ตอนที่
17
ทริปทัศนศึกษา
แม้ว่าปรายฟ้าจะมีอาการที่ดีขึ้นแต่เมื่อเธอกลับถึงหอพักร่างกายของเธอก็อ่อนเพลียมาก ๆ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างหมดแรง วันนี้อาการป่วยยังไม่หายสนิท เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ปรายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อภาคภูมิปรากฎอยู่บนหน้าจอเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเธอ ปรายฟ้าจึงกดรับสายของเขา
“ฮัลโหล” เสียงของปรายฟ้าแหบเล็กน้อยจากการไอ
“ปรายฟ้าคุณดีขึ้นหรือยัง” เสียงของภาคภูมิดังมาตามสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย
“ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเพลีย ๆ ปวดหัวแล้วก็ยังไอ มีอะไรหรือเปล่า” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่สัมผัสได้
“กินยาหรือยังไ
ปรายฟ้าได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นและเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้
“กินแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก นายเองก็ตากฝนเหมือนกันระวังจะไม่สบายเหมือนฉัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว
“ไม่มีทางคนอย่างผมแข็งแรงกว่าที่คุณคิดมาก” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มคนเดียวเช่นเดียวกัน
“จ้าพ่อคนเก่ง” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียวในหอพัก ทั้งสองนอนคุยมือถือกันอยู่สักพักอย่างไม่รู้จักเบื่อ ภาคภูมิเองก็ไม่ได้มีอะไรพูดคุยมากนักแต่ก็สามารถคุยกับปรายฟ้าได้นานกว่าคุยกับเพื่อนซะอีก ปรายฟ้าเองก็อยากคุยกับเขาไปเรื่อย ๆ ไม่อยากวางสายไปจากเขาแม้แต่นิด
“แค่นี้แหละ เธอนอนเยอะ ๆ นะปรายฟ้า จะได้หายป่วยเร็ว ๆ” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว
“ทำไมเป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยหรือไง” ปรายฟ้าเอ่ยถามภาคภูมิแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว แต่เมื่อได้ฟังคำตอบของภาคภูมิก็ทำให้เธอหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
“ไม่ได้ห่วงมากแต่ห่วงงานมากกว่า เดี๋ยวงานไม่เสร็จสักที” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ที่ได้แกล้งปรายฟ้า
“แค่นี้เลย ไม่คุยกับนายแล้ว นายมนุษย์น้ำแข็ง” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็กดวางสายไปแม้จะทำหน้าบึ้งแต่ก็อมยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อวางสายไป ส่วนภาคภูมิเองก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้พูดแกล้งปรายฟ้าออกไปอย่างนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ห้องเรียนรวม อาจารย์ประจำโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มท่ามกลางเสียงพูดจอแจของนักศึกษา
“เอาล่ะนักศึกษาทุกคน เงียบหน่อยนะคะ” อาจารย์พูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังฟังชัด ทำให้ห้องเรียนเงียบลงทันที
ปรายฟ้าที่ยังคงมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยนั่งอยู่ข้างมีนาและกัส เธอพยายามฝืนตัวเองให้ตื่นตัวเต็มที่
“อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าโปรเจกต์ของเรามีกิจกรรมทัศนศึกษาดูงานนอกสถานที่” อาจารย์เริ่มพูดขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง
“ซึ่งเดิมทีเราจะไปกันอาทิตย์หน้า แต่เนื่องจากเรามีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้เราต้องเลื่อนกำหนดการเดินทางมาเป็นพรุ่งนี้เช้า”
เสียงฮือฮาดังขั้นทั่วห้อง นักศึกษาหลายคนเริ่มบ่นอุบอิบเพราะเป็นการแจ้งที่ค่อนข้างกระทันหัน
“อาจารย์ครับ ทำไมกะทันหันอย่างนี้ล่ะครับ” เสียงของนักศึกษาชายคนหนึ่งถามขึ้นมา
“เป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ ครับ ทั้งเรื่องตารางกิจกรรมของทางมหาวิยาลัยด้วย ทำให้ต้องเลื่อนไปทัศนศึกษาเร็วขึ้น” อาจารย์ตอบกับนักศึกษาด้วยท่าทางใจดี
“รายละเอียดการเดินทางและสิ่งที่ต้องเตรียมตัว อาจารย์ได้ส่งไฟล์เข้าไปในกลุ่มแล้วนะคะ ขอให้นักศึกษาอ่านให้ละเอียดและเตรียมตัวให้พร้อม”
ปรายฟ้าหันไปมองมีนาและกัสสลับไปมาด้วยความตกใจ “พรุ่งนี้เลยเหรอเนี่ย ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
“ฉันก็เหมือนกัน” มีนาทำหน้าเหวอ”
“ตายแล้ว แกก็ยังไม่หายดีเลยนะปราย” กัสพูดขึ้นมาด้วยความกังวลและความเป็นห่วงเพื่อน
ภาคภูมิที่นั่งอยู่แถวหน้า หันมามองปรายฟ้าเล็กน้อย ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้การแสดงความรู้สึกออกมาเช่นเคยแม้จะมีความกังวลเล็กน้อย เขากำลังคิดเป็นห่วงปรายฟ้ากลัวเธอเหนื่อยที่ต้องเดินทางทั้ง ๆ ที่ยังไม่สบายอยู่
“เอาล่ะค่ะทุกคนแยกย้ายกันไปเตรียมตัวได้เลยนะคะ พรุ่งนี้เจอกันที่ลานจอดรถมหาวิทยาลัยเวลาเจ็ดโมงเช้า” อาจารย์กล่าวปิดท้ายแล้วก็เดินออกไปเหลือแค่นักศึกษาที่เริ่มสนทนากันเสียงดังด้วยความตื่นเต้นและกังวลเล็กน้อยเพราะกลัวเตรียมของไม่ทัน
นักศึกษาต่างพากันลุกขึ้นและเดินออกจากห้องด้วยความเร่งรีบ ปรายฟ้าและมีนาก็เช่นกัน พวกเธอรีบเก็บของและเดินออกมาจากห้อง
“ทำไงดีมีน ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะมีเสื้อผ้าไหมเนี่ย แถมยังไม่หายป่วยดีเลย” ปรายฟ้าบ่นอย่างกังวล
“ไม่เป็นหรอกปรายเดี๋ยวฉันดูแลแกเอง” มีนาพูดขึ้นมาปลอบใจเพื่อน
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบกลับหอก่อนดีกว่าจะได้รีบเตรียมของแล้วจะได้เช็กว่าอะไรมีอะไรไม่มี” กัสพูดขึ้นมาเพื่อเร่งให้เพื่อนเลิกกังวลแล้วก็กลับหอพักกันดีกว่า
“คุณจะไปไหวเหรอปรายฟ้า” ภาคภูมิเดินมากับเพื่อนของเขาอีกสองคนแล้วก็ถามปรายฟ้าด้วยความเป็นห่วง
ปรายฟ้าช้อนตามองภาคภูมิ ใบหน้าที่ยังซีดเซียวเริ่มมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เธอพยายามทำท่าทางมั่นใจ
“ไหวสิ แค่นี้สบายมาก นายไม่ต้องห่วงหรอก”
“แน่ใจนะ เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมางานพังทำไง” ภาคภูมิที่เป็นห่วงปรายฟ้าแต่ก็ทำทีเป็นห่วงงานไปอย่างนั้น
“นายนั่นแหละที่น่าห่วง เชื้ออาจจะเพาะอยู่ก็ได้ ระวังไปเป็นภาระของอาจารย์ซะเองนะ” เธอแกล้งแซวภาคภูมิกลับเช่นกัน
ชัยวัฒน์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ยินก็หัวเราะออกมา “โห ปากคอเราะร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะปรายฟ้า ป่วยแล้วยังเอาไอ้ภูมิไม่ลง เยี่ยมมาก!!!”
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ” ปรายฟ้าเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
ภาคภูมิเพียงแค่พยักหน้าไม่ได้ต่อปากต่อคำกับปรายฟ้าต่อ “งั้นก็เตรียมตัวให้ดี ๆ แล้วกัน” เขาพูดแล้วก็เดินเลี่ยงไปกับเพื่อน ๆ ของเขา
ปรายฟ้ามองตามหลังภาคภูมิไปจนลับสายตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“ดูสิ ยังไงเขาก็ห่วงแกนั่นแหละปราย” มีนาพูดขึ้นมาแล้วก็มองเพื่อนยิ้ม ๆ
“นั่นสิเห็นหน้าเฉย ๆ นิ่ง ๆ อย่างนั้นน่พ แต่ก็ไม่วายถามไถ่แกไม่หยุด” กัสพูดเสริมแล้วก็มองตามหลังกลุ่มของภาคภูมิ
“ก็กลัวงานล่มแหละ จะมาห่วงอะไรฉัน” ปรายฟ้าพูดแล้วก็ส่ายหน้า แต่เธอก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอแต่แค่ไม่อยากบอกความจริงเพราะปากของเขาไม่ตรงกับใจ
ตอนที่20ใกล้กันอีกนิด ไม่นานนักรถบัสก็เริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถของศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาจะมาทัศนศึกษา อาคารไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น ด้านหน้ามีป้ายต้อนรับที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างสวยงามอาจารย์สุภาวิณีประกาศให้นักศึกษาลงจากรถและมารวมตัวกันหน้าอาคาร“ถึงแล้ว!!!” กัสกระซิบณัฐพลใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกันกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันปรายฟ้าลงมาจากรถพร้อมกับภาคภูมิ กลิ่นอายของธรรมชาติ ทั้งกลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้และความชื้นจากอากาศที่ร่มเย็นทำให้เธอรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก“อากาศดีจังเลยเนอะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นขณะสูดหายใจเข้าลึก ๆ“จริง” ภาคภูมิตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจอาจารย์สุภาวิณีเริ่มอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่และกิจกรรมที่นักศึกษาจะต้องทำรวมถึงการแบ่งกลุ่มสำหรับการเดินสำรวจและเก็บข้อมูล“เอาล่ะค่ะนักศึกษา ทุกคนจะต้องทำงานเป็นกลุ่มนะครับ ตามกลุ่มโปรเจกต์ที่เราแบ่งไว้แล้ว แต่ละกลุ่มต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพืชพรรณ สัตว์เล็ก ๆ และระบบนิเวศน์ในบริเวณนี้ เพื่อนำ
ตอนที่19เมื่อมนุษย์น้ำแข็งละลาย ผ่านไปไม่นานเสียงเพลงคลอเบา ๆ บนรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ปรายฟ้าที่แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่หายขาดจากอาการเพลีย เธอเผลอหลับไปแล้วศีรษะของเธอค่อย ๆ เอนไปซบไหล่ของภาคภูมิภาคภูมิรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ เขาหันมามองปรายฟ้าที่หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอรดต้นคอของเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เขาเพียงแค่ทอดสายตามองไปข้างหน้า ปล่อยให้เธอหลับพิงอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยกัสที่ได้นั่งข้างณัฐพลก็ยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบหันไปมองปรายฟ้าและภาคภูมิ แล้วยกนิ้วโป้งให้มีนาที่นั่งอยู่ข้างชัยวัฒน์ มีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ ก่อนจะแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปโมเมนต์ของปรายฟ้ากับภาคภูมิเก็บไว้ในขณะที่ปรายฟ้ากำลังหลับพิงไหล่ภาคภูมิอย่างสบายใจ กัสที่ได้นั่งเบาะข้างกันกับณัฐพลก็รู้สึกมีความไม่แพ้กัน เธอมองณัฐพลที่กำลังเปิดมือถือดูรูปถ่ายที่ทั้งสองแอบไปเดทกันมาเมื่อไม่นานแล้วยิ้มออกมา“พลจำได้ด้วยเหรอว่ากัสชอบรูปนี้” กัสถามณัฐพลเสียงเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานเผยออกมาณัฐพลเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองกัส “ก็จำได้สิ รูปนี้เธอยิ้มสวยดี” เ
ตอนที่18เตรียมตัวออกเดินทางได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลาดจอดรถมหาวิทยาลัย เสียงจอแจของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหอบหิ้วสัมภาระมากันเต็มที่ อากาศยามเช้าสดใสทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษปรายฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมกับมีนาและกัส เธอดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าเมื่อวาน“โชคดีนะที่หายดีขึ้นมาบ้าง” มีนาพูดขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมโปรเจกต์“ฉันนึกว่าต้องแบกแกไปซะแล้ว”“พูดบ้า ๆ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ปรายฟ้าแย้งพลางยิ้มแหย ๆกัสชำเลืองไปเห็นภาคภูมิกำลังยืนคุยกับชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ไม่ไหล “โน่นไง เจ้าชายน้ำแข็งของแกมาแล้ว”“นั่นก็พลเจ้าชายของแกไม่ใช่หรือไงกัส” ปรายฟ้าแซวเพื่อนเช่นกันเพราะตอนนี้กัสกับณัฐพลกำลังคุย ๆ กันอย่างเปิดเผยแล้วกัสหันมาทำตาเขียวใส่ปรายฟ้า “นี่แกว่าอะไรนะ พูดดี ๆ หน่อยสิ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของกัสก็แดงขึ้นเล็กน้อย ปรายฟ้าและมีนาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อนปรายฟ้าเหลือบมองไปทางกัสชี้ใบหน้าของภาคภูมิ ดูนิ่งเฉยตามปกติแต่แววตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมองหาสักคนอยู่ ก่อนที่สายตาของเข
ตอนที่17ทริปทัศนศึกษาแม้ว่าปรายฟ้าจะมีอาการที่ดีขึ้นแต่เมื่อเธอกลับถึงหอพักร่างกายของเธอก็อ่อนเพลียมาก ๆ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างหมดแรง วันนี้อาการป่วยยังไม่หายสนิท เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปรายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อภาคภูมิปรากฎอยู่บนหน้าจอเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเธอ ปรายฟ้าจึงกดรับสายของเขา“ฮัลโหล” เสียงของปรายฟ้าแหบเล็กน้อยจากการไอ“ปรายฟ้าคุณดีขึ้นหรือยัง” เสียงของภาคภูมิดังมาตามสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย“ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเพลีย ๆ ปวดหัวแล้วก็ยังไอ มีอะไรหรือเปล่า” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่สัมผัสได้“กินยาหรือยังไปรายฟ้าได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นและเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้“กินแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก นายเองก็ตากฝนเหมือนกันระวังจะไม่สบายเหมือนฉัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว“ไม่มีทางคนอย่างผมแข็งแรงกว่าที่คุณคิดมาก” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มคนเดียวเช่นเดียวกัน“จ้าพ
ตอนที่16ไม่สบาย หลังจากวันนั้นปรายฟ้าที่ตากฝนมาเต็ม ๆ ก็เริ่มมีอาการป่วย ไอค่อกแค่กตั้งแต่เช้า แถมยังปวดหัวจนแทบจะคิดงานไม่ออก ใบหน้าซูบเซียวผิดปกติ แต่ก็ยังฝืนมาทำงานโปรเจกต์ของมหาวิทยาลัย“แค่ก ๆ ๆ โอ๊ย!!! ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้นะ” ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเองพยายามจะเพ่งมองตัวเลขบนหน้าจอภาคภูมิที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงไอและเสียงบ่นของเธอ เขาสังเกตเห็นว่าปรายฟ้าดูหน้าแดง ๆ ซึม ๆ ผิดปกติปกติปรายฟ้าจะเสียงดังฟังชัดและร่าเริงกระตือรือร้นกว่านี้มาก ๆ เขามองเธออยู่สักพักแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ใบหน้ายังคงเรียบเฉยแต่ในใจกลับเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ“นี่ปรายฟ้าไหวไหม” ณัฐพลที่ทำงานช่วยภาคภูมิเองก็เห็นอาการของปรายฟ้าจึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง“ไหวสิไอนิดหน่อยเอง” ปรายฟ้าพยายามยิ้มแต่ก็ไอออกมาอีกครั้งภาคภูมิชำเลืองมองปรายฟ้าที่ยังคงฝืนตัวเองทำงานหนัก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่สบายเอามาก ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปตรง ๆช่วงพักกลางวันปรายฟ้าแทบไม่อยากกินอะไรเลย เธอเอาหน้าฟุบกับโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย“ปรายไม่กินข้าวเหรอ เดี๋ยวไม่มีแรงหรอก” มีนาที่เห็นอาการเพื่อนก็ถาม
ตอนที่15ความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ ช่วงบ่ายแก่ ๆ หลังเลิกเรียนภาคภูมิและปรายฟ้ากำลังช่วยกันขนอุปกรณ์และเอกสารเข้าห้องทำโปรเจกต์ ลมพัดแรงมาก ๆ และพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสเมื่อเช้าตอนนี้กลับมืดครึ้มอย่างรวดเร็ว“โอ๊ย!!! ทำไมอากาศมันเปลี่ยนเร็วอย่างนี้เนี่ย” ปรายฟ้าบ่นอุบเงยหน้ามองท้องฟ้า“ท่าทางฝนจะตกแน่เลย”“รีบขนของดีกว่าครับ” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบแต่ก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาช่วยเธอถือกล่องอุปกรณ์หนัก ๆ โดยไม่บ่นไม่ทันที่ทั้งคู่จะไปตึกทำงานเม็ดฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มโปรยปรายลงมา ก่อนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นพายุฝนกระหน่ำอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องครืน ๆ ดังสนั่น“กรี๊ด!!! ฝนตกหนักเลย” ปรายฟ้าร้องเสียงดัง เธอพยายามวิ่งหลบฝนแต่ไม่ทัน เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมดในพริบตาภาคภูมิเองก็เปียกไปทั้งตัวเช่นกัน เขาไม่ได้บ่นอะไรเพียงแต่ใช้ตัวบังปรายฟ้าไว้เล็กน้อย พยายามให้เธอเปียกน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารีบดึงมือของปรายฟ้าให้เข้าไปในอาคารด้วยกันเพื่อหลบฝนทั้งคู่ยืนสั่นเทาด้วยความหนาวอยู่ใต้อาคาร สายตาของปรายฟ้ามองไปที่ภาคภูมิที่ยืนเปียกโชกไปทั้งตัวเช่นกัน ผมของเขาเปียกแนบใบหน้า เสื้อเชิ้ตส