ตรวจสุขภาพ
วันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาล
แน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คน
พวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะ
เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร
“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ
“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ คงทำเข็ดฟัน ฮ่า”
“อิบ้า ฉันหมายถึงให้แกไปส่องอาจารย์ผู้ชาย ไม่ได้ให้ไปส่องเด็ก” ยัยแพรวหันมาค้อนฉัน
“อ้าวเหรอ แต่ถ้าให้ฉันเลือกละก็ ฉันเลือกเด็กหนุ่มมากกว่านะ ฮ่า...” จริง ๆ ฉันก็แกล้งหยอกไปงั้น ก็ดูสภาพฉันสิ วัยทำงานขนาดนี้ เด็ก ๆ ที่ไหนจะอยากคบเป็นแฟนจริงมั้ยล่ะ
หลังจากที่เราสองคนหาอะไรรองท้องกันเสร็จ ก็กลับไปจัดเตรียมข้อมูลที่จะเริ่มอบรมให้นักศึกษาแพทย์เฉพาะทางของตัวเอง
บุคลิกของฉันกับแพรว แม้ดูจะสะดีดสะดิ้ง แรดนิ่ง ๆ เจ้าชู้หน่อย ๆ แต่พออยู่ในโหมดคุณหมอก็วางตัวดีไม่ได้ทำกิริยาไม่งามนะ เราสองคนรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรควรไม่ควร
อย่างเช่นตอนนี้ที่ฉันกำลังเป็นวิทยากรอยู่นั้น ก็จะสุขุม พูดจาฉะฉาน ใบหน้ายิ้มแย้ม ใครถามมา หรือต้องการคำปรึกษา ก็จะเต็มใจให้ความช่วยเหลือเต็มทีดังนั้น
“ใครมีอะไรสงสัยอีกมั้ยคะ” ฉันที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องประชุมเอ่ยถามนักศึกษาแพทย์คณะทันตแพทยศาสตร์
“ผมครับ” มีนักศึกษาหนุ่มยืนขึ้นถามฉัน
“เชิญค่ะ” ฉันยิ้มรับ
“คุณหมอสุดสวยมีแฟนรึยังครับ” สิ้นคำเสียงนักศึกษาแพทย์ในห้องประชุมก็โฮ่ร้องกันเซ็งแซ่กึกก้อง ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้
“หมอโสดค่ะ” ฉันตอบนักศึกษาไปแบบไม่คิดมา แต่เสียงในห้องประชุมกับร้องดังกันมากขึ้น ทำเอาฉันอดยิ้มร่าไม่ได้ เนี่ยแหละนะชีวิตวัยมหาลัย นึกถึงตอนฉันเรียน ฉันเองก็คึกคักแบบนี้เหมือนกัน
หลังจากการบรรยายผ่านไปได้ด้วยดี ฉันก็กลับมายังห้องพักรับรองที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ ดูเหมือนแพทย์บางท่านจะขอตัวกลับกันก่อน แต่ที่ฉันยังไม่กลับเพราะอยากรอแพรวจึงยังนั่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในห้องนี้
“นานจัง...” ฉันบ่นเพราะเมื่อเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าผ่านไปราวเกือบชั่วโมงได้ จนพบว่ามีข้อความไลน์ส่งมาเมื่อ ครึ่งชั่วโมงก่อน
แพรว : ออย ฉันกลับก่อนนะ พี่เจเดนมารอรับฉันบอกไม่อยากไปเขาก็ลากฉันขึ้นรถเฉย ขอโทษเพื่อน ไว้คุยกัน
“...” ฉันนั่งนิ่งอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมา “แล้วนี่ฉันนั่งรออะไรอยู่” ฉันลุกขึ้นส่ายหัวอย่างเสียอารมณ์ก่อนจะคว้ากระเป๋าของตัวเองเดินออกจากห้องรับรอง
ฉันเดินสัมผัสบรรยากาศยามเย็นในมหาลัย นักศึกษาเบาบางลงไปมาก ไม่ได้พลุ่งพล่านเหมือนช่วงบ่าย
“หูย...กล้ามแน่น ๆ” ฉันที่กำลังเดินผ่านสนามบาสก็ไม่พลาดที่จะมองไปยังเหล่านักศึกษาชายรวมตัวกันเล่นบาส ไม่ใช่แค่ฉันที่มองหรอก เพราะสาว ๆ มหาลัยก็เกาะขอบรั้วตะแกรงเหล็กมองกรี๊ดกร๊าดไม่ต่างกัน พอนึก ๆ ดูแล้วสมัยก่อนฉันก็ทำแบบนี้ พูดแล้วก็ขำตัวเองฮ่า...
ฉันยืนมองอยู่ใต้ต้นไม้ถอยออกมา ยิ่งมองยิ่งเพลิน ถ้าไม่ติดว่าอายุ 27 แล้วเนี่ยคงตะโกนเรียก ‘รุ่นพี่คะ หันมาทางนี้หน่อยค่า’ แน่นอน
“กรี๊ด.........นั่นมันพี่เวย์วิศวะคอมคนหล่อหาตัวจับยากนินา”
“ไหน ๆ เฮ้ยจริงด้วยไม่คิดว่าพี่เวย์จะมาเล่นบาส ข่าวด่วน มึงรีบถ่ายรูปรีบโพสต์เลย”
ฉันที่ได้ยินเสียงสนทนาของเหล่านักศึกษาสาว อวดอ้างสรรพคุณหนุ่มหล่อในมหาวิทยาลัย ก็พานทำให้อยากเห็นขึ้นมา จึงเดินเข้าไปรวมตัวกับสาว ๆ มหาลัยคงเนียนอยู่ล่ะมั้ง เริ่มแรกก็ทำเนียนตีสนิทน้อง ๆ ทำเป็นไม่ได้สนใจคนในสนามมากนัก เมื่อคุยกันจนถูกคอจึงเอ่ยถามพอเป็นพิธี
“ว่าแต่น้อง ๆ คะ คนไหนชื่อน้องเวย์เหรอ พอดีพี่เห็นทุกคนบอกว่าหล่อ”
“คนนั้นค่ะพี่สาว พี่เวย์ วิศวะคอมปี 4 หล่อมากเลยค่ะ” เด็กสาวชี้ไปทางผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังรวมอยู่กับเพื่อน ๆ ข้างสนามบาส ฉันเพ่งสายตามองอย่างพินิจ ก็หล่อสมคำร่ำลือจริง ๆ แค่ยืนรวมกับเพื่อนออร่าก็โดดเด่นออกมามากกว่าใคร รูปร่างก็ดีสุด ๆ แต่......
“ทำไมคุ้นหน้าจังแฮะ” นั่นคือความคิดที่ผุดตามออกมา
‘กรี๊ด.........พี่เขาเดินมาทางนี้ด้วย’
เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ที่เกาะขอบรั้วตะตะแกรงเหล็กดังขึ้นแรงอีกครั้ง ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์ความนึกคิดของตน จวบจนเห็นน้องผู้ชายคนที่กำลังอยู่ในความคิดเดินข้ามสนามบาสมาฝั่งที่พวกเรายืนอยู่
‘ยิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งหล่อจริง ๆ และก็ยิ่งคุ้นตา’
เขายืนอยู่ตรงหน้าสาว ๆ ที่มีรั้วตะแกรงเหล็กกั้นอยู่ (และมันก็ตรงกับที่ฉันยืนอยู่ด้วย) ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้ว่า
ตอนนี้ฉันจึงกอดอกรอดูว่าน้องผู้ชายคนนี้จะทำอะไร หรือแค่มาทำให้หัวใจสาวน้อยเหล่านี้เต้นโครมครามเล่น ๆ เท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้มันคงสำเร็จแล้วล่ะ เพราะน้อง ๆ ผู้หญิงที่เกาะรั้วตะแกรงเหล็กตอนนี้เงียบเฉียบใบหน้าแดงก่ำกันอย่างมิได้นัดหมาย นี่ขนาดน้องผู้ชายไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำนะ
“พี่มาหาผมเหรอ” จากที่ทุกคนเงียบตอนนี้ยิ่งเงียบไปกว่าเดิมเมื่อ แม้แต่ฉันเองที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็ต้องพล้อยเงียบไปด้วย นัยน์ตาคมคายคู่นั้นมองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามองฉันอยู่ จนทำให้เด็กสาวรอบ ๆ สนามบาส ต่างก็มองมาที่ฉันอย่างเคลือบแคลงใจ ว่าเหตุใดหนุ่มหล่อมหาลัยคนนี้ถึงเอ่ยทักพี่สาวต่างวัยราวกับรู้จักกันมาก่อน
“พี่???....” ฉันพูดพลางชี้หน้าตัวเองเพื่อยืนยันคำตอบของเขา
“ใช่..ในนี้มีใครแก่จนผมเรียกพี่ได้บ้างล่ะ” ใช่ค่ะและนั่นคือคำตอบที่ทำให้ฉันแทบหน้าหงาย
“เหอะ...เรียกให้มันดี ๆ หน่อยแล้วเรารู้จักกันรึไงหนุ่มน้อย” แม้หน้าตาจะหล่อปานฟ้า แต่พอเจอเรียกแก่ ก็พานเอาเซ็งได้จริง ๆ นะ
“จำกันไม่ได้แล้วเหรอ เมื่อคืนยัง....” ฉันที่ได้ยินคำว่าเมื่อคืน จู่ ๆ ภาพในบาร์โฮสต์นั้นก็ลอยแว้บเข้ามาในสมอง
“หรือว่านายคือ......” ฉันจ้องมองน้องเขาตาไม่กะพริบ
“ทีนี้จะเดินมาคุยกับผมได้รึยัง” รอยยิ้มมุมปากนั้นแถมยังเอียงคอมองมาอย่างตั้งใจ ทำเอาสาว ๆ ในนั้นรัวชัตเตอร์กันไม่พัก กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ในขณะที่ฉันเริ่มจะกรอกตาบนด้วยความหมั่นไส้
ฉันปลีกตัวออกมาคุยกับน้องเขาที่ม้าหินอ่อนห่างจากคนอื่นๆ พอประมาณ ก็รู้แหละว่าสายตาจำนวนมากของคนรอบสนามจดจ้องมาทางเราทั้งคู่อยู่ แถมเพื่อน ๆ ของน้องเขาในสนามก็มองกันมาอย่างยกใหญ่
ถามว่าฉันอายมั้ย ก็ไม่นะ ดีไม่ดีคนเหล่านั้นอาจกำลังจะคิดว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันซะมากกว่า
“อยากคุยเรื่อง...” ฉันเริ่มเปิดประเด็นก่อนพลางจ้องหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่หลบสายตาใด ๆ
“มาทำอะไรที่นี่...มาตามผม???” แค่คำพูดแรกของชายตรงหน้าเอ่ยออกมา ก็ทำเอาฉันหลุดขำ
“ฮ่า...ตามน้องมาเนี่ยนะถามจริ๊ง...พี่จะตามมาได้ไงคะเมื่อคืนขนาดชื่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“แล้วที่มา มหาลัยผมนี่คืออะไร มาหาเหยื่อเหรอ” ตอนแรกฉันก็ขำอยู่หรอก แต่เมื่อเจอคำพูดที่ดูเหมือนยัดเหยียดให้ฉันเป็นคนร่าน ๆ แล้วเริ่มชักหงุดหงิดแล้วแฮะ
“ไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดกับผู้ใหญ่แล้วรึไง คิดอะไรตื้น ๆ พี่มาทำงานค่ะน้อง...”
“ใครจะรู้ เห็นเอาแต่ยิ้มเรี่ยราดไปทั่วมหาลัย”
“เห็นพี่เหรอ??? …แล้วจะให้พี่ทำหน้าหมาไม่รับประทานเหมือนน้องเหรอคะ”
“...” สิ้นคำที่ฉันพูด ชายตรงหน้าก็กอดอกคิ้วขมวด น้องเขาจะต่อยหน้าฉันรึเปล่าเนี่ย
“ว่าแต่พี่เห็นคนเขาเรียกน้องว่า เวย์ ชื่อเวย์เหรอเราอ่ะ”
“อืม....เวย์”
“ใช้ได้ ชื่อสอดคล้องกับใบหน้าอยู่นะ”
“ยังไง..” ใบหน้าหล่อคมคายจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง ยิ่งมองเข้าไปใน นัยน์ตาคู่นั้นก็ทำเอาใจคนแก่กว่าอย่างฉันสั่นไหวได้นะเนี่ย
“ชื่อดี หน้าก็หล่อ”
“เต๊าะ???”
“ตลอดไป...”
“เหอะ....พูดแบบนี้ไปแล้วกี่คนละ”
“คนแรกจะเชื่อพี่รึเปล่าคะน้อง”
“ใครเชื่อก็โง่แล้ว....” น้ำเสียงน้องเขาหนักแน่นมาก ทำเอาฉันเกือบหลุดขำ
“งั้นก็ลองมาพิสูจน์สิ”
“พิสูจน์???” น้องเขาเลิกคิ้วมองมา ฉันได้ทีก็ยื่นมือถือให้ไป
“แอดไลน์ ให้เบอร์ด้วยยิ่งดี” มือหนาของน้องเขารับไปก่อนจะกดยุกยิกที่มือถือแล้วส่งคืนฉันมา แต่ฉันไม่วางใจหรอกเพราะน้องเขาอาจจะแกล้งใส่เบอร์คนอื่น ไม่ก็เมมเบอร์ปล่อยเงินกู้ตามเสาไฟฟ้าก็ได้ ฉันจึงต้องทดสอบโดยการส่งไลน์ไป ต่อด้วยกดเบอร์โทรออกทันที
‘Line!!!’ ‘เสียงมือถือดังขึ้น’
น้องเขาหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะโชว์มันให้ฉันดูว่านั่นคือมือถือของเขาพลางยกยิ้มมุมปากยิ้มร้าย
Sparkตอนแรกฉันก็กะจะดื่มต่ออีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็โดนน้องเขาลากออกจากร้านอยู่ดี แถมพี่กานยังบอกว่ารอบนี้พี่เลี้ยงเองอีกต่างหากสรุปแล้วมีความสุขแบบไม่เสียเงินสักบาทจริง ๆ“เอากุญแจมา ผมขับให้” เสียงของน้องเวย์เอ่ยมาพลางยื่นมือมาตรงหน้าและฉันก็มอบกุญแจรถให้แต่โดยดี เพราะฉันเมาขนาดนี้คงไม่ขับรถหรอก“คอนโดพี่ อยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ฉันหันไปยิ้มให้คนขับก่อนจะแชร์โลเคชั่นเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ของรถทันที จากนั้นน้องเขาก็ตั้งใจขับรถไม่ได้หันมาสนใจฉันอีก แต่ท่าทีแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันอดมองน้องเขาไม่ได้มันกร้าวใจสุด ๆขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดของฉันตอนแรกน้องเขาจะเดินกลับ แต่เป็นฉันเองที่รั้งแขนของน้องเขาไว้ พลางทำใบหน้าออดอ้อนเท่าที่คนอายุ 27 ปีจะทำได้“ไปส่งพี่ถึงห้องหน่อยสิ พี่เมาอยู่นะ” น้องเวย์ทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงห้องอยู่ดี เพียงฉันเปิดประตู ฉันเขามีท่าทีจะหันหลังกลับ แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะจู่ ๆ หัวใจฉันมันก็เต้นระริกยิ่งกว่าเดิมจนทำเรื่องที่ถ้าไม่เมาก็จะไม่ทำเด็ดขาด อย่างเช่นกระชากดึงตัวน้องเวย์เข้าห้องก่อนจะปิดประตูห้องดัง‘ปัง!!!!’“ทำแบบนี้คือ.....”“อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนห
หัวใจเต้นระริก(หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป)สัปดาห์ที่ผ่านมางานของฉันหนักหนาสาหัสมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่กับยัยแพรวก็ไม่ได้เจอหน้า ทำเอาล้าไปจนเข้ากระดูกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยจนแทบบ้า...กว่าจะเคลียร์คิวจองทำฟันให้เบาบางก็เล่นเอาแทบอยากหนีไปพักสักระยะในขณะที่ฉันกำลังนั่งพักในห้องพักแพทย์ นอนเหยียดตรงบนเตียงทั้งแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ๆ จนสะดุดตาชื่อน้องเขาในไลน์“ตั้งแต่วันนั้นที่ขอไลน์กับเบอร์ไป น้องเขาไม่เห็นจะติดต่อมาบ้างแฮะ หรือว่าฉันควรเป็นฝ่ายทักไปก่อนดี” ฉันพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายดันมือลั่นไปกดส่งอิโมจิหัวใจซะอย่างนั้นโอ๊ย จังหวะนรกสุด ๆ“ลบทันมั้ยนะ แต่ช่างมันเถอะ แค่อิโมจิหัวใจเอง”ฉันวางมือถือลงข้างเตียงพยายามเลิกสนใจมือถือ ก่อนจะหลับตาลงเพียบงีบสักพัก‘Line!!!’ เสียงข้อความตอบกลับดังขึ้น“ไม่จริงมั้ง ฉันเพิ่งจะส่งข้อความไปเอง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูและพบว่าเสียงข้อความที่ดังมาจากน้องเวย์จริง ๆWAY : [อิโมจิ ?]Oi : ขอโทษทีส่งผิดWAY : อ่อ...ฉันนิ่งมองจอสักพัก และมองอยู่แบบนั้น“อะไรกัน ตอบแค่ ‘อ่อ’ จริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมน้องเขาไม่พิมพ์อะไรอีกหน่อยชิส์ น่าห
ตรวจสุขภาพวันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาลแน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คนพวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ
ถูกใจก็จัดพี่กานไปได้ไม่นาน ก็เดินกลับมาคนเดียวดูท่าจะไม่เป็นผลสำเร็จแฮะ เห็นจ้องมองกันขนาดนี้นึกว่าจะยอมมาให้เปย์สักหน่อย ดูท่าฉันคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ“พี่กานทำหน้านิ่งขนาดนี้ ดูท่าไม่เป็นผลสินะคะ ไม่เป็นไรคะ ออยแค่ลองถามดูเฉย ๆ”“ไม่เป็นไรนะแก น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็บริการดี” ยัยแพรวหันมาปลอบใจก่อนที่ เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จะเอาใจฉันต่อเหมือนเดิม“ป่าวหรอกน้องออย น้องเขาตกลงนะ เพียงแต่....”“แต่อะไรคะ ฉันวางแก้วลงก่อนจะจ้องมองพี่กานฟังอย่างตั้งใจ”“เด็กคนนี้ไม่เคยรับใคร เลยบอกว่าถ้าเป็นน้องออยเขายอมแต่ขอนั่งโต๊ะแยกไปสองคน”ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปมอง ผู้ชายคนนั้นบนเวที ซึ่งตอนนี้กำลังกอดอกยืนพิงผนังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ฉันกลับชอบมันดูนิ่ง แบดหลบในดี แถมหล่อถูกใจ“โห...เด็กมันแรงนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยรับใครจริง ๆ พี่กานโกหกเพื่อเรียกค่าตัวรึเปล่าคะ” ยัยแพรวถึงขนาดเบิกตาโต พลางหยอกล้อ พี่กาน“พี่สาบานเลย มันไม่เคยรับใคร หมายถึงน้องคนนั้นนะ นาน ๆ ทีถึงจะโผล่มาร้านนี้ด้วยซ้ำ ว่าไงล่ะคะน้องออยยังสนใจไหม” พี่กานหันมามองฉันเพื่อยืนยันอีกครั้ง“แน่นอนสิคะ เรียกกี่ดื่มก็จัดม
หนีเที่ยวตกเย็นหลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนักสองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเ
ยังโสด [OI PART] ณ.บ้านอันแสนอบอุ่นหลังหนึ่ง “ยัยออยมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกฉันที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงพลางไถ่มือถือเล่น ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง“ค่ะแม่ จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ฉันเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปก่อนจะลงไปด้านล่างทั้งชุดนอนแบบนี้พอมาถึงโต๊ะอาหารทั้งพ่อและแม่ก็นั่งรอฉันอยู่แล้ว“ยัยออย ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยลงมาก่อนละลูก”“ไม่เห็นเป็นไรเลยแม่ เดี๋ยวออยก็ขึ้นไปนอนต่ออยู่ดี”“คุณดูลูกเราสิ ไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดกระโตก กระตากเหมือนคุณไม่มีผิด” แม่ฉันบ่นอีกแล้ว...“ก็ลูกผมไงล่ะ ฮ่า...”“ฮ่า...” ฉันหัวเราะไปกับพ่อฉันในขณะที่แม่ทำหน้าบึ้งวางจานกับข้าวดังปัง“คุณก็เอาแต่ให้ท้ายลูก คุณดูสิ ลูกเราจะเข้าวัยเลขสาม ยังไม่มีแม้แต่แฟน ทำแต่งาน แล้วเมื่อไหร่ลูกเราจะมีคนมาดูแล”“แม่คะ ออยเป็นหมอนะ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแลขนาดนั้นหรอก”“ใช่ ถ้าลูกเราหาสามีไม่ได้ ผมกับคุณก็เลี้ยงลูกไปจนแก่จนเฒ่าไง” ทำไมฉันฟังพูดเหมือนพลังบวกเชิงลบสุด ๆ“พ่อ หนูแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ไม่ใช่ว่าชาตินี้จะไม่มีแฟนซะหน่อยแค่ไม่ใช่ตอนนี้แค่นั้นค่