Masukเมื่อวิศวะสุดเย็นชาโคจรมาพบสาวนิเทศฯ สุดว้าวุ่น อุบัติเหตุครั้งนั้นนำพาหัวใจสองดวงที่แตกต่างให้ใกล้กัน จนเกิดเป็นความคลั่งรักที่คาดไม่ถึง!
Lihat lebih banyakตอนที่ 1 ชนแล้ว (ไม่) จบ
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยดังหึ่งๆ แทบจะกลืนหายไปกับความตึงเครียดที่แขวนอยู่ในอากาศ จากการถกเถียงอันดุเดือดกลางโต๊ะ ที่มีผังงานและเอกสารวางกระจัดกระจาย “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้สีสันฉูดฉาดขนาดนี้! นี่คืองานแฟร์นวัตกรรมนะครับ ไม่ใช่เทศกาลงานวัด” ภาคภูมิกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นกลับจ้องตรงไปยังปรายฟ้าด้วยแววตาฉุนเฉียวสุดขีด เขากำลังชี้ไปที่ภาพจำลองบูธที่เต็มไปด้วยสีชมพู ม่วง ฟ้า และรูปทรงแปลกตา ราวกับหลุดมาจากโลกการ์ตูนที่ขัดกับหลักการทุกอย่างในหัวของเขา ปรายฟ้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามยกยิ้มเย็นๆ มุมปาก แต่ประกายท้าทายวูบไหวในดวงตาเรียว เธอประสานสายตากลับไปอย่างไม่ลดละ “แล้วคุณเข้าใจคำว่าดึงดูดความสนใจบ้างไหมคะภาคภูมิ ถ้าบูธของคุณมีแต่ความแห้งแล้ง สีเทาๆ ดำๆ เหมือนชีวิตของคุณ ใครเขาจะอยากเดินเข้ามาดู” เธอตวัดสายตามองเขาราวกับเป็นอากาศธาตุพร้อมกับคำพูดที่เชือดเฉือน “ฉันรู้สึกว่าคุณคงไม่เคยรู้จักคำว่าจินตนาการเลยสินะคะ” “ความน่าสนใจควรมาจากประสิทธิภาพของนวัตกรรม ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวย! คุณต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของการนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบนะครับ” ภาคภูมิสวนกลับเสียงหนักแน่น กรามของเขาขบแน่นอย่างหงุดหงิดกับแนวคิดที่ดูไร้สาระและไม่เป็นรูปธรรมของเธอ “มันคือสิ่งที่ถูกต้อง และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” “แล้วถ้าไม่มีใครสนใจที่จะเข้ามาถึงประสิทธิภาพของคุณล่ะคะ ถ้าทุกคนคิดเหมือนคุณ โลกนี้ก็คงมีแต่ของสี่เหลี่ยมไร้สีสันที่ไม่มีใครอยากมอง” ปรายฟ้าตอกกลับอย่างไม่ลดละ เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าคือภาพสะท้อนของความน่าเบื่อหน่ายและไร้จินตนาการอย่างที่สุดจริงๆ ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเอือมระอา “คุณเคยเข้าใจคำว่าศิลปะบ้างไหมคะ” การถกเถียงของทั้งคู่ดังลั่นห้อง จนหัวหน้าทีมย่อยคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่เงียบๆ ต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลัก บรรยากาศภายในห้องประชุมตึงเครียดจนแทบจะหายใจไม่ออก อาจารย์ผู้ประสานงานต้องเข้ามาแทรกกลาง พร้อมกับเสียงกระแอมไอที่จงใจให้ดังขึ้น “พอได้แล้วทั้งสองคน ขอให้ทุกคนกลับไปทบทวนแนวคิดอีกครั้ง และหาจุดกึ่งกลางที่สามารถผสมผสานทั้งสองมุมมองเข้าด้วยกันได้ จบการประชุมวันนี้” ภาคภูมิและปรายฟ้ายังคงจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะหันไปเก็บแฟ้มเอกสารของตัวเองด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด การประชุมที่ควรจะหาข้อสรุปกลับกลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรง และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่วุ่นวายระหว่างพวกเขาตอนที่95ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) “งั้นเราไปป้อนนมพ่อกันดีกว่า”ปรายฟ้าพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ภาคภูมิยิ้มกว้าง ก่อนจะอุ้มปรายฟ้าขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของทั้งคู่ห้องนอนถูกจัดแสงสลัว ๆ ด้วยโคมไฟข้างเตียง ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก ภาคภูมิวางปรายฟ้าลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอไม่ละสายตา“วันนี้เมียสวยจังเลย” ภาคภูมิเอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า พลางเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มนวลของปรายฟ้าอย่างอ่อนโยนปรายฟ้าหลับตาพริ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปมา เธอกระซิบตอบกลับไปว่า“ภูมิก็หล่อค่ะ”ภาคภูมิยิ้มกว้างก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบปรายฟ้าอย่างดูดดื่ม จูบของเขาเต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนาและความคิดถึงปรายฟ้าตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เธอสอดมือเข้าไปในเส้นผมของภาคภูมิแล้วดึงรั้งท้ายทอยเขาเข้ามาใกล้ เพื่อให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนของทั้งคู่เกี่ยวพันกันอย่างเร่าร้อน ราวกับต้องการเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปตลอดทั้งวันมือของภาคภูมิเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของปรายฟ้า ก่อนจะเลื่อนลงไปปลดกระดุมชุดนอนผ้าซาตินที่ปรายฟ้าสวมอยู่
ตอนที่94ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) หกเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ชีวิตของภาคภูมิและปรายฟ้า เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากคู่รักหนุ่มสาวกลายเป็นพ่อแม่เต็มตัวพร้อมกับสมาชิกใหม่สองคนคือน้องพายุและน้องสายฝนที่เติมเต็มชีวิตคู่ของทั้งสองให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่น มีพื้นที่กว้างขวางให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นและมีสนามหญ้าที่กว้างพอสำหรับเด็กน้อยสองคนภาคภูมิจัดสรรเวลาให้กับการทำงานและครอบครัวอย่างลงตัว ทุกวันหลังกลับจากบริษัท สิ่งแรกที่เขาทำคือตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อมาเล่นกับลูก ๆ เสียงหัวเราะสดใสของน้องพายุและน้องสายฝนคือยาชั้นดีที่ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดีเขามักจะอุ้มลูกน้อยทั้งสองคนขึ้นมาโยนเบา ๆ จนลูก ๆ ส่งเสียงคิกคักด้วยความชอบใจหรือไม่ก็เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังจนกระทั่งลูก ๆ เคลิ้มหลับไปในอ้อมแขนปรายฟ้าเองก็ดูสดใสขึ้นมากแม้จะเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกแฝดแต่เธอก็มีความสุขกับบทบาทความเป็นแม่ปรายฟ้ามีพี่เลี้ยงสองคนคอยช่วยดูแลลูก ๆ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่มีพี่เลี้ยงช่วย
ตอนที่94คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงเกือบเก้าเดือนที่ปรายฟ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน ท้องของเธอโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มรู้สึกหนักตัวและอุ้ยอ้ายไปหมดทุกที่แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมีความสุขในทุกวันที่มีภาคภูมิอยู่เคียงข้างและแล้ววันที่เธอกับภาคภูมิรอคอยก็มาถึงในช่วงกลางดึกปรายฟ้าเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนภาคภูมิถึงกับตกใจ เขารีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่ลังเล“คุณต้องหายใจเข้าลึก ๆ นะปราย” ภาคภูมิกล่าวกับปรายฟ้าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เขากุมมือของเธอไว้แน่นตลอดเวลาที่อยู่บนรถปรายฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา “ปรายไม่เป็นไรค่ะ ปรายทนได้ค่ะ”เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปรายฟ้าก็ถูกนำตัวเข้าไปในห้องคลอดทันที ภาคภูมิกอดเธอไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ“ภูมิจะอยู่เคียงข้างปรายเสมอนะครับปรายไม่ต้องกลัวนะ”ปรายฟ้าถูกนำตัวไปที่ห้องผ่าตัดทันทีที่คุณหมอตรวจดูว่าเหมาะสมแก่การผ่าคลอดเอาเด็กน้อยออกมาหลังจากนั้นไม่นานเสียงของเด็กทารกน้อยก็ดังขึ้นมา ภาคภูมิถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เขาหันไปมองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ คุณหมออุ้มเด็กน้อยออกมาจากห้องคลอดแล้วกล่าวว่า“คุณได
ตอนที่93เลขาใหม่กับหัวใจที่ว้าวุ่นปรายฟ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกที่สดชื่นแต่เมื่อภาคภูมิออกไปทำงานที่บริษัท เธอก็เริ่มรู้สึกเหงาและเบื่อหน่ายกับการอยู่บ้านเพียงคนเดียวความรู้สึกนี้ทำให้เธอคิดถึงเรื่องต่าง ๆ มากมายและสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของเมย์เลขาคนใหม่ของภาคภูมิเธอพยายามที่จะไล่ความคิดเหล่านี้ออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้เธอยังคงคิดถึงภาพของเมย์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ภาคภูมิที่ห้องทำงานของเขา ความรู้สึกหึงหวงที่กลับมาอีกครั้งทำให้หัวใจของเธอไม่สงบเธอรู้ดีว่าภาคภูมิเป็นคนดีและไม่คิดอะไรกับใครแต่ความกังวลที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์ก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวและไม่มั่นคง“ยัยปรายหยุดคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” ปรายฟ้าพูดกับตัวเอง“ภูมิรักเราคนเดียว”แม้จะพูดกับตัวเองแบบนั้นแต่เธอก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ดี เธอพยายามหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้เลยในตอนเย็นเมื่อปรายฟ้ากำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างเงียบ ๆ ภาคภูมิก็กลับมาจากบริษัทเขามองดูปรายฟ้าที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่อ่อนเพลียแต่ก็ยังคงความสง่างามอยู่ ภาคภูมินั่งลงข้าง ๆ เธอแล้วโอบกอดเธอไว้แน่น





