เมื่อวิศวะสุดเย็นชาโคจรมาพบสาวนิเทศฯ สุดว้าวุ่น อุบัติเหตุครั้งนั้นนำพาหัวใจสองดวงที่แตกต่างให้ใกล้กัน จนเกิดเป็นความคลั่งรักที่คาดไม่ถึง!
View Moreตอนที่ 1 ชนแล้ว (ไม่) จบ
"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้สีสันฉูดฉาดขนาดนี้! นี่คืองานแฟร์นวัตกรรมนะครับ ไม่ใช่เทศกาลงานวัด!" ในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยดังหึ่ง ภาคภูมิกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นจ้องตรงไปยังปรายฟ้าอย่างไม่พอใจสุดขีด เขากำลังชี้ไปที่ภาพจำลองบูธที่เต็มไปด้วยสีชมพู ม่วง ฟ้า และรูปทรงแปลกตา ราวกับหลุดมาจากโลกการ์ตูน ปรายฟ้าที่นั่งฝั่งตรงข้าม ยิ้มเย็นๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยประกายท้าทาย "แล้วคุณเข้าใจคำว่า 'ดึงดูดความสนใจ' บ้างไหมคะภาคภูมิ! ถ้าบูธของคุณมีแต่ความแห้งแล้ง สีเทาๆ ดำๆ เหมือนชีวิตของคุณ ใครเขาจะอยากเดินเข้ามาดู!" เธอย้อนทันควัน พร้อมกับตวัดสายตามองเขาราวกับเป็นอากาศธาตุ "ความน่าสนใจควรมาจากประสิทธิภาพของนวัตกรรม ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวย! คุณต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของการนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบนะครับ!" ภาคภูมิสวนกลับเสียงหนักแน่น เขารู้สึกหงุดหงิดกับแนวคิดที่ดูไร้สาระและไม่เป็นรูปธรรมของเธอ "แล้วถ้าไม่มีใครสนใจที่จะเข้ามาถึง 'ประสิทธิภาพ' ของคุณล่ะคะ! ถ้าทุกคนคิดเหมือนคุณ โลกนี้ก็คงมีแต่ของสี่เหลี่ยมไร้สีสันที่ไม่มีใครอยากมอง!" ปรายฟ้าตอกกลับอย่างไม่ลดละ เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าคือภาพสะท้อนของความน่าเบื่อหน่ายและไร้จินตนาการอย่างที่สุด การถกเถียงของทั้งคู่ดังลั่นห้อง จนหัวหน้าทีมย่อยคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่เงียบๆ ต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก บรรยากาศภายในห้องประชุมตึงเครียดจนแทบจะหายใจไม่ออก อาจารย์ผู้ประสานงานต้องเข้ามาแทรกกลาง "พอได้แล้วทั้งสองคน! ขอให้ทุกคนกลับไปทบทวนแนวคิดอีกครั้ง และหาจุดกึ่งกลางที่สามารถผสมผสานทั้งสองมุมมองเข้าด้วยกันได้ จบการประชุมวันนี้!" ภาคภูมิและปรายฟ้ายังคงจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะหันไปเก็บแฟ้มเอกสารของตัวเองด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด การประชุมที่ควรจะหาข้อสรุปกลับกลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรง และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่วุ่นวายระหว่างพวกเขา เหตุการณ์ก่อนห้องประชุม บ่ายวันจันทร์ แสงแดดร้อนระอุส่องผ่านกระจกใสของอาคารเรียนรวม ภาคภูมิ ก้มหน้าก้มตาเดินเร็วๆ มือข้างหนึ่งกอดกล่องกระดาษอย่างทะนุถนอม ราวกับกำลังอุ้มลูกน้อยก็ไม่ปาน ในนั้นบรรจุโมเดลหุ่นยนต์กลไกชิ้นสำคัญสำหรับโปรเจกต์จบปีของคณะวิศวกรรมเครื่องกล ทุกชิ้นส่วนถูกออกแบบและประกอบมาด้วยความแม่นยำตามหลักวิศวกรรมที่เขาเชี่ยวชาญ ไม่มีอะไรผิดพลาดได้แม้แต่มิลลิเมตรเดียว ในหัวของเขามีแต่ภาพของวงจรไฟฟ้า กลไกเฟือง และกำหนดส่งงานที่ใกล้เข้ามาทุกที โลกภายนอกดูเหมือนจะเลือนหายไปจากความสนใจของเขา เหลือเพียงเป้าหมายเดียวคือการนำโมเดลนี้ไปถึงมืออาจารย์ที่ปรึกษาให้ทันเวลา ขณะเดียวกัน ที่อีกมุมหนึ่งของทางเดินเดียวกัน ปรายฟ้า กำลังรีบวิ่งสุดฝีเท้า ผมยาวสลวยสะบัดไปตามแรงเหวี่ยง ในมือของเธอมีแฟ้มสีชมพูสดใสที่อัดแน่นไปด้วยแบบสเก็ตช์งานออกแบบบูธ สำหรับงานแฟร์นวัตกรรมมหาวิทยาลัยที่คณะนิเทศศาสตร์ของเธอรับผิดชอบ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีนัดสำคัญกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อสรุปแบบในอีกห้านาทีข้างหน้า และตอนนี้เธอกำลังสายอย่างแน่นอน "สายแล้วๆๆๆ" ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเอง ดวงตากลมโตเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ด้วยความรีบร้อนของทั้งคู่ ที่ต่างก็ก้มหน้าก้มตาโดยไม่ได้มองทาง อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "โครม!" เสียงกล่องกระดาษหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง พร้อมๆ กับแฟ้มสีชมพูที่ปลิวว่อน เอกสารและอุปกรณ์เครื่องเขียนกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและหงุดหงิด คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นต้นเหตุของเสียงดังคือร่างเล็กๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังก้มลงเก็บกระดาษด้วยท่าทางลนลาน "เดินยังไงไม่ดูทาง!" ภาคภูมิเผลอหลุดปากด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ โดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองก็ไม่ได้มองทางเช่นกัน ปรายฟ้าที่กำลังหน้าเสียกับเอกสารที่กระจัดกระจาย เงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงตำหนิ เธอจ้องเขม็งไปยังเจ้าของเสียง คือผู้ชายหน้าตาคมคาย ท่าทางดูเย็นชาและไม่เป็นมิตรเอามากๆ "ใครไม่ดูทางกันแน่!" ปรายฟ้าเถียงกลับทันควัน น้ำเสียงไม่ยอมแพ้ "คุณนั่นแหละก้มหน้าก้มตาเดินเหมือนคนไม่มีสติ! ดูสิของฉันหล่นหมดเลย!" เธอชี้ไปยังแฟ้มและเอกสารที่ยังเก็บไม่หมดด้วยท่าทางหัวเสีย "ของแค่นี้ทำเป็นโวยวาย" ภาคภูมิบ่นเสียงต่ำๆ พลางก้มลงเก็บกล่องของตัวเองด้วยความเป็นห่วง เขาเปิดกล่องสำรวจโมเดลข้างในอย่างรวดเร็ว "นี่! ของแค่นี้ของคุณอาจจะไม่สำคัญ แต่ของฉันมันคืองานนะคะ!" ปรายฟ้าขึ้นเสียงเล็กน้อย เธอไม่ชอบท่าทีไม่ใส่ใจของอีกฝ่าย "แล้วคุณไม่คิดจะขอโทษสักคำเลยหรือไงคะที่เดินชนคนอื่นเนี่ย!" ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมามองปรายฟ้าอีกครั้ง สายตาคมกวาดมองใบหน้าสวยที่กำลังขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาสังเกตเห็นดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยประกายความขุ่นเคืองและริมฝีปากบางที่เม้มแน่น "ผมก็รีบเหมือนกัน" ภาคภูมิตอบสั้นๆ โดยไม่มีคำขอโทษหลุดออกมาจากปาก "แล้วก็เห็นอยู่ว่าต่างคนต่างไม่ทันมองกัน" "นี่คุณ" ปรายฟ้าถึงกับพูดไม่ออกกับความเย็นชาของอีกฝ่าย "มารยาทน่ะมีบ้างไหมคะ!"ตอนที่14ตัวแปรความรู้สึก ช่วงบ่ายที่คณะนิเทศศาสตร์เสียงหัวเราะสดใสของปรายฟ้าดังคลอเคลียไปกับเสียงของรุ่นพี่ภูมิพัฒน์ รุ่นพี่สุดฮอตจากภาควิชาศิลปะการแสดงที่แอบชอบปรายฟ้ามานาน เขากำลังยืนเท้าแขนกับโต๊ะที่ปรายฟ้านั่งทำงานใต้ร่มไม้พลางยื่นถุงขนมให้กับเธอ“ปรายฟ้าเหนื่อยไหมครับ พักกินขนมก่อนนะ นี่ขนมร้านโปรดพี่เลยนะ” ภูมิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มละลายใจสาวทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองกันเป็นตาเดียว“โอ๊ย!!! พี่พัฒน์ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่น่าลำบากเลย” ปรายฟ้ารับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเป็นปรายฟ้าพี่เต็มใจเสมอ” ภูมิพัฒน์พูดพลางยื่นมือไปปัดเศษผมที่ปรกหน้าปรายฟ้าอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่ช่วงนี้เห็นปรายฟ้าทำงานโปรเจกต์หนักจังพักผ่อนบ้างนะพี่เป็นห่วง”ในจังหวะนั้นเอง ภาคภูมิที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพอดี สายตาของเขาเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้าเข้า สายตาที่เคยเรียบเฉยตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้ย เขากระแอมเบา ๆ เพื่อให้ภูมิพัฒน์และปรายฟ้าหันมามองเขา“เอกสาร” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางเอกสารบนโต๊ะแรงกว่าปกติเล็กน้อย“โอเค” ปรายฟ้าตอบภาคภูมิพร้อมกับหันไปมองเล็ก
ตอนที่ 13 วันหยุดแต่ไม่หยุดใกล้กันเช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเองไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า“ฉันล่ะเบื่อแทน”“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปป
ตอนที่12กิจกรรมที่วุ่นวายแต่สนุก เช้าวันเสาร์แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุก ปรายฟ้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ เธอพยายามลืมตาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง“โอ๊ย ปวดหัวจัง” เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผับค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นในหัว โดยเฉพาะภาพที่ภาคภูมิกับหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ ความรู้สึกไม่ชอบใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจอย่างประหลาดมือถือของเธอสั่นครืด ชื่อมีนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ“ฮัลโหล” ปรายฟ้ารับสายด้วยเสียงงัวเงีย“ปรายแกตื่นยังเนี่ย ปวดหัวเหมือนกันเลยใช่ไหม” เสียงมีนาเจื้อยแจ้วมาตามสาย“เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่แกทำหน้าบูดใส่ใครบางคนน่ะ”ปรายฟ้าถอนหายใจ “พอเลยมีนา ไม่ต้องมาแซวเลย” ปรายฟ้าพูดพร้อมลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่ม“แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ กัสกับพลกลับถึงหอกันหรือเปล่า”“ถึงดิ เห็นพลดูแลกัสดี๊ดี พาไปส่งถึงหอเลยนะแก น่ารักอ่ะ” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน“นี่แหละนะ คู่แท้ไม่ต้องพูดเยอะ แค่มองตาก็รู้ใจ”ปรายฟ้ากรอกตา”เพ้อเจ้อ ไปหาอะไรกินแก้แฮงค์ดีกว่า ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาที่ห้อง ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนไว้ไปหา” มีนาบอกกับปรา
ตอนที่11เจอกันบ่อยไปไหม เสียงจอแจในโรงอาหารอื้ออึง ปรายฟ้ากำลังหอบถาดข้าวแกงเดินหาที่นั่ง แต่ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ เหลือเพียงมุมเล็ก ๆ ที่มีภาคภูมินั่งอยู่คนเดียว ทำให้เธอตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที“ขอนั่งด้วยคนนะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นเบา ๆ พลางมองหากัสและมีนาที่กำลังซื้ออาหารเพราะเธอจะได้เรียกเพื่อนของเธอมานั่งด้วยภาคภูมิพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจปรายฟ้านั่งลงตรงข้ามกับเขา วางจานข้าวลงบนโต๊ะพลางชำเลืองมองภาคภูมิที่ดูจริงจังแม้กระทั่งตอนกินข้าว เธอเห็นกัสและมีนากำลังเดินถือจานข้าวมาทางนี้พอดี จึงรีบกวักมือเรียกอย่างร่าเริง“นี่กัส มีนา มานั่งนี่สิ โต๊ะนี่ว่างไกัสกับมีนาหันมามองก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ภาคภูมิที่นั่งอยู่กับปรายฟ้า ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเดินตรงมาที่โต๊ะ“โอ๊ย!!! ตายแล้วปรายฟ้า มานั่งกินข้าวกับนายภาคภูมิได้ไงเนี่ย” มีนากระซิบกัสแต่เสียงดังพอให้ทั้งโต๊ะได้ยิน“นั่นสิ ฉันว่าแล้วเชียวทำไม ปรายฟ้าถึงชอบโรงอาหารเวลานี้” กัสแซวต่อพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรายฟ้าหน้าแดงเล็กน้อย “พวกแกสองคนนี่ก็นะ ฉันแค่ไม่มีที่นั่งเฉย ๆ หรือพวกแกจะไม่นั่งล่
ตอนที่10แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใสปรายฟ้า วาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้น“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้าพรีเซนด้วยแววตาเป็นประกาย“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ” ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ แต่สะท้อนความจริงจัง“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณ “ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ” ปรายฟ้ายืนกราน“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู” “งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับ“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ”การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกัน“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อก
ตอนที่9เริ่มต้นปวดหัวอีกครั้ง ห้องประชุมที่เดิมเพิ่มเติมคือความอึดอัดที่มากขึ้นกว่าเดิม ภาคภูมินั่งตัวตรงเป๊ะพร้อมกับแผนงานที่ดูเป็นระเบียบสุด ๆ“สำหรับโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวนี้ ผมเสนอแผนงานที่เน้นความยั่งยืนและวัดผลได้จริงครับ” ภาคภูมิเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เราจะเริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน การจัดระบบเพื่อลดการใช้ทรัพยากร”ปรายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้านิ่ง ๆ ยิ้มเย็นเยือก เมื่อภาคภูมิเสนอจบเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสกว่าเดิม“ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยสีเขียว มันควรจะมีมากกว่าแค่การปลูกต้นไม้นะคะ เราควรสร้างมุมผ่านคลายสีเขียวที่มีต้นไม้ตั้งเป็นแนว หรือว่าเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เพื่อให้นักศึกษารู้สึกสนใจในโปรเจกต์นี้”“ความงามมันก็ต้องสิ้นเปลืองงบมากขึ้น” ภาคภูมิโต้กลับทันควัน“แต่ถ้าไม่สวย ไม่น่าสนใจใครจะอยากสนใจโปรเจกต์นี้” ปรายฟ้าย้อนถามกลับอย่างไม่ลดละ“เอาล่ะ ๆ พอแค่นั้นก่อน” อาจารย์โบกมือเป็นสัญญาณหยุดศึก“พวกคุณต้องแบ่งงานกัน”ปรายฟ้ากับภาคภูมิหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร“ฉันขอรับผิดชอบส่วนของกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ทั้งหมดค่ะ”ปร
Comments