บทที่ 5
“ก็แค่เปรียบเทียบเฉย ๆ” เส้นด้ายยิ้มแหย ๆ แล้วขยับเก้าอี้เข้าใกล้แล้วก้มลงกระซิบ “แบบ...ถ้าจินมันชอบคนสวย...กูว่าไม่น่าใช่แหละ...เพราะพี่จ๊ะจ๋าไม่สวย” “....” “แล้วแฟนเก่าทุกคนของมันก็ไม่ได้สวยเวอร์เลย ก็แค่ผิวขาวตาโต ไม่จัดว่าสวย แต่ก็พอใช้ได้ ไม่ได้ว้าวขนาดนั้นแต่ที่แน่ ๆ เลยนะ มันชอบผู้หญิงที่ดูมีฐานะหน่อย แล้วก็อายุมากกว่า” “จริง สังเกตจากคนที่มันคบ อายุมากกว่ามันทั้งนั้น แล้วก็เป็นพวกลูกคนมีเงิน กระเป๋าหนักๆ” เสียงของยี่หวาดังแทรกขึ้น พลางวางปากกาลงบนโต๊ะ แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ “แต่ใดๆ ไอมิก็รวยนะ แต่แค่ไม่ได้อวด แถมสวยกว่าเยอะด้วย” “เห็นไหมบอกแล้ว ไอมิสวยกว่าเยอะ หน้าหวานตาโต ผิวก็ขาว ขาวอย่างกับหิมะ…” เส้นด้ายพูดเสริมต่อทันควันด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “แถมบ้านก็มีฐานะในระดับนึงเลย ถึงจะไม่ได้รวยเท่าจินกับพี่จ๊ะจ๋า แต่ก็ถือว่ามึงรวยกว่าพวกกูอ่ะ แต่ทำไมจินถึงไม่มองมึง ทั้งๆ ที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียน กูว่ามึงสวยสุด” เส้นด้ายเอามือลูบคางตัวเองอย่างกำลังวิเคราะห์เจาะลึก “มันผิดพลาดที่ตรงไหน…” เสียงเส้นด้ายลดต่ำลงเล็กน้อย แล้วก็ผุดคำถามใหม่ขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง “หรือเพราะมึงเด็กเกินไป มันชอบแบบที่โตแล้ว จะได้นอนด้วยได้หรือเปล่าวะ?” คำพูดนั้นทำให้โต๊ะของพวกเธอเงียบลงชั่วขณะหนึ่ง สายตาไอมิเอะก้มลงมองมือที่วางอยู่บนตัก สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ปลายนิ้วข้างหนึ่งเริ่มขยับเข้าหากันช้า ๆ อย่างไม่รู้ตัว เธอไม่ได้ตอบ แต่ลมหายใจเบาลงนิดหนึ่ง คล้ายพยายามไม่คิดตาม “ไอมิ กูว่ามึงแจ่มสุดในโรงเรียนแล้วนะ แต่…มึงเป็นพวกอินโทรเวิร์ตจัด ๆ” ยี่หวาเอนตัวมากระซิบข้างหู “ถ้ากูเป็นมึงอ่ะ กูลงประกวดดาวโรงเรียนไปแล้ว” “....” “ทุกคนรู้กันทั้งโรงเรียนว่ามึงสวย มึงน่ารัก แล้วมึงก็ดังมาก ดังแบบไม่ใช่แค่ในโรงเรียนนี้ แต่ลามไปถึงโรงเรียนข้างๆ” “....” “แต่มึงชอบอยู่แบบเงียบ ๆ ไม่ชอบเข้าร่วมกิจกรรม ขี้อายเกินมึงอ่ะ ถ้าเกิดว่ามึงเป็นเด็กกิจกรรมนะ มึงจะกลายเป็นสาวฮอตทันที ป่านนี้มึงคงได้เป็นเน็ตไอดอล ได้เป็นดาวติ๊กต็อก ได้เป็นไอมิรักแมวแล้วมั้ง” ยี่หวาพูดพลางมองไอมิเอะตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างชื่นชม และมันคือเรื่องจริง ไอมิเอะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของสายตาหลายคู่ในโรงเรียน เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองสวย ไม่เคยมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง มองทุกคนสวยหมด ยกเว้นตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่า ยิ่งเวลาตัวเองยิ้มแล้วโลกดูสดใสขึ้นมาทันตา ดูน่ารักและเรียบร้อย ชวนให้คนมองรู้สึกใจเต้น ไอมิเอะมักจะเดินคนเดียวเสมอ เธอไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ชอบออกงาน ไม่ยุ่งกับใคร และไม่เคยทำตัวเด่นในห้องเรียน ทุกครั้งที่มีเสียงเมาท์หรือแอบมองจากคนรอบข้าง เธอกลับไม่ได้สังเกตอะไรเลย เพราะเธอไม่สนใจ ถึงไอมิเอะจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม ไม่เล่นโซเชียล ไม่เคยอัปสตอรี่ ไม่เคยโพสต์รูป ไม่เคยแชร์ชีวิตประจำวันเหมือนคนอื่น เฟซบุ๊กมีไว้แค่ส่งงานให้อาจารย์ แถมยังไม่ใช้ชื่อตัวเอง รูปโปรไฟล์ก็แค่การ์ตูนผู้หญิงญี่ปุ่นใส่ชุดนักเรียน ไม่มีใครแท็กเธอได้ ไม่มีใครตามตัวเธอทัน ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนนอกจากเจอตัวจริง สำหรับโลกโซเชียล ไอมิเอะคือคนที่แทบไม่มีตัวตน แต่สำหรับโลกจริง เธอคือตำนานเงียบของโรงเรียน แต่ถึงจะไม่มีตัวตนในโลกออนไลน์ ชื่อของไอมิเอะก็ยังถูกพูดถึงแทบทุกมุมในโรงเรียน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชาย เธอคือเทพธิดาของโรงเรียนนี้ เทพธิดา ที่หนุ่มๆ ทั้งโรงเรียน อยากได้เป็นแฟน และอยากมีเพศสัมพันธ์ด้วย เป็นผู้หญิงที่แค่เดินผ่านเฉยๆ ก็ทำให้ทั้งโรงอาหารเงียบกริบ ผู้ชายทุกคนหยุดหายใจ ทั้งผิวขาวจัดจนแทบสะท้อนแสง ผิวขาวโดยไม่ได้ขาวเพราะบำรุงอะไรเป็นพิเศษ แต่ขาวจัดแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ตาโตหวานดูใสซื่อจนน่าปกป้อง ปากเล็กแต่อวบอิ่มสีแดงธรรมชาติตลอดเวลา ผมยาวตรงแบบธรรมชาติ ไม่เคยย้อม ไม่เคยดัด และเธอเอวเล็กแค่สิบแปดนิ้วเอง เธอเรียบง่ายแต่ดูแพง ท่าทางนิ่งๆ แบบคนไม่ยุ่งกับใครก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้น่าค้นหา ในหมู่ผู้ชาย ผู้ชายหลายคนจำตารางเดินของเธอได้ แม้ไม่กล้าทัก เธอคือเป้าหมายลับของใครหลายคน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน ไปจนถึงรุ่นน้อง มีแต่คนถามถึงเธอ มีแต่คนอยากรู้จัก แต่ไม่มีใครกล้าทัก เพราะเธอดูอยู่สูงเกินเอื้อม พวกผู้ชายรุ่นน้องหลายคนแอบถามชื่อ ถามนิสัยเวลาเจอเพื่อนในห้องเรียนเดียวกับไอมิเอะ แต่เจ้าตัว กลับเดินตรงไปข้างหน้า ไม่มองซ้ายขวา ไม่เคยสังเกต ไม่เคยสนใจว่าใครจะมองเธออยู่ ส่วนในหมู่ผู้หญิงก็เช่นกัน แม้จะไม่มีใครพูดตรงๆ แต่ก็มีหลายคนที่พยายามเลียนแบบไอมิเอะ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ผมยาวตรงแบบธรรมชาติ การใช้กระเป๋าสะพายแบบเดียวกัน รองเท้าแบบเดียวกัน หรือแม้แต่กลิ่นแป้งหอมอ่อนๆ ที่ไอมิเอะใช้ พวกผู้หญิงเรียนรู้จากการสังเกตล้วนๆ เพราะไอมิเอะไม่เคยบอกใครว่าใช้ของอะไร เธอเป็นแรงบันดาลใจแบบเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว และไม่เคยรับรู้เลย เพราะในสายตาของไอมิเอะ เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่แค่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ได้อยากให้ใครสนใจ และไม่รู้เลยว่าทั้งโรงเรียนจับตามองเธออยู่เสมอ “ขนาดไม่ร่วมกิจกรรม ยังฮอตจนพวกเด็กผู้ชายรุ่นน้อง ม.4 ม.5 ถามถึงมันกันทุกคน วันนั้นกูลืมเล่าให้มึงฟัง พวกกูไปซื้อชาเขียวปั่นที่หน้าโรงเรียน แล้วพวกเด็กผู้ชาย ม.5 ห้องกิ๊ฟถามพวกกูว่า พี่ไอมิเขาเป็นคนยังไงเหรอ ทำไมเจอกี่ทีพี่เขาไม่ค่อยพูด เวลาเดินไปไหนพี่เขาก็จะมองข้างหน้าอย่างเดียว ไม่คุยกับใครเลย” “....” “กูก็เลยตอบพวกรุ่นน้องไปว่ามึงเป็นพวกอินโทรเวิร์ตจัด ๆ แล้วก็บอกไปว่าพี่ไอมิแค่เป็นคนเงียบๆ เฉย ๆ ไม่ได้หยิ่ง เจอก็ทักได้ มันไม่กัด แต่มันจะตอบไหม ก็อีกเรื่อง” “....” “พูดตามตรงเลยนะ กูเสียดายเบ้าหน้ามึงมาก เบ้าหน้าคือฟ้าประทานมากอ่ะ หน้าอย่างกับวอนยอง กูพูดได้เต็มปากเลยว่ามึงคือวอนยองเมืองไทย แต่มึงชอบอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกมาเจอสังคมให้คนอื่นเขาได้เห็นหน้ามึงบ้าง” เส้นด้ายเอ่ย “อีกอย่างนะ กูว่าถ้ามึงหัดยิ้มหน่อย มึงฆ่าผู้ชายทั้งโรงเรียนได้เลยนะ เวลามึงยิ้มแล้วโลกดูสดใสขึ้นมาเลย” “จริง เหมือนพวกรุ่นน้องมันจะชอบมึงนะ แต่คือมึงนิ่งมากอ่ะ มึงนิ่งแบบ…นิ่งจนไม่มีใครกล้าเดินเข้าหา นิ่งจนไม่มีใครกล้าทัก” ยี่หวาพยักหน้ารัวๆ เห็นด้วยสุดใจ “แล้วนี่จะขึ้นมหาลัยฯ แล้วนะ มึงควรออกจากหลุมดำได้ละป่ะ? ทำตัวนอกกรอบบ้างก็ได้ ออกมาเจอโลกภายนอกบ้าง จะได้ทันคน มีภูมิคุ้มกันตอนเข้ามหาลัยฯ ในมหาวิทยาลัยมึงจะเจอคนร้อยพ่อพันแม่ อะไรที่มึงไม่เคยเจอ มึงก็จะเจอ” “....” “ดูดิ เฟซบุ๊กก็ไม่ลงรูปตัวเอง ลงแต่รูปการ์ตูน แถมชื่อเฟซก็ไม่ใช่ชื่อจริงอีก คือมึงจะทำตัวลึกลับขนาดนั้นไปเพื่อไร?” “จริง งง” ยี่หวาแทรกอีกประโยค “พวกกูจะติดต่อมึงแต่ละทีคือยากมาก คือต้องโทรเข้าเบอร์แม่หรือพ่อมึงเท่านั้น ถึงจะติดต่อมึงได้ คือแบบ…ใครเขายังทำแบบนี้อยู่วะ เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ยุคพ่อกับแม่รับโทรศัพท์แล้ว” “ถ้าอาจารย์ไม่ให้ส่งงานผ่านเฟซ กูว่ามึงคงไม่มีบัญชีเฟซบุ๊กเลยด้วยซ้ำ” “....” ไอมิเอะยังคงนั่งเงียบ เธอวางมือประสานกันไว้บนตัก ช้อนสายตามองไปนอกหน้าต่างอย่างเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มเบา “เราเล่นไม่เป็น ไม่รู้จะเล่นยังไง แล้วก็เล่นไป อัปรูปก็ไม่รู้ว่าจะมีคนไลก์รูปให้รึเปล่า ถ้าเราจะเล่น เราต้องมั่นใจว่าคนไลก์ต้องมีไม่ต่ำกว่าห้าร้อย ถ้ามีแค่เพื่อนในห้อง เราก็ไม่เล่นดีกว่า” “ก็มึงไม่ขึ้นรูปตัวเอง ชื่อเฟซก็ใช้ชื่ออะไรก็ไม่รู้ แล้วใครจะรู้ว่าเป็นเฟซมึง?” “จริง มึงคะ คือมึงไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามึงอ่ะดังมาก คนพูดถึงมึงเยอะมาก แต่มึงอ่ะไม่สนใจใครเลย มึงก็เลยคิดว่าไม่มีใครรู้จักมึง แต่คือทุกคนเขารู้จักมึงค่ะ ถ้ามึงลงรูปตัวเองสักนิด กูว่าห้าร้อยไลก์ มึงได้ไม่กี่หนึ่งนาที ระดับมึงอาจได้เกือบหมื่นไลก์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง” “ใช่ คนพูดถึงมึงเยอะมากกก พี่แถวบ้านที่ขึ้นรถรับส่งคันเดียวกันกับกูยังพูดถึงมึงเลย แต่เพราะมึงไม่สนใจใคร มึงก็เลยคิดว่าไม่มีใครรู้จักมึง มึงลองเปิดเฟซเป็นสาธารณะ แล้วอัปรูปตัวเองดูสักรูป แล้วมึงจะรู้ว่ามึงดังมาก กูว่าไม่ถึงห้านาที คนน่าจะแอดเฟซมึงมาเกือบพัน” “มึงไม่สังเกตเหรอวันนั้นอ่ะ อีห้องแปดแม่งทักมึงว่า ไอมิไปไหน แต่คือมึงทำหน้างงใส่มัน มึงไม่รู้จักมัน ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่มันรู้จักมึง เพราะว่ามึงดังไง แต่มึงไม่รู้ตัวเพราะว่ามึงอยู่ในสนามของตัวเองไง อยู่เงียบ ๆ เดินคนเดียว ไม่ยุ่งกับใครเลย เลยไม่รู้ว่ามีคนมองมึงเพียบ” “เราเนี่ยนะดัง เราดังเรื่องอะไร ดังในด้านที่ดีหรือไม่ดี” “โอ๊ยสาว ก็ต้องดีสิ มึงไม่เคยทำตัวแรง ไม่เคยแย่งผัวใคร จะดังในด้านที่ไม่ดีได้ไง ที่มึงดัง เพราะมึงเป็นลูกครึ่งคนเดียวในโรงเรียน แล้วก็ดังเพราะสวยสุดในโรงเรียน เก็ทยัง? ทีนี้จะรู้ตัวได้ยังว่าตัวเองสวยแล้วก็ดังมากขนาดไหน” “อีกอย่างนะ มึงต้องออกมาจากหลุมดำบ้าง มึงควรหัดแต่งตัวให้มันดูเป็นสาวขึ้นมาหน่อยได้แล้วนะ แบบให้มันคล้าย ๆ พี่จ๊ะจ๋านิดนึงอ่ะ ไม่ใช่เอาแต่แต่งตัวเหมือนเด็กกะโปโล มึงดูเด็กเกินไปอ่ะ มึงต้องหัดแต่งตัวให้ดูเป็นสาวมากกว่านี้ มึงชอบแต่งตัวเหมือนเด็กประถมอ่ะ ทั้งที่กำลังจะเข้ามหาลัย” “พูดถูกใจกูมาก คือแบบ มึงสวยขนาดนี้ แต่แต่งตัวไม่เป็น บ้านมึงก็มีตังค์นะ บ้านหลังใหญ่กว่าพวกกูอีก สามารถซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ได้เป็นพันๆ ชุด แต่ไม่ยอมซื้อ ใส่แต่เสื้อผ้าตัวเดิมๆ กูบอกเลยเสียดายหุ่น เสียดายเบ้าหน้า ถ้ากูเป็นมึงนะ กูจะแต่งตัวให้ผู้ชายมองตามทั้งจังหวัดเลย” “....” “ผิวก็ขาว ตาก็โต หน้าก็หวาน ตัวก็เล็ก นมก็ใหญ่ พอรวม ๆ กันแล้วคือโคตรน่ารัก โคตรน่าเอา แต่ทำไมถึงไม่รู้ตัวเองสักที ทำไมต้องแต่งตัวเหมือนเด็กกะโปโลทุกวัน?” “จริง แฮชแท็ก ไอมิจะเป็นสาวได้ยัง” “วันไหนมึงลุกขึ้นมาแต่งหน้านิด แต่งตัวหน่อยนะ กูว่าแม่งมีคนตามจีบยาวเป็นแถวแน่” ยี่หวาพูดจบก็กอดแขนไอมิเอะแน่น ๆ ไอมิเอะได้แต่ยิ้มบาง ๆ ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรเหมือนเดิม แต่อะไรบางอย่างในแววตาเธอกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนไป เธอเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จากที่มองว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่เพอร์เฟกต์ ตอนนี้เริ่มรู้ตัวเองบ้างแล้วนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น “เราแต่งตัวแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ เราไม่ชอบแต่งตัวเซ็กซี่” ไอมิเอะพูดเสียงเบา พลางดึงกระโปรงลายสก็อตสีแดงของตัวเองลงเล็กน้อย ทั้งที่มันก็อยู่ในระดับพอดีตามระเบียบโรงเรียน เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวที่รีดเรียบจนไม่มีรอยยับ ผูกเนกไทลายเดียวกับกระโปรง ดูสุภาพ เรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นแบบฉบับนักเรียนหญิงที่ดีไม่มีที่ติ “มึงก็ซื่อบื้อเกิน กูไม่ได้หมายถึงชุดนักเรียน กูหมายถึงชุดไปรเวท ชุดที่ใส่ออกนอกบ้านที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน แล้วกูก็ไม่ได้จะให้แต่งเซ็กซี่ แต่ให้” เส้นด้ายกำลังเถียงกลับ แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมากลางบทสนทนา “อาจารย์สั่งงานแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำแต่ติดจะเย็นชาของจินดังขึ้น เรียกความสนใจจากทุกคนในกลุ่ม จินเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหลัง แถวเดียวกับเส้นด้าย แต่ห่างจากไอมิเอะเพียงแค่พนักพิงโต๊ะหนึ่งแผ่นเท่านั้น กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ ลอยมากระทบจมูกไอมิเอะชั่วขณะ แต่เธอก็ทำทีเป็นก้มหน้าอ่านชีทในมือ โต๊ะของแก๊งจินจะอยู่ด้านหลังสุด ติดริมหน้าต่างพอดี เป็นฝั่งเดียวกับไอมิเอะ แต่ไอมิเอะจะนั่งแถวหน้าสุด ติดกับโต๊ะครู โดยที่ไอมิเอะอยู่ติดหน้าต่าง ตรงกลางจะเป็นยี่หวา ตรงติดกับทางเดินจะเป็นเส้นด้าย ส่วนทิศเหนือนั่งเยื้องไปข้างหลังของยี่หวา และไตเติลนั่งติดด้านหลังไอมิเอะ แถวเดียวกับไอมิเอะ ส่วนจินนั่งด้านหลังเส้นด้าย ติดกับทางเดิน เพราะลุกบ่อยสุด มาสายสุด จึงเลือกนั่งตำแหน่งที่เดินออกไปง่ายสุด จินนั่งไขว่ห้าง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือข้างหนึ่งควงปากกาเล่นนิ่ง ๆ พลางเหลือบสายตามองไอมิเอะอย่างแนบเนียน เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เขามอง แต่พอไอมิเอะรู้สึกได้ว่าใครบางคนกำลังจ้อง เธอก็ก้มหน้าลงมากขึ้นกว่าเดิมอีก “กว่าจะมาได้นะมึง” ทิศเหนือเอ่ยท้วงเสียงเบา พลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออย่างประชด แต่จินก็แค่เลิกคิ้วข้างขวาขึ้นอย่างเฉยชา แล้วหันสายตามาทางไอมิเอะที่นั่งอยู่แถวหน้าโดยไม่พูดอะไร เขาเอนหลังกับพนักเก้าอี้ สายตาค่อย ๆ ไหลจากกลุ่มผมยาวตรงของเธอ ไล่ลงมาถึงต้นคอ และแผ่นหลังบางที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูเรียบง่าย แต่กลับขับให้เธอดูบริสุทธิ์เกินกว่าจะอยู่ในห้องเรียนเสียงดังวุ่นวายแบบนี้ ดวงตาคมคายของจินขยับไปอย่างช้า ๆ ผ่านแนวโค้งช่วงเอวคอดกิ่วของไอมิเอะ ที่ถึงจะถูกปกปิดไว้ด้วยชุดนักเรียนธรรมดา แต่กลับดูมีเสน่ห์บางอย่างที่กระตุ้นสายตาแบบไม่ต้องพยายาม จินไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีคำพูด ไม่มีแววตาที่อ่านง่าย เขาแค่มอง แต่เป็นการมองที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่าที่อยากจะตะครุบเหยื่อ เขามองเธอเหมือนมองเหยื่อชั้นดีที่ถูกวางตรงหน้า สายตาเงียบ ๆ คู่นั้นไม่ได้พูดอะไร แต่กลับดังกว่าคำพูดหลายเท่า มันคือการมองที่ทำให้คนถูกมอง แอบรู้สึกว่าเหมือนถูกเปลื้องผ้า เหมือนถูกลวนลามทางสายตา ทั้งที่เขายังไม่ขยับแม้แต่ปลายนิ้ว ความรู้สึกมันบอกเธอแบบนั้น บอกว่าเขากำลังมองเธอเหมือนอยากได้ อยากขย้ำเธอ อยากฉีกเสื้อผ้าเธอ แต่เธอไม่กล้าแน่ใจ ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่า อาจเป็นเพราะเธอแอบชอบจินมากเกินไป จนจินตนาการไปเองว่าเขากำลังลวนลามเธอด้วยสายตา เธอจึงสะบัดหน้าเบา ๆ ไปมา พยายามสลัดความคิดแบบนั้นทิ้ง “กูไม่ได้ให้แต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนั้น” เส้นด้ายเริ่มพูดต่อ “แต่ก็ช่วยแต่งตัวให้ดูเป็นแบบสาวฮอตอะไรแบบนี้หน่อย ไม่ใช่แบบแต่งตัวเหมือนเด็กประถม อะไรก็ไม่รู้” “....” “มึงชอบแต่งตัวแบบใส่เสื้อสีชมพู สีฟ้า สีขาว เป็นรูปเฮลโลคิตตี้ เป็นรูปเซเลอร์มูน เป็นลายน่ารัก ๆ แบบ เอ่อ…มึงจะแต่งตัวโลกสวยเกินไปไหม มึงต้องหัดแต่งตัวแบบเหมือนพี่คนนั้นที่กูบอก” เส้นด้ายลดเสียงลงในช่วงท้าย เหลือบมองจินอย่างระแวง กลัวว่าจินจะได้ยิน “ที่แบบใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำอะไรพวกเนี่ย มึงนมใหญ่ขนาดนี้ มึงควรหัดใส่เสื้อกล้ามออกข้างนอกบ้าง เพื่อเรียกเสน่ห์ให้ตัวเอง มึงเข้าใจปะ เพื่อให้ผู้ชายหันมามอง ผู้ชายจะได้เข้ามาจีบมึง รวมถึง…” เส้นด้ายหยุดไว้แค่นั้น แต่เหลือบตาไปทางจิน ทำให้ไอมิเอะและยี่หวาเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบาย “เออ กูอะไม่เคยเห็นมึงมีแฟนเลย ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา กูอยากให้มึงมีแฟนบ้าง” ยี่หวาเสริมขึ้นมา ขณะที่เสียงเพื่อนรอบตัวดังแข่งกัน จินกลับยังคงนิ่งอยู่ในตำแหน่งเดิม ดวงตาของเขายังไม่ได้ละจากไอมิเอะ ที่ในสายตาของคนอื่นอาจดูเป็นเด็กเรียบร้อยโลกสวย แต่ในสายตาเขา กลับเหมือนของลับที่ยังไม่มีใครกล้าจับต้อง และจินก็ยังคงไม่พูดอะไร แค่มองต่อไป มองเงียบๆ แต่น่ากลัว พร้อมกับคิดภาพเคลื่อนไหวสิบแปดบวก จินตนาการในหัวว่ากำลังจับไอมิเอะกดร่างลง กดหน้าแนบโต๊ะเรียน แล้วฉีกเสื้อนักเรียนจนขาดวิ่น ตามด้วยถลกกระโปรงนักเรียนลายสก็อตขึ้นเหนือเอวคอด จากนั้นก็ใช้มือตีบั้นท้ายขาวๆ จนแดงฉานด้วยรอยนิ้วมือ นิ้วยาวแหวกขอบแพนตี้ออกไปกองด้านข้าง แล้วใช้นิ้วกลางลูบไล้กลีบสวยจากด้านหลัง ค่อยๆ กดนิ้วกลางลงไปในรูขาวๆ ตามด้วยหยดน้ำลายสีใสลงไป ลูบไล้น้ำลายทั่วกายสาว แล้วขยับนิ้วเข้าออก นิ้วโป้งก็ลูบไล้ติ่งเกสรไปด้วย จากนั้นน้ำหวานสีใสก็ไหลเยิ้มออกมาจากรูคับแคบ แฉะชื้นไปทั่วกายสาว มือหนาอีกข้างก็จับแก่นกาย ลูบขึ้นลงเพื่อเตรียมความพร้อม มืออีกข้างก็ถอนออกมาจากรูคับแคบ จากนั้นก็แทงแก่นกายขนาดใหญ่เท่าท่อนแขนของตัวเอง เข้าไปในรูคับแคบ ตามด้วยมือซ้ายกระชากเส้นผมของไอมิเอะขึ้นมา จนใบหน้าหวานแหงนขึ้นมาตามแรงดึง มืออีกข้างก็จับเอวคอดกิ่ว กดเอวคอดแนบกับโต๊ะเอาไว้แน่น กดไม่ให้ดิ้นหนี ตามด้วยกระแทกเข้าใส่เยี่ยงสัตว์ป่า กระแทกจนอวัยวะเพศฉีกขาด กระแทกจนเลือดไหลนอง กระแทกจนมดลูกอักเสบ กระแทกจนกระดูกซี่โครงร้าว กระแทกจนไอมิเอะต้องพนมไหว้ร้องขอชีวิต กระแทกเสมือนว่าโกรธแค้นอวัยวะเพศของไอมิเอะมาหลายภพมาหลายชาติ กระแทกสุดโคน ตอกเข้าลึกที่สุด ตอกย้ำๆ เหมือนปีศาจคลั่งเซ็กซ์คลุ้มคลั่ง ความซาดิสม์รุนแรงทุกอย่างที่สะสมมาตลอดหลายชาติภพ เอามาลงที่ไอมิเอะคนเดียวบทที่ 40“….” ไอมิเอะกัดปากเบา ๆ ใบหน้าก็ร้อนวูบอย่างหนัก (ควxดีใช่มั้ย? ไม่มีหนังหุ้มปลาย ขลิบตั้งแต่เด็ก)“....พูดบ้าอะไรเนี่ย” ไอมิเอะก็อมยิ้มมุมปากด้วยความเขินเป็นอย่างมาก(อยากดูดมั้ย?)“....” หัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง จนเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองสั่น มือข้างหนึ่งก็เผลอกดแน่นกับหน้าท้องแบนราบด้วยความวูบวาบร้อนวูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธออยากพูดว่า ‘อยาก‘ ออกไปแทบบ้า แต่ก็ได้แค่กลืนคำนั้นลงคอ เพราะกลัวจะดูใจง่ายเกินไป(เห็นแล้วอยากโดนเยxบ้างมั้ย?)“...ไม่”(ไม่...เลยเหรอ?)“....”(เดี๋ยวก็รู้)“....”(จะไม่ส่งมาจริงเหรอ แบบนี้กูเป็นฝ่ายเสียเปรียบนะ)“...เดี๋ยวค่อยดูทีเดียว”(จะให้ดูตอนไหน) จินก็ตอบกลับทันควันอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย“…วันเกิดแกไง” เสียงเธอแผ่วราวกระซิบ ใบหน้าก็ร้อนเห่อแดงขึ้นอีกจนต้องซุกหน้าลงกับหมอน จินได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ(จะให้ดูจริงเหรอ?)“...อืม”(ไม่ใช่ว่าหลอกให้ดีใจ แล้วสุดท้ายไม่ให้ดูนะ)“...เราเป็นคนรักษาคำพูด”(จะเชื่อ แล้วทำไมถึงยอมให้ดู ปกติไม่ให้)“...ก็...วันเกิดแกหนิ” (อยากให้ถึงวันเกิดเร็ว ๆ แต่ถ้าต้องรอถึงวันนั้น ขอมา
บทที่ 39(น้องฟังนะ รวยจนมันไม่ใช่ปัญหาเลยเว้ย คนแม่งไม่ได้รักกันเพราะมีเงินพอ ๆ กัน หรือฐานะเท่ากันหรอก คนมันรักกันเพราะรู้สึกดีต่อกัน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แค่นั้นเลย แล้วที่บอกว่าเขาหล่อ หล่อแล้วไงวะ? หล่อก็ยังเป็นคน หล่อก็ยังเจ็บได้ถ้าโดนทิ้ง หล่อก็ยังร้องไห้เป็นถ้าคนที่เขารู้สึกด้วยไปมีคนอื่น แล้วเรื่องฐานะ ถ้าผู้ชายเขารู้ว่าเรามีแผล มีปม มีเรื่องไม่มั่นใจ แล้วเขายังอยากอยู่ ยังรับเราได้ แล้วเราก็โอเคกับเขา แค่นั้นมันก็พอแล้ว มันก็ไม่มีอะไรผิด มันคือเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่เรื่องของบัญชีธนาคาร)“....”(ฐานะไม่เท่ากันไม่เป็นไรเลยเว้ย ถ้าน้องมั่นใจว่าน้องไม่ได้ชอบเขาเพราะเงิน น้องควรภูมิใจด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่มีอะมันโคตรจริง แล้วถ้าน้องก็รู้ว่าเขารู้สึกเหมือนกันแล้วจะถอยทำไมวะ? ถ้าน้องถอยตอนนี้ น้องไม่ได้ปกป้องใจตัวเองนะ แต่น้องกำลังหักอกตัวเองแบบเงียบ ๆ เชื่อพี่คนเราไม่ได้เจ็บเพราะเขาไม่รักหรอก เราเจ็บเพราะเราไม่กล้ารักให้สุดต่างหาก)“....”(ลูกพีช คนที่เราชอบ แล้วเขาก็ดันรู้สึกกับเรากลับแบบนี้ มันไม่ได้เจอบ่อย ๆ นะ น้องยังไม่ต้องรีบบอกก็ได้ ไม่ต้องฝืนใจตัวเอง แต่ขออย่างเดียว อย่าหน
บทที่ 38“แฟนมาส่งเหรอ” เสียงคุณพ่อเอ่ยทันทีที่รถของจินแล่นออกจากหน้าบ้าน“…ไม่ใช่ค่ะ” ทำเอาไอมิเอะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบเบา ๆ “แน่ใจ?” สายตาผู้เป็นพ่อก็จ้องเธอเขม็งพลางหรี่ตาลงนิดหนึ่ง “…ค่ะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ เสียงแทบไม่หลุดจากลำคอ“ไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไง?”“....” คำถามแทงใจดำนั้นทำเอาไอมิเอะชะงักอีกครั้งพลางดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย “รู้จักเพราะว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียนค่ะ...แล้วจินก็เป็นหลานชายของเจ้าของโรงเรียน”“....”“พ…พ่อรู้จักจินเหรอคะ?”“รู้ ใครจะไม่รู้จัก นามสกุลใหญ่ขนาดนั้น”“....”“มันเป็นลูกชายนักการเมืองดัง พ่อมันเป็นรองนายกฯ ของไทย สมัยหน้าก็พ่อมันนั่นแหละที่มีเปอร์เซ็นต์สูงจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี”“....”“ตอนพ่อได้งานก่อสร้างถนนหลวง ก็พ่อมันเป็นคนช่วย พ่อมันล็อบบี้ให้ เป็นคนดันพ่อให้ชนะงานประมูลสร้างถนนของหลวงตลอด งานล่าสุดก็งบร้อยล้าน พ่อมันเอาไปห้าสิบล้าน พ่อได้สิบล้าน ที่เหลือก็ลงกับถนนจริงๆ โครงการหลวงพวกนี้ ไม่มีคำว่าโปร่งใส เงินแบ่งกันเสร็จตั้งแต่ก่อนประมูล”“....”“พ่อทำงานกับพ่อมันมาเกือบยี่สิบปี”เธอได้ยินแล้วก็เหมือนมีความหวังสว่างวาบขึ้นมาวูบหนึ่งใ
บทที่ 37“หึ” เมย์หลุดหัวเราะออกมาทันที เสียงนั้นแหลมสูงและเย็นชา หล่อนสะบัดผมแรง ๆ ก่อนจะเชิดหน้าใส่เส้นด้ายและไอมิเอะอย่างเหยียดหยามในขณะที่ฟ้ายังร้องโอดโอย แต่แก๊งเพื่อนของเธอกลับยืนหัวเราะลั่นเหมือนกำลังดูโชว์ตลก ท่าทีของพวกเธอทุกคน ชัดเจนว่าไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของคำว่าสำนึก พวกเธอยังคงยืนเด่นกลางอัฒจันทร์ อย่างไม่กลัวใครระหว่างที่สองฝ่ายยังคงถกเถียงกันเสียงดัง หน้าตึงคิ้วขมวดแทบจะตบกันกลางลานกีฬา “แสบมากมั้ย?” จินก็ประคองมือข้างที่โดนน้ำร้อนของไอมิเอะขึ้นมาอย่างเบามือ “....” ไอมิเอะก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาสั่นไหวด้วยความเจ็บแต่ยังฝืนยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงบอกว่าแสบมากเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองตาเขานาน ๆ เพราะแววตาของเขาในตอนนี้ ทั้งจริงจัง ทั้งดุดัน และลึกซึ้ง จนหัวใจเธอสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่จินปรายตามองแผลของเธอด้วยสายตาขรึมจัด สีหน้าของเขากร้าวอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ กรามเขาขบแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความเป็นห่วงที่ปะปนกันอย่างชัดเจนเขาไม่พูดอะไรอีก แค่เอื้อมมือโอบไหล่เธอเบา ๆ แล้วพาเดินฝ่าฝูงคนออกมา ไม่มีแม้แต่จะเหลือบตาไปมองพวกแก๊งผีเสื้อสมุทรที่ยังคงยื
บทที่ 36นิ่งไปชั่ววูบ เหมือนสมองหยุดประมวลผลชั่วขณะ“…เมื่อคืน…แกวางสายเร็วมากเลย” ไอมิเอะเลือกที่จะเบี่ยงประเด็น แทนที่จะตอบคำถามตรง ๆเธอไม่แตะเรื่องวันเกิด ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเรื่องโกหก แค่โยนคำพูดออกไปหวังจะเปลี่ยนเรื่อง เพราะเธอไม่อยากเปิดประเด็น ยังไม่อยากเผชิญหน้าตอนนี้“รีบไปไหนเหรอ?”“หึ ก็เห็นบอกว่าน้องจะนอนแล้ว กูไม่อยากรบกวน เลยรีบวาง” จินหัวเราะในลำคอหนาออกมาเบาๆ โดยน้ำเสียงยังคงเรียบ แต่แววตาไม่เรียบเลยจริง ๆ แล้ว เมื่อคืนเขาขอรูปโป๊ของเธอ เพราะเขาต้องการเอารูปเธอไปชัก ทั้งคืนเขาไม่ได้ยุ่งกับใครเลย ไม่ใช่เพราะไม่มีใครให้ยุ่งแต่เพราะเมื่อคืนเขาต้องการเธอคนเดียว เขาไม่ได้อยากคุยอะไรมากมาย ไม่ได้อยากฟังเสียงขนาดนั้น เขาแค่อยากปลดปล่อย และเขารอดูรูปของเธอทั้งคืน แต่เธอก็ไม่ส่ง เขาก็รอว่าเธอจะง้อ จะโทรกลับไหม สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยทั้งที่ทุกคืนเขาไม่เคยขาดผู้หญิง เขาต้องมีผู้หญิงมาช่วยปลดปล่อยทุกคืน แต่เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ปลดปล่อย เมื่อคืนเขาเหมือนหมาตัวหนึ่งที่ถูกเจ้าของของมันปล่อยให้รอ จินไม่ชินกับการต้องรอใคร และเมื่อคืนคือครั้งแรกที่เขาไม่ได้อะไ
บทที่ 35เสียงลมหายใจของเธอสลับกับเสียงเข็มนาฬิกาในห้องแต่ไม่มีสิ่งไหนกล่อมเธอให้หลับได้เลย เธอพลิกตัวไปมาอยู่หลายครั้ง ท่ามกลางความมืดและอุณหภูมิแอร์เย็นสบาย แต่ร่างกายกลับร้อนรุ่ม ราวกับอารมณ์บางอย่างกำลังซึมเข้ามาในผิวหนังอย่างเงียบงันภาพสีหน้า น้ำเสียง ท่าทางของจิน ยังวนเวียนอยู่ในหัวแม้แต่ประโยคหยาบ ๆ ที่เขาพูด ยังทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาได้ในความมืดไอมิเอะลืมตาขึ้นในความมืด สายตามองไปยังอีกฟากของเตียง เห็นน้องชายของเธอนอนหลับสนิท ขดอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัว เธอก็ค่อย ๆ ขยับตัว ลุกขึ้นจากเตียงช้า ๆ อย่างเบาที่สุดเธอหยิบโทรศัพท์มาด้วย ขณะเดียวกันเท้าเปล่าก็สัมผัสกับพื้นเย็น เธอเดินอย่างระมัดระวังตรงไปยังห้องน้ำ มือเธอเอื้อมไปที่ลูกบิด ก่อนจะหยุดชั่ววูบอย่างลังเล แล้วสุดท้ายเธอก็เปิดประตูเข้าไปข้างในอย่างเงียบที่สุดประตูค่อย ๆ ปิดลง เสียงคลิกของกลอนดังแผ่วเบา ไอมิเอะยืนนิ่งอยู่หน้ากระจก เธอมองเงาสะท้อนของตัวเอง ก็เห็นผิวแก้มขึ้นสีแดงเรื่อชัดเจน เธอสูดหายใจเบา ๆ มือทั้งสองยกขึ้นแตะที่แก้ม ก่อนจะเลื่อนลงมาที่คอช้า ๆเธอรู้ว่ามันไม่ควร แต่หัวใจเธอมันไม่ฟังเหตุผลอีกแล้วคื