หนีเที่ยว
ตกเย็น
หลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก
สองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ
“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”
“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”
“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”
“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย
“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”
“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”
“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”
“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเรื่องพวกนี้ก็ต้องเริ่มถูกกดดันด้วยสภาวะรอบข้าง
ฉันได้แต่ถอนหายใจ จริง ๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด แต่มันไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง สเปกเป็นแบบไหนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ในชีวิตนี้ ยังไม่เคยเจอใครแล้วสปาร์คจนหัวใจเต้นน่ะสิ อาจจะเคยมีนะ แต่มันก็แค่รักออนไลน์ แล้วมันก็หายไปกับสายลมแล้วล่ะ
“นี่...งั้นเราไปดริ้งก์ไปดื่มหน่อยไหม”
“บอกว่าไม่ไปร้านเหล้าไง”
“แต่ที่จะพาไปมันน่าตื่นเต้นนะยะ”
“ยังไง ที่ว่าตื่นเต้น”
“บาร์โฮสต์”
”ถามจริ๊ง....” ฉันทำหน้าตาตกใจที่ยัยแพรวมีความคิดจะไปบาร์โฮสต์
“อยากจะลองไปสักครั้งดูนะสิ”
“ไม่กลัวพี่เจเดนของแกจะโมโหรึไง”
“ก็ฉันจะไปบาร์โฮสต์ ก็ต้องสถานการณ์ตอนที่ฉันกับพี่เขายังไม่ได้ลึกซึ้งนี่แหละ ถ้าฉันคบกับพี่เจเดนเมื่อไหร่แกคิดว่าฉันจะไปบาร์โฮสต์ ได้เหรอ”
“จะดีเหรอวะ แพรว”
“ดีสิ พอดีฉันมีพี่สาวคนหนึ่งมาใช้บริการพี่เขาเป็นเจ้าของบาร์โฮสต์นี้เลยให้ส่วนลดมา ฉันมีตั้งสองใบแน่ะ” ยัยแพรวสาธยายก่อนจะชูคูปองส่วนลดขึ้นมาให้ดู
“...” ฉันนั่งคิดอยู่นาน ใจจริงฉันเคยอยากไปบาร์โฮสต์นะ ยังไงฉันก็โสดการหาคนมาเอาอกเอาใจโดยใช้เงินแก้ปัญญาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดสำหรับคนโสดตัวโต ๆ รึเปล่า หาเงินได้ตั้งเยอะใช้หน่อยจะเป็นอะไรไปจริงมั้ย
“ว่าไงสนใจมั้ย”
“โอเคตกลง...ไป...” ฉันแปะมือกับยัยแพรวก่อนที่เราจะออกจากคาเฟ่ กลับคอนโดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งให้เป็นสาวสุดแซ่บพร้อมเที่ยวกลางคืนอย่างเคย ใครเห็นก็ต้องจำไม่ได้ เพราะทั้งฉันกับยัยแพรว ตอนทำงานกับตอนเที่ยวราวกับคนล่ะคนจริงๆ เห็นแบบนี้ พวกเราชอบแต่งตัวโป๊พอควร ไม่ใช่ว่าใส่เพื่ออ่อย แต่เป็นความชอบของเราสองคนเอง เวลาไปเที่ยวด้วยกันแล้วพี่เจเดน มาเห็นก็มักจะโดนดุอยู่บ่อย ๆ ยัยแพรวนี่ถึงกับโดนพี่เจเดนลากกลับทันทีทุกครั้ง จนฉันอดหัวเราะไม่ได้ ส่วนฉันก็ไม่ได้มีคนมาห้ามเท่าไหร่ ก็คำว่าโสดตัวโต ๆ ความอิสระเลยมีเต็มเปี่ยม
สองสาวในชุดสุดวาบหวิบ คนหนึ่งโชว์หน้า คนหนึ่งโชว์หลัง ไม่มีใครยอมใคร แน่นอนว่าเราสองคนมีความสุขในการแต่งตัวบัฟกันราวกับขิงกันไปมาว่าใครสวยกว่าใคร แต่ตอนนี้ยัยแพรวมันนำฉันไปหนึ่งก้าวเพราะมีพีเจเดนสุดที่รักของมันล่ะนะ
สองเท้าของพวกเรามายืนหน้าบาร์โฮสต์สุดหรูย่านใจกลางเมือง แค่ประตูทางเข้าที่มีหนุ่มหล่อมาต้อนรับสาวสวยมากมายที่ใช้บริการก็รู้สึกว่าหวานปากแล้วล่ะ
“เป็นไง นี่แค่เด็กต้อนรับหน้าร้านของพี่กานเขานะ” ยัยแพรวภูมิใจนำเสนอประหนึ่งเคยมาแล้ว
“ใช้ได้เลย ก็ต้องยอมรับว่าหล่อลาก แต่ยังไม่ได้รู้สึกกระชากไตอะไรขนาดนั้น”
“เข้าไปกันก่อนเถอะของดีมันต้องอยู่ในร้าน พี่กานบอกว่ามีดาวเด่นให้พวกเราเลือกด้วยน่ะ ล็อคตัวไว้ให้เลย”
“แกพูดขนาดนี้งั้นเรารีบเข้าไปเลยดีกว่า”
ฉันกับแพรวเดินควงคู่เข้าไปในร้านกันอย่างมั่นใจ แน่นอนว่าในที่นี่พวกเราไม่จมไม่หายแน่นอนแม้ว่าบรรดาสาว ๆ ในนี้จะมาใช้บริการกันเยอะมากแค่ไหน สายตาหนุ่ม ๆ ที่รอต้อนรับและให้บริการจับจ้องพร้อมส่งสายตาหวานมาที่พวกเรา รอให้พวกเราเรียกใช้งานอยู่มากมายจริงๆ
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังมีสายตาพร้อมที่จะพุ่งชนเข้าหามาก ๆ จริง ๆ นั่นแหละ รู้สึกแปลกใหม่ดีแฮะ
ทั้งฉันกับแพรวถูกเชิญให้เข้ามาประจำที่นั่ง VIP เพราะไม่คิดว่าคูปองที่ยัยแพรวได้มานั้นเป็นสิทธิพิเศษที่จะสามารถได้รับมาจากเจ้าของร้านเท่านั้น ดังนั้นการต้อนรับพวกเราสองคนเลยดูพิเศษกว่าโต๊ะไหน ๆ แม้แต่เจ้าของร้านอย่างพี่กานยังถึงขั้นออกมาตอนรับด้วยตัวเอง
“น้องแพรวมาร้านพี่จริง ๆ ด้วยสินะคะ”
“แน่นอนสิคะพี่กาน แพรวจะพลาดได้ไงล่ะ อ่ะจริงสิ นี่เพื่อนแพรวค่ะ ชื่อออย”
“เพื่อนน้องแพรว หรือว่า เป็นคุณหมอเหมือนกันคะ” คุณกานเจ้าของร้านหันมาเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มตอบไปตามมารยาท
“ค่ะ เป็นหมอโรงพยาบาลเดียวกันกับแพรวค่ะ แต่หมอคนละแผนกนะคะ
“หมอสาวสองคนทำงานมาเหนื่อย ๆ แบบนี้ ร้านพี่นี่แหละคะคือที่ผ่อนคลายชั้นดี พี่รับประกันค่ะ”
“ขอเด็ด ๆ เลยนะคะพี่กาน” ยัยแพรวพูดแบบโจ่งแจ้งไม่อายภาพลักษณ์ของความเป็นหมอจิตเวชแม้แต่น้อย
"แน่นอนดาวเด่นที่นี่ของวันนี้พร้อมดูแลคุณหมอแน่นอนค่ะ เด็ก ๆ มานี่ซิ" เพียงคุณกานกวักมือเรียกเด็กที่เป็นดาวเด่นมาบริการโต๊ะของพวกฉัน ฉันก็เริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกที่ได้รับการดูแลดุจเจ้าหญิงขนาดนี้ไม่ว่าจะหยิบ จะดื่ม จะยกแก้ว จะเช็ดปาก น้อง ๆ หนุ่มหล่อพร้อมทำให้หมดเลย ยัยแพรวดูจะเคลิบเคลิ้มไปแถมแจกดื่มเป็นว่าเล่น ส่วนฉันก็ยิ้มรับกับการกระทำของน้อง ๆ อยู่นะเพื่อไม่ให้ดูเจื่อนเกินไป แต่ฉันยังไม่ถูกใจนะสิ มันยังรู้สึกว่าหัวใจไม่เต้นแรงมันเหมือนมานั่งกินเหล้ากับคนแปลกหน้ามากกว่าคนที่จะมาเอาอกเอาใจ
จวบจนสายตามองขึ้นไปยังเวที ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังม่านทอดสายตามองลงมา และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่สายตาเราสบตากันตอนนั้นแหละที่ฉันรู้สึกว่ากระตุกราวกับมีไฟฟ้าสถิตช็อตเปรี๊ยะๆ แบบว่าคนนี้ถูกใจ
แต่การที่น้องเขาไปยืนอยู่มุมนั้นหรือว่าเขาไม่ถูกใครเลือกเลยกัน มันน่าเสียดายนะ จู่ ๆ กระเป๋าตังก็รู้สึกสั่นไหว ฉันจึงหันไปหาคุณกานที่ยังเมาท์มอยกับยัยแพรวฉ่ำ
“เอ่อ คุณกานคะ”
“เรียกพี่กานก็ได้ค่ะ น้องออย เรารู้จักกันแล้วขนาดนี้”
“ได้เลยค่ะพี่ออย คือออยอยากถามว่าเด็กคนนั้นว่างอยู่รึเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามไป ยัยแพรวค่อนข้างตกใจที่ฉันสนใจเรียกเด็กเอง ส่วนพี่กานก็หันไปมองเด็กที่ฉันกำลังชี้ไปถาม จากนั้นก็ทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“คนนั้นเหรอ คงไม่ได้หรอกค่ะ รายนั้นไม่รับดื่มน่ะ”
“ว้า....เสียดายจังค่ะ ออยค่อนข้างถูกใจพี่ลองไปถามให้ออยหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
“เอาจริงเหรอคะน้องออย รายนั้นปากค่อนข้างร้าย พี่ไม่แน่นใจว่าน้องเขาจะรับรึเปล่านะ รายนั้นไม่เคยรับดื่มค่ะ เหมือนแวะมาดูเฉย ๆ ”
“แบบนั้นยิ่งน่าสนใจค่ะ พี่ถามให้หน่อยบอกว่าจ่ายไม่อั้น ไม่ลิมิตดื่ม” ฉันพูดไปแบบนั้นจนยัยแพรวที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับเบิกตาโต
“ออย นี่แกจริงป่ะเนี่ย ทำไมจู่ ๆ ถึง....”
“ไม่รู้ดิ จู่ ๆ แค่เห็นก็ชอบเลย” ฉันพูดไปแบบนั้นพลางยกแก้วขึ้นดื่มมองไปยังผู้ชายคนนั้นซึ่งตอนนี้ก็ทอดสายตามองมาที่ฉันอยู่
“พี่กานค่ะ แบบนี้แพรวเชียร์ให้พี่เรียกน้องคนนั้นมาให้ยัยออยให้ได้ทีค่ะ แพรวเป็นเพื่อนนางมานาน แพรวไม่เคยเห็นมันถูกใจใครขนาดนี้มาก่อน”
“ฮ่า....ได้..พี่จะลองไปเรียกให้ จะว่าไปตาถึงเหมือนกันนะน้องออย เล่นของยากซะด้วย”
“ไม่ลองไม่รู้ค่ะ”...ฉันยิ้ม จากนั้นพี่กานก็เดินออกไปหาผู้ชายที่ยืนนิ่งอยู่มุมมืดบนเวทีตรงนั้น
Sparkตอนแรกฉันก็กะจะดื่มต่ออีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็โดนน้องเขาลากออกจากร้านอยู่ดี แถมพี่กานยังบอกว่ารอบนี้พี่เลี้ยงเองอีกต่างหากสรุปแล้วมีความสุขแบบไม่เสียเงินสักบาทจริง ๆ“เอากุญแจมา ผมขับให้” เสียงของน้องเวย์เอ่ยมาพลางยื่นมือมาตรงหน้าและฉันก็มอบกุญแจรถให้แต่โดยดี เพราะฉันเมาขนาดนี้คงไม่ขับรถหรอก“คอนโดพี่ อยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ฉันหันไปยิ้มให้คนขับก่อนจะแชร์โลเคชั่นเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ของรถทันที จากนั้นน้องเขาก็ตั้งใจขับรถไม่ได้หันมาสนใจฉันอีก แต่ท่าทีแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันอดมองน้องเขาไม่ได้มันกร้าวใจสุด ๆขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดของฉันตอนแรกน้องเขาจะเดินกลับ แต่เป็นฉันเองที่รั้งแขนของน้องเขาไว้ พลางทำใบหน้าออดอ้อนเท่าที่คนอายุ 27 ปีจะทำได้“ไปส่งพี่ถึงห้องหน่อยสิ พี่เมาอยู่นะ” น้องเวย์ทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงห้องอยู่ดี เพียงฉันเปิดประตู ฉันเขามีท่าทีจะหันหลังกลับ แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะจู่ ๆ หัวใจฉันมันก็เต้นระริกยิ่งกว่าเดิมจนทำเรื่องที่ถ้าไม่เมาก็จะไม่ทำเด็ดขาด อย่างเช่นกระชากดึงตัวน้องเวย์เข้าห้องก่อนจะปิดประตูห้องดัง‘ปัง!!!!’“ทำแบบนี้คือ.....”“อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนห
หัวใจเต้นระริก(หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป)สัปดาห์ที่ผ่านมางานของฉันหนักหนาสาหัสมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่กับยัยแพรวก็ไม่ได้เจอหน้า ทำเอาล้าไปจนเข้ากระดูกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยจนแทบบ้า...กว่าจะเคลียร์คิวจองทำฟันให้เบาบางก็เล่นเอาแทบอยากหนีไปพักสักระยะในขณะที่ฉันกำลังนั่งพักในห้องพักแพทย์ นอนเหยียดตรงบนเตียงทั้งแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ๆ จนสะดุดตาชื่อน้องเขาในไลน์“ตั้งแต่วันนั้นที่ขอไลน์กับเบอร์ไป น้องเขาไม่เห็นจะติดต่อมาบ้างแฮะ หรือว่าฉันควรเป็นฝ่ายทักไปก่อนดี” ฉันพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายดันมือลั่นไปกดส่งอิโมจิหัวใจซะอย่างนั้นโอ๊ย จังหวะนรกสุด ๆ“ลบทันมั้ยนะ แต่ช่างมันเถอะ แค่อิโมจิหัวใจเอง”ฉันวางมือถือลงข้างเตียงพยายามเลิกสนใจมือถือ ก่อนจะหลับตาลงเพียบงีบสักพัก‘Line!!!’ เสียงข้อความตอบกลับดังขึ้น“ไม่จริงมั้ง ฉันเพิ่งจะส่งข้อความไปเอง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูและพบว่าเสียงข้อความที่ดังมาจากน้องเวย์จริง ๆWAY : [อิโมจิ ?]Oi : ขอโทษทีส่งผิดWAY : อ่อ...ฉันนิ่งมองจอสักพัก และมองอยู่แบบนั้น“อะไรกัน ตอบแค่ ‘อ่อ’ จริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมน้องเขาไม่พิมพ์อะไรอีกหน่อยชิส์ น่าห
ตรวจสุขภาพวันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาลแน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คนพวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ
ถูกใจก็จัดพี่กานไปได้ไม่นาน ก็เดินกลับมาคนเดียวดูท่าจะไม่เป็นผลสำเร็จแฮะ เห็นจ้องมองกันขนาดนี้นึกว่าจะยอมมาให้เปย์สักหน่อย ดูท่าฉันคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ“พี่กานทำหน้านิ่งขนาดนี้ ดูท่าไม่เป็นผลสินะคะ ไม่เป็นไรคะ ออยแค่ลองถามดูเฉย ๆ”“ไม่เป็นไรนะแก น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็บริการดี” ยัยแพรวหันมาปลอบใจก่อนที่ เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จะเอาใจฉันต่อเหมือนเดิม“ป่าวหรอกน้องออย น้องเขาตกลงนะ เพียงแต่....”“แต่อะไรคะ ฉันวางแก้วลงก่อนจะจ้องมองพี่กานฟังอย่างตั้งใจ”“เด็กคนนี้ไม่เคยรับใคร เลยบอกว่าถ้าเป็นน้องออยเขายอมแต่ขอนั่งโต๊ะแยกไปสองคน”ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปมอง ผู้ชายคนนั้นบนเวที ซึ่งตอนนี้กำลังกอดอกยืนพิงผนังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ฉันกลับชอบมันดูนิ่ง แบดหลบในดี แถมหล่อถูกใจ“โห...เด็กมันแรงนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยรับใครจริง ๆ พี่กานโกหกเพื่อเรียกค่าตัวรึเปล่าคะ” ยัยแพรวถึงขนาดเบิกตาโต พลางหยอกล้อ พี่กาน“พี่สาบานเลย มันไม่เคยรับใคร หมายถึงน้องคนนั้นนะ นาน ๆ ทีถึงจะโผล่มาร้านนี้ด้วยซ้ำ ว่าไงล่ะคะน้องออยยังสนใจไหม” พี่กานหันมามองฉันเพื่อยืนยันอีกครั้ง“แน่นอนสิคะ เรียกกี่ดื่มก็จัดม
หนีเที่ยวตกเย็นหลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนักสองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเ
ยังโสด [OI PART] ณ.บ้านอันแสนอบอุ่นหลังหนึ่ง “ยัยออยมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกฉันที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงพลางไถ่มือถือเล่น ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง“ค่ะแม่ จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ฉันเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปก่อนจะลงไปด้านล่างทั้งชุดนอนแบบนี้พอมาถึงโต๊ะอาหารทั้งพ่อและแม่ก็นั่งรอฉันอยู่แล้ว“ยัยออย ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยลงมาก่อนละลูก”“ไม่เห็นเป็นไรเลยแม่ เดี๋ยวออยก็ขึ้นไปนอนต่ออยู่ดี”“คุณดูลูกเราสิ ไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดกระโตก กระตากเหมือนคุณไม่มีผิด” แม่ฉันบ่นอีกแล้ว...“ก็ลูกผมไงล่ะ ฮ่า...”“ฮ่า...” ฉันหัวเราะไปกับพ่อฉันในขณะที่แม่ทำหน้าบึ้งวางจานกับข้าวดังปัง“คุณก็เอาแต่ให้ท้ายลูก คุณดูสิ ลูกเราจะเข้าวัยเลขสาม ยังไม่มีแม้แต่แฟน ทำแต่งาน แล้วเมื่อไหร่ลูกเราจะมีคนมาดูแล”“แม่คะ ออยเป็นหมอนะ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแลขนาดนั้นหรอก”“ใช่ ถ้าลูกเราหาสามีไม่ได้ ผมกับคุณก็เลี้ยงลูกไปจนแก่จนเฒ่าไง” ทำไมฉันฟังพูดเหมือนพลังบวกเชิงลบสุด ๆ“พ่อ หนูแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ไม่ใช่ว่าชาตินี้จะไม่มีแฟนซะหน่อยแค่ไม่ใช่ตอนนี้แค่นั้นค่