ในช่วงเริ่มต้นการประชุม เมื่อถึงคราวที่แต่ละหัวหน้าทีมต้องเสนอแนวคิดเบื้องต้น ภาคภูมิเป็นคนแรกที่ได้รับโอกาส เขาเสนอแนวคิดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น ทุกประโยคล้วนอ้างอิงถึงข้อมูลที่แม่นยำและเหตุผลที่สามารถพิสูจน์ได้ "สำหรับฝั่งวิศวกรรมศาสตร์ เราจะเน้นที่ฟังก์ชันการใช้งานและความแม่นยำของนวัตกรรมเป็นหลักครับ การนำเสนอจะเป็นการสาธิตประสิทธิภาพจริงของผลงาน โดยมีงบประมาณที่จำกัดแต่จะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด" เขากล่าวพร้อมฉายกราฟและตัวเลขประกอบ
จากนั้นก็ถึงตาของปรายฟ้า เธอลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มสดใส แต่ภายในใจกลับแอบถอนหายใจให้กับความแห้งแล้งของแนวคิดที่ภาคภูมินำเสนอ เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลังและจินตนาการ "ในส่วนของนิเทศศาสตร์ เราจะเน้นการสร้างสรรค์บรรยากาศให้งานแฟร์เป็นเหมือนเทศกาลที่น่าตื่นตาตื่นใจค่ะ เราต้องการนำเสนอในรูปแบบที่สวยงาม แปลกใหม่ และสามารถดึงดูดผู้คนทุกเพศทุกวัยให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ค่ะ" เธอโบกมือประกอบท่าทางราวกับกำลังวาดภาพงานแฟร์ในจินตนาการออกมาให้ทุกคนเห็น
เมื่อปรายฟ้านำเสนอจบลง การถกเถียงเบื้องต้นก็เริ่มต้นขึ้นทันที
"ผมคิดว่าการเน้นความสวยงามมากเกินไปอาจทำให้เราบานปลายเรื่องงบประมาณนะครับ" ภาคภูมิเปิดประเด็นทันทีที่ปรายฟ้านั่งลง "แล้วการสาธิตประสิทธิภาพของเครื่องจักร อาจไม่เหมาะกับแนวคิด 'เทศกาล' อย่างที่คุณปรายฟ้าว่า"
"แต่ถ้าบูธดูน่าเบื่อ ไม่มีอะไรดึงดูด ใครจะอยากเดินเข้ามาดูประสิทธิภาพของเครื่องจักรล่ะคะภาคภูมิ" ปรายฟ้าสวนกลับทันควัน ใบหน้ายิ้มแย้มแต่แววตาคมกริบ "เราต้องทำให้คนสนใจก่อนสิคะ ถึงจะพาเขาไปดูแก่นแท้ของนวัตกรรมได้"
"ความสนใจควรมาจากคุณภาพของนวัตกรรม ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวยครับ" ภาคภูมิแย้งกลับอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงเริ่มมีแววหงุดหงิดเล็กน้อย
"แต่การนำเสนอที่ดีก็เป็นส่วนหนึ่งของ 'คุณภาพ' นะคะ" ปรายฟ้าไม่ยอมแพ้ "บางทีนวัตกรรมที่ดี แต่การนำเสนอไม่ดี ก็อาจไม่มีใครเห็นคุณค่าก็ได้ค่ะ"
เพื่อนๆ หัวหน้าทีมคนอื่นๆ เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
นอกห้องประชุม ชัยวัฒน์และณัฐพลที่เดินผ่านหน้าห้องประชุมพอดี แอบชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านใน เห็นภาคภูมิทำหน้าเหนื่อยหน่าย ส่วนปรายฟ้าก็กำลังถกเถียงอย่างออกรสออกชาติ
"ดูท่าภูมิจะปวดหัวกับปรายน่าดู" ณัฐพลหัวเราะเบาๆ
"ก็แหงสิ! ปรายเขานิเทศฯ จ๋าขนาดนั้น ภูมิก็วิศวะจ๋า ถ้าไม่ทะเลาะกันนี่สิแปลก" ชัยวัฒน์หัวเราะคิกคัก "แต่ก็ดีนะ ชีวิตภูมิจะได้มีสีสันขึ้นมาบ้าง"
ด้านมีนากับกัสที่แอบมองมาจากอีกฝั่งของห้องประชุม ก็เห็นท่าทีของปรายฟ้าที่พยายามควบคุมอารมณ์ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้เมื่อถกเถียงกับภาคภูมิ
"ดูสิปราย! สู้ๆ นะ! อย่าให้คุณชายวิศวะมันข่มได้" มีนากระซิบกับกัส
"ท่าทางจะต้องปวดหัวไปอีกนานแน่ๆ" กัสส่ายหน้ายิ้มๆ
การประชุมดำเนินไปอย่างตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างยืนยันในแนวคิดของตนเอง ไม่มีใครยอมใคร ท้ายที่สุด อาจารย์ผู้ประสานงานต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยและขอให้ทั้งคู่กลับไปคิดแนวทางที่จะผสมผสานแนวคิดของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันให้ได้
การประชุมจบลงด้วยบรรยากาศที่ยังคงตึงเครียด ทุกคนในห้องรับรู้ได้ถึงความขัดแย้งทางความคิดที่หนักหน่วงระหว่างหัวหน้าทีมวิศวะและนิเทศฯ
ภาคภูมิเก็บเอกสารของเขาอย่างเงียบๆ ใบหน้าเรียบเฉยแต่ในใจกลับรู้สึกเหนื่อยหน่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีแนวคิดที่ขัดกับทุกหลักการที่เขายึดมั่นได้ขนาดนี้
ส่วนปรายฟ้าก็เดินออกจากห้องประชุมด้วยใบหน้าที่ยังคงติดจะบึ้งเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าภาคภูมิเป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่า "ยืดหยุ่น" เอาเสียเลย แต่ลึกๆ แล้ว เธอก็รับรู้ได้ว่าความแข็งกร้าวของเขานั้นมาจากความจริงจังและรับผิดชอบ
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันระหว่างภาคภูมิและปรายฟ้า และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการปะทะกันในอนาคตระหว่างโลกแห่งเหตุผลกับโลกแห่งอารมณ์ที่กำลังจะตามมาอย่างแน่นอน
ตอนที่14ตัวแปรความรู้สึก ช่วงบ่ายที่คณะนิเทศศาสตร์เสียงหัวเราะสดใสของปรายฟ้าดังคลอเคลียไปกับเสียงของรุ่นพี่ภูมิพัฒน์ รุ่นพี่สุดฮอตจากภาควิชาศิลปะการแสดงที่แอบชอบปรายฟ้ามานาน เขากำลังยืนเท้าแขนกับโต๊ะที่ปรายฟ้านั่งทำงานใต้ร่มไม้พลางยื่นถุงขนมให้กับเธอ“ปรายฟ้าเหนื่อยไหมครับ พักกินขนมก่อนนะ นี่ขนมร้านโปรดพี่เลยนะ” ภูมิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มละลายใจสาวทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองกันเป็นตาเดียว“โอ๊ย!!! พี่พัฒน์ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่น่าลำบากเลย” ปรายฟ้ารับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเป็นปรายฟ้าพี่เต็มใจเสมอ” ภูมิพัฒน์พูดพลางยื่นมือไปปัดเศษผมที่ปรกหน้าปรายฟ้าอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่ช่วงนี้เห็นปรายฟ้าทำงานโปรเจกต์หนักจังพักผ่อนบ้างนะพี่เป็นห่วง”ในจังหวะนั้นเอง ภาคภูมิที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพอดี สายตาของเขาเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้าเข้า สายตาที่เคยเรียบเฉยตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้ย เขากระแอมเบา ๆ เพื่อให้ภูมิพัฒน์และปรายฟ้าหันมามองเขา“เอกสาร” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางเอกสารบนโต๊ะแรงกว่าปกติเล็กน้อย“โอเค” ปรายฟ้าตอบภาคภูมิพร้อมกับหันไปมองเล็ก
ตอนที่ 13 วันหยุดแต่ไม่หยุดใกล้กันเช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเองไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า“ฉันล่ะเบื่อแทน”“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปป
ตอนที่12กิจกรรมที่วุ่นวายแต่สนุก เช้าวันเสาร์แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุก ปรายฟ้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ เธอพยายามลืมตาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง“โอ๊ย ปวดหัวจัง” เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผับค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นในหัว โดยเฉพาะภาพที่ภาคภูมิกับหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ ความรู้สึกไม่ชอบใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจอย่างประหลาดมือถือของเธอสั่นครืด ชื่อมีนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ“ฮัลโหล” ปรายฟ้ารับสายด้วยเสียงงัวเงีย“ปรายแกตื่นยังเนี่ย ปวดหัวเหมือนกันเลยใช่ไหม” เสียงมีนาเจื้อยแจ้วมาตามสาย“เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่แกทำหน้าบูดใส่ใครบางคนน่ะ”ปรายฟ้าถอนหายใจ “พอเลยมีนา ไม่ต้องมาแซวเลย” ปรายฟ้าพูดพร้อมลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่ม“แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ กัสกับพลกลับถึงหอกันหรือเปล่า”“ถึงดิ เห็นพลดูแลกัสดี๊ดี พาไปส่งถึงหอเลยนะแก น่ารักอ่ะ” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน“นี่แหละนะ คู่แท้ไม่ต้องพูดเยอะ แค่มองตาก็รู้ใจ”ปรายฟ้ากรอกตา”เพ้อเจ้อ ไปหาอะไรกินแก้แฮงค์ดีกว่า ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาที่ห้อง ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนไว้ไปหา” มีนาบอกกับปรา
ตอนที่11เจอกันบ่อยไปไหม เสียงจอแจในโรงอาหารอื้ออึง ปรายฟ้ากำลังหอบถาดข้าวแกงเดินหาที่นั่ง แต่ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ เหลือเพียงมุมเล็ก ๆ ที่มีภาคภูมินั่งอยู่คนเดียว ทำให้เธอตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที“ขอนั่งด้วยคนนะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นเบา ๆ พลางมองหากัสและมีนาที่กำลังซื้ออาหารเพราะเธอจะได้เรียกเพื่อนของเธอมานั่งด้วยภาคภูมิพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจปรายฟ้านั่งลงตรงข้ามกับเขา วางจานข้าวลงบนโต๊ะพลางชำเลืองมองภาคภูมิที่ดูจริงจังแม้กระทั่งตอนกินข้าว เธอเห็นกัสและมีนากำลังเดินถือจานข้าวมาทางนี้พอดี จึงรีบกวักมือเรียกอย่างร่าเริง“นี่กัส มีนา มานั่งนี่สิ โต๊ะนี่ว่างไกัสกับมีนาหันมามองก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ภาคภูมิที่นั่งอยู่กับปรายฟ้า ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเดินตรงมาที่โต๊ะ“โอ๊ย!!! ตายแล้วปรายฟ้า มานั่งกินข้าวกับนายภาคภูมิได้ไงเนี่ย” มีนากระซิบกัสแต่เสียงดังพอให้ทั้งโต๊ะได้ยิน“นั่นสิ ฉันว่าแล้วเชียวทำไม ปรายฟ้าถึงชอบโรงอาหารเวลานี้” กัสแซวต่อพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรายฟ้าหน้าแดงเล็กน้อย “พวกแกสองคนนี่ก็นะ ฉันแค่ไม่มีที่นั่งเฉย ๆ หรือพวกแกจะไม่นั่งล่
ตอนที่10แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใสปรายฟ้า วาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้น“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้าพรีเซนด้วยแววตาเป็นประกาย“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ” ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ แต่สะท้อนความจริงจัง“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณ “ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ” ปรายฟ้ายืนกราน“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู” “งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับ“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ”การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกัน“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อก
ตอนที่9เริ่มต้นปวดหัวอีกครั้ง ห้องประชุมที่เดิมเพิ่มเติมคือความอึดอัดที่มากขึ้นกว่าเดิม ภาคภูมินั่งตัวตรงเป๊ะพร้อมกับแผนงานที่ดูเป็นระเบียบสุด ๆ“สำหรับโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวนี้ ผมเสนอแผนงานที่เน้นความยั่งยืนและวัดผลได้จริงครับ” ภาคภูมิเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เราจะเริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน การจัดระบบเพื่อลดการใช้ทรัพยากร”ปรายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้านิ่ง ๆ ยิ้มเย็นเยือก เมื่อภาคภูมิเสนอจบเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสกว่าเดิม“ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยสีเขียว มันควรจะมีมากกว่าแค่การปลูกต้นไม้นะคะ เราควรสร้างมุมผ่านคลายสีเขียวที่มีต้นไม้ตั้งเป็นแนว หรือว่าเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เพื่อให้นักศึกษารู้สึกสนใจในโปรเจกต์นี้”“ความงามมันก็ต้องสิ้นเปลืองงบมากขึ้น” ภาคภูมิโต้กลับทันควัน“แต่ถ้าไม่สวย ไม่น่าสนใจใครจะอยากสนใจโปรเจกต์นี้” ปรายฟ้าย้อนถามกลับอย่างไม่ลดละ“เอาล่ะ ๆ พอแค่นั้นก่อน” อาจารย์โบกมือเป็นสัญญาณหยุดศึก“พวกคุณต้องแบ่งงานกัน”ปรายฟ้ากับภาคภูมิหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร“ฉันขอรับผิดชอบส่วนของกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ทั้งหมดค่ะ”ปร