"หยุดนะ!!! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าจะกล้าทำร้ายลูกของข้าเช่นนี้!!!"
"ท่านแม่!!!"
เสี่ยวหงปรายตามองฮูหยินหลิวเฟยปราดหนึ่ง ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกผิดของนาง ยั่วโมโหจนฮูหยินหลิวเฟยโกรธจนตัวสั่น
"ท่านแม่ออกเรือนไปเพียงครึ่งวัน เจ้าก็เลิกเสแสร้งทำตัวอ่อนแอแล้วรึ!!!"
"ขออภัยฮูหยิน ข้ามิได้เสแสร้งอันใด!!!"
"นี่เจ้า!!! เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?"
"ฮูหยิน"
ฮูหยินหลิวเฟยขมวดคิ้วแน่น เมื่อก่อนเสี่ยวหงเรียกนางว่าท่านแม่มาตลอด เป็นเด็กหัวอ่อนว่าง่าย อยู่ในกำมือนาง แต่เหตุใดตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้
"เจ้าไม่ใช่เสี่ยวหง เจ้ามันนังปีศาจ!!!"
"ฮูหยินพูดจาอัปมงคลอันใดเจ้าคะ ข้าก็คือข้าจะเป็นปีศาจมาจากไหนกัน!!!"
"เสี่ยวหงที่ข้าเลี้ยงดูมาไม่มีนิสัยเช่นนี้"
เสี่ยวหงหัวเราะเยาะออกมาอย่างอดไม่ได้
"คงเป็นเพราะสามวันที่ข้าอดข้าวอดน้ำ พระโพธิสัตว์ท่านทรงเมตตา ทำให้ข้ารอดมาได้ ทำให้ข้าเข้าใจโลกมากกว่าเก่า เข้าใจว่าใครดีใครชั่วเจ้าค่ะ!!!"
"เสี่ยวหงนี่เจ้ากล้าว่าข้ารึ!!!"
"ฮูหยินเห็นว่าเป็นเช่นไรเล่า"
"ท่านแม่จัดการมันเลยเจ้าค่ะ!!! ทำให้มันลุกขึ้นมาพูดไม่ได้อีก!!!"
ฮูหยินหลิวเฟยมองจ้องเสี่ยวหงอย่างโกรธเคือง ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้สาวรับใช้ด้านหลัง
สาวใช้เหล่านั้นตรงเข้ามาหาเสี่ยวหง ยังไม่ทันจะได้แตะต้องตัวนางก็ถูกนางถีบกระเด็นออกไปไกล
เสียใจด้วยนะยะ!!! สมัยเรียนฉันเป็นดาวถีบมหาประลัย
ฮูหยินหลิวเฟยมองสาวใช้ที่ลอยกระเด็นออกไปอย่างตกตะลึง ก่อนที่จะเดินเข้ามาฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าข้างขวาของเสี่ยวหง นางรู้สึกเพียงแค่ใบหน้าด้านขวาชา ของอุ่นๆ เหลวๆ คาวเลือดไหลออกมาจากริมฝีปาก
ใครกล้าตบหน้าข้ามันผู้นั้นรนหาที่ตายชัดๆ!!!
ฮูหยินหลิวเฟยยกยิ้มมุมปากอย่างผู้อยู่เหนือกว่า แต่เพียงไม่นานเท่านั้นหมัดหนักๆ หมัดหนึ่งก็ลอยมากระแทกใส่จมูกของนางจนนางหงายหลัง
วิ้ง วิ้ง วิ้ง
กลุ่มดาวลอยเคว้งคว้างตรงหน้าของฮูหยินหลิวเฟย
"ท่านแม่!!!"
"นายหญิงขอรับฮูหยินผู้เฒ่าลืมของเอาไว้ที่เรือนกำลังจะกลับมาเอาขอรับ"
เสี่ยวหงยกยิ้มมุมปาก หันไปมองตามเสียงก็พบว่ามู่มู่กำลังขดตัวนอนหลบอยู่บนกิ่งไม้ที่ลับตาคน มันสื่อสารทางจิตกับนางได้ เดิมทีนางคิดว่าหลังจากย้ายมาอยู่ร่างนี้แล้วพลังนั้นจะไม่สามารถใช้ได้ แต่ทว่ามันยังใช้ได้ เยี่ยมยอดจริงๆ
"มู่มู่ สั่งสอนเสี่ยวชิงกับฮูหยินป้ามหาภัยนี่ที!!!"
"ขอรับ"
มู่มู่รับคำอย่างเบื่อหน่าย นิสัยของนายหญิงเป็นเช่นไรมันย่อมรู้ดี สองแม่ลูกคู่นี้ก็ช่างรนหาที่ยิ่งนัก
เสี่ยวชิงที่กำลังจะเดินเข้ามาหาเสี่ยวหงพลันหยุดชะงักลง ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นอย่างเหม่อลอยและตบไปที่ใบหน้าของตัวเอง
ตบซ้ายตบขวา ตบซ้ายตบขวา
ฮูหยินหลิวเฟยที่ตั้งสติได้ยังไม่ทันมองไปที่เสี่ยวชิงนางก็รีบวิ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงก่อนทันที
"นังปีศาจข้าจะฆ่าเจ้า!!!"
เสี่ยวหงจับข้อมือทั้งสองข้างของฮูหยินหลิวเฟยเอาไว้ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาทำให้ฮูหยินหลิวเฟยสั่นสะท้านไม่น้อย
"เจ้า เจ้าจะทำอะไร!!!"
"ท่านอยากตบตีข้าไม่ใช่หรือ"
"แล้ว แล้วยังไง!!!"
ฮูหยินหลิวเฟยเอ่ยถามเสี่ยวหงออกไปอย่างตะกุกตะกัก เสี่ยวหงไม่พูดพร่ำทำเพลง จับมือของฮูหยินหลิวเฟยฟาดตีมาที่นางไม่ยั้ง
"นังเด็กบ้านี่เจ้าจะทำอะไร!!!"
"โอ๊ยยย!!! ท่านแม่เจ้าคะ ข้าเจ็บเจ้าค่ะ ท่านแม่ ฮือออ"
ฮูหยินหลิวเฟยมึนงงไม่ได้สติไปชั่วขณะทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองเสี่ยวหงยกมือนางตบตีไปที่ใบหน้าตนเอง
"ท่านแม่ไว้ชีวิตพี่ใหญ่ด้วย ท่านแม่!!!"
ฮูหยินหลิวเฟยหันไปมองเสี่ยวชิงที่ตบหน้าตัวเองไปมาและพูดประโยคเดิมๆ วนไปซ้ำมาจนนางงงเป็นไก่ตาแตก
"หยุดเดี๋ยวนี้นะหลิวเฟย!!!"
เพียะ!!!
"ท่านแม่!!!"
ฮูหยินผู้เฒ่าใช้ด้ามพัดฟาดไปที่ใบหน้าของลูกสะใภ้ตนจนใบหน้าทั้งซีกขวาของนางเป็นรอยบวมแดง
"จิตใจช่างอำมหิตนัก เสี่ยวหงไปทำสิ่งใดให้เจ้าแค้นเคืองกัน"
"ท่านแม่นางตีเสี่ยวชิงเจ้าค่ะ"
"หุบปาก!!! ตอนข้าเดินเข้ามายังเห็นเสี่ยวชิงตบหน้าตัวเองเพื่อขอร้องแทนเสี่ยวหงจนตอนนี้นางสลบไปแล้ว นางเป็นลูกแท้ๆ ของเจ้ายังรู้จักสำนึกผิดชอบชั่วดี แต่เจ้าเล่าจิตใจอำมหิตทำร้ายแม้กระทั่งเด็กสาวที่ไร้ทางสู้!!!"
หลิวฮูหยินปรายตามองเสี่ยวหงที่ร่ำไห้ล้มลงไปกองกับพื้น ตามใบหน้าบวมแดง รอยเลือดเกรอะกรังดูน่าสงสาร
"นางเสแสร้งเจ้าค่ะ ไม่เชื่อท่านแม่ลองถามเด็กๆ รับใช้ดูสิเจ้าคะ!!!"
สาวใช้ต่างก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา นางเห็นการกระทำของคุณหนูใหญ่เมื่อครู่แล้วรู้สึกสั่นสะท้านจนพูดไม่ออก
"หึ แม้แต่สาวใช้ยังไม่เข้าข้างเจ้า!!! เจ้าเตรียมรอรับโทษตระกูลได้เลย!!!"
"ท่านแม่!!!"
งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง
อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ
หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี
เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข
อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย
หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา
ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง
ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ
พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา