เสือขับรถมาส่งส้มหวานที่คอนโด แต่ขอใช้ห้องน้ำเธอเพื่อปล่อยเบาแล้วก็กำลังกลับ ไม่คิดจะอยู่ยื้อเวลาให้เธอดูไม่ดี
เขาสะบัดมือหลังเดินออกจากห้องน้ำ แต่พอเดินออกมาก็พบว่าส้มหวานเหยียบเก้าอี้ปีนไปหยิบหนังสือบนหลังชั้น
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก็ตกหรอกไอ้หมวยจิ๋ว” เขาพูดฉายาเธอที่เป็นคำติดปากมานาน ถึงส้มหวานไม่ชอบเขาก็เรียกอยู่ดี
“เรามีชื่อนะพี่เสือ มาเรียกหมวยจิ๋วได้ยังไง” เธอหันมาทำหน้าดุเขา ก่อนจะเขย่งปลายเท้าหยิบหนังสือที่อยู่ในมุมลึก
“ทำอะไรของเธอวะ บอกว่าเดี๋ยวก็ตกหรอก”
“หนังสือติวตอนมอปลาย เราจะส่งต่อให้รุ่นน้องน่ะ”
“ลงมา พี่หยิบให้เธอเอง”
ส้มหวานไม่ยอมรับการช่วยเหลือ เธอยืดแขนจนสุดแล้วก็คว้าหนังสือด้านในออกมาได้ พอหยิบได้ก็โบกชูให้เสือดู แต่คงไม่ทันระวังตัวเธอก็เลยเซจะล้ม
“นี่ไงเจอแล้ว... เหวอ”
ร่างสูงรีบออกตัวเข้าไปรับตามสัญชาตญาณ คนตัวเล็กเสียการทรงตัวล้มหน้าเกือบคะมำ ก่อนที่จะได้เสืออ้าแขนรับไว้แต่ก็ทรงตัวไม่อยู่เช่นกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นแค่กะพริบตาเดียวโลกก็หมุนเควัง ทั้งคู่ร่วงหล่นลงบนเตียงนอน เธอหลับตาปี๋เพราะกลัวเจ็บแต่ดันไปโดนจุดนิ่มนิ่มบางอย่างเข้า
“อึก” ส้มหวานลืมตาโพลงตกใจ เมื่อรู้ว่าสิ่งนุ่มนิ่มที่สัมผัสปากเธออยู่คือริมฝีปากของรุ่นพี่
เธอรีบผงะหน้าออก ก่อนที่สติจะหลุดล่องลอย ใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกจากอก หูอื้อตาพร่าราวกับถูกปิดสวิตช์ในการได้ยินและมองเห็น
“หมวย... หมวยจิ๋วโว้ย”
“คะ”
“ลุกออกไปสักทีดิ”
เสือช่วยเรียกสติเธออีกแรง ยังดีที่ล้มลงบนเตียงนอนก็เลยไม่เจ็บตัวอะไร จะมีก็แค่เจ็บปากเพราะโดนปากกระแทกนี่ล่ะ
คนตัวเล็กมุ่นคิ้วเว้าวอนใบหน้าห่างจากเสือไม่ถึงคืบ เธอหลุกหลิกตาไปมาแล้วเบะริมฝีปากจะร้องไห้ แต่แล้วน้ำตาก็หยดแหมะบนแก้มขาวทำเสือตกใจหนัก
“เฮ้ย ร้องไห้ทำไม” เขามองเธอที่หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
“นั่นมันจูบแรกของเรา...”
“ถึงกับร้องไห้เลยหรือไง”
“ก็ ฮึก... ก็เราเก็บไว้ให้แฟน”
ส้มหวานเบ้หน้าร้องไห้เหมือนเด็กน้อย ก่อนเธอจะลุกออกจากตัวเขาแล้วนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ รู้สึกเหมือนเสียความบริสุทธิ์ไป เธอตั้งปณิธานไว้ว่าจะเก็บจูบแรกไว้ให้แฟนหนุ่ม
แต่เสือกลับมาขโมยไปเฉยเลย...
“คิดว่าแค่ปากแตะกัน มันไม่ถึงขั้นจูบหรอก”
“แค่ปากแตะกันเหรอ เราไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
เธอหันไปขึ้นเสียงนิดๆ ใส่เขา เธอไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อยที่ไม่รู้ว่าจูบคืออะไร
แค่ปากแตะกันก็หมายถึงจูบแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้ก็จูบเต็มปากจะไม่เรียกว่าจูบได้ไง แต่เธอจะหลอกสมองเอาก็แล้วกันว่าไม่ใช่จูบ
“แตะเบาๆ ก็เรียกว่าจุ๊บ จุ๊บก็เหมือนจูบนั่นแหละ ฮือ” เธออธิบายแล้วเบะปากปล่อยโฮออกมา
“พูดแบบนี้แปลว่าไม่เคยจูบกับใครเลยสักอ่ะดิ”
“แล้วมันต่างกันยังไงก็จูบเหมือนกันนี่”
ส้มหวานสะอื้นเบาๆ ขณะที่ถูกเขาจ้องมองริมฝีปากไม่วางตา ปากนิดจมูกหน่อยภาพรวมคือน่ารังแกฉิบเป๋งเลย
เสือกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาเป็นพวกไม่ชอบน้ำตาผู้หญิงด้วยนี่สิ เห็นแล้วมันน่ากำราบด้วยวิธีที่ได้ผลดีชะงักมาหลายต่อหลายราย
“อยากรู้มั้ยว่ามันต่างกันยังไง...”
“แล้วมันต่างกันยะ... อื้อ”
ส้มหวานยังไม่ทันพูดจบ เสือก็คว้าลำคอเธอเข้ามาจูบ แต่เป็นการจูบที่ริมฝีปากแตะกันเบาๆ ไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใด
พอริมฝีปากแตะกันเสือก็ผละออก แต่ยังไม่ยอมปล่อยเธอไป เขาสบดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตาคลอแล้วรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
“แค่แตะ”
“พี่... อื้อ”
อีกครั้งที่เสือทาบทามริมฝีปากลงมา แต่คราวนี้มันต่างไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาเริ่มขยับริมฝีปากขบเม้มปากเธอขึ้นลง ไม่ทันให้ส้มหวานได้ตั้งรับกับการรุกล้ำครั้งนี้
ดวงตากลมโตหลุบมองริมฝีปากตัวเอง เธอถูกเขาจูบอย่างละเมียดละไมเหมือนกำลังชิมปากเธออยู่ เสือเริ่มเลื่อนมือลงไปโอบเอวบางลูบวนจนร่างกายร้อนผ่าว
“อึก- อื้อ” เธอตีอกเขาเพราะหายใจไม่ทัน อีกฝ่ายพยายามจะสอดลิ้นเข้ามาแต่แล้วก็ผละออกไป
ส้มหวานหายใจแรงหนักๆ หน้าแดงใจสั่นเป็นลูกตำลึงสุก
“แบบนี้คือจูบ... ทีนี้ต่างหรือยัง” เสือเลิกคิ้วใส่เธอ เขาใช้หลังมือเช็ดมุมปากแล้วจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกล้ำ
“พะ- พี่หลอกขโมยจูบเรานี่” เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก
“เขาเรียกว่าสาธิตพร้อมลงมือปฏิบัติจริง”
“ไอ้พี่เสือคนไม่ดี มาหลอกขโมยจูบเราได้ยังไง”
“หมวยจิ๋วใจเย็นก่อนดิคือพี่...” เขาจะอธิบายว่าอารมณ์มันพาไป แต่พูดไปก็มีแต่จะโดนข้อหาหนักกว่าเดิม
พอได้สติเธอก็ลุกออกห่างเขา ก่อนจะหยิบหนังสือในชั้นขึ้นมาแล้วจะปาใส่ เสือรีบยกมือขึ้นปัดป้องตัวกลัวว่าจะโดนหนังสือปาเข้าจริงๆ
“เฮ้ย อย่าปาหนังสือนะไอ้หมวยจิ๋ว”
“ออกไปจากห้องเราเลยนะไอ้พี่เสือ ไอ้คนฉวยโอกาส”
“ถ้าหัวแตกโดนข้อหาพยายามฆ่านะเว้ย”
เธอปาหนังสือในมือใส่แต่ไม่โดนเขา ทำให้เสือร้ายรีบเผ่นแหนบไม่คิดจะหันมากวนประสาทเธออีก
คนตัวเล็กรีบเดินไปล็อคประตูห้อง พลางยืนพิงประตูอย่างอ่อนแรง ยกมือขึ้นกุมอกที่กระหน่ำตุบตับอยู่ข้างใน สัมผัสอุ่นร้อนของเขายังชาๆ อยู่ที่ริมฝีปากอยู่เลย
“ทะ- ทำไมใจเต้นแรงจัง”
พารัมบาร์
ส้มหวานตกปากรับคำแตงโมว่าจะมาร้านเหล้าเป็นเพื่อนเธอ เพราะยังสลัดภาพของเสือที่ขโมยจูบเธอไปไม่ได้ ต่อให้ฝืนข่มตานอนก็หลับไม่ลงอยู่ดี
เธอไม่ได้แตะของมึนเมา แต่สั่งเป็นเครื่องดื่มพวกโซดามาแทน แค่มานั่งดื่มเอาบรรยากาศเท่านั้นพอ
“ดีเจที่นี่โคตรจะหล่อเลยเนอะแก” แตงโมโน้มตัวมากระซิบข้างหู ดีเจหนุ่มหล่อผมทองหน้าตาดีจนสาวๆ แห่สนใจ
“อือ- อื้อ” ส้มหวานที่เผลอเหม่อพยักหน้าหงึกหงัก
“ส้มหวาน”
“หื้อ”
คนตัวเล็กดันกรอบแว่นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตาแตงโมที่เขยิบตัวมาใกล้
“พี่แทนเขาอยากให้แกตอบข้อความเขานะ” แตงโมบอกสีหน้าจริงจัง แต่ส้มหวานกลับส่ายหน้าปฏิเสธไป
“เราไม่อยากยุ่งกับพี่เขาแล้วอ่ะแตงโม”
“แต่พี่เขารู้สึกผิดจริงๆ นะที่พูดแบบนั้นลับหลังแก”
พอได้ยินส้มหวานก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย แตงโมยิ้มเจื่อนเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป
“นี่แตงโมเอาเรื่องที่เราเล่าไปบอกพี่เขาเหรอ”
“ก็... ก็ฉันอยากให้แกปรับความเข้าใจกับพี่เขาไง”
แตงโมทำหน้าอ้อนแล้วซบไหล่เพื่อนสนิท พวกเธอรู้จักกันตั้งแต่มอสี่จนตอนนี้มหาวิทยาลัยปีสอง ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ อีกอย่างส้มหวานไม่ค่อยมีเพื่อนรอบตัวเท่าไหร่ด้วย
“แกชอบพี่แทนเพราะเขาใจดีไม่ใช่เหรอ นี่ฉันช่วยแก้ข่าวเรื่องพี่เสือให้ด้วยนะ” แตงโมพูดแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่าย
แทนเป็นรุ่นพี่แพทย์ปีที่สาม เขาเป็นคนยิ้มง่ายแล้วก็ชวนคุยเก่งมาก ส้มหวานดันไปสะดุดรักเขาตอนที่ช่วยเธอไม่ให้โดนรถชนตอนข้ามทางม้าลาย
“แกลองให้โอกาสพี่เขาหน่อยไม่ได้เหรอ”
“คือว่าเรา...”
“พี่แทนขอให้แกตอบข้อความเขาก็ยังดี”
ส้มหวานงุดหน้าคิดหนัก ไม่ได้ให้คำตอบแตงโมที่รอฟังอยู่
“เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” เธอบอกปัดเพื่อหนีสถานการณ์ที่กดดัน แตงโมไม่เซ้าซี้ต่อแค่พยักหน้ารับ
“โอเคๆ ฉันไม่ไปเป็นเพื่อนนะ กำลังดูดีเจเพลินเลย”
คนตัวเล็กปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำครู่เดียว ก่อนจะกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วดื่มตามเดิม แต่พอดื่มไปได้สักพักกลับรู้สึกมึนตึงที่หัวอย่างบอกไม่ถูก
“อื้อ...” ส้มหวานเบ้หน้าเพราะปวดหัวหนักมาก
เธอยันแขนลงบนโต๊ะเพื่อลุกขึ้นยืน รู้สึกเลือดลมร้อนผ่าวจนวิงเวียนจะเป็นลม เริ่มหายใจถี่กระชั้นไม่ทั่วท้องแปลกๆ
“แกจะไปไหน” เสียงแตงโมดังแว่วมาบางๆ ให้ได้ยิน
“ร้อนจัง...” เธอพูดเสียงเบาแล้วใช้มือเช็ดเหงื่อที่ลำคอ
สองขาของส้มหวานแทบจะรั้งร่างไว้ไม่อยู่ ภาพวืดดับไปวูบหนึ่งพร้อมร่างที่จะล้มลง แต่แล้วก็ถูกท่อนแขนแกร่งคว้าเอวเธอไว้ได้ทัน
“น้องส้มหวานครับ”
“อื้อ...”
เสียงผู้ชายคุ้นหูกระซิบข้างหูเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนราดรดลำคอ มือที่จับเอวไว้รัดแน่นมากกว่าเก่าอย่างคุกคาม
“พี่แทน... ปล่อยเรา” เธอลืมตาขึ้นมองวิเดียวแล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง รู้สึกมึนตึงทั้งร่างกายก็ร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เลย
“คืนนี้... เรามาคืนดีกันเถอะนะเด็กดี”
“รินใจเย็นได้มั้ยวะเธอ...”เจ้าหญิงเดินหนีสิงห์ออกมา แต่ก็มาปะหน้ากับรินรุ่นพี่สาวที่กำลังหึงแฟนหนุ่มเลือดขึ้นหน้าอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ พอเห็นเธอเดินออกมาก็ปรี่เข้าไปผลักจนเจ้าหญิงล้มลง“อ่ะ” เจ้าหญิงส่งเสียงร้องเจ็บ เบ้หน้าแล้วตวัดสายตามองคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง“อย่าสำออยให้มาก แรดใส่ผัวชาวบ้านยังมาทำตาใส”“รินพอเหอะ ชินบอกให้ใจเย็นไม่เข้าใจหรือไงวะ”คู่แฟนเริ่มทะเลาะกันเสียงดัง เป็นเหตุเรียกสายตาคนที่เดินผ่านไปมาหันมอง“เจ้าหญิง...”สิงห์ที่เพิ่งจะตามออกมาเบิกตาโต มองเจ้าหญิงที่ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น เขาเดินเข้าไปช่วยประคองแบบไม่ลังเล แต่เธอกลับเบี่ยงตัวหลบแล้วยันตัวลุกขึ้นเอง“นี่ชินจะปกป้องมันเหรอ” รินตวาดเสียงแหลมดังลั่น“ไม่ได้จะปกป้องเลยเธอ แต่ชินอายคนอื่นเนี่ย”“ไม่เห็นต้องอาย อีผู้หญิงหน้าด้านนี่สิต้องอาย”เจ้าหญิงสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้ามาดร้ายไม่ยอมกัน ถ้าอีกฝ่ายก้าวมาทำร้ายอีกแค่ก้าวเดียว ผมที่อยู่บนหัวคงกระจุกอยู่ในมือเธอแน่“เค้าไปแรดใส่แฟนพี่ตอนไหน มโนอะไรอยู่”“ว่าละ ถ้าไม่มีหลักฐานคงไม่ยอมหรอก”เจ้าหญิงหรี่ตาเล็กน้อย เธอจ้องมองมือถือที่
QUEENYUPIE โพสต์รูปภาพสิงห์หลุบตามองแจ้งเตือนจากแอคเค้าน์ของควีน เป็นภาพเธอที่ซุกหน้ากับร่องซิกแพคเขา ถ่ายให้เห็นรอยสักเด่นหราที่น่าจะยืนยันความเป็นตัวเขาได้ดีQUEENYUPIE : แมวยักษ์ข้อความสั้นๆ ประกอบรูปภาพ ตามด้วยอีโมจิรูปแมวกับหัวใจสีชมพู รวมถึงแท็กเขาเข้ามาที่แอคเค้าน์ส่วนตัวด้วยก่อนหน้านี้สิงห์เกือบโดนเธอเขมือบแล้ว แทนที่คนเป็นผู้หญิงจะกลัวชายชาตรี กลับกลายเป็นเขานี่แหละที่วิ่งหนีออกจากห้องมาก่อน ไม่งั้นมันคงอันตรายมากแน่ๆ รับรองได้ติ้งติ้งติ้งมือถือของสิงห์แทบจะบินได้ ตอนที่แจ้งเตือนเด้งรัวๆ กับการกดติดตามของผู้ติดตามใหม่ที่เข้ามาจนเครื่องแทบค้าง“อะไรวะเนี่ย” เขาเกาหัวตอนที่เข้ามานั่งในรถแล้วผู้ติดตามหลั่งไหลเหมือนสายน้ำ เด้งรัวจนสิงห์เริ่มหวั่นใจไม่เคยมีคนเข้ามาเยอะขนาดนี้มาก่อนCOMMENT : น้องควีนมีผัวแบบนี้พี่จะทำใจไงCOMMENT : บอกทีว่าไม่ใช่เรื่องจริงครับคนดีCOMMENT : ไอ้หนุ่มวาสนาดีนี่มันใครวะCOMMENT : กูรักของกูมาเป็นปีๆ ไอ้นี่ใครวะCOMMENT : แอคล็อคด่วน พร้อมจ่ายมากค่ะพี่ควีนสิงห์ถึงกับกระแอมไอกับใบหน้าที่เห่อร้อน คอมเม้นท์ส่วนใหญ่ก็อยากเห็นหน้าเขากันทั้งนั้น แต
“ไม่เอา”สิงห์ปฏิเสธเสียงแข็ง นัยน์ตาเย็นยะเยือกดูไร้อารมณ์ ไม่มีกระจิตกระใจจะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายพิมพ์มาบันนี่ตัวน้อยดูอุ้มง่ายเอียงคอ ราวกับแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบรับข้อเสนอ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เชิดหน้าขึ้นมองแล้วเอียงศีรษะไปมาอย่างพิจารณา“แล้วถ้าใส่หน้ากากจะกินของที่พี่ซื้อมายังไง”“.....”“แบบนี้พี่ก็เสียเปรียบสิ เปิดหน้าอยู่คนเดียว”หญิงสาวยังคงเอียงคอไปมา ก่อนจะพิมพ์ยุกยิกลงบนมือถือ แล้วก็เงยหน้ามองสิงห์อีกครั้งQUEENYUPIE : ถ้าเปิดจะเอากันปะสิงห์ถอนหายใจพรืดยาว ชักสีหน้าหงุดหงิดใจที่เธอวกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด ก่อนตอกหน้ากลับด้วยคำพูดรุนแรง แต่กลับทำให้บันนี่น้อยปรบมือชอบใจ“ติดสัตว์เหรอ จะเอาท่าเดียวเนี่ย”แปะ แปะเธอตบมือเปาะแปะชอบใจ ไม่ได้ละอายสักนิดที่ถูกเขาต่อว่า ออกจะชอบใจความห่ามจากสิงห์ด้วยซ้ำ ทำสิงห์เป่าลมผ่านปากแล้วก้าวถอยหลังกรูดทันทีที่เธอพุ่งเข้ามา“เธอเมาใช่มั้ย ตั้งสติหน่อยเถอะ”เห็นขวดเหล้าที่หมดแล้วตั้งวางไว้ เขาก็เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงดื่มก่อนที่จะมาเจอกันดูเหมือนสาวบันนี่สุดเซ็กซี่จะไม่เชื่อใจเขา ไม่คิดว่าสิงห์จะกล้าปฏิเสธความใคร่ราคะของชายหนุ
BONITA COFFEEสิงห์มานั่งที่ร้านกาแฟตามนัด มันเลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่สาวในแอคลับที่ไม่เคยเจอกันก็ยังไม่มา ส่งข้อความไปหาก็ยังไม่กดอ่านอีกต่างหาก“เหอะ นัดมาทานข้าวไม่มาจริงๆ เหรอวะ”นึกว่าเธอพูดหยอกที่คุยกันเมื่อวานก่อน ตกลงพูดจริงหรือไงที่บอกว่าถ้ามาไม่ทำอะไรก็จะไม่มาสิงห์เป็นคนตรงต่อเวลา เขามาก่อนเวลานัดสิบห้านาที แต่ตัวดูดีหนำซ้ำยังนัดสถานที่ที่คนพลุกพล่าน เพื่อแสดงจุดประสงค์ว่าเขาอยากเจอไม่ได้คิดจะทำอะไรแมวยักษ์ : ถ้านัดมาเอากันจะยอมมาเจอใช่ปะแมวยักษ์ : งั้นคืนนี้มาเจอกันหน่อยดิแมวยักษ์ : เดี๋ยวจะเอาให้ลืมบ้านเลขที่เลยเขาพิมพ์ด้วยอารมณ์หงุดหงิดแล้วกดส่งทันที ก่อนที่หัวคิ้วจะกระตุกเข้าหากัน เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าพ่นคำพูดไม่ดีออกไป“ฉิบหายละ พิมพ์เหี้ยอะไรของกูวะเนี่ย”สิงห์ยกมือตบหน้าผากเครียด จะกดลบข้อความตอนนี้ก็ทำไม่ทันแล้ว เพราะมันขึ้นว่าเธอกดอ่านแล้วเรียบร้อย เขาอุตส่าห์ตะล่อมคุยมาตั้งนานแต่ดันหลุดปากพูดจาหมาไม่แดกซะได้“เหี้ยเอ้ย... เธอจะคิดว่ากูหวังเยมั้ยวะเนี่ย”ตอนนี้เธอคงมองว่าเขาเป็นอาหวังระดับหัวจ่าย ทั้งที่ความจริงไม่ได้คิดอยากได้ตั้งแต่แรก จุดประสงค์ก็
กิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนของเจ้าหญิง คือการมานั่งดูสิงห์เตะฟุตบอล คอยหยิบน้ำกับผ้าเย็นส่งบริการให้ แต่เขาก็ยังทำเมินเฉยไม่รับของจากเธออยู่ดีเรียกว่ายัดเยียดตัวเข้าไปในชีวิตเขาก็ได้ เพราะเธอมีความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่ว่าอยากจะเป็นเหยื่อล่อสิงห์ออกจากถ้ำ“เดี๋ยวนี้พาเด็กมานั่งเฝ้าเตะบอลเหรอวะสิงห์” ไผ่เพื่อนในคณะปีสี่หันมาแซวสิงห์ เพราะเห็นน้องคนสวยมานั่งเกาะขอบสนามหลายวันแล้ว“ไม่ใช่เด็กกู”“อ้าว แล้วไมน้องมาเฝ้ามึงทุกวันเลยวะ”“ตามตื๊ออยู่ได้ น่ารำคาญ”สิงห์เพียงปรายตามองเจ้าหญิง เธอนั่งอยู่แถบอัฒจันทร์พอเห็นเขามองก็โบกไม้โบกมือทักทาย หนุ่มๆ ที่เพิ่งจะเตะบอลกันจนเหงื่อชุ่มแวะนั่งพักหลังจบเกมเสือบังเอิญเดินมาได้ยินพอดีก็เกาะไหล่สิงห์ ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปพูดเป่าหูเหมือนคนกำลังร่ายมนต์ดำใส่อีกฝ่าย“น้องมันสนใจมึงขนาดนี้ ยังจะทำตัวเย็นชาอยู่ได้วะ”“กูไม่สนใจเธอก็แสดงออกว่าไม่สนใจ”“มีแต่คนอยากเป็นมึงทั้งนั้นไอ้ควายเอ้ย”“มึงลองโดนตื๊อจากคนที่ไม่ได้ชอบดูไอ้ควายนี่”สิงห์สั่นหัวอย่างเอือมระอาอีกฝ่าย มันกรอกหูทุกวันเรื่องเจ้าหญิง ทั้งเข้าขาให้ท้ายกันดีก็คงเพราะสนิทกับเธอ อย่าคิดว่าเขาม
“นับด้วยสิคะ... อย่าเพิ่งราดเลยนะ”เจ้าหญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อน ยื่นขาให้สิงห์ที่คุกเข่าลงตรงหน้า เตรียมจะราดน้ำเกลือล้างแผลที่เข่าเขาเป็นคนสั่งเธอให้นั่งรออยู่ก่อน แล้วก็ขับรถไปซื้อพวกอุปกรณ์ทำแผลชั่วคราวมาทำให้ก่อน เจ้าหญิงไม่ได้ร้องขอเขาแต่สัญชาตญาณคนเป็นพี่ชายที่ทำให้เขาไม่ปล่อยไปตอนเด็กๆ ส้มหวานสะดุดล้มบ่อย จนเขาที่เป็นพี่ชายต้องพกพลาสเตอร์ยาติดตัวไว้ตลอด“อย่าเอาขาหนี” สิงห์กดเสียงต่ำแล้วจับล็อคขาเธอไว้“หน้าพี่เหมือนจะฆ่าเค้าเลย...”“นี่น้ำเกลือล้างแผล เธอเห็นเป็นมีดพกเหรอ”ใบหน้าหล่อคมแต่ดูไร้อารมณ์ทางสีหน้าขยับตามอง ก่อนที่จะจับขาเธอให้ขยับไปใกล้กับน้ำเกลือล้างแผลในมือ“ดะ- เดี๋ยวก่อนสิ” เจ้าหญิงทำใจไม่ไหว เธอเอามือปิดที่แผลเพื่อยืดระยะทำใจไปก่อน“เอามือออก...”“ขอจับมือพี่ไว้ด้วยได้มั้ยคะ”เธอยื่นมือไปตรงหน้าจะจับกับเขา แต่สิงห์ไม่สนใจแล้วตั้งท่าจะราดน้ำเกลือล้างแผลท่าเดียว“ไม่เจ็บหรอกแค่ล้างแผลเอง”“แต่เค้ากลัวเจ็บนี่ แค่จับให้อุ่นใจเองค่ะ”รุ่นพี่วิศวะลอบถอนหายใจทิ้งใส่เธอ สุดท้ายก็ยอมยื่นมือไปจับเพื่อให้มันจบๆ ไปจะได้เลิกเสียเวลาสักทีเขารู้สึกเหมือนมีน้องสาวเพิ่มอ