริ่มมีอาการป่วย ไอค่อกแค่กตั้งแต่เช้า แถมยังปวดหัวจนแทบจะคิดงานไม่ออก ใบหน้าซูบเซียวผิดปกติ แต่ก็ยังฝืนมาทำงานโปรเจกต์ของมหาวิทยาลัย
“แค่ก ๆ ๆ โอ๊ย!!! ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้นะ” ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเองพยายามจะเพ่งมองตัวเลขบนหน้าจอ
ภาคภูมิที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงไอและเสียงบ่นของเธอ เขาสังเกตเห็นว่าปรายฟ้าดูหน้าแดง ๆ ซึม ๆ ผิดปกติ
ปกติปรายฟ้าจะเสียงดังฟังชัดและร่าเริงกระตือรือร้นกว่านี้มาก ๆ เขามองเธออยู่สักพักแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ใบหน้ายังคงเรียบเฉยแต่ในใจกลับเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
“นี่ปรายฟ้าไหวไหม” ณัฐพลที่ทำงานช่วยภาคภูมิเองก็เห็นอาการของปรายฟ้าจึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“ไหวสิไอนิดหน่อยเอง” ปรายฟ้าพยายามยิ้มแต่ก็ไอออกมาอีกครั้ง
ภาคภูมิชำเลืองมองปรายฟ้าที่ยังคงฝืนตัวเองทำงานหนัก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่สบายเอามาก ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปตรง ๆ
ช่วงพักกลางวันปรายฟ้าแทบไม่อยากกินอะไรเลย เธอเอาหน้าฟุบกับโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย
“ปรายไม่กินข้าวเหรอ เดี๋ยวไม่มีแรงหรอก” มีนาที่เห็นอาการเพื่อนก็ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่อยหิวเลยอ่ะมีน” ปรายฟ้าตอบมีนาเสียงอ่อย ๆ
สักพักภาคภูมิเดินเข้ามาในห้องทำงาน ในมือถือถุงพลาสติกสีขาว เขาวางถุงนั้นลงบนโต๊ะของปรายฟ้าโดยไม่พูดอะไร
“นี่อะไร” ปรายฟ้าถามขึ้นมาแล้วก็มองภาคภูมิ
“ข้าวต้ม ผมซื้อมาให้เห็นไม่ค่อยสบาย” ภาคภูมิตอบเสียงเรียบ
“แล้วก็นี่ยาพารา ผมเห็นว่าคุณดูไม่ค่อยสบาย” เขาวางแผงยาลงข้างถุงข้าวต้มที่มีชามช้อนพร้อมทาน
ปรายฟ้ามองข้าวต้มกับยาแล้วก็เงยหน้ามองภาคภูมิ ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฎขึ้น เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาที่ยังคงนิ่งเฉย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“ขอบใจนะ” ปรายฟ้าพูดเบา ๆ แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจนัก
“แต่นายไม่เห็นต้องลำบากซื้อมาให้ฉันเลย”
“ไม่ได้ลำบากหรอก ก็แค่ซื้อมาเผื่อ” ภาคภูมิตอบพลางหันไปทำท่าจะเดินหนี
“เดี๋ยวสิ!!!” ปรายฟ้ารีบเรียกเขาไว้
“มานั่งกินด้วยกันสิ”
ภาคภูมิชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกลับมานั่งลงตรงข้ามปรายฟ้า
มีนาและกัสที่อยู่ตรงนั้น พวกเธอยิ้มให้กันอย่างรู้ความหมายโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมา
“โอ๊ย!!! ดีจังเลยนะปรายมีคนดูแลใกล้ชิดขนาดนี้” มีนาแซวปรายฟ้าพลางมองไปที่ภาคภูมิที่กำลังกินข้าวต้มอย่างเงียบ ๆ
“ดูแลอะไรกัน ก็แค่ซื้อข้าวต้มมาฝาก” ปรายฟ้ารีบแก้ตัวแต่ใบหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ
กัสยื่นทิชชู่ให้ปรายฟ้า “รีบกินข้าวต้มนะปรายแล้วกินยาด้วยจะได้หายเร็ว ๆ ไม่ไหวก็กลับหอไปนอนก่อนก็ได้เดี๋ยวพวกเราช่วยกันทำงาน” เธอพูดพลางแอบชำเลืองมองภาคภูมิแล้วพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ ภาคภูมิพยักหน้ารับเล็กน้อย
ไม่นานนักชัยวัฒน์และณัฐพลก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน ทั้งคู่เห็นภาพภาคภูมินั่งกินข้าวต้มอยู่กับปรายฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะแซวทันที
“โอ้โห!!! อะไรกันเนี่ยไอ้ภูมิ ข้าวต้มรอบดึกเหรอวะ” ชัยวัฒน์พูดแซวเสียงดัง
“นี่มันกลางวันนะชัย” ณัฐพลแก้ให้เพื่อนแต่ก็เหมือนแซวเพื่อนไปด้วย
“อ๋อเหรอว่ะ ฮ่า ๆ ๆ ก็แค่แซวเล่นไง” ชัยวัฒน์หัวเราะร่วน
“ว่าแต่เป็นห่วงปรายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไม่บอกรักไปเลยล่ะไอ้ภูมิ”
ภาคภูมิชะงักช้อนข้าวต้มในมือเล็กน้อย เงยหน้ามองชัยวัฒน์ด้วยท่าทีเคอะเขินเล็กน้อย
“พูดมาก”
“แหม!!! มีเขินด้วยเว้ย ฮ่า ๆ ๆ” ชัยวัฒน์ยังคงแซวไม่เลิก
“ถ้ายังไม่เลิกพูดมากแกไปไกล ๆ เลยไอ้ชัย” ภาคภูมิที่เขินจนต้องทำทีเป็นโมโหให้เพื่อน
ส่วนปรายฟ้าเองก็นั่งกินข้าวต้มเงียบ ๆ แต่หัวใจของเธอตอนนี้เต้นแรงมากเพราะการกระทำของภาคภูมิทำให้เธอรู้แปลก ๆ ไป
เมื่อสิ้นสุดวันปรายฟ้ารู้สึกดีขึ้นมากเธอกลับหอพักกับเพื่อน ๆ พร้อมกับความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดทั้งวัน
ภาคภูมิไม่ได้เย็นชาอย่างที่เธอคิดเลย เขาดูเป็นห่วงเธอมากจริงๆ แม้จะปากแข็งไม่ยอมพูดออกมาตรง ๆ แต่การกระทำของเขาก็ชัดเจนมากพอ
ปรายฟ้าเริ่มรู้สึกว่าภาคภูมิไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานแต่เขาเป็นคนดีคนหนึ่งที่เธออยากอยู่ใกล้ๆ
ขณะเดียวกันภาคภูมิขับรถกลับหอพักอย่างเงียบ ๆ เขานึกถึงภาพ ปรายฟ้าที่กินข้าวต้มที่เขาซื้อมาแล้วดูดีขึ้นภาพที่เธอไอแล้วเขารู้สึกเป็นห่วงจนต้องรีบหายาให้
ภาคภูมิไม่ได้ชอบความวุ่นวายแต่เขากลับรู้สึกดีที่ได้ดูแลปรายฟ้า ยามที่เธอไม่สบาย เขายอมรับกับตัวเองแล้วว่าเขาไม่อยากให้เธอไม่สบายเลยและเขาก็อยากเห็นเธอยิ้มและสดใสเหมือนเดิม
ความสัมพันธ์ระหว่างปรายฟ้าและภาคภูมิกำลังค่อย ๆ พัฒนาไปอีกขั้น ความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความนิ่งเฉยกำลังเริ่มเผยตัวออกมาอย่างช้า ๆ ทำให้ความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กันชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ทั้งสองคนต่างก็ยังไม่ยอมรับกับตัวเองอย่างเต็มที่
ตอนที่18เตรียมตัวออกเดินทางได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลาดจอดรถมหาวิทยาลัย เสียงจอแจของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหอบหิ้วสัมภาระมากันเต็มที่ อากาศยามเช้าสดใสทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษปรายฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมกับมีนาและกัส เธอดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าเมื่อวาน“โชคดีนะที่หายดีขึ้นมาบ้าง” มีนาพูดขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมโปรเจกต์“ฉันนึกว่าต้องแบกแกไปซะแล้ว”“พูดบ้า ๆ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ปรายฟ้าแย้งพลางยิ้มแหย ๆกัสชำเลืองไปเห็นภาคภูมิกำลังยืนคุยกับชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ไม่ไหล “โน่นไง เจ้าชายน้ำแข็งของแกมาแล้ว”“นั่นก็พลเจ้าชายของแกไม่ใช่หรือไงกัส” ปรายฟ้าแซวเพื่อนเช่นกันเพราะตอนนี้กัสกับณัฐพลกำลังคุย ๆ กันอย่างเปิดเผยแล้วกัสหันมาทำตาเขียวใส่ปรายฟ้า “นี่แกว่าอะไรนะ พูดดี ๆ หน่อยสิ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของกัสก็แดงขึ้นเล็กน้อย ปรายฟ้าและมีนาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อนปรายฟ้าเหลือบมองไปทางกัสชี้ใบหน้าของภาคภูมิ ดูนิ่งเฉยตามปกติแต่แววตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมองหาสักคนอยู่ ก่อนที่สายตาของเข
ตอนที่17ทริปทัศนศึกษาแม้ว่าปรายฟ้าจะมีอาการที่ดีขึ้นแต่เมื่อเธอกลับถึงหอพักร่างกายของเธอก็อ่อนเพลียมาก ๆ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างหมดแรง วันนี้อาการป่วยยังไม่หายสนิท เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปรายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อภาคภูมิปรากฎอยู่บนหน้าจอเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเธอ ปรายฟ้าจึงกดรับสายของเขา“ฮัลโหล” เสียงของปรายฟ้าแหบเล็กน้อยจากการไอ“ปรายฟ้าคุณดีขึ้นหรือยัง” เสียงของภาคภูมิดังมาตามสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย“ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเพลีย ๆ ปวดหัวแล้วก็ยังไอ มีอะไรหรือเปล่า” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่สัมผัสได้“กินยาหรือยังไปรายฟ้าได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นและเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้“กินแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก นายเองก็ตากฝนเหมือนกันระวังจะไม่สบายเหมือนฉัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว“ไม่มีทางคนอย่างผมแข็งแรงกว่าที่คุณคิดมาก” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มคนเดียวเช่นเดียวกัน“จ้าพ
ตอนที่16ไม่สบาย หลังจากวันนั้นปรายฟ้าที่ตากฝนมาเต็ม ๆ ก็เริ่มมีอาการป่วย ไอค่อกแค่กตั้งแต่เช้า แถมยังปวดหัวจนแทบจะคิดงานไม่ออก ใบหน้าซูบเซียวผิดปกติ แต่ก็ยังฝืนมาทำงานโปรเจกต์ของมหาวิทยาลัย“แค่ก ๆ ๆ โอ๊ย!!! ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้นะ” ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเองพยายามจะเพ่งมองตัวเลขบนหน้าจอภาคภูมิที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงไอและเสียงบ่นของเธอ เขาสังเกตเห็นว่าปรายฟ้าดูหน้าแดง ๆ ซึม ๆ ผิดปกติปกติปรายฟ้าจะเสียงดังฟังชัดและร่าเริงกระตือรือร้นกว่านี้มาก ๆ เขามองเธออยู่สักพักแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ใบหน้ายังคงเรียบเฉยแต่ในใจกลับเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ“นี่ปรายฟ้าไหวไหม” ณัฐพลที่ทำงานช่วยภาคภูมิเองก็เห็นอาการของปรายฟ้าจึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง“ไหวสิไอนิดหน่อยเอง” ปรายฟ้าพยายามยิ้มแต่ก็ไอออกมาอีกครั้งภาคภูมิชำเลืองมองปรายฟ้าที่ยังคงฝืนตัวเองทำงานหนัก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่สบายเอามาก ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปตรง ๆช่วงพักกลางวันปรายฟ้าแทบไม่อยากกินอะไรเลย เธอเอาหน้าฟุบกับโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย“ปรายไม่กินข้าวเหรอ เดี๋ยวไม่มีแรงหรอก” มีนาที่เห็นอาการเพื่อนก็ถาม
ตอนที่15ความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ ช่วงบ่ายแก่ ๆ หลังเลิกเรียนภาคภูมิและปรายฟ้ากำลังช่วยกันขนอุปกรณ์และเอกสารเข้าห้องทำโปรเจกต์ ลมพัดแรงมาก ๆ และพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสเมื่อเช้าตอนนี้กลับมืดครึ้มอย่างรวดเร็ว“โอ๊ย!!! ทำไมอากาศมันเปลี่ยนเร็วอย่างนี้เนี่ย” ปรายฟ้าบ่นอุบเงยหน้ามองท้องฟ้า“ท่าทางฝนจะตกแน่เลย”“รีบขนของดีกว่าครับ” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบแต่ก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาช่วยเธอถือกล่องอุปกรณ์หนัก ๆ โดยไม่บ่นไม่ทันที่ทั้งคู่จะไปตึกทำงานเม็ดฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มโปรยปรายลงมา ก่อนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นพายุฝนกระหน่ำอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องครืน ๆ ดังสนั่น“กรี๊ด!!! ฝนตกหนักเลย” ปรายฟ้าร้องเสียงดัง เธอพยายามวิ่งหลบฝนแต่ไม่ทัน เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมดในพริบตาภาคภูมิเองก็เปียกไปทั้งตัวเช่นกัน เขาไม่ได้บ่นอะไรเพียงแต่ใช้ตัวบังปรายฟ้าไว้เล็กน้อย พยายามให้เธอเปียกน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารีบดึงมือของปรายฟ้าให้เข้าไปในอาคารด้วยกันเพื่อหลบฝนทั้งคู่ยืนสั่นเทาด้วยความหนาวอยู่ใต้อาคาร สายตาของปรายฟ้ามองไปที่ภาคภูมิที่ยืนเปียกโชกไปทั้งตัวเช่นกัน ผมของเขาเปียกแนบใบหน้า เสื้อเชิ้ตส
ตอนที่14ตัวแปรความรู้สึก ช่วงบ่ายที่คณะนิเทศศาสตร์เสียงหัวเราะสดใสของปรายฟ้าดังคลอเคลียไปกับเสียงของรุ่นพี่ภูมิพัฒน์ รุ่นพี่สุดฮอตจากภาควิชาศิลปะการแสดงที่แอบชอบปรายฟ้ามานาน เขากำลังยืนเท้าแขนกับโต๊ะที่ปรายฟ้านั่งทำงานใต้ร่มไม้พลางยื่นถุงขนมให้กับเธอ“ปรายฟ้าเหนื่อยไหมครับ พักกินขนมก่อนนะ นี่ขนมร้านโปรดพี่เลยนะ” ภูมิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มละลายใจสาวทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองกันเป็นตาเดียว“โอ๊ย!!! พี่พัฒน์ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่น่าลำบากเลย” ปรายฟ้ารับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเป็นปรายฟ้าพี่เต็มใจเสมอ” ภูมิพัฒน์พูดพลางยื่นมือไปปัดเศษผมที่ปรกหน้าปรายฟ้าอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่ช่วงนี้เห็นปรายฟ้าทำงานโปรเจกต์หนักจังพักผ่อนบ้างนะพี่เป็นห่วง”ในจังหวะนั้นเอง ภาคภูมิที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพอดี สายตาของเขาเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้าเข้า สายตาที่เคยเรียบเฉยตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้ย เขากระแอมเบา ๆ เพื่อให้ภูมิพัฒน์และปรายฟ้าหันมามองเขา“เอกสาร” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางเอกสารบนโต๊ะแรงกว่าปกติเล็กน้อย“โอเค” ปรายฟ้าตอบภาคภูมิพร้อมกับหันไปมองเล็ก
ตอนที่ 13 วันหยุดแต่ไม่หยุดใกล้กันเช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเองไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า“ฉันล่ะเบื่อแทน”“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปป