เสี่ยวหงรู้สึกว่าพลังปราณภายในที่มู่มู่ส่งมาให้นั้นดีไม่น้อย สามวันที่ร่างกายนี้ไม่มีอาหารตกถึงท้องแต่กลับมีเรี่ยวแรงจนน่าประหลาดหลังจากที่ได้รับพลังปราณจากมู่มู่
อิ๋งเอ๋อร์สาวน้อยที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนางนั้น มีท่าทีสดใสไม่สงสัยอะไรนางเลยแม้แต่น้อย
"อิ๋งเอ๋อร์"
"เจ้าคะคุณหนูใหญ่"
"มาพยุงข้าไปที"
"เอ๋? แต่คุณหนูใหญ่"
"ชู่ว์"
เสี่ยวหงยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะไปที่ริมฝีปากของอิ๋งเอ๋อร์ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
"เจ้ารอดูเรื่องสนุกได้เลย"
อิ๋งเอ๋อร์เกาศีรษะไปมาอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะเดินเข้ามาช่วยพยุงเสี่ยวหงตรงไปที่เรือนฮูหยินเฒ่า
เมื่อเดินทางมาถึงหน้าประตูจวน เสียงเกรี้ยวกราดที่ทรงอำนาจก็ดังออกมาจนเหล่าสาวใช้ด้านนอกที่เฝ้าประตูจวนตัวหดเล็กลง
"ถึงแม้หงเอ๋อร์จะไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของพวกเจ้า!!! แต่พวกเจ้าไม่สมควรทำกับนางเช่นนี้ นางถือเป็นผู้มีบุญคุณต่อตระกูลเสี่ยว หากไม่มีนางคงจะไม่มี เสี่ยวชิง ในวันนี้!!!"
เสนาบดีเสี่ยวเถียนกับฮูหยินหลิวเฟย ต่างแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ก็แค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงคนหนึ่งเท่านั้น ท่านแม่จะห่วงใยรักใคร่นางไปทำไมกัน!!! ตั้งแต่นางโตขึ้นมาก็คิดแก่งแย่งชิงดีกับเสี่ยวชิง น่ารังเกียจยิ่งนัก!!!
"ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ คุณหนูใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ"
"รีบพาหงเอ๋อร์เข้ามา!!!"
ฮูหยินหลิวเฟยเบะปากอย่างไม่พอใจ คุณหนูใหญ่อะไรกัน ตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของเสี่ยวชิงด้วยซ้ำ!!! นังเด็กชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นี้คิดจะเทียบกับบุตรสาวของนางไม่มีทางที่นางจะยอมเด็ดขาด
สายตาหันไปเห็นอิ๋งเอ๋อร์ที่พยุงเสี่ยวหงที่หน้าตาขาวซีดแทบจะไร้เรี่ยวแรงเข้ามาภายในเรือน สองผัวเมียมหาภัยแทบอยากจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ
แต่ก่อนพวกเขาสองคนก็รักใคร่นางเอ็นดูนางไม่น้อย แต่พอนางโตมา ทั้งหน้าตา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเด่นกว่าเสี่ยวชิงไปเสียหมด ซ้ำท่านแม่ก็ดูจะรักและเอ็นดูนางยิ่งกว่าหลานสาวแท้ๆ ของตนด้วยซ้ำ
ตามคำโบราณว่าไว้ บุตรที่มิใช่สายเลือดอย่างไรก็ไม่สามารถรักใคร่จากใจจริงได้อยู่วันยังค่ำ
"หงเอ๋อร์ของย่า!!! ย่าไปไหว้พระเพียงแค่สามวันเหตุใดเจ้าจึงน่าสงสารเพียงนี้"
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบจับมือของเสี่ยวหงด้วยความรักใคร่เอ็นดู นางเองก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจนี้ของนาง สายตาที่มองฮูหยินเฒ่าผู้นี้ก็อ่อนลงไปหลายส่วน
"ท่านย่า"
"ไป!!!ไปเอาโสมพันปีที่ฝ่าบาทประทานให้ออกมาต้มให้หงเอ๋อร์ได้กิน"
"ท่านแม่!!!"
"ใครกล้าขัดใจ ข้าจะลากมันออกไปโยนนอกประตูจวน!!!"
เสนาบดีเสี่ยวเถียนกับฮูหยินหน้าดำคล้ำ เสี่ยวหงลอบยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ก็ไม่นับว่าโหดร้ายเกินไปนัก นางยังพอจะมีที่พึ่งพิงที่ดีไม่น้อย
"ท่านย่าเจ้าคะ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ อย่าลำบากเลย โสมพันปีเป็นสิ่งของล้ำค่านัก"
"เจ้าไม่ต้องพูด ย่าอยู่นี่ทั้งคนเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ใครก็ไม่กล้ารังแกเจ้า"
เหล่าสาวใช้ไม่รอช้ารีบแยกย้ายทำตามคำสั่งทันที ไม่นานเสี่ยวชิงก็เดินนวยนาดเข้ามาภายในเรือน ก่อนจะปรายตามองเสี่ยวหงด้วยแววตาชิงชัง
ยังไม่ตายอีกหรือ ดวงแข็งยิ่งนัก!!!
"คารวะท่านย่า ขออภัยที่หลานมาสายเจ้าค่ะ เผอิญว่าท่านชินอ๋องหยางเทียนฉี มอบของหมั้นหมายมาเพิ่ม หลานมัวแต่ตรวจดูจึงมาสายไปเจ้าค่ะ"
เสี่ยวชิงปรายตามองเสี่ยวหงด้วยแววตาเย้ยหยัน ดูสิ ว่านางจะทนได้อีกนานแค่ไหน ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บใจจนอกแตกตายไปเลย
เสี่ยวหงลอบบิดเบ้มุมปากตน เฮอะ! มุกนี้ใช้กับนางไม่ได้ผลหรอก แย่งของรักไปแล้วพูดจาเสียดแทงใจนางงั้นรึ อ่อนหัดชะมัด นางเองก็มองพิจารณาเสี่ยวชิงผู้นี้เช่นกัน ใบหน้าอ่อนหวานน่าทะนุถนอมนั่นแท้จริงแล้วซ่อนนิสัยโหดร้ายยิ่งนัก
"เสี่ยวชิง ข้าได้ยินมาว่า เจ้าขังเสี่ยวหงไว้ในเรือนท้ายสวน ให้นางอดข้าวสามมื้อ สาเหตุเพราะนางคร่ำครวญที่ชินอ๋องถอนหมั้น เจ้าคิดว่าเจ้าไม่ทำรุนแรงเกินไปหน่อยรึ"
"ท่านย่าเจ้าคะ นางทำตัวน่าอับอายยิ่งนัก แขกเหรื่อที่มาส่งของหมั้นหมายต่างเห็นกับตาว่านางอ้อนวอนขอเป็นชายารอง หากเป็นชายารองไม่ได้ก็ยอมเป็นอนุ ข้ากับท่านพ่อท่านแม่อับอายยิ่งนัก!!!"
เสี่ยวหงพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้รางๆ ที่แท้แล้ว เสี่ยวหงผู้นี้ไปขอร้องอ้อนวอนนางเรื่องที่ชินอ๋องถอนหมั้น อยากขอร้องให้รับนางเป็นชายารองหรือไม่ก็อนุ
เจ้าของร่างเดิม เจ้าช่างโง่ยิ่งนัก!!!
"แม้จะเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ทรมานนางเช่นนี้ หรือว่าเจ้าจำไม่ได้ว่านางเคยเป็นคู่หมั้นของชินอ๋อง และเป็นพี่สาวของเจ้า!!!"
"นางไม่ใช่พี่สาวข้า!!! ข้าไม่นับคนชั้นต่ำเช่นนางเป็นญาติ!!!"
"เสี่ยวชิง!!!"
"ที่นางถูกถอนหมั้นก็เป็นเพราะนางเองที่ไม่คู่ควร ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า!!! ท่านย่าอย่ามาโทษข้านะเจ้าคะ!!!"
"ดี ดี พวกเจ้าสองคนช่างเลี้ยงลูกได้ดียิ่งนัก ไสหัวไปให้หมด อย่ามาให้ข้าเห็นหน้า!!!"
"ท่านแม่/ท่านย่า!!!"
สามคนพ่อแม่ลูกปรายตามองเสี่ยวหง ทุกครั้งหากเกิดเรื่องขึ้น นางจะเป็นคนยอมรับความผิดทั้งหมดด้วยตนเอง แต่วันนี้นางกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มองเห็นความทุกข์ของผู้อื่นเป็นเรื่องสนุก
หลังจากที่ครอบครัวมหาภัยจากไปแล้ว ฮูหยินเฒ่าหันมามองเสี่ยวหง สองมือเหี่ยวย่นลูบที่เส้นผมของนางอย่างอ่อนโยน
"เจ้าอดทนอีกนิดเถิดนะหงเอ๋อร์ ย่าสัญญาว่าจะหาคู่ครองที่ดีให้เจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องทนกับเรื่องเช่นนี้อีก"
เสี่ยวหงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของฮูหยินผู้เฒ่าไว้
"ข้ามีแค่ท่านย่าก็พอแล้วเจ้าค่ะ"
"ย่าแก่แล้ว ไม่อาจปกป้องเจ้าได้ตลอด ดูอย่างวันนี้สิ หากย่าไม่เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี กลับมาช้ากว่านี้ย่าคงไม่ได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว"
"ท่านย่า"
"จำไว้นะ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ย่าก็รักและเอ็นดูเจ้าเหมือนหลานแท้ๆ ของย่า"
เสี่ยวหงพยักหน้าด้วยความยินดี อย่างน้อยท่านย่าผู้นี้ก็ยังดีกับนางแม้ว่าจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
"ท่านย่าไปไหว้ขอพรที่วัดมารึเจ้าคะ"
เสี่ยวหงเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศดูดีขึ้น ฮูหยินเฒ่าพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
"ใช่แล้ว ไม่นานมานี้มีไต้ซือทำนายว่าย่าสุขภาพไม่ดี ต้องไปไหว้พระขอพรเจ็ดวันเพื่อแก้เคล็ด แต่นี่เพิ่งผ่านไปแค่สามวันเท่านั้น ย่าเป็นห่วงเจ้าจึงรีบกลับมา"
เสี่ยวหงลอบมองฝ่ามือของฮูหยินเฒ่า ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
"ท่านย่าไม่ต้องกังวลไปนะเจ้าคะ ท่านย่าใจดี ย่อมอายุยืนยาวเป็นร้อยปีเจ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะชอบใจออกมาไม่น้อย อันที่จริงเสี่ยวหงไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจ แต่เท่าที่นางแอบลอบดูลายมือของท่านย่าผู้นี้ พบว่านางจะมีอายุที่ยืนยาวจริงๆ
"หงเอ๋อร์ ไม่สู้พรุ่งนี้เจ้าเดินทางไปไหว้ขอพรกับย่าดีหรือไม่"
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเสี่ยวหงด้วยแววตาห่วงใย
"หลานยังรู้สึกไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ เกรงว่าจะเป็นภาระของท่านย่า ท่านย่าไปไหว้ขอพรให้สบายใจเถิดเจ้าค่ะ หลานมีอิ๋งเอ๋อร์อยู่ด้วยทั้งคนไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ"
"เจ้าแน่ใจหรือ"
"แน่ใจเจ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าก่อนจะหันไปกำชับอิ๋งเอ๋อร์อีกหลายประโยค
รุ่งเช้าที่แสงอาทิตย์สาดส่อง อากาศชวนให้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ เสี่ยวหงที่กำลังหลับอยู่บนเตียงอย่างมีความสุขต้องตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสียเพราะเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก
"นังตัวดี!!! ออกมาเดี๋ยวนี้ ท่านย่าไม่อยู่แล้วข้าจะตีเจ้าให้ตาย!!!"
เสียงโวยวายของเสี่ยวชิงดังเข้ามาเป็นระยะๆ เสี่ยวหงสบถออกมาอย่างเอือมระอา กล้ามาแหกปากตะโกนโวยวายเช่นนี้ ท่านย่าคงออกจากเรือนไปแล้วเป็นแน่
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ทำเช่นไรดี คุณหนูรองต้องมาหาเรื่องท่านอีกแน่ๆ"
"ก็ให้นางมาสิ!"
เสี่ยวหงยกยิ้มมุมปาก หยิบเสื้อคลุมลายดอกเหมยสีชมพูขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะค่อยๆ เดินนวยนาดออกไป
"ออกมาแล้วเหรอนังตัวดี!!! มานี่ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ!!"
เสี่ยวชิงพูดจบนางก็พุ่งตัวมาหาเสี่ยวหง เสี่ยวหงส่ายหน้าอย่างจนใจก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ เสี่ยวชิงที่ไม่ทันระวังจึงล้มหน้ากระแทกพื้น นางจับลูบจมูกตนเองก่อนจะพบกับหยดเลือดที่ไหลออกมาไม่น้อย!!!
"เสี่ยวหง!!! เจ้า เจ้ากลั่นแกล้งข้ารึ"
"ชู่ว์!!! น้องหญิงอย่าได้กล่าววาจาว่าร้ายข้าเช่นนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างเป็นพยานให้ข้าได้ว่าเจ้าล้มลงไปเองข้าไม่ได้กลั่นแกล้งเจ้าเลยแม้แต่น้อย!!!"
"หุบปาก!!! อย่ามานับญาติกับข้า ในจวนแห่งนี้ข้าใหญ่ที่สุด ไหน!!! ใครกล้าเข้าข้างนังตัวดีนี่ข้าจะโบยและขายพวกเจ้าให้หมด!!!"
เหล่าสาวใช้ต่างก้มหน้าตัวสั่นไม่กล้าส่งเสียง เสี่ยวหงปรายตามองเสี่ยวชิงก่อนจะยิ้มเยาะออกมาอย่างไม่ปิดบัง
"เจ้ามีนิสัยไม่ดีเช่นนี้ชินอ๋องทราบรึไม่?"
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร"
เสี่ยวชิงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ในสายตาของท่านอ๋องนางเป็นสตรีที่บอบบาง เงียบสงบ น่าทะนุถนอม
เสี่ยวหงยิ้มตาหยีก่อนจะมองเสี่ยวชิงอีกครั้ง
"น่าดีใจนักที่ท่านอ๋องตาบอดนั่นถอนหมั้นกับข้า จะว่าไปแล้วพวกเจ้าก็เหมาะสมกันดีนี่ ดูชั่วช้าเสมอกันดี"
"เสี่ยวหง!!! เจ้ากล้าว่าร้ายท่านอ๋องรึ!!!"
"ข้ามิได้ว่าร้ายผู้ใด ข้าพูดความจริงต่างหาก หนึ่งหญิงยั่วยวนคู่หมั้นพี่สาวตน หนึ่งชายมักมากหลายใจ คนเช่นนี้ข้าไม่อยากได้มาเป็นสามีหรอก เจ้าเอาไปเถิด!!!"
"เสี่ยวหง!!!"
เสี่ยวชิงง้างฝ่ามือเตรียมจะตบเสี่ยวหง แต่ทว่า เสี่ยวหงคว้าแขนนางไว้ก่อนจะใช้เท้าถีบเข้าไปที่ยอดอกของเสี่ยวชิงจนนางกระเด็นล้มลง
งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง
อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ
หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี
เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข
อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย
หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา
ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง
ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ
พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา